สวัสดีครับ
วันนี้จะมารีวิว Day-trip in Sri Lanka เนื่องจากกระแสมัลดีฟส์ช่วงนี้มีเยอะมาก และเชื่อว่ามีหลายๆ ท่าน
ที่จองไปมัลดีฟส์โดยสายการบิน Sri Lankan Airlines ซึ่งหลายคนอาจจะเลือกไฟล์ทที่ต่อเครื่องนาน
และกำลังคิดอยู่ว่าจะรอที่สนามบินหรือออกไปเที่ยวข้างนอกดี
สำหรับการเดินทางไปมัลดีฟส์ของผมครั้งนี้ ผมเลือกเดินทางโดยรอเปลี่ยนเครื่องนานทั้งขาไปและขากลับ
ขาไปแวะเปลี่ยนเครื่องนาน 8 ชั่วโมง และขากลับ แวะเปลี่ยนเครื่องนาน 13 ชั่วโมง ทำให้ผมมีเวลามากพอที่ออกไปตะลอนข้างนอกได้
แต่ก่อนอื่น ใครที่ต้องการจะออกไปเที่ยวข้างนอกขณะรอเปลี่ยนเครื่อง อย่าลืมขอ eVisa ประเภท Transit ออนไลน์ล่วงหน้า
จากเว็บไซต์
www.eta.gov.lk ซึ่งวีซ่าประเภทนี้สามารถพำนักในศรีลังกาได้ไม่เกิน 2 วัน และที่สำคัญ คือ
ไม่มีค่าใช้จ่าย
ในการขอวีซ่าประเภทนี้ เมื่อทำการกรอกข้อมูลขอวีซ่าเป็นที่เรียบร้อย ระบบจะตอบกลับทางอีเมล
และอีเมลยืนยันการอนุมัติวีซ่าภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ในเคสผม ได้วีซ่าไวยังกับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเลย)
เอาหล่ะ เมื่อได้วีซ่าเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มรีวิวกันได้เลย…
เมื่อผ่าน ตม.เรียบร้อยแล้ว ให้เดินไปตามทาง จะผ่านดิวตี้ฟรี ซึ่งมีขายแม้กระทั่งทีวี เครื่องซักผ้า พัดลม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ถือว่าแปลกดี
จากนั้นก็เดินผ่านจุดรับกระเป๋า ซึ่งโดยปกติแล้ว ใครที่ Transit กระเป๋าจะถูกเช็คไปยังปลายทางแล้ว ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องรับกระเป๋าใดๆ
ก็เดินตัวปลิวออกไปด้านนอกได้เลย
เมื่อออกมาด้านนอก จะเจอบูทของเอเจนซี่ทัวร์ แท็กซี่ และบูทแลกเงิน ผมแนะนำให้แลกเงินกันก่อนน่ะครับ
ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนในสนามบินจะเท่ากันหมด คือ 1$ = 151.5 Rupees
(สำหรับใครที่ต้องการแลกเป็นจำนวนมาก แนะนำให้แลกติดกระเป๋าไปสักหน่อย แล้วไปแลกเพิ่มในเมืองที่ร้านขายเครื่องประดับ
ซึ่งจะได้เรทดีกว่า 1$ = 153-155 Rupees)
สำหรับทริปขาแรก ผมเลือก
"เนกอมโบ" (อ่านว่า เน-กอม-โบ) เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ใช้เวลาเดินทางไปกลับนิดเดียว
ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาต่อเครื่อง 8 ชั่วโมง ของผม
ผมเดินสอบถามราคาทั้งค่าแท็กซี่ และค่า Day-tour ตามบูทต่างๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ TripAdvisor แนะนำ
และเพิ่มมาทราบภายหลังว่า
“มันแพงมากกกกกก”
ด้วยความระมัดระวังตัวเรื่องโดนฟันอยู่เป็นประจำเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ จึงเดินไปสอบถามข้อมูลจาก Tourist Information
ซึ่งอยู่ทางขวามือตรงประตูทางออกจาก Departure Gate เจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำที่ดี พร้อมกับโทรสอบถามราคาค่า Day-tour ให้
สรุปผมได้ราคาทัวร์ไปเนกอมโบ ซึ่งรวมค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าโทลเวย์ พร้อมรับ-ส่งสนามบิน ในราคา 6,500 รูปี (ตกราว 1,500 บาท)
ซึ่งถือว่าไม่เลว!!!??!
หลังจากจ่ายเงินค่าทัวร์ที่บูททัวร์ที่ Tourist Information ติดต่อไว้ให้ ก็เดินออกไปภายนอกอาคาร เพื่อขึ้นรถที่ติดต่อไว้
คนขับรถทริปนี้ของผมชื่อ
Amith เป็นคนอัธยาศัยดี ใจเย็น พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเลยทีเดียว
ฉากที่พีคนั่นคือ ผมเห็นเจ้าหน้าที่จากบูททัวร์เดินมาจ่ายเงินให้กับ Amith
เพียง 2,700 รูปี (ราวๆ 600 บาท)
นั่นก็เท่ากับว่าเราถูกฟันเป็นเท่าตัว
ตอนนั้นได้แต่ปลอบใจตัวเอง รอบหลังอย่าหวังจะฟันราคาได้อีก เลยขอเบอร์ติดต่อ Amith เอาไว้ จะได้ติดต่อเขาเองโดยตรงเลย
ใครอยากได้เบอร์ หรือ อีเมล Amith หลังไมค์มาได้เลยครับ
จุดหมายแรกในเนกอมโบ นั่นคือ..
Angurukaramulla Temple ซึ่งเป็นวัดพุทธที่มีอายุมากกว่า 300 ปี
ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม ผมชอบการปั้นนูน ให้อารมณ์ 3D ซึ่งสวยงามมาก
แวะไหว้พระ ทำบุญ และเดินชมความงามรอบๆ วัด
จากนั้นก็ไปยังจุดที่ 2 นั่นก็คือ
St.Mary's Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเนกอมโบ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเนกอมโบ อยู่ใกล้กับ Dutch Canal
แต่เสียดายที่โบสถ์ปิด จึงไม่ได้เข้าไปชมความงามภายใน
ลืมแนะนำไปว่า เนกอมโบ มีผู้นับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิค เป็นจำนวนมาก ทำให้เมืองนี้มีโบสถ์ใหญ่ๆ อยู่หลายแห่ง
สภาพบ้านเมืองของเนกอมโบ วุ่นวายเหมือนหัวเมืองต่างจังหวัดบ้านเราเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แต่ถนนไม่ได้กว้างใหญ่เท่า
มีร้านรวง แผงลอยต่างๆ ข้างทางมากมาย
การเดินทางที่สะดวก และรวดเร็ว อีกทางเลือกนึงของชาวศรีลังกาอีกอย่าง
นั่นก็คือ ตุ๊ก ตุ๊ก ซึ่งรถเหล่านี้นำเข้ามาจากอินเดีย
ใครที่อยากลองนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก ก็สามารถลองได้
ราคาอยู่ที่ กิโลเมตร ละ 50 รูปี (ฉะนั้นหากจะไปไหน ควรทราบว่าระยะทางจากจุดนึง ไปอีกจุดนึง ห่างกันประมาณกี่กิโลเมตร)
แต่ทั้งนี้ เพื่อนคนศรีลังกาไม่แนะนำให้เราเดินทางโดยรถตุ๊ก ตุ๊ก หากไม่จำเป็นหรือไม่มีชาวศรีลังกาเดินทางไปด้วย
เพราะอาจจะเจอปัญหาการโกงนักท่องเที่ยว หรือรีดทรัพย์ได้
ซึ่งถือเป็นปัญหาคลาสสิคของทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาเลยจริงๆ
จากนั้นเราก็มาต่อที่
Negombo Fish Market หรือ ตลาดปลานั่นเอง
เนื่องจากกว่าที่ผมจะไปถึงตลาดก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ตลาดจึงวายไปเรียบร้อย
ทำให้ไม่เห็นบรรยากาศการซื้อ-ขายปลา แต่โชคดีที่ยังมีอีกแพ ที่กำลังชำแหละปลาฉลามกันอยู่
ชาวประมงเห็นเราด้อมๆ มองๆ จึงกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปดู
โอ้..โห ฉลามตัวใหญ่มาก
หลังจากเดินให้แดดแผดเผาอย่างหนำใจ ก็ไปยังอีกไอท์ไลท์ของเมืองนี้
นั่นก็คือ....
Negombo Beach
พร้อมกับไปหาอะไรทานที่ชายทะเลด้วย
แต่เมื่อเดินทางไปถึงร้านอาหารพบว่าราคาอาหารแพงมากกกกกกกก
แพงกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารที่นี่ไม่แพง แต่อาจจะเป็นเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ราคาถึงชาร์ทขึ้นไปหลายเท่าตัว
จึงตัดสินใจว่าค่อยไปหาอย่างอื่นทานดีกว่า
เลยออกไปเดินชมความงามของชายหาด!!!?!
แต่..... มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลย หาดไม่ได้สวยงามตระการตาอย่างที่คาดหวังไว้
แถมคลื่นลมยังหนักหนาเอาการ
เดินไปเรื่อยๆ เจอกลุ่มนักเรียนชาวศรีลังกา มานั่งพักผ่อน บ้างก็เล่นอยู่ชายหาด
โดนเด็กๆ แซว ก็เลยเอาคืนโดยการถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
เดินเล่นสักแปปนึง เลยตัดสินใจกลับไปหาอะไรทานในเมืองดีกว่า
อาหารที่ศรีลังกาของเราก็เลยกลายเป็น....
ไก่ทอดของตาลุงผู้พันแทน
แต่อย่าว่าไป เมนูและรสชาติของไก่ทอดของเขา ก็ไม่ได้เหมือนกับที่เมืองไทย
มีเซ็ทไก่ทอดเสิร์ฟคู่กับข้าว Briyani (ข้าวเหลืองๆ คล้ายข้าวหมกไก่)
พร้อมกับเครื่องดื่ม 2 แก้ว ค่าเสียหายทั้งหมด 1,000 รูปี พอดิบพอดี
รสชาติถือว่าอร่อยดีครับ ผมให้คะแนน 8/10
หลังจากอิ่มแล้ว ก็เดินเที่ยวในเมือง แวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อไปดูสินค้าต่างๆ
พบว่าที่ศรีลังกานี้ ยังมีสินค้าที่นำเข้าจากไทยไปขายยังไม่มากนัก
ระหว่างทางเดินไป เจอแผงเงาะ
เลยแวะซื้อชิมสักหน่อย ดูว่าเงาะบ้านเราหรือบ้านเค้าจะอร่อยกว่ากัน
เงาะที่นี่ขายเป็นผล ราคาผลละ 2 รูปี เลยซื้อมา 5 ผล
ผลปรากฎว่า "เงาะโรงเรียน" บ้านเราอร่อยกินขาดครับ
หลังจากเที่ยวเล่นจนหนำใจ บวกกับเหนื่อยจากอากาศร้อนยามบ่าย
เลยตัดสินใจกลับไปสนามบินดีกว่า... ^^
จบการรีวิว ส่องศรีลังกา ตอนตะลุย "เนกอมโบ" เพียงเท่านี้
อย่าลืมติดตาม ส่องศรีลังกา ตอนตะลุย "โคลัมโบ" ตอนต่อไปนะครับ
ขอบคุณค้าบบบบบบ
ติดตามกระทู้รีวิว ##REVIEW## Day-trip in SRI LANKA ส่องศรีลังกา ตอน ตะลุย "โคลอมโบ"
ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36612941
[CR] ##REVIEW## Day-trip in SRI LANKA ส่องศรีลังกา ตอน ตะลุย "เนกอมโบ"
สวัสดีครับ
วันนี้จะมารีวิว Day-trip in Sri Lanka เนื่องจากกระแสมัลดีฟส์ช่วงนี้มีเยอะมาก และเชื่อว่ามีหลายๆ ท่าน
ที่จองไปมัลดีฟส์โดยสายการบิน Sri Lankan Airlines ซึ่งหลายคนอาจจะเลือกไฟล์ทที่ต่อเครื่องนาน
และกำลังคิดอยู่ว่าจะรอที่สนามบินหรือออกไปเที่ยวข้างนอกดี
สำหรับการเดินทางไปมัลดีฟส์ของผมครั้งนี้ ผมเลือกเดินทางโดยรอเปลี่ยนเครื่องนานทั้งขาไปและขากลับ
ขาไปแวะเปลี่ยนเครื่องนาน 8 ชั่วโมง และขากลับ แวะเปลี่ยนเครื่องนาน 13 ชั่วโมง ทำให้ผมมีเวลามากพอที่ออกไปตะลอนข้างนอกได้
แต่ก่อนอื่น ใครที่ต้องการจะออกไปเที่ยวข้างนอกขณะรอเปลี่ยนเครื่อง อย่าลืมขอ eVisa ประเภท Transit ออนไลน์ล่วงหน้า
จากเว็บไซต์ www.eta.gov.lk ซึ่งวีซ่าประเภทนี้สามารถพำนักในศรีลังกาได้ไม่เกิน 2 วัน และที่สำคัญ คือ ไม่มีค่าใช้จ่าย
ในการขอวีซ่าประเภทนี้ เมื่อทำการกรอกข้อมูลขอวีซ่าเป็นที่เรียบร้อย ระบบจะตอบกลับทางอีเมล
และอีเมลยืนยันการอนุมัติวีซ่าภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ในเคสผม ได้วีซ่าไวยังกับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเลย)
เอาหล่ะ เมื่อได้วีซ่าเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มรีวิวกันได้เลย…
เมื่อผ่าน ตม.เรียบร้อยแล้ว ให้เดินไปตามทาง จะผ่านดิวตี้ฟรี ซึ่งมีขายแม้กระทั่งทีวี เครื่องซักผ้า พัดลม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ถือว่าแปลกดี
จากนั้นก็เดินผ่านจุดรับกระเป๋า ซึ่งโดยปกติแล้ว ใครที่ Transit กระเป๋าจะถูกเช็คไปยังปลายทางแล้ว ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องรับกระเป๋าใดๆ
ก็เดินตัวปลิวออกไปด้านนอกได้เลย
เมื่อออกมาด้านนอก จะเจอบูทของเอเจนซี่ทัวร์ แท็กซี่ และบูทแลกเงิน ผมแนะนำให้แลกเงินกันก่อนน่ะครับ
ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนในสนามบินจะเท่ากันหมด คือ 1$ = 151.5 Rupees
(สำหรับใครที่ต้องการแลกเป็นจำนวนมาก แนะนำให้แลกติดกระเป๋าไปสักหน่อย แล้วไปแลกเพิ่มในเมืองที่ร้านขายเครื่องประดับ
ซึ่งจะได้เรทดีกว่า 1$ = 153-155 Rupees)
สำหรับทริปขาแรก ผมเลือก "เนกอมโบ" (อ่านว่า เน-กอม-โบ) เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ใช้เวลาเดินทางไปกลับนิดเดียว
ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาต่อเครื่อง 8 ชั่วโมง ของผม
ผมเดินสอบถามราคาทั้งค่าแท็กซี่ และค่า Day-tour ตามบูทต่างๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ TripAdvisor แนะนำ
และเพิ่มมาทราบภายหลังว่า “มันแพงมากกกกกก”
ด้วยความระมัดระวังตัวเรื่องโดนฟันอยู่เป็นประจำเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ จึงเดินไปสอบถามข้อมูลจาก Tourist Information
ซึ่งอยู่ทางขวามือตรงประตูทางออกจาก Departure Gate เจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำที่ดี พร้อมกับโทรสอบถามราคาค่า Day-tour ให้
สรุปผมได้ราคาทัวร์ไปเนกอมโบ ซึ่งรวมค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าโทลเวย์ พร้อมรับ-ส่งสนามบิน ในราคา 6,500 รูปี (ตกราว 1,500 บาท)
ซึ่งถือว่าไม่เลว!!!??!
หลังจากจ่ายเงินค่าทัวร์ที่บูททัวร์ที่ Tourist Information ติดต่อไว้ให้ ก็เดินออกไปภายนอกอาคาร เพื่อขึ้นรถที่ติดต่อไว้
คนขับรถทริปนี้ของผมชื่อ Amith เป็นคนอัธยาศัยดี ใจเย็น พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเลยทีเดียว
ฉากที่พีคนั่นคือ ผมเห็นเจ้าหน้าที่จากบูททัวร์เดินมาจ่ายเงินให้กับ Amith เพียง 2,700 รูปี (ราวๆ 600 บาท)
นั่นก็เท่ากับว่าเราถูกฟันเป็นเท่าตัว
ตอนนั้นได้แต่ปลอบใจตัวเอง รอบหลังอย่าหวังจะฟันราคาได้อีก เลยขอเบอร์ติดต่อ Amith เอาไว้ จะได้ติดต่อเขาเองโดยตรงเลย
ใครอยากได้เบอร์ หรือ อีเมล Amith หลังไมค์มาได้เลยครับ
จุดหมายแรกในเนกอมโบ นั่นคือ..
Angurukaramulla Temple ซึ่งเป็นวัดพุทธที่มีอายุมากกว่า 300 ปี
ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม ผมชอบการปั้นนูน ให้อารมณ์ 3D ซึ่งสวยงามมาก
แวะไหว้พระ ทำบุญ และเดินชมความงามรอบๆ วัด
จากนั้นก็ไปยังจุดที่ 2 นั่นก็คือ
St.Mary's Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเนกอมโบ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเนกอมโบ อยู่ใกล้กับ Dutch Canal
แต่เสียดายที่โบสถ์ปิด จึงไม่ได้เข้าไปชมความงามภายใน
ลืมแนะนำไปว่า เนกอมโบ มีผู้นับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิค เป็นจำนวนมาก ทำให้เมืองนี้มีโบสถ์ใหญ่ๆ อยู่หลายแห่ง
สภาพบ้านเมืองของเนกอมโบ วุ่นวายเหมือนหัวเมืองต่างจังหวัดบ้านเราเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แต่ถนนไม่ได้กว้างใหญ่เท่า
มีร้านรวง แผงลอยต่างๆ ข้างทางมากมาย
การเดินทางที่สะดวก และรวดเร็ว อีกทางเลือกนึงของชาวศรีลังกาอีกอย่าง
นั่นก็คือ ตุ๊ก ตุ๊ก ซึ่งรถเหล่านี้นำเข้ามาจากอินเดีย
ใครที่อยากลองนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก ก็สามารถลองได้
ราคาอยู่ที่ กิโลเมตร ละ 50 รูปี (ฉะนั้นหากจะไปไหน ควรทราบว่าระยะทางจากจุดนึง ไปอีกจุดนึง ห่างกันประมาณกี่กิโลเมตร)
แต่ทั้งนี้ เพื่อนคนศรีลังกาไม่แนะนำให้เราเดินทางโดยรถตุ๊ก ตุ๊ก หากไม่จำเป็นหรือไม่มีชาวศรีลังกาเดินทางไปด้วย
เพราะอาจจะเจอปัญหาการโกงนักท่องเที่ยว หรือรีดทรัพย์ได้
ซึ่งถือเป็นปัญหาคลาสสิคของทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาเลยจริงๆ
จากนั้นเราก็มาต่อที่ Negombo Fish Market หรือ ตลาดปลานั่นเอง
เนื่องจากกว่าที่ผมจะไปถึงตลาดก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ตลาดจึงวายไปเรียบร้อย
ทำให้ไม่เห็นบรรยากาศการซื้อ-ขายปลา แต่โชคดีที่ยังมีอีกแพ ที่กำลังชำแหละปลาฉลามกันอยู่
ชาวประมงเห็นเราด้อมๆ มองๆ จึงกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปดู
โอ้..โห ฉลามตัวใหญ่มาก
หลังจากเดินให้แดดแผดเผาอย่างหนำใจ ก็ไปยังอีกไอท์ไลท์ของเมืองนี้
นั่นก็คือ.... Negombo Beach
พร้อมกับไปหาอะไรทานที่ชายทะเลด้วย
แต่เมื่อเดินทางไปถึงร้านอาหารพบว่าราคาอาหารแพงมากกกกกกกก
แพงกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารที่นี่ไม่แพง แต่อาจจะเป็นเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ราคาถึงชาร์ทขึ้นไปหลายเท่าตัว
จึงตัดสินใจว่าค่อยไปหาอย่างอื่นทานดีกว่า
เลยออกไปเดินชมความงามของชายหาด!!!?!
แต่..... มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลย หาดไม่ได้สวยงามตระการตาอย่างที่คาดหวังไว้
แถมคลื่นลมยังหนักหนาเอาการ
เดินไปเรื่อยๆ เจอกลุ่มนักเรียนชาวศรีลังกา มานั่งพักผ่อน บ้างก็เล่นอยู่ชายหาด
โดนเด็กๆ แซว ก็เลยเอาคืนโดยการถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
เดินเล่นสักแปปนึง เลยตัดสินใจกลับไปหาอะไรทานในเมืองดีกว่า
อาหารที่ศรีลังกาของเราก็เลยกลายเป็น....
ไก่ทอดของตาลุงผู้พันแทน
แต่อย่าว่าไป เมนูและรสชาติของไก่ทอดของเขา ก็ไม่ได้เหมือนกับที่เมืองไทย
มีเซ็ทไก่ทอดเสิร์ฟคู่กับข้าว Briyani (ข้าวเหลืองๆ คล้ายข้าวหมกไก่)
พร้อมกับเครื่องดื่ม 2 แก้ว ค่าเสียหายทั้งหมด 1,000 รูปี พอดิบพอดี
รสชาติถือว่าอร่อยดีครับ ผมให้คะแนน 8/10
หลังจากอิ่มแล้ว ก็เดินเที่ยวในเมือง แวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อไปดูสินค้าต่างๆ
พบว่าที่ศรีลังกานี้ ยังมีสินค้าที่นำเข้าจากไทยไปขายยังไม่มากนัก
ระหว่างทางเดินไป เจอแผงเงาะ
เลยแวะซื้อชิมสักหน่อย ดูว่าเงาะบ้านเราหรือบ้านเค้าจะอร่อยกว่ากัน
เงาะที่นี่ขายเป็นผล ราคาผลละ 2 รูปี เลยซื้อมา 5 ผล
ผลปรากฎว่า "เงาะโรงเรียน" บ้านเราอร่อยกินขาดครับ
หลังจากเที่ยวเล่นจนหนำใจ บวกกับเหนื่อยจากอากาศร้อนยามบ่าย
เลยตัดสินใจกลับไปสนามบินดีกว่า... ^^
จบการรีวิว ส่องศรีลังกา ตอนตะลุย "เนกอมโบ" เพียงเท่านี้
อย่าลืมติดตาม ส่องศรีลังกา ตอนตะลุย "โคลัมโบ" ตอนต่อไปนะครับ
ขอบคุณค้าบบบบบบ
ติดตามกระทู้รีวิว ##REVIEW## Day-trip in SRI LANKA ส่องศรีลังกา ตอน ตะลุย "โคลอมโบ"
ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36612941