วิธีเอาชนะความกลัวผีที่เราสร้างขึ้นมาในใจ


      สวัสดีครับทุกท่านที่เคารพ  ที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า  ผมไม่ใช่นักปราชญ์  ผู้มีปัญญาล้ำเลิศกว่าใครเขา  เป็นเพียงผู้รู้น้อย  ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์  พอที่อาจเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน  ในเรื่องที่เขียนเล่านั้น  ไม่ได้มาจากตำราโดยตรง  แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์  และพิจารณาจากเหตุจากผล  ที่เกิดกับตัวผู้เขียนเอง  ผมจะยังไม่เชื่อคำพูดหรือตำราเล่มไหนทั้งนั้น  และอาจจะเชื่อคำพูดหรือตำราเล่มไหนก็ได้  แต่สิ่งที่จะทำให้ผมเชื่อ  แบบไม่เคลือบแคลงสงสัยนั้น  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า  ใครเป็นคนพูด  หรือใครเป็นคนแต่งตำรา  แต่จะเชื่อก็ต่อเมื่อผมได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน  ในสภาวะจิตใจที่ปกติ  คือในขณะที่ใจเราไม่โดนครอบงำด้วยอคติ  รัก  โลภ  โกรธหลง  อวิชา ครับ  ในบางเรื่อง  ผมก็เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น  หรือเรียนรู้จากการได้เห็น  ได้ยิน  ได้ฟัง  ผมจะเขียนเล่าให้ฟังเป็นย่อหน้าไปนะครับ  เนื้อหาอาจไม่สัมพันธ์กัน  เหมือนกับนิทานที่จบไปเป็นเรื่อง ๆ นะครับ
      วิธีการเอาชนะความกลัวผีที่ใจเราสร้างขึ้นมา (ผู้เขียนเชื่อว่าผีมีจริง  แต่กำลังกล่าวถึงผีที่เราชอบสร้างขึ้นมาในจิตใจของเราเอง)
      บางท่านเห็นหัวข้อแล้วคงสงสัยว่า  เรื่องนี้มันสำคัญมากเหรอ  สำคัญครับเพราะ  เรากำลังจะปลดล็อคใจของเรา  ใจไม่กลัวผี  กับการแสดงออกว่าไม่กลัวผี  มันคนละอย่างกันนะครับ  หลายครั้งเห็นคนพูดแสดงออกว่าไม่กลัวผี  ในที่ชุมชน  คำพูดของคนเรานั้น  จะพูดให้ยิ่งใหญ่เพียงไรก็ได้  แต่ใจเรานั้นย่อมรู้ดีกว่าใคร  ดังนั้นดีที่สุดคือ  ตนเป็นพยานแห่งตน  ที่จะบอกเราว่าใจเรากลัวผีหรือไม่  การกลัวผีหมายรวมถึงการกลัวอิทธิฤทธฺิ์ของผี  ที่จะทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย  รวมถึงทำให้ดวงชะตาเราตกต่ำ  โทษของการกลัวผีมีเยอะนะครับ  อย่างแรกคือ  เราจะโดนความงมงายครอบงำได้ง่ายกว่าคนอื่นเขา  เมื่อความงมงายเข้าครอบงำ  เราก็พร้อมจะแสวงหาเครื่องลางของขลังมาอยู่ในบ้าน  ในรถแขวนอยู่กับตัวเรา  ด้วยเหตุผลที่ว่า  เพื่อมาปกปักรักษาตัวเรา  ในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ผิดหรอก  หากเราไม่เบียดเบียนครอบครัวมากเกินไป  คือใช้เงินไปกับสิ่งเหล่านี้เยอะเกินเหตุ  เมื่อใจเรากลัวเราก็จะวิตกจริต  สร้างจินตนาการต่าง ๆ นานา ในความมืดยามค่ำคืน  บางท่านตากผ้าเอาไว้  แล้วได้ยิงเสียงหมาหอน  ไม่กล้าที่จะออกไปเก็บผ้า  ฝนก็สาดใส่ผ้าเปียกหมด  แม้จะมีพระองค์สมเด็จห้อยคอ  ก็ยังไม่กล้าออกไปเก็บผ้า  บางท่านกลัวมาก  ไม่กล้าเปิดหน้าต่างนอน  อากาศในห้องก็ไม่ถ่ายเท  ธาตุขันธ์เราก็ไม่ปกติ  นอนหลับฝันก็ไม่ค่อยดี  ไปเล่าความฝันให้เพื่อนฟัง  เพื่อนแนะให้ไปสะเดาะเคราะห์  เสียเงินอีก  โทษของการกลัวผี  มีมากมายเล่าบรรยายไม่หมดครับ   เท่าที่เกิดกับตัวเองและคนรอบข้าง
      ทำอย่างไรถึงจะไม่กลัวผี  วิธีการของผมนั้น  จะเริ่มจากขั้นต้นๆ ก่อนนะครับ  จากการทำทาน  รักษาศีล  ฝึกสมาธิ  จากนั้นเมื่อจิตใจฉลาดขึ้น  ก็เริ่มพิจารณาสิ่งต่างๆ รอบข้าง  ช่วงเวลาที่เรากลัวผีมากที่สุด  คือช่วงเวลากลางคืน  เพราะความมืด  ทำให้เราสร้างผีขึ้นมาได้หลายแบบ  ผมไม่ได้บอกว่าผีไม่มีจริงนะครับ  แต่ผมกำลังจะกล่าวถึง  ผีที่เราสร้างขึ้นมาในใจของเรา  ซึ่งผีตัวนี้ผมเคยพบเจอมันบ่อยมาก  ในอดีต  แต่ผีจริงๆ นั้น  ผมไม่เคยเจอครับ  แต่หลายครั้งเกือบเจอผีจริงๆ  แต่เสียดายที่สติเร็วกว่า  และขยันพิจารณาเสมอว่า  นั่นผีจริงเหรอ  ยกตัวอย่าง  คืนหนึ่งผมยืนมองออกไปในความมืด  มีแสงพระจันทร์ส่องสาดลงมาพอเห็นทุ่งนาสลัวๆ  แล้วสายตากของผม  ก็มองเห็นร่างขาวโพลนกระทบกับแสงจันทร์  ดูลักษณะเหมือนมีผมสีดำด้วย พริ้วไหวตามลมพัด  ความกลัวเข้าครอบงำผมขณะหนึ่ง  ใจสั่งให้ร่างกายรีบกลับเข้าไปในบ้านโดยเร็ว  แต่ทันใดนั้นสติก็ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก  ใจจดจ่อที่ลมหายใจ  ไม่ยอมให้อารมณ์ใดเข้ามารบกวน  จนใจมีกำลังในระดับหนึ่ง  ผมจึงเพ่งมองพิจารณาไปยังร่างขาวโพลนนั้น  ไม่ยอมหนีผีตัวนี้โดยเด็ดขาด  ตายเป็นตาย  ผมยืนมองอยู่นาน  จนความกลัวหายไปจากใจจนหมด  จากนั้นกลับเข้าเอาโคมไฟออกมาส่องดู  แ่ล้วก็แอบหัวเราะอยู่ในใจว่า  เกือบไปแล้วไหมละ  เกือบโดนตอไม้หลอกเอาแล้ว  ตอนกลางวันก็ไม่เคยสังเกตุ  แต่พอตอนกลางคืน  ใจกับมโนภาพเป็นตุเป็นตะ  
      ผมเคยไปช่วยสัปเหร่อเผาศพตอนช่วงเวลา 1 ทุ่ม  ซึ่งแขกในงานและญาติ  ต่างพากันกลับบ้านกันหมดแล้ว  ผมไปเพื่อฝึกจิตใจเอาชนะความกลัว  จากใจที่ มโนขึ้น  พอเผาศพเสร็จก็เดินกลับบ้านพักคนเดียว  ตอนนั้นพักอยู่ที่ อ.พังโคน  วัดห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กิโลเมตร  ผมเดินไปนะครับ  เพราะอยากเอาชนะจิตใจที่อ่อนแอดวงนี้  ในขณะที่อยู่ตรงเมรุเผาศพ  มีเสียงต่างๆ มากมายชวนหลอน  แต่พอลองพิจารณาเสียงนั้นจริงๆ  กลับเป็นเสียงสัตว์บ้าง  เสียงลมพัดข้าวของบ้าง เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันบ้าง  ในการช่วยเผาศพนั้น  ผมทำจิตใจให้เป็นกุศล  ไม่ได้มาท้าทายสิ่งใด  หากบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำ  พอจะแบ่งปันให้ท่านได้บ้าง  ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับ  ระหว่างทางกลับนั้น  ได้ยินเสียงหมาหอนบ้าง  กลิ่นธูปบ้าง  เมื่อเดินถึงจุดไหนแล้วเกิดความกลัว  ผมก็จะหยุด  แล้วเอาสติจับที่ลมหายใจเข้าออก  โดยไม่ให้อารมณ์ใดเข้ามาแทรก  พอได้กำลังก็จะพิจารณาสิ่งรอบข้าง  ก็พบว่ากลิ่นธูปเกิดจากเขามาไหว้บรรพบุรุษผู้ร่วงลับ  แต่กลางคืนลมพัดแรงจึงพากลิ่นธูปไปได้ไกล  หมาเห่าหอนก็เป็นธรรมชาติของสัตว์  ที่ได้ยินบ่อยๆ  กลางวันก็หอนกลางคืนก็หอน  พอกลับมาถึงบ้านพัก  จิตใจกลับรู้สึกสงบ  เฉลียวฉลาดในการรู้ทันสภาวะอารมณ์ต่างๆ  ได้อย่างรวดเร็ว  ทุกวันนี้นอนตอนกลางคืน  เสียงหมาเห่าหอน  เสียงแมวร้อง  ความมืด  ไม่อาจจะทำให้จิตใจกระเพื่อมได้โดยง่าย  นานๆ ครั้ง  ถึงจะทำให้กระเพื่อมได้  แต่ก็สามารถ  รักษาสภาวะอารมณ์  ให้กลับมาเป็นปกติได้ไม่ยากนัก  บางครั้งหมาหอนตอนกลางคืน  ผมคิดว่า  ลูกเมียอาจจะกลัว  ผมมักพูดขึ้นว่า  ถ้าเป็นคนโดยส่วนมาก  เขาคงจินตนาการว่าหมาเห็นผี  แล้วก็เดินออกไปยืนดูหมาหอนในระเบียงบ้าน  ท่าทางแสดงออกให้แฟนเห็นว่า  ตัวผมไม่มีความหวาดกลัวใดๆ   ไม่สะทกสะท้านในเสียงนั้น  แล้วก็หัวเราะว่ามันคงเรียกคู่ของมัน  จีบกันก็จีบกันเสียงดังเกิน  ลูกเมียเมื่อเห็นสามีไม่กลัว  เป็นที่พึ่งเขาได้   ใจเขาก็จะไม่มีอารมณ์แห่งความกลัว  เข้าครอบงำ  เพราะมีที่พึ่งทางใจ  อุปมาเหมือนแม่ทัพที่เก่งกาจ  ย่อมทำให้ทหารในทัพฮึกเหิมไร้ซึ่งความกลัว  หากเราสามารถฝึกจิตใจให้สงบได้  ไม่ว่าอารมณ์เช่นใด  จะเข้ามากระทบ  เราก็พิจารณาสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามสภาวะความเป็นจริง  ความสุขในความสงบนั้น  ละเอียดและปราณีตเป็นอย่างมาก  แม้แต่ตัวผู้เขียนเอง  เพียงได้สัมผัสแค่งูๆปลาๆ  ก็ยังหลงไหลและชื่นชอบในความสุขเช่นนี้  ต่างจากความสุขในงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ยิ่งนัก  ที่ผู้เขียนเคยสัมผัสมา  และเคยคิดว่า  เป็นความสุขที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน  อุปมาตัวผมเองในอดีตเช่นดังเด็กไร้เดียงสา  นึกตำหนิตัวเองไม่รู้จักเพชรพลอย  เมื่อเขาให้เลือกเอาสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ง  จากสิ่งของสองอย่าง  อย่างหนึ่งคือเพชร  อย่างสองคือขนมลูกอม  เด็กน้อยอย่างผมนั้น  ไม่ลังเลใจเลยที่จะเลือกขนมลูกอม  และยังนึกขำคนที่เขาเลือกเอาเพชร  เพราะกินก็ไม่ได้  ผมยังแกะเปลือกลูกอมกินอ้าง  คนที่เขาเลือกเพชร  และนึกเวทนาที่เขาเลือกเอาเพชร  จนวันหนึ่งเติบโตมีปัญญา  สามารถแยกออกว่าสิ่งใดมีคุณค่ามากกว่ากัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่