วันอาทิตย์ที่ 17-7-16 ตอนบ่ายไปซื้อของที่ตลาดนัดจตุจักร ซื้อของเสร็จ
ชวนแฟนไปหล่อเทียนพรรษาที่วัดปทุมวนาราม ตามด้วยกินมื้อเย็นที่ติ่งไท่ฟง ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิร์ล
ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีจตุจักร ระหว่างทางแฟนอยากไปลองร้านที่ซอยงามดูพลี หลังจากที่เคยเดินผ่าน
ระหว่างไปกินมื้อเย็นที่ Malai Coffee House ที่โรงแรมมาเลเซียสองครั้ง
Malai Coffee House @ Malaysia Hotel by laser
http://ppantip.com/topic/33361538
และ เที่ยวไปกินไป by laser @ Malai Coffee House & Schneider Weisse
http://ppantip.com/topic/35257328
จึงไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีสุขุมวิท ออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีลุมพินี ทางด้านทางออกที่ 1 (งามดูพลี)
ออกจากสถานีเลี้ยวขวาเดินไปทางบ่อนไก่ ประมาณ 100 เมตรถึงปากซอยงามดูพลี
เลี้ยวขวาเข้าซอยประมาณ 20 เมตร ร้านที่จะมาอยู่ทางด้านซ้ายมือ
และอยู่เยื้องกับทางเข้าภัตตาคารจันทร์เพ็ญขายทะเล ทางด้านถนนงามดูพลี
แต่อยู่ถึงก่อนถึงลานจอดรถจันทร์เพ็ญ 2 ซึ่งอยู่ถัดไปประมาณ 30 เมตร
ร้านนี้มีชื่อว่า "ภัตตาคารซันมูน"
แต่คนเรียกกันผิด ๆ ว่าร้านเกี๊ยวจีน เพราะคำว่า "เกี๊ยวจีน" บนป้ายไฟชั้นสองของร้าน
เป็นคำแปลอักษรจีนสีแดงสี่คำ คือ "จงกว๋อซุ่ยเจี้ยว" หรือ "ตงก๊กจุ๋ยเกี้ยว" (แต้จิ๋ว) ซึ่งแปลว่า "เกี๊ยวน้ำจีน"
กลายเป็นคำเรียกติดปากทั่วไป ที่ทางร้านไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
ร้านเปิดทุกวัน โดยแบ่งเปิดเป็นช่วงสองเวลาทุกวัน
มื้อเที่ยงตั้งแต่ 11.00-14.00 น. มื้อเย็นตั้งแต่ 17.00-21.30 น. มาถึง 16.40 น.
ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ประตูไม่ได้ล็อค จึงเข้าไปนั่งรอในร้าน 10 นาทีถัดมา พนักงานมาเปิดเครื่องปรับอากาศให้
หน้าร้านจอดรถไม่ได้ แต่นำรถไปจอดที่ลานจอดรถจันทร์เพ็ญ 2 แล้วนำบัตรจอดรถประทับตราที่ร้านได้
เป็นครั้งแรกที่มาร้านนี้ หยิบรายการอาหารมาดูก่อน
ปกรายการอาหารแถวแรกเขียนว่า "เย่อเยี่ยโหลว" หรือ "ยิกง้วยเหลา" หรือ "ภัตตาคารสุริยันจันทรา"
หรือ "ภัตตาคารซันมูน" เหมือนซันมูนเลคในไต้หวัน เหมือนจะเป็นร้านอาหารจีนไต้หวัน
ซึ่งปัจจุบันมีหลายร้าน เช่น ร้านเต้าหู้ย่งเหอ ร้านติ่งไต่ฝู ร้านติ่งไท่ฟง ร้านอะจิเซ็น เป็นต้น
แต่ร้านเหล่านี้ก็ผสมอาหารจากหลายถิ่นในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
รายการมีแค่ 8 หน้า หน้าซ้ายสั่ง 3 อย่าง
หน้าขวาจิ้มไปที่เกี๊ยวหมู-กุ้ง-กุยช่ายลวก ช่างบังเอิญจริง ๆ เป็นเกี๊ยวรายการเดียวที่เหลืออยู่
บะหมี่หมด ก๋วยเตี๋ยวหมด เสี่ยวหลงเปาหมด
ถามพนักงานว่าอาหารของทางร้าน
เป็นอาหารจีนทางแถบไหน พนักงานว่าบอกว่าผสมกันหลายแห่ง
รายการอาหารดูพื้น ๆ ทุกรายการมีราคากำกับ
ยกเว้นเครื่องดื่ม
อาหารใหม่นอกรายการ แฟนสั่งไก่ผัดเสฉวน
ส่วนตัวเองสั่งจานที่แพงที่สุดในร้าน คือ ซี่โครงแพะ
การสั่งสามารถเขียนใส่กระดาษส่งให้พนักงาน หรือ ให้พนักงานมาจดก็ได้
เครื่องปรุงบนโต๊ะมีแค่สองอย่าง คือ พริกไทยและน้ำมันพริก
แต่จะมีซอสเปรี้ยวให้คนละถ้วย
ระหว่างรออาหารขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง
ด้านหลังเป็นห้องครัว
ด้านหน้ากั้นเป็นห้อง มีโต๊ะนั่งแบบโต๊ะกลมอีกสี่โต๊ะ
เครื่องดื่มของแฟนเป็นชาจีนมะลิร้อน 1 กา 15 บาท
ของตัวเองตั้งใจจะสั่งเบียร์ชิงเต่า แต่รอให้อาหารมาก่อน
จานแรก เกี๊ยวนึ่งไส้หมู-กุ้ง-กุยช่าย 100 บาท
1 จานมี 10 ตัว แป้งหนาปานกลาง มีน้ำซุปข้างในเล็กน้อย
ไส้หมูสับปรุงรสอ่อน แต่หากลิ่นกุ้งไม่เจอ
จะจิ้มซอสเปรี้ยว หรือ พริกเผาในน้ำมันก็ได้
เห็นหลายคนพูดถึงจานนี้ แต่ไม่ค่อยแน่ใจกับชื่อผัดถั่วแปก
ถามพนักงานว่าเป็นถั่วอะไร พนักงานตอบว่า "เอามั้ยคะ?"
สั่งมาลอง 1 จาน 130 บาท หน้าตาเหมือนถั่วฝักยาวผัดกระเทียมสับหยาบ
รสชาติดี เค็มพอเหมาะ ถั่วกรอบ มีรสหวานในตัวเล็กน้อย ไม่เผ็ดพริกขี้หนูแดงที่ใส่มาสองเม็ด
รสชาติไม่ใช่ถั่วฝักยาว แถมเมล็ดถี่กว่าถั่วฝักยาว แต่เป็นถั่วแขกฝักอ่อน หรือ ถั่วเข็ม ตัดหัวท้ายผัดไฟแรง
สงสัยตอนส่งชื่ออาหารไปทำรายการอาหาร เขียนตัว "ข" หางยาวไปหน่อย
โรงพิมพ์นึกว่าตัว "ป" จาก "ถั่วแขก" จึงกลายเป็น "ถั่วแปก"
ดูจากรายการอาหารอีกครั้ง ไม่ได้ใช้ชื่อ"ผัดถั่วแปก" แต่ใช้ชื่อว่า "ผัดถั่วใส่พริก"
จานที่ 3 มาร้านนี้ต้องสั่ง มะเขือเฟรนช์ฟรายส์ 130 บาท
มะเขือยาวหั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมแบบมันฝรั่งเฟรนช์ฟรายส์
ทอดจนผิวกรอบ คลุกกับน้ำตาลเคี่ยวในกระทะ เติมเกลือ แล้วผัดคลุกเคลือบด้านนอก
กินเพลินดี อารมณ์ออกไปทางกินฟักเชื่อม แต่เพิ่มรสเค็มมาด้วย
สั่งเบียร์ชิงเต่าขวดใหญ่บอกไม่มี ไม่มีไม่เอา
กลับยกเบียร์สิงห์ขวดใหญ่มาให้ พร้อมน้ำแข็งหนึ่งแก้ว 110 บาท
มาพร้อมพริกยัดไส้ ที่เห็นที่ไหนต้องสั่งมาลอง
9 ชิ้น 130 บาท ถูกกว่าติ่งไท่ฟง
หอมพริกเขียวที่ไม่เผ็ดเลย
ไส้หมูสับรสชาติดี น้ำแดง หรือ น้ำเกรวี่ที่ราดจืด สู้ติ่งไท่ฟงไม่ได้
จานนี้กินแทบจะคนเดียว และเป็นจานเดียวที่เหลือในร้าน
ต่อด้วยจานที่แพงที่สุดในร้าน ซี่โครงแพะ 400 บาท
หนึ่งจานมีเก้าชิ้น แต่เป็นแปดชิ้นใหญ่กับหนึ่งชิ้นเล็ก
ยกจานนี้มาวาง มีแต่คนโต๊ะอื่นชะเง้อมอง
มันควรจะต้องมีน้ำจิ้มนะ อย่างน้อยต้องเป็นข่าสับในน้ำมันพืช หรือ ในน้ำส้มสายชู
พอถามพนักงาน จึงไปเอาถ้วยน้ำจิ้มใส่ผงสีน้ำตาลมาให้หนึ่งถ้วย
จัดการโรยบางส่วนลงบนซี่โครงแพะสองชิ้น
ไม่ใช่ข่าป่น แต่เป็นเครื่องเทศแบบแขก
อารมณ์เหมือนนั่งกินอยู่ที่ร้านอาหารอาหรับในซอยนานาเหนือ
น่าจะเป็นอาหารแบบอิสลาม จานนี้น่าจะเป็นอาหารแถบซินเกียงของจีน
เนื้อติดซี่โครงด้านหนึ่งหนาด้านหนึ่งบาง หมักจนไม่มีกลิ่นสาบแพะแม้แต่น้อย เนื้อเปื่อยยุ่ย
ชุบแป้งเล็กน้อยทอดพอแป้งกรอบ จานนี้อร่อยมาก โดยเฉพาะเมื่อโรยผงในถ้วยตามด้วยซอสเปรี้ยวเล็กน้อย
ขนาดแฟนไม่ชอบกินเนื้อแพะ ลองชิมชิ้นเล็กยังกินหมดไม่เหลือ
โต๊ะมาใหม่ผู้หญิงสามคน เห็นกินด้วยมืออย่างเพลิดเพลินแทะไม่เหลือ ถึงกับต้องเรียกพนักงานมาถาม
ร้านนี้อาหารให้ปริมาณค่อนข้างมาก อย่าได้หลงผิดจากรูปในรายการอาหาร
สั่งไปหกอย่าง แต่อย่างที่หกยังไม่มาสักที กำลังภาวนาให้ลืมจด
สงสัยนึกดังไปหน่อย นึกเสร็จยกมาวางที่โต๊ะทันที
จานที่หก ไก่ผัดเสฉวน 190 บาท
เห็นพูนจานขนาดนี้ ยังนึกว่าคงต้องสั่งห่อ
มีรสเผ็ดเล็กน้อย ไหน ๆ ก็ต่อท้ายด้วย "เสฉวน"
ตอนผัดน่าจะใส่ "ชิงเจียว" หรือ "หมาล่า" หรือ "มะแขว่น" ลงไปหน่อย จะยิ่งหอมอร่อยมากขึ้น
นึกว่าจะกินไม่หมดแต่ก็หมด ใจยังนึกอยากสั่งเนื้อเย็นอีกสักจาน
แต่กลัวสายตาพิฆาตจากคนยืนรอโต๊ะ เพราะนึกว่าจะได้โต๊ะดันสั่งเพิ่ม
ยังมีอีกหลายจานที่อยากลอง ไว้วันหลังมาใหม่
มื้อนี้ 1,205 บาท ไม่มี ++ นึกว่าจะเขียนมาเป็นภาษาจีนแบบร้านบุญโภชนา สีลม
อร่อยและราคาย่อมเยาแบบนี้ (ยกเว้นเบียร์) ต้องบอกว่า "ร้านนี้รักนะ"
และร้านนี้ต้องมีรอบสองแน่นอน เพื่อชิมอาหารจานอื่น ๆ
18.40 น.ออกจากภัตตาคารซันมูน ตั้งแต่หกโมงเย็นเริ่มต้องยืนรอโต๊ะ
แต่ก็ยืนรอไม่นาน เพราะปกติมาสองคน สั่งไม่เกินสามอย่างกินกับข้าวสวยแล้วก็ไป
จะมียกเว้นก็แต่โต๊ะนี้ มากันสองคนแต่สั่งไป 6 อย่าง ใช้เวลากิน 1 ชั่วโมง 40 นาที
การโทรฯจองโต๊ะไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ เพราะทางร้านปล่อยโต๊ะหมด
ขนาดมาคนเดียวข้างล่างเต็ม ยังได้โต๊ะกลมบนชั้นสอง การจองโต๊ะมีประโยชน์เพียงอย่างเดียว
คือ มาถึงแล้ว ได้แซงคิวคนที่มายืนรออยู่ก่อนเท่านั้นเอง ข้อที่ดี คือ ถ้าทางร้านเห็นว่าเต็มจริง ๆ จะไม่รับจองเพิ่ม
ปกติจะขอนามบัตรร้านจึงไม่จำเป็นต้องขอ ถ้าอยากมากินร้านนี้ ให้มาก่อน หรือ หลังเปิดร้านไม่เกินครึ่งชั่วโมง
ถึงปากซอยงามดูพลีเลี้ยวขวา จะไปขึ้นสะพานลอยข้ามถนนพระรามที่ 4 เพื่อเรียกรถกลับบ้าน
ใกล้ปากซอย คือ ร้านเฉโป ไม่ได้แวะมากินกว่า 20 ปีแล้ว คิดถึงเกี๊ยวกุ้งน้ำกับข้าวเฉโป ทำไมไม่ห่อกลับบ้านนะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ"เที่ยวไปกินไป by laser"
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ ภัตตาคารซันมูน (เกี๊ยวจีน)
ชวนแฟนไปหล่อเทียนพรรษาที่วัดปทุมวนาราม ตามด้วยกินมื้อเย็นที่ติ่งไท่ฟง ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิร์ล
ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีจตุจักร ระหว่างทางแฟนอยากไปลองร้านที่ซอยงามดูพลี หลังจากที่เคยเดินผ่าน
ระหว่างไปกินมื้อเย็นที่ Malai Coffee House ที่โรงแรมมาเลเซียสองครั้ง
Malai Coffee House @ Malaysia Hotel by laser http://ppantip.com/topic/33361538
และ เที่ยวไปกินไป by laser @ Malai Coffee House & Schneider Weisse http://ppantip.com/topic/35257328
จึงไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีสุขุมวิท ออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีลุมพินี ทางด้านทางออกที่ 1 (งามดูพลี)
ออกจากสถานีเลี้ยวขวาเดินไปทางบ่อนไก่ ประมาณ 100 เมตรถึงปากซอยงามดูพลี
เลี้ยวขวาเข้าซอยประมาณ 20 เมตร ร้านที่จะมาอยู่ทางด้านซ้ายมือ
และอยู่เยื้องกับทางเข้าภัตตาคารจันทร์เพ็ญขายทะเล ทางด้านถนนงามดูพลี
แต่อยู่ถึงก่อนถึงลานจอดรถจันทร์เพ็ญ 2 ซึ่งอยู่ถัดไปประมาณ 30 เมตร
ร้านนี้มีชื่อว่า "ภัตตาคารซันมูน"
แต่คนเรียกกันผิด ๆ ว่าร้านเกี๊ยวจีน เพราะคำว่า "เกี๊ยวจีน" บนป้ายไฟชั้นสองของร้าน
เป็นคำแปลอักษรจีนสีแดงสี่คำ คือ "จงกว๋อซุ่ยเจี้ยว" หรือ "ตงก๊กจุ๋ยเกี้ยว" (แต้จิ๋ว) ซึ่งแปลว่า "เกี๊ยวน้ำจีน"
กลายเป็นคำเรียกติดปากทั่วไป ที่ทางร้านไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
ร้านเปิดทุกวัน โดยแบ่งเปิดเป็นช่วงสองเวลาทุกวัน
มื้อเที่ยงตั้งแต่ 11.00-14.00 น. มื้อเย็นตั้งแต่ 17.00-21.30 น. มาถึง 16.40 น.
ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ประตูไม่ได้ล็อค จึงเข้าไปนั่งรอในร้าน 10 นาทีถัดมา พนักงานมาเปิดเครื่องปรับอากาศให้
หน้าร้านจอดรถไม่ได้ แต่นำรถไปจอดที่ลานจอดรถจันทร์เพ็ญ 2 แล้วนำบัตรจอดรถประทับตราที่ร้านได้
เป็นครั้งแรกที่มาร้านนี้ หยิบรายการอาหารมาดูก่อน
ปกรายการอาหารแถวแรกเขียนว่า "เย่อเยี่ยโหลว" หรือ "ยิกง้วยเหลา" หรือ "ภัตตาคารสุริยันจันทรา"
หรือ "ภัตตาคารซันมูน" เหมือนซันมูนเลคในไต้หวัน เหมือนจะเป็นร้านอาหารจีนไต้หวัน
ซึ่งปัจจุบันมีหลายร้าน เช่น ร้านเต้าหู้ย่งเหอ ร้านติ่งไต่ฝู ร้านติ่งไท่ฟง ร้านอะจิเซ็น เป็นต้น
แต่ร้านเหล่านี้ก็ผสมอาหารจากหลายถิ่นในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
รายการมีแค่ 8 หน้า หน้าซ้ายสั่ง 3 อย่าง
หน้าขวาจิ้มไปที่เกี๊ยวหมู-กุ้ง-กุยช่ายลวก ช่างบังเอิญจริง ๆ เป็นเกี๊ยวรายการเดียวที่เหลืออยู่
บะหมี่หมด ก๋วยเตี๋ยวหมด เสี่ยวหลงเปาหมด
ถามพนักงานว่าอาหารของทางร้าน
เป็นอาหารจีนทางแถบไหน พนักงานว่าบอกว่าผสมกันหลายแห่ง
รายการอาหารดูพื้น ๆ ทุกรายการมีราคากำกับ
ยกเว้นเครื่องดื่ม
อาหารใหม่นอกรายการ แฟนสั่งไก่ผัดเสฉวน
ส่วนตัวเองสั่งจานที่แพงที่สุดในร้าน คือ ซี่โครงแพะ
การสั่งสามารถเขียนใส่กระดาษส่งให้พนักงาน หรือ ให้พนักงานมาจดก็ได้
เครื่องปรุงบนโต๊ะมีแค่สองอย่าง คือ พริกไทยและน้ำมันพริก
แต่จะมีซอสเปรี้ยวให้คนละถ้วย
ระหว่างรออาหารขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง
ด้านหลังเป็นห้องครัว
ด้านหน้ากั้นเป็นห้อง มีโต๊ะนั่งแบบโต๊ะกลมอีกสี่โต๊ะ
เครื่องดื่มของแฟนเป็นชาจีนมะลิร้อน 1 กา 15 บาท
ของตัวเองตั้งใจจะสั่งเบียร์ชิงเต่า แต่รอให้อาหารมาก่อน
จานแรก เกี๊ยวนึ่งไส้หมู-กุ้ง-กุยช่าย 100 บาท
1 จานมี 10 ตัว แป้งหนาปานกลาง มีน้ำซุปข้างในเล็กน้อย
ไส้หมูสับปรุงรสอ่อน แต่หากลิ่นกุ้งไม่เจอ
จะจิ้มซอสเปรี้ยว หรือ พริกเผาในน้ำมันก็ได้
เห็นหลายคนพูดถึงจานนี้ แต่ไม่ค่อยแน่ใจกับชื่อผัดถั่วแปก
ถามพนักงานว่าเป็นถั่วอะไร พนักงานตอบว่า "เอามั้ยคะ?"
สั่งมาลอง 1 จาน 130 บาท หน้าตาเหมือนถั่วฝักยาวผัดกระเทียมสับหยาบ
รสชาติดี เค็มพอเหมาะ ถั่วกรอบ มีรสหวานในตัวเล็กน้อย ไม่เผ็ดพริกขี้หนูแดงที่ใส่มาสองเม็ด
รสชาติไม่ใช่ถั่วฝักยาว แถมเมล็ดถี่กว่าถั่วฝักยาว แต่เป็นถั่วแขกฝักอ่อน หรือ ถั่วเข็ม ตัดหัวท้ายผัดไฟแรง
สงสัยตอนส่งชื่ออาหารไปทำรายการอาหาร เขียนตัว "ข" หางยาวไปหน่อย
โรงพิมพ์นึกว่าตัว "ป" จาก "ถั่วแขก" จึงกลายเป็น "ถั่วแปก"
ดูจากรายการอาหารอีกครั้ง ไม่ได้ใช้ชื่อ"ผัดถั่วแปก" แต่ใช้ชื่อว่า "ผัดถั่วใส่พริก"
จานที่ 3 มาร้านนี้ต้องสั่ง มะเขือเฟรนช์ฟรายส์ 130 บาท
มะเขือยาวหั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมแบบมันฝรั่งเฟรนช์ฟรายส์
ทอดจนผิวกรอบ คลุกกับน้ำตาลเคี่ยวในกระทะ เติมเกลือ แล้วผัดคลุกเคลือบด้านนอก
กินเพลินดี อารมณ์ออกไปทางกินฟักเชื่อม แต่เพิ่มรสเค็มมาด้วย
สั่งเบียร์ชิงเต่าขวดใหญ่บอกไม่มี ไม่มีไม่เอา
กลับยกเบียร์สิงห์ขวดใหญ่มาให้ พร้อมน้ำแข็งหนึ่งแก้ว 110 บาท
มาพร้อมพริกยัดไส้ ที่เห็นที่ไหนต้องสั่งมาลอง
9 ชิ้น 130 บาท ถูกกว่าติ่งไท่ฟง
หอมพริกเขียวที่ไม่เผ็ดเลย
ไส้หมูสับรสชาติดี น้ำแดง หรือ น้ำเกรวี่ที่ราดจืด สู้ติ่งไท่ฟงไม่ได้
จานนี้กินแทบจะคนเดียว และเป็นจานเดียวที่เหลือในร้าน
ต่อด้วยจานที่แพงที่สุดในร้าน ซี่โครงแพะ 400 บาท
หนึ่งจานมีเก้าชิ้น แต่เป็นแปดชิ้นใหญ่กับหนึ่งชิ้นเล็ก
ยกจานนี้มาวาง มีแต่คนโต๊ะอื่นชะเง้อมอง
มันควรจะต้องมีน้ำจิ้มนะ อย่างน้อยต้องเป็นข่าสับในน้ำมันพืช หรือ ในน้ำส้มสายชู
พอถามพนักงาน จึงไปเอาถ้วยน้ำจิ้มใส่ผงสีน้ำตาลมาให้หนึ่งถ้วย
จัดการโรยบางส่วนลงบนซี่โครงแพะสองชิ้น
ไม่ใช่ข่าป่น แต่เป็นเครื่องเทศแบบแขก
อารมณ์เหมือนนั่งกินอยู่ที่ร้านอาหารอาหรับในซอยนานาเหนือ
น่าจะเป็นอาหารแบบอิสลาม จานนี้น่าจะเป็นอาหารแถบซินเกียงของจีน
เนื้อติดซี่โครงด้านหนึ่งหนาด้านหนึ่งบาง หมักจนไม่มีกลิ่นสาบแพะแม้แต่น้อย เนื้อเปื่อยยุ่ย
ชุบแป้งเล็กน้อยทอดพอแป้งกรอบ จานนี้อร่อยมาก โดยเฉพาะเมื่อโรยผงในถ้วยตามด้วยซอสเปรี้ยวเล็กน้อย
ขนาดแฟนไม่ชอบกินเนื้อแพะ ลองชิมชิ้นเล็กยังกินหมดไม่เหลือ
โต๊ะมาใหม่ผู้หญิงสามคน เห็นกินด้วยมืออย่างเพลิดเพลินแทะไม่เหลือ ถึงกับต้องเรียกพนักงานมาถาม
ร้านนี้อาหารให้ปริมาณค่อนข้างมาก อย่าได้หลงผิดจากรูปในรายการอาหาร
สั่งไปหกอย่าง แต่อย่างที่หกยังไม่มาสักที กำลังภาวนาให้ลืมจด
สงสัยนึกดังไปหน่อย นึกเสร็จยกมาวางที่โต๊ะทันที
จานที่หก ไก่ผัดเสฉวน 190 บาท
เห็นพูนจานขนาดนี้ ยังนึกว่าคงต้องสั่งห่อ
มีรสเผ็ดเล็กน้อย ไหน ๆ ก็ต่อท้ายด้วย "เสฉวน"
ตอนผัดน่าจะใส่ "ชิงเจียว" หรือ "หมาล่า" หรือ "มะแขว่น" ลงไปหน่อย จะยิ่งหอมอร่อยมากขึ้น
นึกว่าจะกินไม่หมดแต่ก็หมด ใจยังนึกอยากสั่งเนื้อเย็นอีกสักจาน
แต่กลัวสายตาพิฆาตจากคนยืนรอโต๊ะ เพราะนึกว่าจะได้โต๊ะดันสั่งเพิ่ม
ยังมีอีกหลายจานที่อยากลอง ไว้วันหลังมาใหม่
มื้อนี้ 1,205 บาท ไม่มี ++ นึกว่าจะเขียนมาเป็นภาษาจีนแบบร้านบุญโภชนา สีลม
อร่อยและราคาย่อมเยาแบบนี้ (ยกเว้นเบียร์) ต้องบอกว่า "ร้านนี้รักนะ"
และร้านนี้ต้องมีรอบสองแน่นอน เพื่อชิมอาหารจานอื่น ๆ
18.40 น.ออกจากภัตตาคารซันมูน ตั้งแต่หกโมงเย็นเริ่มต้องยืนรอโต๊ะ
แต่ก็ยืนรอไม่นาน เพราะปกติมาสองคน สั่งไม่เกินสามอย่างกินกับข้าวสวยแล้วก็ไป
จะมียกเว้นก็แต่โต๊ะนี้ มากันสองคนแต่สั่งไป 6 อย่าง ใช้เวลากิน 1 ชั่วโมง 40 นาที
การโทรฯจองโต๊ะไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ เพราะทางร้านปล่อยโต๊ะหมด
ขนาดมาคนเดียวข้างล่างเต็ม ยังได้โต๊ะกลมบนชั้นสอง การจองโต๊ะมีประโยชน์เพียงอย่างเดียว
คือ มาถึงแล้ว ได้แซงคิวคนที่มายืนรออยู่ก่อนเท่านั้นเอง ข้อที่ดี คือ ถ้าทางร้านเห็นว่าเต็มจริง ๆ จะไม่รับจองเพิ่ม
ปกติจะขอนามบัตรร้านจึงไม่จำเป็นต้องขอ ถ้าอยากมากินร้านนี้ ให้มาก่อน หรือ หลังเปิดร้านไม่เกินครึ่งชั่วโมง
ถึงปากซอยงามดูพลีเลี้ยวขวา จะไปขึ้นสะพานลอยข้ามถนนพระรามที่ 4 เพื่อเรียกรถกลับบ้าน
ใกล้ปากซอย คือ ร้านเฉโป ไม่ได้แวะมากินกว่า 20 ปีแล้ว คิดถึงเกี๊ยวกุ้งน้ำกับข้าวเฉโป ทำไมไม่ห่อกลับบ้านนะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ"เที่ยวไปกินไป by laser"