ฉันชอบความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์
.... เธอผู้นั้นเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำลึกปนสมใจ
เพราะมัน ... ทำให้เกิดความสำนึกรู้
สิ่งที่เธอหวังคืออะไรกันแน่ ยามเมื่อเธอพบเขาครั้งแรก เธอมั่นใจว่ามันคือความแค้น เธอมั่นใจว่าเธอพร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะหาตัวตายตัวแทนมาทำหน้าที่ และยิ่งมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่า "คนผู้นั้น" ต้องเป็น "เขา" แต่แล้วเมื่อพบกันเข้าจริง ๆ ความหลังความเสน่หาค่อย ๆ เกาะกินใจตั้งมั่นของเธอทีละนิดทีละนิด 249 ปี ที่ไม่ได้พบ 249 ปีที่รอคอย ด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความอาลัยอาวร ความเศร้า ความแค้น และ ความรัก บางทีเธออาจจะแค่อยากทรุดลงร้องไห้ให้สาแก่ใจ แค่อยากจะเอามือน้อย ๆ ของเธอทุบตีลงบนอกกว้างของคนผู้นั้น และ หวังว่าความทุกข์ทรมานเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย หรือ มีถ้อยคำอะไรที่จะพออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ข้องใจมาตลอดกับการสูญสิ้นอิสระทั้ง ร่างกาย ชีวิต จิตใจ และ วิญญาณ ให้กับเขา
หากสิ่งที่เธอต้องการ .... บัดนี้ไม่เป็นจริงแม้เพียงซักข้อ
เสียงหัวร่อเยาะของท่านยมเทพยังก้องอยู่ริมโสต "ไม่มีอะไรเป็นดังใจเจ้าได้ทุกอย่างดอกหนาอุบล" จริงเสียยิ่งกว่าจริง นับแต่วันที่เธอได้รับอำนาจจากเทวะโองการ มีวันใดที่เธอได้ชื่นฉ่ำใจจากวาระแห่งการแก้แค้นบ้าง ทุกวันที่ผ่านไป ทุกเหตุการณ์ที่หวนคืนกลับ หวานต้นแต่ขมปลายทั้งนั้น เธอพยายามกระตุ้นเตือนด้วยความรัก แต่มันคืนกลับมาแต่เพียงความ "ช้ำ" ที่ต้องจำซ้ำซ้อนทุกครั้งไปว่าเธอคือ "คน" ที่ไม่ใช่ ร่องรอยความเอ็นดูที่คุณพระมีต่อทิพ รอยยิ้มกว้างขวางน้ำเสียงเอ็นดูที่อุบลคนนี้ไม่เคยได้รับ แม้แต่ "ลำนำ" ขับขานก็มีแนวคิดมาจาก "ผู้อื่น" ที่มิใช่ผู้อื่นแม้แต่น้อย
เธอคาดหวังอะไรกับการย้อนอดีตด้วยร่องรอยความรักที่จารจำ
มีแต่เธอเท่าที่จำ ส่วนตัวเขานั้นก็มีแต่สิ่งที่ "ลืม" และ ไม่ยี่หระ
ถึงความทรงจำจะย้อนกลับมา ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความหมาย
เป็นแค่ "ความเผลอ"
อนิจจาอุบลเอ๋ย สิ่งไรที่เธอเคยทำให้เขา ความรักความภักดีที่มอบให้ ไม่อาจกระตุ้นเตือนสิ่งใดได้เลย "เขาอาจจะลืมความรักที่มีต่อหม่อมฉัน แต่เขาไม่อาจลืมความรักที่มีต่อบ้านเมือง" เจ็บแค่ไหนกัน คนเคยเป็นเมียสุดแสนจะรักและบูชา แต่ลำพังความรักของตัวนั้นย้อนอดีตกลับมาไม่ได้ ตั้งอาศัยความรักอื่นเป็นที่ตั้ง ก็นั่นสินะ .... เรื่องทุกอย่างมันก็แค่กงล้อที่เลื่อนไปตามครรลอง เป็นอุบล อุบลคนนี้ต่างหากที่รู้สึกตัวช้า ไม่ว่าวันวารหรือวันนี้ สำเหนียกตัวเสียทีเถอะว่าเธอไม่มีความหมาย แม้จะเอาชีวิตวิญญาณเข้าแลก อะไรที่มันไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่
ทุกอย่างมันฟ้อง ว่าศักดิ์และศรีของ "เมีย" และ "นายหญิง" แห่งบ้าน ไร้ความหมายต่อขุนศึกตัวโปรดของพระเจ้าแผ่นดิน เธอไร้ความสำคัญถึงขนาดที่เขาคิดจะเขี่ยทิ้งอย่างไรเยื่อใย ให้ไปไกลหูไกลตา ความแน่ใจเพิ่งมาประจักษ์ชัดยามค่ำคืน น้ำตาที่ซ่อนเร้นไว้ในเงามืด ทำเสียงที่ต้องกดไม่ให้สั่นเครือ เธอรู้เธอเห็นถ้อยคำที่ขุนวิจิตรเอ่ยกับผู้เป็นสามีให้รับทิพเป็นเมียอีกคน เขาไม่ปฏิเสธก็ว่าร้ายแล้ว แต่การที่เขากลับมาบอกเธอให้ไปเมืองเพชรฯราวกับมีดที่จ้วงลงกลางใจ เขาแทงมันลงมิดด้ามและบิดคว้านด้วยการฉุดกระชากเธอลงจากเรือน
นี่ละหรือ "เมียพระราชทาน" ศักดิ์และศรีของนางรำหลวง
เขาย่ำยีทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต่อหน้าทหาร บ่าวไพร่ และ ผู้หญิงคนนั้น "ทิพ"
นี่น่ะหรือ หากอยากรู้ว่าคุณพระคิดอย่างไร ให้ดูที่คุณพระทำ แล้วเช่นนี้หมายความว่ากระไรได้เล่า นอกจากอุบลผู้นี้คือเมียที่ต้อง "เขี่ยทิ้ง" งามหน้ายิ่งนัก หากหมดรักกันถึงเพียงนั้น อยากให้ไปไกลหูไกลตาเพียงนั้นก็บั่นคอเสียให้สิ้นไป เธออาจพูดด้วยอารมณ์น้อยใจรุนแรง ดาบที่กล้าเอามาจ่อคอเพื่อดูใจสามี แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ลอยไปกับสายธารแห่งอารมณ์ที่เชี่ยวกราก เมื่อคมดาบกลับกดแน่นขึ้นบนลำคอเรียวระหง "เธอพ่ายแพ้ทุกสิ่งอย่างหมดรูปและเต็มประตู" ไม่มีอะไรเหลือให้ข้องใจอีกแล้วใน "ความรัก" ครั้งนี้ มันสลายหายไปหมดแล้วเหมือนน้ำค้างที่ต้องแดดยามเที่ยง อุบลทำได้แต่ทรุดตัวลงนั่ง คร่ำครวญหวนไห้ ไม่ใช่แค่เพียงฝัน ไม่มีแม้คำอธิบาย และ มันเป็น "เรื่องจริง" ที่ต้องยอมรับ
หมดเวลากับการทวนอดีตด้วยความอ่อนหวานเพื่อตระหนักและสำนึกรู้ บัดนี้เธอต้องเล่นยาแรง .... ความโหดทมิฬของเขาในอดีตนี่แหละคืออาวุธชิ้นเดียวที่เธอเหลืออยู่ เขาเคยเป็นอย่างไร .... คมดาบที่ดื่มเลือดและผลาญชีวิตคนแต่ละคน สร้างศพแต่ละศพ รอยเลือดที่กระเซ็นเปื้อนใบหน้า คนผู้นั้นไม่เคยกระพริบตา อัคนีถึงกับอาเจียน ... เมื่อได้เห็นภาพนั้น เสียงหัวเราะด้วยความสะใจและคับแค้นลอยมา นี่แหละท่าน ... ผู้ไร้ความเมตตาปราณีใด ๆ ความจริงเพียงแค่นี้ยังทนไม่ได้ หากได้รับรู้ "ความจริง" เรื่องสุดท้าย คงไม่ต้องคิดว่าจะขยะแขยงตัวเองเพียงใด
คงเพราะเหตุนี้ ... อัคนีจึงหยุด ยิ่งขุดลึกยิ่งน่ากลัว แต่มันสายไปแล้ว "อัคนี" กงล้อแห่งโชคชะตากำลังหมุน หมุนด้วยแรงกรรม และ หมุนด้วยมือของหญิงนามอุบล ชาติก่อน ... เธอไม่มีพละกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิกำหนดชีวิตขีดขั้นใคร มีแต่ท่านที่กำหนดและขีดเขียนชะตาของเรา ยามเราต้องการกำหนดชะตาของเราเลือกให้ท่านบั่นคอ ท่านก็ยังไม่ให้เราเลือก ท่านกลับบอกเราว่าอย่าท้าทาย วันนี้เวลานี้เป็นทีของเราบ้าง ท่านหนีไม่พ้นอีกแล้วอัคนี ถึงเราจะเจ็บปวดกับถ้อยคำของท่านเพียงไหน
เวลานี้ท่านอาจคิดว่ามีแต่ท่าน และ ทิพ เวลานี้ท่านอาจจะพูดกับเราว่าจะไม่มีวันที่เราจะพบกันใหม่ แต่ไม่ ... ท่านได้ใช้สิทธิของท่านไปแล้วในชาติก่อน ชาตินี้ถึงทีเราใช้สิทธิของเรา ที่จะนำอดีตหวนคืนมาเนาว์ ถึงวันที่เราจะท้าทายท่านบ้าง ... ท่านกล้าทำแบบเราทำหรือไม่ เดิมพันที่เราแลกมาแล้วด้วยชีวิต เราขอท้าท่านเช่นกัน !!! อัคนี
อโยธยารฤก
อดีตจะหวนมาเนาว์
พิษสวาท (กึ่งวิพากษ์) : หวนคืนมาเนาว์
.... เธอผู้นั้นเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำลึกปนสมใจ
เพราะมัน ... ทำให้เกิดความสำนึกรู้
สิ่งที่เธอหวังคืออะไรกันแน่ ยามเมื่อเธอพบเขาครั้งแรก เธอมั่นใจว่ามันคือความแค้น เธอมั่นใจว่าเธอพร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะหาตัวตายตัวแทนมาทำหน้าที่ และยิ่งมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่า "คนผู้นั้น" ต้องเป็น "เขา" แต่แล้วเมื่อพบกันเข้าจริง ๆ ความหลังความเสน่หาค่อย ๆ เกาะกินใจตั้งมั่นของเธอทีละนิดทีละนิด 249 ปี ที่ไม่ได้พบ 249 ปีที่รอคอย ด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความอาลัยอาวร ความเศร้า ความแค้น และ ความรัก บางทีเธออาจจะแค่อยากทรุดลงร้องไห้ให้สาแก่ใจ แค่อยากจะเอามือน้อย ๆ ของเธอทุบตีลงบนอกกว้างของคนผู้นั้น และ หวังว่าความทุกข์ทรมานเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย หรือ มีถ้อยคำอะไรที่จะพออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ข้องใจมาตลอดกับการสูญสิ้นอิสระทั้ง ร่างกาย ชีวิต จิตใจ และ วิญญาณ ให้กับเขา
เสียงหัวร่อเยาะของท่านยมเทพยังก้องอยู่ริมโสต "ไม่มีอะไรเป็นดังใจเจ้าได้ทุกอย่างดอกหนาอุบล" จริงเสียยิ่งกว่าจริง นับแต่วันที่เธอได้รับอำนาจจากเทวะโองการ มีวันใดที่เธอได้ชื่นฉ่ำใจจากวาระแห่งการแก้แค้นบ้าง ทุกวันที่ผ่านไป ทุกเหตุการณ์ที่หวนคืนกลับ หวานต้นแต่ขมปลายทั้งนั้น เธอพยายามกระตุ้นเตือนด้วยความรัก แต่มันคืนกลับมาแต่เพียงความ "ช้ำ" ที่ต้องจำซ้ำซ้อนทุกครั้งไปว่าเธอคือ "คน" ที่ไม่ใช่ ร่องรอยความเอ็นดูที่คุณพระมีต่อทิพ รอยยิ้มกว้างขวางน้ำเสียงเอ็นดูที่อุบลคนนี้ไม่เคยได้รับ แม้แต่ "ลำนำ" ขับขานก็มีแนวคิดมาจาก "ผู้อื่น" ที่มิใช่ผู้อื่นแม้แต่น้อย
มีแต่เธอเท่าที่จำ ส่วนตัวเขานั้นก็มีแต่สิ่งที่ "ลืม" และ ไม่ยี่หระ
ถึงความทรงจำจะย้อนกลับมา ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความหมาย
เป็นแค่ "ความเผลอ"
อนิจจาอุบลเอ๋ย สิ่งไรที่เธอเคยทำให้เขา ความรักความภักดีที่มอบให้ ไม่อาจกระตุ้นเตือนสิ่งใดได้เลย "เขาอาจจะลืมความรักที่มีต่อหม่อมฉัน แต่เขาไม่อาจลืมความรักที่มีต่อบ้านเมือง" เจ็บแค่ไหนกัน คนเคยเป็นเมียสุดแสนจะรักและบูชา แต่ลำพังความรักของตัวนั้นย้อนอดีตกลับมาไม่ได้ ตั้งอาศัยความรักอื่นเป็นที่ตั้ง ก็นั่นสินะ .... เรื่องทุกอย่างมันก็แค่กงล้อที่เลื่อนไปตามครรลอง เป็นอุบล อุบลคนนี้ต่างหากที่รู้สึกตัวช้า ไม่ว่าวันวารหรือวันนี้ สำเหนียกตัวเสียทีเถอะว่าเธอไม่มีความหมาย แม้จะเอาชีวิตวิญญาณเข้าแลก อะไรที่มันไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่
ทุกอย่างมันฟ้อง ว่าศักดิ์และศรีของ "เมีย" และ "นายหญิง" แห่งบ้าน ไร้ความหมายต่อขุนศึกตัวโปรดของพระเจ้าแผ่นดิน เธอไร้ความสำคัญถึงขนาดที่เขาคิดจะเขี่ยทิ้งอย่างไรเยื่อใย ให้ไปไกลหูไกลตา ความแน่ใจเพิ่งมาประจักษ์ชัดยามค่ำคืน น้ำตาที่ซ่อนเร้นไว้ในเงามืด ทำเสียงที่ต้องกดไม่ให้สั่นเครือ เธอรู้เธอเห็นถ้อยคำที่ขุนวิจิตรเอ่ยกับผู้เป็นสามีให้รับทิพเป็นเมียอีกคน เขาไม่ปฏิเสธก็ว่าร้ายแล้ว แต่การที่เขากลับมาบอกเธอให้ไปเมืองเพชรฯราวกับมีดที่จ้วงลงกลางใจ เขาแทงมันลงมิดด้ามและบิดคว้านด้วยการฉุดกระชากเธอลงจากเรือน
เขาย่ำยีทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต่อหน้าทหาร บ่าวไพร่ และ ผู้หญิงคนนั้น "ทิพ"
นี่น่ะหรือ หากอยากรู้ว่าคุณพระคิดอย่างไร ให้ดูที่คุณพระทำ แล้วเช่นนี้หมายความว่ากระไรได้เล่า นอกจากอุบลผู้นี้คือเมียที่ต้อง "เขี่ยทิ้ง" งามหน้ายิ่งนัก หากหมดรักกันถึงเพียงนั้น อยากให้ไปไกลหูไกลตาเพียงนั้นก็บั่นคอเสียให้สิ้นไป เธออาจพูดด้วยอารมณ์น้อยใจรุนแรง ดาบที่กล้าเอามาจ่อคอเพื่อดูใจสามี แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ลอยไปกับสายธารแห่งอารมณ์ที่เชี่ยวกราก เมื่อคมดาบกลับกดแน่นขึ้นบนลำคอเรียวระหง "เธอพ่ายแพ้ทุกสิ่งอย่างหมดรูปและเต็มประตู" ไม่มีอะไรเหลือให้ข้องใจอีกแล้วใน "ความรัก" ครั้งนี้ มันสลายหายไปหมดแล้วเหมือนน้ำค้างที่ต้องแดดยามเที่ยง อุบลทำได้แต่ทรุดตัวลงนั่ง คร่ำครวญหวนไห้ ไม่ใช่แค่เพียงฝัน ไม่มีแม้คำอธิบาย และ มันเป็น "เรื่องจริง" ที่ต้องยอมรับ
หมดเวลากับการทวนอดีตด้วยความอ่อนหวานเพื่อตระหนักและสำนึกรู้ บัดนี้เธอต้องเล่นยาแรง .... ความโหดทมิฬของเขาในอดีตนี่แหละคืออาวุธชิ้นเดียวที่เธอเหลืออยู่ เขาเคยเป็นอย่างไร .... คมดาบที่ดื่มเลือดและผลาญชีวิตคนแต่ละคน สร้างศพแต่ละศพ รอยเลือดที่กระเซ็นเปื้อนใบหน้า คนผู้นั้นไม่เคยกระพริบตา อัคนีถึงกับอาเจียน ... เมื่อได้เห็นภาพนั้น เสียงหัวเราะด้วยความสะใจและคับแค้นลอยมา นี่แหละท่าน ... ผู้ไร้ความเมตตาปราณีใด ๆ ความจริงเพียงแค่นี้ยังทนไม่ได้ หากได้รับรู้ "ความจริง" เรื่องสุดท้าย คงไม่ต้องคิดว่าจะขยะแขยงตัวเองเพียงใด
คงเพราะเหตุนี้ ... อัคนีจึงหยุด ยิ่งขุดลึกยิ่งน่ากลัว แต่มันสายไปแล้ว "อัคนี" กงล้อแห่งโชคชะตากำลังหมุน หมุนด้วยแรงกรรม และ หมุนด้วยมือของหญิงนามอุบล ชาติก่อน ... เธอไม่มีพละกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิกำหนดชีวิตขีดขั้นใคร มีแต่ท่านที่กำหนดและขีดเขียนชะตาของเรา ยามเราต้องการกำหนดชะตาของเราเลือกให้ท่านบั่นคอ ท่านก็ยังไม่ให้เราเลือก ท่านกลับบอกเราว่าอย่าท้าทาย วันนี้เวลานี้เป็นทีของเราบ้าง ท่านหนีไม่พ้นอีกแล้วอัคนี ถึงเราจะเจ็บปวดกับถ้อยคำของท่านเพียงไหน
เวลานี้ท่านอาจคิดว่ามีแต่ท่าน และ ทิพ เวลานี้ท่านอาจจะพูดกับเราว่าจะไม่มีวันที่เราจะพบกันใหม่ แต่ไม่ ... ท่านได้ใช้สิทธิของท่านไปแล้วในชาติก่อน ชาตินี้ถึงทีเราใช้สิทธิของเรา ที่จะนำอดีตหวนคืนมาเนาว์ ถึงวันที่เราจะท้าทายท่านบ้าง ... ท่านกล้าทำแบบเราทำหรือไม่ เดิมพันที่เราแลกมาแล้วด้วยชีวิต เราขอท้าท่านเช่นกัน !!! อัคนี
อดีตจะหวนมาเนาว์