สวัสดีค่ะ วันนี้จะชวนมาทำสุกี้ญี่ปุ่น หรือสุกี้น้ำดำที่รสชาติน้ำซุปเข้มข้นกันนะคะ
ปกติชอบเราชอบกินที่ร้าน Momo Paradise มาก เวลาเดินผ่านร้านแล้วได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำซุปลอยมาเตะจมูกทีไร
รู้ตัวอีกทีก็ไปนั่งอยู่ในร้านแล้วค่ะ แต่พอกินบ่อยๆ ก็ชักจะรู้สึกว่ามันแพ๊งแพงเน๊อะ เริ่มเสียดายตังค์ ก็เลยมาลองทำกินเองดีกว่า
ถึงแม้ว่ากลิ่นจะไม่ยั่วยวน หอมหวลเท่ากับที่ร้าน แต่ว่ารสชาติก็อร่อยไม่แพ้กันเลยนะคะ แถมยังเค็มน้อยกว่าด้วย แหะๆ (มโนเอง)
เครื่องปรุงก็มีราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร แต่ถ้าเทียบแล้วซื้อครั้งนึงก็ทำกินได้หลายครั้ง ก็ยังคุ้มกว่าไปกินที่ร้านอยู่นะคะ
แถมอิ่มอร่อยกันได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย สรุปแล้ว คิดยังไงก็คุ้มค่ะคุ้ม เพราะเดือนๆ นึง เราทำกินเองบ่อยมาก
นอกจากจะกินในครอบครัวแล้ว เพื่อนๆ เราก็ยังชอบทุกคนค่ะ มักจะร้องมาปาร์ตี้สุกี้น้ำดำที่บ้านเราอยู่เรื่อยๆ
……….เรามาดูเครื่องปรุงและวัตถุดิบสำหรับวันนี้กันค่ะ……….
เครื่องปรุงน้ำซุป
1. น้ำเปล่า 1 ลิตร
2. โชยุ 3 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ 165 กรัม)
3. มิริน 2 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ110 กรัม)
4. สาเก 2 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ110 กรัม)
5. ฮอนดาชิ ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ช้อนซุปขนาดตามภาพด้านล่าง หรือประมาณ 40 กรัม)
6. น้ำตาลทราย ประมาณ 2+1/2 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ช้อนซุปขนาดตามภาพด้านล่าง หรือประมาณ 50 กรัม)
***น้ำซุปปกติเราจะใช้ปลาโอแห้ง กับ สาหร่ายคอมบุ ค่ะ ถ้าใครอยากเลี่ยงผงชูรส ให้ใช้ปลาโอแห้งแทนฮอนดาชิก็ได้นะคะ
เพียงแต่ว่าเราฝากคุณสามีซื้อปลาโอแห้งที่แมคโครคราวก่อน แล้วของหมด เหลือแต่ฮอนดาชิ ก็เลยใช้ตัวนี้แทนค่ะ
ซึ่งก็สะดวกดี กล่องนึงราคาสามร้อยกว่าบาท กิโลนึงใช้ได้นานเลย แนะนำว่าให้เก็บในตู้เย็นนะคะ
แต่อย่างที่บอก ถ้าแพ้ผงชูรสก็ไม่ควรค่ะ เสนอให้เป็นทางเลือกค่ะ ไม่ใส่ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ***
หรือถ้าหาปลาโอแห้งไม่ได้ก็ใช้ปลาหมึกแห้งกับกุ้งแห้งมาต้มน้ำซุปแทนก็ได้ค่ะ ต้มเสร็จแล้วก็กรองออก
แล้วค่อยเอาน้ำซุปไปปรุงรสต่อ หรือเอาสะดวกกว่านั้นจะใช้ซุปก้อน หรือจะไม่ใส่เลยก็ได้
และสาเก เราว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ เพราะบางทีเราก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง คือถ้ามีก็ใส่ ไม่มีก็ไม่ใส่ เราไม่ซีเรียสกับสาเกเลย
บางทีเราก็ "ใช้แค่โชยุ มิริน น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า" เลยด้วยซ้ำ ทำออกมาอร่อยเหมือนกันค่ะ
***เครื่องปรุงไม่ครบ มีแค่ "โชยุ, มิริน, น้ำตาลทราย, น้ำเปล่า" ก็อร่อยได้นะคะ***
**ดูแล้วมาตรวัดของเรานี่ไม่ได้มีความมาตรฐานเล๊ยยยยย กระบวยตักสุกี้งี๊ ช้อนซุปงี๊ เพราะฉะนั้นรสชาติไม่ต้องปรุงตามเรา
ก็ได้นะคะ อันนี้แล้วแต่ชอบเลย ลองค่อยๆ ใส่ แล้วชิมดูค่ะ แต่สัดส่วนเท่านี้คือรสชาติที่เราชอบค่ะ หรือถ้าปรุงเค็มไประหว่างต้มก็ค่อยๆ เติมน้ำเปล่านะคะ แล้วน้ำจากผักและเนื้อจะออกมารวมกับน้ำซุปอีก รสชาติจะกลมกล่อมขึ้นเองค่ะ**
อันนี้คือฮอนดาชิ ให้ดูแบบชัดๆ ค่ะ เผื่อสำหรับคนที่ไม่ทราบว่าหน้าตามันเป็นยังไง
และมาตรวัดขนาดช้อนซุปของเรา แฮร่!!
ต่อด้วยมาตรวัด กระบวยสุกี้!!!
___________________________________________________________________
อันดับแรก เรามาเริ่มทำน้ำซุปกันก่อนเลยค่ะ
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงหม้อค่ะ ตั้งไฟอ่อนๆ จนกระทั่งเดือดและผงดาชิละลายหมด แล้วจึงปิดไฟค่ะ
จากนั้นมาเตรียมชุดผักกันค่ะ ผักก็จัดตามชอบเลย แต่ผักหลักๆ ของเราที่ขาดไม่ได้ก็จะเป็นต้นหอมญี่ปุ่น หอมใหญ่
ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง ขึ้นช่าย แล้วก็มีเต้าหู้ กับ เส้นบุก (ชิราตากิ) แต่บางทีก็ใช้เส้นอุด้งแทนค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เต้าหู้ส่วนใหญ่เค้าจะใช้เต้าหู้โมเมนกันเน๊าะ แต่เราใช้แบบเนื้อเหนียวๆ หนึบๆ อ่ะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร
แต่หน้าตาจะเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ แพ็คนึงราคาประมาณ 46 บาท เราว่าอร่อยกว่าโมเมน อันนี้แล้วแต่คนชอบเน้อ
ต่อด้วยสันคอหมูสไลด์ และสามชั้นสไลด์ ส่วนใหญ่เราชอบซื้อแบบสำเร็จเป็นแพคแช่แข็ง จากแมคโครค่ะ ถูกดี
แพคละ 1 กก. ประมาณ 160 บาทได้ แต่สำหรับทำชาบูก็จะหนาไปหน่อย หรือถ้าซื้อจากตลาดเราก็จะฟรีสไว้ก่อน
พอแข็งตัวได้ที่แล้ว ก็ค่อยนำมาสไลด์ค่ะ
อันนี้สไลด์เองค่ะ
อันนี้ซื้อจากแมคโครค่ะ แบบสไลด์สำเร็จ
และอันนี้ของโปรดสุดๆ เนื้อหนอกค่ะ ซื้อจากตลาดสด แล้วมาสไลด์เอง แช่ฟรีสก่อนแล้วค่อยมาสไลด์ถึงจะดีนะคะ
แต่บางทีไม่มีเวลาแช่แล้วก็สไลด์เลย ได้เนื้อหนาบ้าง บางบ้าง ไม่สม่ำเสมอ แต่ยังไงก็อร่อยเหมือนเดิม
อันนี้ยืมภาพของเก่ามา ลายเนื้อสวยๆ กินแล้วฉ่ำ ละลายในปาก และอ้วนนนนนนนนมากกกกกกกกกก เช่นกัน
และสุดท้ายน้ำจิ้มสุกี้ของเรา..."ไข่สด" ค่ะ ลงทุนซื้อแบบแพคๆ ที่ปลอดเชื้อหน่อยเน๊อะ เพราะเราต้องกินแบบดิบๆ
ชักภาพหมู่กันสักหน่อย อิอิ
___________________________________________________________________
เตรียมเสร็จแล้ว เรามาเริ่มลงมือกินกันเลยค่ะ อันดับแรกเทน้ำมันลงไปในกระทะเล็กน้อย
หรือจะใช้มันเนื้อ มันหมู ก็ได้นะคะ แต่เราใช้น้ำมัน แล้วนำหอมใหญ่กับต้นหอมญี่ปุ่นลงผัดให้หอมๆ
ใส่เต้าหู้ลงไป จี่ให้เต้าหู้มีสีสันเล็กน้อย
ขั้นตอนนี้ลืมถ่ายรูป แต่เพื่อนถ่ายวีดีโอไว้ เลยใช้วิธีแคปภาพแทนค่ะ
ใส่เนื้อหมูหรือเนื้อลงไปผัดๆๆ แล้วเติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อย พอขลุกขลิก
จัดเรียงทุกอย่างลงหม้อค่ะ เสร็จแล้วเทน้ำซุปลงไปให้พอท่วมผักและเนื้อ ไม่ต้องเยอะนะคะ
แค่พอขลุกขลิกๆ แล้วก็รอจนกว่าจะเดือด เคี่ยวไปสักพัก ให้น้ำซุปได้ซึมเข้าเนื้อค่ะ
ระหว่างนี้ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่รอเลย เราจะเอาไข่ดิบไว้จิ้มกับสุกี้ของเราค่ะ
สุกี้ของเราเดือดแล้ว กลิ่นหอมชวนหิวจริงๆ เริ่มหม่ำได้ค่ะ
รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปในเนื้อ รสชาติเค็มๆ หวานๆ แล้วนำไปจิ้มกับไข่ดิบให้ชุ่มๆ
บอกเลยว่ามันหวาน ลื่นคอ ไม่คาวเลย จุ่มลงไปในไข่สดๆ เพื่อลดความเค็มหวาน และไม่ร้อนลวกปากค่ะ
ณ จุดๆ นี้ คือฟินนนนนนนนนนนนนนนนนน
ซูมๆ นะคะ มาค่ะ มาหม่ำด้วยกัน
มีความเอร็ดอร่อยกันทุกนาง
สำหรับวันนี้ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่าน และขอปิดท้ายกระทู้ด้วยภาพ...หม้อเดือด!!!!! สวัสดีค่ะ
edit : เพิ่มเติมข้อความค่ะ
สุกี้ยากี้ญี่ปุ่น สุกี้น้ำดำๆ เราก็ทำกินเองได้นะเออ
ปกติชอบเราชอบกินที่ร้าน Momo Paradise มาก เวลาเดินผ่านร้านแล้วได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำซุปลอยมาเตะจมูกทีไร
รู้ตัวอีกทีก็ไปนั่งอยู่ในร้านแล้วค่ะ แต่พอกินบ่อยๆ ก็ชักจะรู้สึกว่ามันแพ๊งแพงเน๊อะ เริ่มเสียดายตังค์ ก็เลยมาลองทำกินเองดีกว่า
ถึงแม้ว่ากลิ่นจะไม่ยั่วยวน หอมหวลเท่ากับที่ร้าน แต่ว่ารสชาติก็อร่อยไม่แพ้กันเลยนะคะ แถมยังเค็มน้อยกว่าด้วย แหะๆ (มโนเอง)
แถมอิ่มอร่อยกันได้ทั้งครอบครัวอีกด้วย สรุปแล้ว คิดยังไงก็คุ้มค่ะคุ้ม เพราะเดือนๆ นึง เราทำกินเองบ่อยมาก
นอกจากจะกินในครอบครัวแล้ว เพื่อนๆ เราก็ยังชอบทุกคนค่ะ มักจะร้องมาปาร์ตี้สุกี้น้ำดำที่บ้านเราอยู่เรื่อยๆ
เครื่องปรุงน้ำซุป
1. น้ำเปล่า 1 ลิตร
2. โชยุ 3 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ 165 กรัม)
3. มิริน 2 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ110 กรัม)
4. สาเก 2 กระบวย (ใช้กระบวยตักสุกี้ตามภาพด้านล่าง หรือปริมาณ110 กรัม)
5. ฮอนดาชิ ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ช้อนซุปขนาดตามภาพด้านล่าง หรือประมาณ 40 กรัม)
6. น้ำตาลทราย ประมาณ 2+1/2 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ช้อนซุปขนาดตามภาพด้านล่าง หรือประมาณ 50 กรัม)
เพียงแต่ว่าเราฝากคุณสามีซื้อปลาโอแห้งที่แมคโครคราวก่อน แล้วของหมด เหลือแต่ฮอนดาชิ ก็เลยใช้ตัวนี้แทนค่ะ
ซึ่งก็สะดวกดี กล่องนึงราคาสามร้อยกว่าบาท กิโลนึงใช้ได้นานเลย แนะนำว่าให้เก็บในตู้เย็นนะคะ
แต่อย่างที่บอก ถ้าแพ้ผงชูรสก็ไม่ควรค่ะ เสนอให้เป็นทางเลือกค่ะ ไม่ใส่ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ***
หรือถ้าหาปลาโอแห้งไม่ได้ก็ใช้ปลาหมึกแห้งกับกุ้งแห้งมาต้มน้ำซุปแทนก็ได้ค่ะ ต้มเสร็จแล้วก็กรองออก
แล้วค่อยเอาน้ำซุปไปปรุงรสต่อ หรือเอาสะดวกกว่านั้นจะใช้ซุปก้อน หรือจะไม่ใส่เลยก็ได้
และสาเก เราว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ เพราะบางทีเราก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง คือถ้ามีก็ใส่ ไม่มีก็ไม่ใส่ เราไม่ซีเรียสกับสาเกเลย
บางทีเราก็ "ใช้แค่โชยุ มิริน น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า" เลยด้วยซ้ำ ทำออกมาอร่อยเหมือนกันค่ะ
ก็ได้นะคะ อันนี้แล้วแต่ชอบเลย ลองค่อยๆ ใส่ แล้วชิมดูค่ะ แต่สัดส่วนเท่านี้คือรสชาติที่เราชอบค่ะ หรือถ้าปรุงเค็มไประหว่างต้มก็ค่อยๆ เติมน้ำเปล่านะคะ แล้วน้ำจากผักและเนื้อจะออกมารวมกับน้ำซุปอีก รสชาติจะกลมกล่อมขึ้นเองค่ะ**
นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงหม้อค่ะ ตั้งไฟอ่อนๆ จนกระทั่งเดือดและผงดาชิละลายหมด แล้วจึงปิดไฟค่ะ
ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง ขึ้นช่าย แล้วก็มีเต้าหู้ กับ เส้นบุก (ชิราตากิ) แต่บางทีก็ใช้เส้นอุด้งแทนค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แพคละ 1 กก. ประมาณ 160 บาทได้ แต่สำหรับทำชาบูก็จะหนาไปหน่อย หรือถ้าซื้อจากตลาดเราก็จะฟรีสไว้ก่อน
พอแข็งตัวได้ที่แล้ว ก็ค่อยนำมาสไลด์ค่ะ
อันนี้สไลด์เองค่ะ
อันนี้ซื้อจากแมคโครค่ะ แบบสไลด์สำเร็จ
แต่บางทีไม่มีเวลาแช่แล้วก็สไลด์เลย ได้เนื้อหนาบ้าง บางบ้าง ไม่สม่ำเสมอ แต่ยังไงก็อร่อยเหมือนเดิม
หรือจะใช้มันเนื้อ มันหมู ก็ได้นะคะ แต่เราใช้น้ำมัน แล้วนำหอมใหญ่กับต้นหอมญี่ปุ่นลงผัดให้หอมๆ
ใส่เต้าหู้ลงไป จี่ให้เต้าหู้มีสีสันเล็กน้อย
แค่พอขลุกขลิกๆ แล้วก็รอจนกว่าจะเดือด เคี่ยวไปสักพัก ให้น้ำซุปได้ซึมเข้าเนื้อค่ะ
บอกเลยว่ามันหวาน ลื่นคอ ไม่คาวเลย จุ่มลงไปในไข่สดๆ เพื่อลดความเค็มหวาน และไม่ร้อนลวกปากค่ะ
ณ จุดๆ นี้ คือฟินนนนนนนนนนนนนนนนนน
edit : เพิ่มเติมข้อความค่ะ