ต่อจาก หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 1 อสุภกรรมฐาน ตอนที่ 1.1 https://ppantip.com/topic/43193690
อสุภกรรมฐาน ตอนที่ 1.1
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาในสำนักของเรา ความจริงถ้าคนเก่า ๆ ฟังอยู่ ไม่ควรจะมีอะไรต้องสงลัย ถ้ารักดี ฟังแล้วก็จำ จำแล้วก็คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังโยชน์ 10 ประการ เป็นเรื่องที่จะต้องจำ เอาจิตเข้าไปสนใจให้มาก แต่ทว่ายังมีบางคนไม่เข้าใจ และยังมีพระบางท่านที่ยังไม่มีความสำรวมในจริยายังมีอยู่ นี่แสดงว่าคบความเลวไว้มาก นี่เราฟังกันวันละไม่รู้จักกี่เที่ยวนะ ฟังแล้วก็ใช้จำ ประเดี๋ยวจะพูดแบบภาษาโบราณ ภาษาโบราณเวลาเขาว่าคนโง่ เขาบอกจงใช้หัวแม่เท้าจำไว้เสียบ้าง นี่ความจริงฟังกันแล้วก็คิด ไอ้การที่จะได้ฟังอย่างนี้น่ะ มันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฟังกันทั้งวันทั้งคืนแต่จิตยังเลวอยู่ จริยายังเลวอยู่ อารมณ์ยังเลวอยู่ อันนี้ก็เลยหาความดีไม่ได้กัน ฉะนั้นขอท่านบางท่าน จะมาอยู่ใหม่ มาอยู่เก่าไม่สำคัญ จงทำตัวให้มันถูกกับระเบียบเลีย ประเดี๋ยวจะต้องแหกพรรษากัน
เป็นอันว่าการศึกษาพระกรรมฐานวันนี้ แต่ความจริงเรื่องสำหรับสุกขวิปัสสโก คิดว่าจะไม่พูดเรื่องจริต 6 แต่มันก็มีความจำเป็น เพราะมีฉะนั้นก็จะพบกับความโง่ของจิต แต่ว่าการพิจารณาดูแล้ว ฟังกันอยู่เสมอ ฟังกันตั้งหลายเวลา อาจจะกลายเป็นฟังเป็นพิธีไป กลับไปพบอารมณ์ความโง่ของคนเข้าให้ มันน่าสลดใจในความชั่วของจิต ที่ไม่ใช้ปัญญา และไม่ใช้ความคิด ไม่ใช้การพิจารณา อย่างนี้ก็ต้องใช้เวลาเกิดกันอีกนานกระมัง ไอ้เกิดในมนุษย์น่ะมันก็ยังดี ที่พระอริยเจ้าท่าท่านว่ามันเลวมันก็ยังดี ดีกว่าเกิดในอบายภูมิ ถ้าหากว่าฟังกันอย่างนี้ จิตใจยังเลวอยู่ล่ะก็ ต้องเกิดในอบายภูมิอีกหลายแสนกัป จำไว้ให้ดีด้วยนะ
เอาล่ะวันนี้เลยไม่ต้องพูดกันซิ เรื่อง
อสุภกรรมฐาน มีเวลาอยู่บ้างพอสมควร ฉะนั้นการใช้อารมณ์พระกรรมฐานเกี่ยวกับจริต ท่านให้ดูว่าจิตใจของเรามีจริตหนักไปทางด้านไหน ถ้าหนักไปในราคจริต ก็ใช้
อสุภกรรมฐาน หรือว่า
กายคตานุสสติ เข้าประหัตประหารทันที ถ้าอารมณ์อย่างนี้มันเศร้าลงไป มันสลดลงไปไล่จับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สลดลงก็ตาม แต่ว่าบางขณะไอ้ความรักสวยรักงามมันคลายตัว เกิดความโกรธ เกิดพิฆาต จองล้างจองผลาญขึ้น ก็ใช้กรรมฐานที่เหมาะสม คือว่าพรหมวิหาร 4 หรือว่ากสิณ 4 อย่างใดอย่างหนึ่ง นี่ใช้มันให้เหมาะ ใช้มันให้เป็นเสียทั้งหมด ตำรับตำรามี เทปมี หนังสือมี ฟังก็ฟัง แต่บางทีก็ลืม ฟังกันมากจริง ๆ แต่ก็ยังลืมอยู่ ยังโง่กันอยู่นี่มันแย่ ก็ขอพูดอสุภกรรมฐานซัก 8 นาที เวลามันเหลือเท่านั้น
สำหรับอสุภกรรมฐานนี่
อสุภ ฟังให้ดีนะ คำว่า อสุภ แปลว่า ไม่สวยไม่งาม แต่คนที่ไม่ควรจะเจริญอสุภกรรมฐาน มีอยู่พวกหนึ่ง แต่ก็ควรจะใช้เหมือนกัน แต่ว่าใช้ทีหลัง ใช้ในเมื่ออารมณ์สมาธิ หรือว่าปัญญามันเริ่มดีขึ้นมาบ้าง ใช้ที่หลังคือ ใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ต้องเข้าไปหาอสุภ นั่นก็คือพวกที่เป็นริดสีดวงจมูก หรือว่าพวกที่เป็นโรคทางด้านท้อง ทางด้านทางเดินของอาหาร ที่ได้แก่โรคกระเพาะอาหาร ที่ท้องอืดอยู่เสมอ พวกนี้ไม่ควรเข้าไปยืนใกล้
อสุภ หรือว่าศพที่เขาตายแล้วมีกลิ่นเน่าเพราะว่ามันเป็นอันตรายกับร่างกาย แต่ทว่าจะใช้อารมณ์นี้ได้ ในเมื่อใช้กรรมฐานอย่างอื่นเป็นฌาน ใช้จิตพิจารณาเฉย ๆ เพราะว่าจิตเป็นสมาธิ จิตเป็นฌาน ปัญญามันเกิด เป็นอันว่าเรื่องแนะนำกันขอผ่านไป หมดเวลาไปตั้งเยอะ เหลือเวลาอีก 6 นาที
ตอนนี้ก็มาขอแนะนำกันสักเล็กน้อย ว่าการพิจารณาอสุภกรมฐาน พิจารณาตอนไหน ตอนคนตายสัตว์ตาย คนเขาตายแล้ววันหนึ่ง สองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน เห็นจะไม่ต้องอธิบายกัน วันหนึ่งมีลักษณะเป็นยังไง สองวัน สามวันมีลักษณะเป็นยังไง จนกระทั่งขึ้นยึด น้ำเหลืองไหล ตาปลิ้นลิ้นจุก แล้วก็มีกายโทรมลง จนกระทั่งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก หนังหายไป เหลือเส้นเอ็นหุ้มกระดูก เส้นเอ็นหายไป เหลือแต่กระดูก อย่างนี้เรียกกันว่า อสุภกรรมฐาน เฉพาะในร่างของคน แต่ทว่าการพิจารณาจริง ๆ เขาไม่พิจารณาแต่คน ไม่พิจารณาแต่สัตว์ พิจารณาถึงแม้แต่ว่าวัตถุต่าง ๆ มันก็ไม่สวยไม่งาม แต่ว่านั่นเป็นอารมณ์ละเอียด นี่ว่ากันถึงอารมณ์หยาบเสียก่อน ทีนี้การเจริญอสุภกรรมฐานจริง ๆ จัง ๆ เขาทำกันแบบนี้
ในสมัยพระพุทธเจ้าก็ดี ในสมัยหลังก็ดี ที่เขาทำกัน เขามักจะพยายามหาศพ คือคนตาย หรือว่าสัตว์ตาย ตายแล้วมันยิ่งเน่าเท่าไรก็ยิ่งดี หาทางไปพิจารณาคือ ยืนดู พิจารณาดู ดูอาการที่น้ำเหลืองไหล ดูอาการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง พิจารณาดูว่าขณะที่เขามีลมปราณอยู่ ลักษณะร่างกายเป็นยังไง พอสิ้นลมไปแป๊บเดียว ร่างกายที่อบอุ่นก็เย็นชืด เพราะธาตุไฟหมดไป ธาตุลมหมดไป ตอนนี้คนที่รักกันเกือบตายก็เข้าใกล้ไม่ได้ เพราะเริ่มกลัว กลัวอะไร กลัวสกปรก
ไอ้คำว่ากลัวผีหลอกนะ ไอ้ผีเผอน่ะมันไม่มี เพราะว่ากลักการสิ้นลม กลัวร่างกายที่ปราศจากจิตวิญญาณ หรือว่าสภาพเดิมความอบอุ่น ความนิ่มนวลมันหมดไป เราก็เริ่มเกลียด เริ่มกลัว เมื่อมีชีวิตจิตใจอยู่รักกันเกือบตาย พอดายนิดเดียวก็เข้าหากันไม่ได้ นั่นเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะมันไม่น่ารัก มันหมดที่จะรักเสียแล้ว จุดที่รักจริง ๆ ความจริงไอ้เมื่อขณะรักกันจริง ๆ มันต้องการเนื้อ ต้องการหนัง แต่ทว่าพอสิ้นลมปราณไปหน่อยเดียว จิตออกจากร่าง ไอ้เนื้อหนังที่เราต้องการ เราก็ไม่ต้องการ เพราะอะไร เพราะสภาพมันเปลี่ยนแปลงไปจากความอบอุ่น กลายเป็นการเย็นชืด ต่อมาเนื้อหนังกลอกปอกเปิก น้ำเหลืองไหล ลิ้นจุก ตาโปน กลิ่นเหม็นฟุ้งเกลียดใหญ่ คราวนี้เข้าใกล้ไม่ได้ แต่ว่าเรื่องนี้จะเก็บไว้พูดในวันหลัง จะพูดในลักษณะของการยืนพิจารณาศพก่อน
การยืนพิจารณาศพนี้ ต้องมีความฉลาด องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ทรงแนะนำไว้อย่างนี้ ว่า
จงอย่ายืนท้ายลม ถ้ายืนท้ายลมนี่กลิ่นเหม็นมันจะเข้าจมูก เข้าปาก มันจะเกิดโทษ เพราะว่ากลิ่นเหม็นจะเป็นปัจจัยให้เกิดโรค จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงมีความละเอียดพอ แล้วก็จงอย่ายืนเหนือลม ยืนเหนือลมจริง ๆ ไอ้กลิ่นเหม็นมันก็หวนกลับเข้าไปหาตัวได้ แล้วก็จงอย่ายืนตรง คือว่าลักษณะร่างกาย อย่าให้มันตรงซากศพเกินไป เพราะจะขวางทางของอมนุษย์ มีอสุรกายเป็นต้น ที่ต้องการเข้าไปกินซากศพ ถ้าขวางแกเข้า ถ้าแกแกล้งเรา มันก็ยุ่งเหมือนกัน ท่านให้ยืนด้านหนือลม แต่ยืนเฉียง ๆ ไม่ใช่ตรงศพ เพราะเวลาที่ลมพัดมา มันจะพากลิ่นเลยออกไป กลิ่นเหม็นจะไม่กระทบเรามากเกินไป
แต่แหม..บางศพนี่คุณเอีย พอเขาเปิดโลงพับ กลิ่นพรวดขึ้นมาเข้าจมูก เกือบช็อก บางทีเกือบอาเจียน อย่างนี้ผมก็โดนมาแล้วนะ แต่ว่านี่เป็นลักษณะของการพิจารณาศพ ว่าการจะเข้าไปพิจารณาศพจะต้องทำกันแบบนี้ จำไว้แล้วก็ฟังแล้วก็ต้องจำนะ อย่าใช้แบบโง่ ไม่ใช่จำแล้วก็ฟังส่ง เวลาไปยืนดูศพจริง ๆ ยืนท้ายลมบ้าง ยืนเหนือลมบ้าง ยืนตรงศพบ้าง ถ้าอย่างนี้มันเป็นภัย มันเป็นโทษ
เอ้าสำหรับวันนี้ก็ได้กันแค่นี้แหละ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะวันนี้ไปเจอะโง่เข้า ความจริงไม่เจอะแต่วันนี้ เจอะมาหลายวันแล้ว ก็นั่งนึกในใจ ว่าโอหนอ น่าสงสารฟังกันไม่รู้ว่าเท่าไร อารณ์ที่ว่ากันถึงอรหัตผลน่ะ พูดกันไม่รู้ว่ากี่รอบ ฟังเทปที่บันทึกไว้ก็ไม่รู้ว่าเท่าไร ยังไม่มีปัญญาเป็นเครื่องพิจารณากัน อันนี้น่าสงสารอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าการศึกษาอย่างสมัยก่อน ไม่ได้ฟังกันอย่างนี้ก็เลยไม่ต้องได้อะไรกันเลย
เอาละสำหรับวันนี้ก็ยังไม่มีอะไร ขอบรรดาท่านทั้งหลายทรงกำลังใจที่เคยปฏิบัติมา จะด้วยการพิจารณาหรือภาวนาอะไรก็ได้ตามอัธยาศัย จนกว่าจะเห็นว่าเวลานั้นมาถึง จนจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่า สมควรว่าท่านจะเลิก
สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://ppantip.com/profile/8483559#topics
หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 1 อสุภกรรมฐาน ตอนที่ 1.2
อสุภกรรมฐาน ตอนที่ 1.1
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาในสำนักของเรา ความจริงถ้าคนเก่า ๆ ฟังอยู่ ไม่ควรจะมีอะไรต้องสงลัย ถ้ารักดี ฟังแล้วก็จำ จำแล้วก็คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังโยชน์ 10 ประการ เป็นเรื่องที่จะต้องจำ เอาจิตเข้าไปสนใจให้มาก แต่ทว่ายังมีบางคนไม่เข้าใจ และยังมีพระบางท่านที่ยังไม่มีความสำรวมในจริยายังมีอยู่ นี่แสดงว่าคบความเลวไว้มาก นี่เราฟังกันวันละไม่รู้จักกี่เที่ยวนะ ฟังแล้วก็ใช้จำ ประเดี๋ยวจะพูดแบบภาษาโบราณ ภาษาโบราณเวลาเขาว่าคนโง่ เขาบอกจงใช้หัวแม่เท้าจำไว้เสียบ้าง นี่ความจริงฟังกันแล้วก็คิด ไอ้การที่จะได้ฟังอย่างนี้น่ะ มันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฟังกันทั้งวันทั้งคืนแต่จิตยังเลวอยู่ จริยายังเลวอยู่ อารมณ์ยังเลวอยู่ อันนี้ก็เลยหาความดีไม่ได้กัน ฉะนั้นขอท่านบางท่าน จะมาอยู่ใหม่ มาอยู่เก่าไม่สำคัญ จงทำตัวให้มันถูกกับระเบียบเลีย ประเดี๋ยวจะต้องแหกพรรษากัน
เป็นอันว่าการศึกษาพระกรรมฐานวันนี้ แต่ความจริงเรื่องสำหรับสุกขวิปัสสโก คิดว่าจะไม่พูดเรื่องจริต 6 แต่มันก็มีความจำเป็น เพราะมีฉะนั้นก็จะพบกับความโง่ของจิต แต่ว่าการพิจารณาดูแล้ว ฟังกันอยู่เสมอ ฟังกันตั้งหลายเวลา อาจจะกลายเป็นฟังเป็นพิธีไป กลับไปพบอารมณ์ความโง่ของคนเข้าให้ มันน่าสลดใจในความชั่วของจิต ที่ไม่ใช้ปัญญา และไม่ใช้ความคิด ไม่ใช้การพิจารณา อย่างนี้ก็ต้องใช้เวลาเกิดกันอีกนานกระมัง ไอ้เกิดในมนุษย์น่ะมันก็ยังดี ที่พระอริยเจ้าท่าท่านว่ามันเลวมันก็ยังดี ดีกว่าเกิดในอบายภูมิ ถ้าหากว่าฟังกันอย่างนี้ จิตใจยังเลวอยู่ล่ะก็ ต้องเกิดในอบายภูมิอีกหลายแสนกัป จำไว้ให้ดีด้วยนะ
เอาล่ะวันนี้เลยไม่ต้องพูดกันซิ เรื่อง อสุภกรรมฐาน มีเวลาอยู่บ้างพอสมควร ฉะนั้นการใช้อารมณ์พระกรรมฐานเกี่ยวกับจริต ท่านให้ดูว่าจิตใจของเรามีจริตหนักไปทางด้านไหน ถ้าหนักไปในราคจริต ก็ใช้ อสุภกรรมฐาน หรือว่า กายคตานุสสติ เข้าประหัตประหารทันที ถ้าอารมณ์อย่างนี้มันเศร้าลงไป มันสลดลงไปไล่จับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่สลดลงก็ตาม แต่ว่าบางขณะไอ้ความรักสวยรักงามมันคลายตัว เกิดความโกรธ เกิดพิฆาต จองล้างจองผลาญขึ้น ก็ใช้กรรมฐานที่เหมาะสม คือว่าพรหมวิหาร 4 หรือว่ากสิณ 4 อย่างใดอย่างหนึ่ง นี่ใช้มันให้เหมาะ ใช้มันให้เป็นเสียทั้งหมด ตำรับตำรามี เทปมี หนังสือมี ฟังก็ฟัง แต่บางทีก็ลืม ฟังกันมากจริง ๆ แต่ก็ยังลืมอยู่ ยังโง่กันอยู่นี่มันแย่ ก็ขอพูดอสุภกรรมฐานซัก 8 นาที เวลามันเหลือเท่านั้น
สำหรับอสุภกรรมฐานนี่ อสุภ ฟังให้ดีนะ คำว่า อสุภ แปลว่า ไม่สวยไม่งาม แต่คนที่ไม่ควรจะเจริญอสุภกรรมฐาน มีอยู่พวกหนึ่ง แต่ก็ควรจะใช้เหมือนกัน แต่ว่าใช้ทีหลัง ใช้ในเมื่ออารมณ์สมาธิ หรือว่าปัญญามันเริ่มดีขึ้นมาบ้าง ใช้ที่หลังคือ ใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ต้องเข้าไปหาอสุภ นั่นก็คือพวกที่เป็นริดสีดวงจมูก หรือว่าพวกที่เป็นโรคทางด้านท้อง ทางด้านทางเดินของอาหาร ที่ได้แก่โรคกระเพาะอาหาร ที่ท้องอืดอยู่เสมอ พวกนี้ไม่ควรเข้าไปยืนใกล้ อสุภ หรือว่าศพที่เขาตายแล้วมีกลิ่นเน่าเพราะว่ามันเป็นอันตรายกับร่างกาย แต่ทว่าจะใช้อารมณ์นี้ได้ ในเมื่อใช้กรรมฐานอย่างอื่นเป็นฌาน ใช้จิตพิจารณาเฉย ๆ เพราะว่าจิตเป็นสมาธิ จิตเป็นฌาน ปัญญามันเกิด เป็นอันว่าเรื่องแนะนำกันขอผ่านไป หมดเวลาไปตั้งเยอะ เหลือเวลาอีก 6 นาที
ตอนนี้ก็มาขอแนะนำกันสักเล็กน้อย ว่าการพิจารณาอสุภกรมฐาน พิจารณาตอนไหน ตอนคนตายสัตว์ตาย คนเขาตายแล้ววันหนึ่ง สองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน เห็นจะไม่ต้องอธิบายกัน วันหนึ่งมีลักษณะเป็นยังไง สองวัน สามวันมีลักษณะเป็นยังไง จนกระทั่งขึ้นยึด น้ำเหลืองไหล ตาปลิ้นลิ้นจุก แล้วก็มีกายโทรมลง จนกระทั่งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก หนังหายไป เหลือเส้นเอ็นหุ้มกระดูก เส้นเอ็นหายไป เหลือแต่กระดูก อย่างนี้เรียกกันว่า อสุภกรรมฐาน เฉพาะในร่างของคน แต่ทว่าการพิจารณาจริง ๆ เขาไม่พิจารณาแต่คน ไม่พิจารณาแต่สัตว์ พิจารณาถึงแม้แต่ว่าวัตถุต่าง ๆ มันก็ไม่สวยไม่งาม แต่ว่านั่นเป็นอารมณ์ละเอียด นี่ว่ากันถึงอารมณ์หยาบเสียก่อน ทีนี้การเจริญอสุภกรรมฐานจริง ๆ จัง ๆ เขาทำกันแบบนี้
ในสมัยพระพุทธเจ้าก็ดี ในสมัยหลังก็ดี ที่เขาทำกัน เขามักจะพยายามหาศพ คือคนตาย หรือว่าสัตว์ตาย ตายแล้วมันยิ่งเน่าเท่าไรก็ยิ่งดี หาทางไปพิจารณาคือ ยืนดู พิจารณาดู ดูอาการที่น้ำเหลืองไหล ดูอาการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง พิจารณาดูว่าขณะที่เขามีลมปราณอยู่ ลักษณะร่างกายเป็นยังไง พอสิ้นลมไปแป๊บเดียว ร่างกายที่อบอุ่นก็เย็นชืด เพราะธาตุไฟหมดไป ธาตุลมหมดไป ตอนนี้คนที่รักกันเกือบตายก็เข้าใกล้ไม่ได้ เพราะเริ่มกลัว กลัวอะไร กลัวสกปรก
ไอ้คำว่ากลัวผีหลอกนะ ไอ้ผีเผอน่ะมันไม่มี เพราะว่ากลักการสิ้นลม กลัวร่างกายที่ปราศจากจิตวิญญาณ หรือว่าสภาพเดิมความอบอุ่น ความนิ่มนวลมันหมดไป เราก็เริ่มเกลียด เริ่มกลัว เมื่อมีชีวิตจิตใจอยู่รักกันเกือบตาย พอดายนิดเดียวก็เข้าหากันไม่ได้ นั่นเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะมันไม่น่ารัก มันหมดที่จะรักเสียแล้ว จุดที่รักจริง ๆ ความจริงไอ้เมื่อขณะรักกันจริง ๆ มันต้องการเนื้อ ต้องการหนัง แต่ทว่าพอสิ้นลมปราณไปหน่อยเดียว จิตออกจากร่าง ไอ้เนื้อหนังที่เราต้องการ เราก็ไม่ต้องการ เพราะอะไร เพราะสภาพมันเปลี่ยนแปลงไปจากความอบอุ่น กลายเป็นการเย็นชืด ต่อมาเนื้อหนังกลอกปอกเปิก น้ำเหลืองไหล ลิ้นจุก ตาโปน กลิ่นเหม็นฟุ้งเกลียดใหญ่ คราวนี้เข้าใกล้ไม่ได้ แต่ว่าเรื่องนี้จะเก็บไว้พูดในวันหลัง จะพูดในลักษณะของการยืนพิจารณาศพก่อน
การยืนพิจารณาศพนี้ ต้องมีความฉลาด องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ทรงแนะนำไว้อย่างนี้ ว่า จงอย่ายืนท้ายลม ถ้ายืนท้ายลมนี่กลิ่นเหม็นมันจะเข้าจมูก เข้าปาก มันจะเกิดโทษ เพราะว่ากลิ่นเหม็นจะเป็นปัจจัยให้เกิดโรค จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงมีความละเอียดพอ แล้วก็จงอย่ายืนเหนือลม ยืนเหนือลมจริง ๆ ไอ้กลิ่นเหม็นมันก็หวนกลับเข้าไปหาตัวได้ แล้วก็จงอย่ายืนตรง คือว่าลักษณะร่างกาย อย่าให้มันตรงซากศพเกินไป เพราะจะขวางทางของอมนุษย์ มีอสุรกายเป็นต้น ที่ต้องการเข้าไปกินซากศพ ถ้าขวางแกเข้า ถ้าแกแกล้งเรา มันก็ยุ่งเหมือนกัน ท่านให้ยืนด้านหนือลม แต่ยืนเฉียง ๆ ไม่ใช่ตรงศพ เพราะเวลาที่ลมพัดมา มันจะพากลิ่นเลยออกไป กลิ่นเหม็นจะไม่กระทบเรามากเกินไป
แต่แหม..บางศพนี่คุณเอีย พอเขาเปิดโลงพับ กลิ่นพรวดขึ้นมาเข้าจมูก เกือบช็อก บางทีเกือบอาเจียน อย่างนี้ผมก็โดนมาแล้วนะ แต่ว่านี่เป็นลักษณะของการพิจารณาศพ ว่าการจะเข้าไปพิจารณาศพจะต้องทำกันแบบนี้ จำไว้แล้วก็ฟังแล้วก็ต้องจำนะ อย่าใช้แบบโง่ ไม่ใช่จำแล้วก็ฟังส่ง เวลาไปยืนดูศพจริง ๆ ยืนท้ายลมบ้าง ยืนเหนือลมบ้าง ยืนตรงศพบ้าง ถ้าอย่างนี้มันเป็นภัย มันเป็นโทษ
เอ้าสำหรับวันนี้ก็ได้กันแค่นี้แหละ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะวันนี้ไปเจอะโง่เข้า ความจริงไม่เจอะแต่วันนี้ เจอะมาหลายวันแล้ว ก็นั่งนึกในใจ ว่าโอหนอ น่าสงสารฟังกันไม่รู้ว่าเท่าไร อารณ์ที่ว่ากันถึงอรหัตผลน่ะ พูดกันไม่รู้ว่ากี่รอบ ฟังเทปที่บันทึกไว้ก็ไม่รู้ว่าเท่าไร ยังไม่มีปัญญาเป็นเครื่องพิจารณากัน อันนี้น่าสงสารอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าการศึกษาอย่างสมัยก่อน ไม่ได้ฟังกันอย่างนี้ก็เลยไม่ต้องได้อะไรกันเลย
เอาละสำหรับวันนี้ก็ยังไม่มีอะไร ขอบรรดาท่านทั้งหลายทรงกำลังใจที่เคยปฏิบัติมา จะด้วยการพิจารณาหรือภาวนาอะไรก็ได้ตามอัธยาศัย จนกว่าจะเห็นว่าเวลานั้นมาถึง จนจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่า สมควรว่าท่านจะเลิก สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://ppantip.com/profile/8483559#topics