ลมหวน ชวนให้คิด ถึงความหลัง ภวังค์จิต คิดขื่นขม ระทมใจ
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก รักไยใจจึงกลับ ดังลมหวน
ณ วันนี้กงล้อแห่งโชคชะตาได้เคลื่อนไว้ โชคชะตาที่ครานี้ "เธอ" จะเป็นผู้กำหนด "เขา" ได้สั่งเธอให้ตาย สั่งเธอให้เฝ้า กฤติยามนต์ และ เล่ห์กลคำลวง ซึ่งแปรสภาพเป็นตรวนจองจำทั้งร่างกาย วิญญาณ และ ดวงจิต บังคับรัดรึงตรึงตราให้ "ต้อง" กระทำหน้าที่ตามสัตย์สาบาน เขาไม่ปราณีใจรักและความภักดีของเธอแม้แต่น้อย ภาพสุดท้ายในความทรงจำในวันนั้น เพดานอิฐที่ลอยหมุนคว้าง อัญมณีและทรัพย์สินมีค่ามากมายย้อมด้วยเลือดแดงฉานยังติดตา พอ ๆ กับดวงตาที่เบิ่งกว้างด้วยความไม่เชื่อ ปวดร้าว เจ็บปวด และ แค้นเคือง ... ว่าชีวิตที่เหลือ ชีวิตที่ตั้งใจฝากไว้กับใครคนหนึ่ง จะต้องสลายลงไปเพียงเพราะความเชื่อใจผู้อื่นยิ่งกว่าเชื่อตัวเอง
200 กว่าปีที่ผ่าน บัดนี้นางรำคนงามที่อ่อนหวานนุ่มนวลไม่มีอีกแล้ว ดวงตางดงามที่เคยมองโลกนี้ด้วยสายตาอ่อนโยนและรื่นรมย์มลายสิ้นไป ใครกันที่บอกว่า "คนตาย" ไม่รู้สึกอะไร ชีวิตหลังความตายที่ทรมานยิ่งกว่าตาย ไม่มีใครได้รู้ได้เข้าใจนอกจากเธอ ความรักที่เปลี่ยนเป็นความแค้น หน้าที่กำจัดคนใจบาปหยาบช้าทำให้เธอแสนเอือมระอา โลกมืดที่เธออาศัยมีแต่จะตอกย้ำความโศกสลดรันทดของการถูกลืม สิ่งเหล่านี้กัดกร่อนดวงวิญญาณให้เยือกเย็นแข็งกระด้าง และ ทุกข์ทน จนเกินจะต้านทานในท้ายที่สุด
บัดนี้ด้วยอำนาจแห่งเทวะโองการ เธอจึงได้โอกาสที่จะทวงคืนความยุติธรรม กลับคืนสู่วัฏสังสารในร่างของสตรีสวยสง่านาม "สโรชินี" ราวสายลมได้หวนกลับ ความรู้สึกทั้งอัดแน่นและท่วมท้น อุบลกลับคืนสู่โลกปัจจุบันอีกครั้งด้วยความหวังจะเอาคืนสิ่งที่ถูกกระทำย่ำยี เธอเปิดเรื่องได้สวยงามยิ่ง เวลาที่หยุดเดินทำให้เธอได้พินิจพิจารณาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ความรักความแค้นเคืองอัดแน่นในสายตา และ ท่าที เธอผู้ถือไพ่เหนือมือ เขาจะได้รู้ในสิ่งที่เขาควรรู้ เขาจะต้องสำนึกในสิ่งเขาควรสำนึก แต่แล้วชั่วขณะจิตที่นามอุบลหลุดจากปาก ชั่วขณะที่เขารำลึกถึงนาม "อุบล" ว่าเป็นดังนามที่คุ้นเคย
ดวงตาของเธอเริ่มเปียกชื้น .... เปลือกที่ชื่อว่าสโรชินีกลับหลุดร่อน
และสวมสอดด้วยสายตาของเมียพระราชทานนาม "อุบล" ที่สุดแล้วเธอก็ยังคง "รู้สึก"
หากความแค้นเคืองในมโนสำนึกก็ผลักดันเธอให้รำลึกถึงจุดมุ่งหมาย เธอมาที่นี่เพื่อสิ่งใดหรืออุบล อย่าลืมสิ่งที่เขาผู้นั้นทำกับเธอ ดูเถิดมีเพียงเธอเท่านั้นที่ยังจำ เขานั้นลืมหมดสิ้นแล้วว่าเคยทำสิ่งใดไว้ แม้นจะร้ายแรงถึงขั้นปลิดชีวิตและจองจำผู้ใด สิ่งเหล่านั้นก็จืดจางไปลบเลือนไปไม่ต่างกับรอยเท้าบนผืนทราย อย่างน้อยในชั้นแรก "เขา" จะต้องรู้รสแห่งการรอคอยเสียบ้างว่าเป็นอย่างไร
เพราะเหตุนั้นเธอจึงปล่อยให้เขารออย่างที่เธอเคยต้องรอ รอมากว่า 200 ปีเพื่อมีวันนี้ เวลาของเธอยังมีอีกมากนัก อุบลแอบมองดูความร้อนรนด้วยสายตาเรียบเฉยหากสมใจ หากเธอก็ไม่นึกว่าในเวลาถัดมาการที่เธอทำให้เขาต้องรอจะย้อนรอยอดีตบางประการให้หวนคืน อีกครั้งแล้วที่เธอก็ยังคง "รู้สึก" ดอกไม้ที่เคยทัดหู ตักที่เคยหนุนนอน แก้มนวลที่สัมผัสไล้ลูบ .... เธอเคยอยู่ตรงนั้น แต่บัดนี้ไม่ใช่
หัวใจที่ยังรู้สึกกระตุ้นเตือนความแค้นที่ฝังแน่นอีกครา อย่างนี้สินะ สตรีเป็นของบุรุษเสมอ หากบุรุษไม่เคยเป็นของสตรี ใช่แล้ว "ข้าเจอเขาแล้ว" และจะต้องนำเขากลับมารับในสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับมาเนิ่นนาน แม้ว่าการเดิมพันครั้งนี้อาจต้องแลกด้วยโทษทัณฑ์ที่ยาวนานชั่วกัลป์ก็ตาม
ใกล้เรากล่าวถ้อยนัยที่รัก
เจ็บนักพอถึงอื่นก็คืนคำ
มาทำชิดสนิทใหม่ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจะมารับกลับคืน
บัดนี้อุบลจะคืนสิ่งที่สมควรคืน
และรับกลับมาในสิ่งที่สมควรได้รับ
"ชีวิตของเรา" อัคนี
เอามันคืนมา !!
พิษสวาท (กึ่งวิพากษ์) : ลมหวน ชวนให้คิด ถึงความหลัง ภวังค์จิต คิดขื่นขม ระทมใจ
ตัวใครเป็น คนผิดอยากถามนัก รักไยใจจึงกลับ ดังลมหวน
ณ วันนี้กงล้อแห่งโชคชะตาได้เคลื่อนไว้ โชคชะตาที่ครานี้ "เธอ" จะเป็นผู้กำหนด "เขา" ได้สั่งเธอให้ตาย สั่งเธอให้เฝ้า กฤติยามนต์ และ เล่ห์กลคำลวง ซึ่งแปรสภาพเป็นตรวนจองจำทั้งร่างกาย วิญญาณ และ ดวงจิต บังคับรัดรึงตรึงตราให้ "ต้อง" กระทำหน้าที่ตามสัตย์สาบาน เขาไม่ปราณีใจรักและความภักดีของเธอแม้แต่น้อย ภาพสุดท้ายในความทรงจำในวันนั้น เพดานอิฐที่ลอยหมุนคว้าง อัญมณีและทรัพย์สินมีค่ามากมายย้อมด้วยเลือดแดงฉานยังติดตา พอ ๆ กับดวงตาที่เบิ่งกว้างด้วยความไม่เชื่อ ปวดร้าว เจ็บปวด และ แค้นเคือง ... ว่าชีวิตที่เหลือ ชีวิตที่ตั้งใจฝากไว้กับใครคนหนึ่ง จะต้องสลายลงไปเพียงเพราะความเชื่อใจผู้อื่นยิ่งกว่าเชื่อตัวเอง
200 กว่าปีที่ผ่าน บัดนี้นางรำคนงามที่อ่อนหวานนุ่มนวลไม่มีอีกแล้ว ดวงตางดงามที่เคยมองโลกนี้ด้วยสายตาอ่อนโยนและรื่นรมย์มลายสิ้นไป ใครกันที่บอกว่า "คนตาย" ไม่รู้สึกอะไร ชีวิตหลังความตายที่ทรมานยิ่งกว่าตาย ไม่มีใครได้รู้ได้เข้าใจนอกจากเธอ ความรักที่เปลี่ยนเป็นความแค้น หน้าที่กำจัดคนใจบาปหยาบช้าทำให้เธอแสนเอือมระอา โลกมืดที่เธออาศัยมีแต่จะตอกย้ำความโศกสลดรันทดของการถูกลืม สิ่งเหล่านี้กัดกร่อนดวงวิญญาณให้เยือกเย็นแข็งกระด้าง และ ทุกข์ทน จนเกินจะต้านทานในท้ายที่สุด
บัดนี้ด้วยอำนาจแห่งเทวะโองการ เธอจึงได้โอกาสที่จะทวงคืนความยุติธรรม กลับคืนสู่วัฏสังสารในร่างของสตรีสวยสง่านาม "สโรชินี" ราวสายลมได้หวนกลับ ความรู้สึกทั้งอัดแน่นและท่วมท้น อุบลกลับคืนสู่โลกปัจจุบันอีกครั้งด้วยความหวังจะเอาคืนสิ่งที่ถูกกระทำย่ำยี เธอเปิดเรื่องได้สวยงามยิ่ง เวลาที่หยุดเดินทำให้เธอได้พินิจพิจารณาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ความรักความแค้นเคืองอัดแน่นในสายตา และ ท่าที เธอผู้ถือไพ่เหนือมือ เขาจะได้รู้ในสิ่งที่เขาควรรู้ เขาจะต้องสำนึกในสิ่งเขาควรสำนึก แต่แล้วชั่วขณะจิตที่นามอุบลหลุดจากปาก ชั่วขณะที่เขารำลึกถึงนาม "อุบล" ว่าเป็นดังนามที่คุ้นเคย
และสวมสอดด้วยสายตาของเมียพระราชทานนาม "อุบล" ที่สุดแล้วเธอก็ยังคง "รู้สึก"
หากความแค้นเคืองในมโนสำนึกก็ผลักดันเธอให้รำลึกถึงจุดมุ่งหมาย เธอมาที่นี่เพื่อสิ่งใดหรืออุบล อย่าลืมสิ่งที่เขาผู้นั้นทำกับเธอ ดูเถิดมีเพียงเธอเท่านั้นที่ยังจำ เขานั้นลืมหมดสิ้นแล้วว่าเคยทำสิ่งใดไว้ แม้นจะร้ายแรงถึงขั้นปลิดชีวิตและจองจำผู้ใด สิ่งเหล่านั้นก็จืดจางไปลบเลือนไปไม่ต่างกับรอยเท้าบนผืนทราย อย่างน้อยในชั้นแรก "เขา" จะต้องรู้รสแห่งการรอคอยเสียบ้างว่าเป็นอย่างไร
เพราะเหตุนั้นเธอจึงปล่อยให้เขารออย่างที่เธอเคยต้องรอ รอมากว่า 200 ปีเพื่อมีวันนี้ เวลาของเธอยังมีอีกมากนัก อุบลแอบมองดูความร้อนรนด้วยสายตาเรียบเฉยหากสมใจ หากเธอก็ไม่นึกว่าในเวลาถัดมาการที่เธอทำให้เขาต้องรอจะย้อนรอยอดีตบางประการให้หวนคืน อีกครั้งแล้วที่เธอก็ยังคง "รู้สึก" ดอกไม้ที่เคยทัดหู ตักที่เคยหนุนนอน แก้มนวลที่สัมผัสไล้ลูบ .... เธอเคยอยู่ตรงนั้น แต่บัดนี้ไม่ใช่
หัวใจที่ยังรู้สึกกระตุ้นเตือนความแค้นที่ฝังแน่นอีกครา อย่างนี้สินะ สตรีเป็นของบุรุษเสมอ หากบุรุษไม่เคยเป็นของสตรี ใช่แล้ว "ข้าเจอเขาแล้ว" และจะต้องนำเขากลับมารับในสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับมาเนิ่นนาน แม้ว่าการเดิมพันครั้งนี้อาจต้องแลกด้วยโทษทัณฑ์ที่ยาวนานชั่วกัลป์ก็ตาม
เจ็บนักพอถึงอื่นก็คืนคำ
มาทำชิดสนิทใหม่ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจะมารับกลับคืน
และรับกลับมาในสิ่งที่สมควรได้รับ
"ชีวิตของเรา" อัคนี
เอามันคืนมา !!