[CR] Nuwara Eliya....เดินป่า "ตามหาเสือดาว" ที่อุทยานแห่งชาติใน Sri Lanka | A Remarkable Journey



ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว

ตอน Nuwara Eliya เดินป่า "ตามหาเสือดาว" ที่ Sri Lanka



ติดตามตอนแรกได้ที่นี่:
ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว | Kandy | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35365917

ติดตามตอนที่สองได้ที่นี่:
บุกไร่ชา ตามหาเสือดาวที่ Nuwela Eliya, Sri LanKa | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35381926




เดินป่าที่ Horton Plains National Park


เมื่อวาน Paul บอกว่าจะพาไป "World's end" (ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร เพราะไม่ได้อ่านมา รอบนี้ไม่หาข้อมูลมาเลย รู้แค่ว่าจะมาดูไร่ชาที่นี่) แถมบอกให้ออกตอนตี 5ครึ่งนะ
ถามไปว่าทำไมต้องออกเร็วขนาดนั้น? ฉันทำสีหน้าลำบากใจในการตื่นเช้า
งั้นออกซัก 6โมงก็ได้นะ ถ้ายูไม่อยากดูพระอาทิตย์ขึ้น....
แค่สิ้นเสียงคำว่า “พระอาทิตย์ขึ้น” เท่านั้น....เอ๊าๆๆๆได้ยังไง ตกลงตีห้าครึ่งก็ได้ อาการตะกระเสียดายของเริ่มมาทันที

5:30 ของวันใหม่ ได้ยินเสียงรถของ Paul มาจอดหน้าโรงแรมแล้ว แต่ปัญหาคือ ฉันออกจากโรงแรมไม่ได้
เช้าตรู่แบบนี้ไม่มีใครตื่น แม้กระทั่งเจ้าของโรงแรม
เอาละสิ.....พยายามควานหาปุ่มกด หรือกุญแจ หรือทำเสียงดังๆให้ใครซักคนตื่นมาเปิดประตูให้
ในที่สุด เจ้าของโรงแรมก็ลุกมา คงกลัวว่าฉันจะแอบหนีออกจากโรงแรมโดยไม่จ่ายตังค์ ถึงกับต้องบอกว่า ฉันยังพักที่นี่อีก 1 คืนนะ วันนี้จะออกไปเที่ยวเร็วหน่อยเท่านั้น ถึงยอมปล่อยให้ออกมา

เลยเวลา 5:30 มาเล็กน้อย ก็พร้อมล้อหมุน

ขับรถขึ้นเขามาที่ Horton Plains National Park เรียกว่าว่าPaulพามาก็มา ไม่ได้รู้หรอกว่าจะต้องเห็นอะไรบ้าง ระหว่างทางเห็นพระอาทิตย์ขึ้น สวยเชียว แต่มุมถ่ายภาพไม่สวยเท่าที่ใจอยากให้เป็น





พอขับขึ้นเขามาเรื่อยๆ เห้ย!! นี่พามาทุ่งหญ้าสะวันนาหรือเปล่า(ว่าแต่ทุ่งหญ้าสะวันนาที่เรียนตอนเด็กๆ เค้าอยู่ประเทศอะไรหว่า)
ทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา สีเขียวปนทอง มีกวาง(กวางตัวเป็นๆ) ยืนเล็มหญ้าอยู่สามสี่ตัว..
นี่เริ่มตื่นเต้นละนะ...







ถึงทางเข้าอุทยาน นักท่องเที่ยวต้องจ่ายตังค์ค่าเข้า ซึ่งแอบแพงนิดนึง
Paul บอกแนะนำว่า เราควรขอจอยกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆตอนซื้อตั๋ว เพราะราคาตั๋วกลุ่มจะถูกกว่าตั๋วเดี่ยวซัก 30%
คือมีแค่ 3 คนขึ้นไปก็ซื้อตั๋วแบบกลุ่มได้แล้ว
ว่าแต่จะขอจอยกับใครดี Paul เหลือไปเห็นฝรั่ง2 คนด้านหน้า เลยลองไปทาบทาม ไกด์ของสองคนนั้นแอบเกรงใจลูกค้า บอกให้เราลองถามเองดีกว่า ฝรั่งสองคนใจดี ยอมให้เราร่วมไปด้วย ซึ่งแน่นอนเราทั้ง3 ได้ประโยชน์ร่วมกันคือได้ลดราคา WIN WIN กันไป
ตั๋วกลุ่มจะตรวจเฉพาะตอนเดินเข้าอุทยานเท่านั้น ระหว่างทางก็เดินตัวใครตัวมัน ขึ้นกับความเร็วและกำลังของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องกลับออกมาพร้อมกัน

ที่หน้าทางเข้า จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าสัมภาระก่อน
ที่นี่ห้ามนักท่องเที่ยวเอาถุงพลาสติกเข้าไปเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้เอาไปทิ้งขว้างด้านใน ป้องกันสัตว์ต่างๆกินโดยไม่รู้ นอกจากการติดป้ายห้ามตลอดเขตแล้ว ยังตรวจตั้งแต่ขาเข้า
เค้ามีถุงกระดาษเตรียมไว้ให้ เราต้องถ่ายขนมนมเนยที่มากับถุงพลาสติก ลงไปในถุงกระดาษ แล้วทิ้งถุงพลาสติกในถังก่อนเข้าไป
ซึ่งฉันมองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทิ้งตั้งแต่หน้าประตู ก็จะไม่เหลืออะไรไปทิ้งด้านในอีกแล้ว นอกจากถุงกระดาษที่ย่อยสลายได้หากมันหลุดปลิวจากถังขยะออกมา บ้านเราน่าเอามาทำเป็นCase study อย่างจริงจัง



พอเข้าด้านใน ก็เพิ่งถึงบางอ้อ และรู้ว่าต้องเดินเป็นวงกลมรอบๆอุทยาน เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร!!!
จากป้ายบอกว่าใช้เวลา 3 ชั่วโมงเท่านั้น

เอิ่ม!....มิน่าให้ออกแต่เช้า ไหนๆก็มาแล้ว จ่ายตังค์แล้ว ก็ต้องเดินใช่มะ
โชคดีที่ใส่รองเท้าผ้าใบมาโดยไม่ได้ตั้งใจ กลายเป็นประโยชน์ก็ตอนนี้....

อากาศเย็น ลมเย็น เลยทำให้เดินค่อนข้างสบาย มีปีนป่ายบ้าง ขึ้นเขาลงเขาบ้าง ได้ออกกำลังกายขา เดินป่า ดูกวาง เจอกระรอกตัวเท่าลิงแสม ใหญ่เว่อวัง







World's End จุดจบของโลกอยู่ที่นี่

เดินมาซักพักเราก็ถึงจุดไฮไลท์ของอุทยาน
World's End ใครนะตั้งชื่อนี้?
เค้าว่ากันว่าคนแรกที่ค้นพบที่นี่นิยามไว้ เนื่องจากด้านล่างถัดจากตรงที่นั่งอยู่นั้น เป็นหน้าผาลึก800กว่าเมตร เค้าเลยบอกว่านี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของโลก "The world ends here"

Paulเล่าว่าตอนต้นปี เคยพานักท่องเที่ยวคู่นึงมาเที่ยว เพิ่งแต่งงานใหม่มาฮันนีมูน เดินขึ้นมาถึงจุดนี้ ฝ่ายภรรยาอยากถ่ายรูป สามีก็เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ แล้วพลัดตกลงไปด้านล่าง ทุกคนที่อยู่บนนั้นช็อกไปตามๆกัน ต่างช่วยกันถอดเสื้อถอดชุดที่มี มัดเป็นเชือกแล้วโยนลงไป คุณสามีนั้น เล่าว่ากอดต้นไม้ด้านล่างแน่นเลย แต่ระหว่างที่ด้านบนหาทางช่วยและหน่วยกู้ภัยยังไม่มา คุณสามีเริ่มจะหมดแรง ถ้าอีก30นาทีไม่มา อาจจะต้องปล่อยมือแล้ว ในที่สุดต้องใช้เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยบรรทุกอุปกรณ์มาช่วยเหลือ

เมื่อช่วยเหลือขึ้นมาได้ คุณสามีร้องไห้เลย เค้าอาจจะเป็นคนเดียวในรอบหลายสิบปีที่ตกลงไป หรือเค้าอาจจะเป็นหนึ่งเดียวที่เคยรอดชีวิตจากWorld's End จุดนี้

หลังจากรอดจากเหตุการณ์นั้น ทั้งคู่พาครอบครัวชาวศรีลังกาที่ช่วยชีวิต ไปอยู่ฮอลแลนด์เพื่อตอบแทนบุญคุณ เรื่องราวของWorld's End ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ที่แน่ๆยืนขาสั่นไปถ่ายรูปไป สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องนั่งลง...ไม่ใช่จะโพสท่าหรอกนะ.....แต่กลัวตก!!!!
















เข้าป่าตามหา "เสือดาว" Finding Leopard in Sri Lanka


เสือ!!! แค่ฟังชื่อก็กลัวละ แต่มาเดินตามหาเสือ นี่มันใช่เรื่องไหม?

มาเดินป่าคราวนี้ Paulบอกว่า กวางน่ะเจอแน่ แต่ถ้าเจอเสือดาวถือว่าโชคดีมากๆเลยนะ แต่ในอุทยานนี้คาดว่ามีประมาณ 25-40ตัวแค่นั้นเอง ระหว่างที่เดินดุ่มๆชะเง้อดูผาลึกที่ World's end point
ไกด์ที่เชี่ยวชาญอีกคนที่พาอีกกลุ่มมา กวักมือเรียกPaulและฉันให้ไปดูอะไรหน่อย

ก้มดูที่พื้นดินเปียกๆ....และมันคือรอยเท้าค่ะ
"This is Leopard footprint!!!!" เสียงผู้เชี่ยวชาญพากษ์แบบไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก แค่อยากให้ดู





คนที่ตื่นเต้นกลับเป็นฉันเอง!!!!1
รอยเท้าเสือดาวยังเป็นรอยใหม่ปะปนกับรอยเท้านักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา อีกรอยคาดว่ามีคนมาเหยียบทับไปแล้วด้วย
ก็ใครจะมัวสังเกตรอยเท้าบนพื้นดินล่ะ เพราะทุกคนต่างมุ่งหน้าเดินไปชมวิวและถ่ายรูปที่ World's end ซึ่งห่างออกไปแค่5เมตรเท่านั้น ไกด์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า คาดว่าเจ้าเสือดาวคงออกมาหากินตามเส้นทางนี้ไม่กีเพลาที่ผ่านมา อาจจะออกมาล่ากวางแล้วคงหลบไปก่อนเมื่อเจอนักท่องเที่ยว

สมมตินะ....สมมติว่า ทั้งคนทั้งเสือเผชิญหน้ากันพอดี ใครจะหลบใครก่อน?
ไกด์บอกว่า "เสือจะหลบ(ไม่หมอบนะ)" เพราะเค้าก็กลัวคนเช่นกัน

ไกด์ผู้เชี่ยวชาญทำงานมาเกือบ25 ปี เห็นเสือมาแค่ 20 ครั้งเอง คราวนี้เราได้เห็นรอยเท้าถือว่าโชคดีแล้ว เพราะมันพิสูจน์ว่า "ยังมีเสือดาวอยู่แถวนี้จริง" และป่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

เดินผ่านภูมิทัศน์แถวนี้ แล้วนึกถึง "เพชรพระอุมา" ขึ้นมาอีกแล้ว แค่ไม่ต้องถือปืนมาคอยระวังภัย
แต่ใช้แค่กำลังใจและกำลังกายเท่านั้น












จากWorld’s End เราออกเดินทางต่อตามเส้นทางวงกลม จนมาถึงน้ำตกขนาดใหญ่ในอุทยาน ละอองน้ำสาดมาถึงคนที่ยืนบนฝั่งตั้งไกล จนตัวเปียกปอน
ได้ความเย็นชุ่มฉ่ำฉากน้ำตก ก็มุ่งหน้ากลับ








จริงๆคือเหนื่อยแล้วแหละ แต่ไม่อยากยอมรับ...เลยต้องก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป

ในที่สุดเราก็กลับมาบรรจบเล้นรอบวงเดิมที่ออกเดินทางไปเมื่อ 3 ชั่วโมงทีแล้ว
ฉันและPaul กระโดดโลดเต้นกับป้ายอยู่พักใหญ่ เพราะ Paul บอกว่าไม่เคยถ่ายรูปแบบกระโดดเลย ฉันเลยเป็นอาจารย์สอนวิชาให้

นี่ความสนุกสนานของ 3 ชั่วโมงที่ Horton Plains National Park  มันคุ้มค่าจริงๆ
และแน่นอน ฉันใช้เวลาเดินตามมาตรฐานที่เค้าบอกไว้ในป้ายอย่างไม่น่าเชื่อ














แวะชมไร่ชาริมทาง

ออกจาก Horton Plains National Park  ขากลับเราก็ผ่านไร่ชาอีกตามเคย
ครั้งนี้ได้เรียนรู้ว่า “อยากดูคนเก็บชา อย่าไปช่วงพักดื่มชา”


















ชื่อสินค้า:   Nuwara Eliya, Sri Lanka
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่