จริง ๆ แล้วก็ยังไม่กล้ายืนยันเต็มปากเต็มคำว่าเป็นกับข้าวพื้นบ้านเฉพาะถิ่น แต่ก็เชื่อว่าแกงแบบนี้ไม่ค่อยจะมีทั่วไป
แกงกะหรี่แบบที่จะนำเสนอในวันนี้ สล่าปู่ได้กินบ่อย ๆ เวลาที่พี่น้องมุสลิมเขามีเทศกาลปีใหม่ เขาจะแกงกะหรี่เนื้อวัว
แล้วแบ่งแจกเป็นทาน ซึ่งเราจะเรียกแกงนี้ง่าย ๆ ว่าแกงกะหรี่แขก ฟังดูเหมือนไม่สุภาพ แต่กลิ่นและรสชาติมันไม่
ธรรมดาเอาเสียมาก ๆ
วันนี้เข้าตลาดไปเจอ เสือร้องไห้วางอยู่ 1 ชิ้น แม่ค้าก็ชวนซื้อนึกในใจว่าเอาไปทำอะไรดี ถามถึงเนื้อน่องก็บอกว่าไม่มี
แต่มีเนื้อสามชั้น นึกในใจลองเอาเสือร้องไห้ไปแกงกะหรี่ดูสักครั้งว่าจะอร่อยแค่ไหน ก็เลยซื้อเสือมาชิ้นหนึ่ง + กับเนื้อ
สามชั้น กะให้ได้หม้อแกงเล็ก ๆ ไว้กินกับขนมปังปิ้ง
สุกแล้วมันยั่วตา ยั่วจมูกมาก ๆ เลยครับ ตามรูปนี้เลย
เนื้อล้างแล้วหั่นชิ้นค่อนข้างใหญ่ สไตล์แกงกะหรี่ จัดใส่หม้อเตรียมรอไว้เลย
จัดการเรื่องน้ำพริก ไม่มีอะไรมากเลยครับ พริกแห้ง หอมแดง (ช่วงนี้หอมแดงค่อนข้างหาซื้อยาก
เล่นหอมแขกแทนเลยครับ) กระเทียม ขิงแก่ กะปินิดเดียว แต่งานนี้ใช้หอมแขกเยอะมาก ใส่ลงไป
ในโถปั่น ปั่นละเอียด นำไปเทลงในหม้อพร้อมใส่น้ำมันพืชลงไปค่อนข้างเยอะ ขมิ้นผง อบเชย
โป๊ยกั๊ก ใบกระวาน ลูกกระวาน อย่างละนิดละหน่อยใส่ลงไป กะร้อนแรงเต็มที่
เครื่องแกงหรือที่ท้องถิ่นเรียกกันว่า มะส่าหล่า วันนี้ใช้ของแขกครับ มะส่าหล่าที่บ้านสล่าปู่จะมี 2 ที่มา
คือของพม่ากับของอินเดีย ขึ้นอยู่กับว่าจะแกงแบบไหน
คลุกทั้งหมดให้เข้ากันเปิดไฟกลางเคี่ยวจากเนื้อจนน้ำออกไปจนงวด 1 ครั้ง แล้วเติมน้ำเปิดไฟอ่อน
เคี่ยวไปเรื่อย ๆ สล่าใช้เวลาเคี่ยววันนี้ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
เปื่อยได้ที่ ทุบขิงแก่ปอกเปลือกใส่ลงไป พร้อมมะส่าหล่ารอบสอง แค่นี้ก็หอมไปสามบ้านแปดบ้านละครับ
วันนี้ยังไม่พร้อม แค่ตักมาโชว์มาชิมก่อน 1 ถ้วย ที่เหลือปล่อยให้ข้ามคืน พรุ่งนี้เช้าไปตลดกะไปซื้อโรตีจืด
มันคงเข้าคู่กันกับน้ำแกงข้น ๆ เนื้อนุ่ม ๆ อย่างหรูทีเดียว
ถ้าใครอยากลองทำเผื่ออยากชิม ติดขัดเรื่องมะส่าหล่า ก็สามารถใช้ผงแกงกะหรี่ที่มีขายทั่วไปแทนได้
ลองดูนะครับ
สวัสดีครับ
กับข้าวพื้นบ้าน แต่ชื่อไปออกแนวสากลทั่วไป "แกงกะหรี่เนื้อวัว" แบบเสือเห็นต้องร้องไห้
แกงกะหรี่แบบที่จะนำเสนอในวันนี้ สล่าปู่ได้กินบ่อย ๆ เวลาที่พี่น้องมุสลิมเขามีเทศกาลปีใหม่ เขาจะแกงกะหรี่เนื้อวัว
แล้วแบ่งแจกเป็นทาน ซึ่งเราจะเรียกแกงนี้ง่าย ๆ ว่าแกงกะหรี่แขก ฟังดูเหมือนไม่สุภาพ แต่กลิ่นและรสชาติมันไม่
ธรรมดาเอาเสียมาก ๆ
วันนี้เข้าตลาดไปเจอ เสือร้องไห้วางอยู่ 1 ชิ้น แม่ค้าก็ชวนซื้อนึกในใจว่าเอาไปทำอะไรดี ถามถึงเนื้อน่องก็บอกว่าไม่มี
แต่มีเนื้อสามชั้น นึกในใจลองเอาเสือร้องไห้ไปแกงกะหรี่ดูสักครั้งว่าจะอร่อยแค่ไหน ก็เลยซื้อเสือมาชิ้นหนึ่ง + กับเนื้อ
สามชั้น กะให้ได้หม้อแกงเล็ก ๆ ไว้กินกับขนมปังปิ้ง
สุกแล้วมันยั่วตา ยั่วจมูกมาก ๆ เลยครับ ตามรูปนี้เลย
เนื้อล้างแล้วหั่นชิ้นค่อนข้างใหญ่ สไตล์แกงกะหรี่ จัดใส่หม้อเตรียมรอไว้เลย
จัดการเรื่องน้ำพริก ไม่มีอะไรมากเลยครับ พริกแห้ง หอมแดง (ช่วงนี้หอมแดงค่อนข้างหาซื้อยาก
เล่นหอมแขกแทนเลยครับ) กระเทียม ขิงแก่ กะปินิดเดียว แต่งานนี้ใช้หอมแขกเยอะมาก ใส่ลงไป
ในโถปั่น ปั่นละเอียด นำไปเทลงในหม้อพร้อมใส่น้ำมันพืชลงไปค่อนข้างเยอะ ขมิ้นผง อบเชย
โป๊ยกั๊ก ใบกระวาน ลูกกระวาน อย่างละนิดละหน่อยใส่ลงไป กะร้อนแรงเต็มที่
เครื่องแกงหรือที่ท้องถิ่นเรียกกันว่า มะส่าหล่า วันนี้ใช้ของแขกครับ มะส่าหล่าที่บ้านสล่าปู่จะมี 2 ที่มา
คือของพม่ากับของอินเดีย ขึ้นอยู่กับว่าจะแกงแบบไหน
คลุกทั้งหมดให้เข้ากันเปิดไฟกลางเคี่ยวจากเนื้อจนน้ำออกไปจนงวด 1 ครั้ง แล้วเติมน้ำเปิดไฟอ่อน
เคี่ยวไปเรื่อย ๆ สล่าใช้เวลาเคี่ยววันนี้ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
เปื่อยได้ที่ ทุบขิงแก่ปอกเปลือกใส่ลงไป พร้อมมะส่าหล่ารอบสอง แค่นี้ก็หอมไปสามบ้านแปดบ้านละครับ
วันนี้ยังไม่พร้อม แค่ตักมาโชว์มาชิมก่อน 1 ถ้วย ที่เหลือปล่อยให้ข้ามคืน พรุ่งนี้เช้าไปตลดกะไปซื้อโรตีจืด
มันคงเข้าคู่กันกับน้ำแกงข้น ๆ เนื้อนุ่ม ๆ อย่างหรูทีเดียว
ถ้าใครอยากลองทำเผื่ออยากชิม ติดขัดเรื่องมะส่าหล่า ก็สามารถใช้ผงแกงกะหรี่ที่มีขายทั่วไปแทนได้
ลองดูนะครับ
สวัสดีครับ