[CR] ##REVIEW## Day-trip in SRI LANKA ส่องศรีลังกา ตอน ตะลุย "โคลอมโบ"

สวัสดีครับ
ตอนนี้ก็ตามที่เกริ่นนำไว้เมื่อตอนที่แล้วว่าจะรีวิว Day-trip สำหรับท่านที่เปลี่ยนเครื่องที่ศรีลังกา ซึ่งผมเลือกแวะเปลี่ยนเครื่องโดยใช้ระยะเวลานานทั้งขาไปและขากลับ เพราะจะได้เที่ยวศรีลังกาไปด้วยในตัว ซึ่งตอนแรก(ขาไป)นั้น แวะเปลี่ยนเครื่องประมาณ 8 ชั่วโมง จึงเลือกออกไปตะลุยเมืองเนกอมโบ (Negombo) ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสนามบิน

ติดตามกระทู้รีวิว ##REVIEW## Day-trip in SRI LANKA ส่องศรีลังกา ตอน ตะลุย "เนกอมโบ"
ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36608475

สำหรับตอนนี้ ผมแวะเปลี่ยนเครื่อง(ขากลับ) นานประมาณ 13 ชั่วโมง จึงเลือกที่จะเดินทางไปตะลุยโคลอมโบ ซึ่งอยู่ห่างจาก Bandaranaike International Airport ประมาณ 35 กิโลเมตร อันที่จริงดูเหมือนไม่ไกล แต่ทว่าการจราจรในตัวเมืองโคลอมโบหนักหนาเอาการไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน

จากที่เล่าไว้คราวก่อนว่า รอบนี้เราจะไม่โดนฟันอีก!!!! เพราะได้ขอเบอร์โทรของ Amith คนขับรถที่พาเราตะลุยเนกอมโบไว้ก่อนแล้ว คราวนี้เราเลยสามารถติดต่อเองโดยตรง โดยไม่ผ่านเอเจนท์นายหน้าอีก แต่ทว่า.... ก่อนที่ผมจะเดินทางไปลงที่โคลอมโบ ได้อีเมลไปหา Amith แต่ก็ไร้การตอบรับใดๆ ตอนนั้นเริ่มหวั่นใจล่ะว่า จะโดนเทมั้ยว๊าาาา
เมื่อเครื่องลงที่สนามบิน จึงไปที่เค้าท์เตอร์ของโทรศัพท์ค่ายนึงที่อยู่หน้า Service Desk ซึ่งจะมีโทรศัพท์สาธารณะให้บริการ
ผมจึงโทรไปหา Amith และแล้วแจ็คพ็อตก็เข้าจริงๆ
Amith ไม่ว่างในวันนั้น จึงติดต่อคนขับรถอีกคนนึงให้กับเรา ซึ่งจะรอพบเราเมื่อเดินออกจากอาคารขาออก
คนขับรถคนใหม่นี้ชื่อ Ruwan มารับ เอารถ Prius คันใหม่ ใหญ่โต แอร์เย็นฉ่ำ ที่สำคัญพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากเช่นกัน

จากนั้นก็ตกลงราคาค่าบริการ รอบนี้จ่ายไปแค่ 8,000 รูปี หรือประมาณ 1,800 บาท กับการพาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ จนถึงเวลา 3 ทุ่ม (ประมาณ 9 ชั่วโมง)
โดยราคานี้รวมค่าโทลเวย์ ค่าน้ำมัน (ยกเว้นค่าเข้าชม และอาหาร) ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆ หากเทียบกับคุณภาพและสถานที่ที่เราได้ไปกัน
เพราะหากถ้าเราใช้บริการเอเจนท์ภายในสนามบิน รับรองได้เลยว่าอย่างต่ำๆ มี 15,000 รูปีแน่ๆ

เมื่อดีลกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกของเรา
เริ่มต้นด้วยการไหว้พระ ทำบุญ ที่วัดที่ถือว่าเป็นหนึ่งในศาสนสถานที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนาของศรีลังกา
ชื่อว่า Kelaniya Raja Maha Viharaya Temple (สั้นๆว่า Kelaniya Temple) หรือ วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองโคลอมโบ ไปประมาณ 13 กิโลเมตร

วัดนี้ ถือว่าเก่าแก่อยู่ในสมัยพุทธกาลเลยทีเดียว
โดยกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในวัดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาหลังจากได้ตรัสรู้ 8 ปี

ทันทีที่ก้าวย่างเข้าไปภายในวัด ผมสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวศรีลังกาได้อย่างชัดเจน
ผู้คนต่างเดินทางเข้ามาทำบุญ สวดมนต์ ไหว้พระ
นี่ขนาดเป็นวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ผู้คนยังหลั่งไหลมามากขนาดนี้ ไม่อยากจะจินตนาการว่า หากวันสำคัญทางศาสนามาถึง
ผู้คนจะแห่แหนมาจากทั่วสารทิศมากมายเพียงใด

ด้านหน้าก่อนขึ้นบันไดเข้าสู่เขตศาสนสถาน จะมีซุ้มขายดอกไม้สำหรับสักการะบูชา
เมื่อเดินจนสุดบันได ทุกคนจะต้องถอดรองเท้ารวมถึงถุงเท้าไว้ภายนอกเท่านั้น
ทันใดที่เดินถึง ก็จะพบกับวิหารที่ภายนอกมีรูปปั้นต่างๆ ที่ถูกปั้นเพื่อตกแต่งเป็นพุทธบูชาอย่างวิจิตรงดงาม
ด้านขวามือของวิหาร จะมีพระพุทธรูปสีขาว ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์
ซึ่งกล่าวกันว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ เป็นต้นโพธิ์ 1 ใน 32 ต้น ที่ถูกตอนกิ่งมาจาก
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระ (Anuradhapura)
ซึ่งเชื่อกันว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธปุระ เป็นกิ่งเบื้องขวาของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
ที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งนำมายังศรีลังกาโดยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว
โดยชาวศรีลังกาจะนำน้ำขึ้นไปรดหน้าองค์พระพุทธรูปที่ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยรอบๆ มีทั้งคนที่เดินวนรอบต้นโพธิ์ 3 รอบ เพื่อระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บ้างก็นั่งสวดมนต์อยู่ข้างวิหาร

ภายในวิหาร จะมีพระพุทธรูปหลักประดิษฐานอยู่ อีกฝั่งจะมีพระพุทธไสยาส์นขนาดใหญ่ประดิษฐาน
และพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่

นอกนั้นสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนึง คือ ภาพวาดซึ่งมีพุทธประวัติ เรื่องราวของพระพุทธศาสนาในดินแดนลังกา และรูปเทพเจ้าต่างๆ
ที่สะท้อนถึงการผสมกลมกลืนกันระหว่างพุทธและฮินดู รวมถึงศิลปะของชาวทมิฬ ที่ดูแล้วมีเสน่ห์
จนบางครั้งบางจุดดูคล้ายกับศิลปะของอียิปต์โบราณด้วยซ้ำ



ด้านข้างวิหารอีกฝั่ง จะเป็นพระเจดีย์หินอ่อนที่เล่ากันว่า ณ จุดที่สร้างพระเจดีย์นี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับสมัยที่เสด็จมายังลังกา

หลังจากสักการะครบทุกจุด และเดินชมความงดงามภายในวัดแล้ว
ก็มุ่งหน้าสู่วัดที่สอง ซึ่งถือเป็นอีกวัดที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยที่มาโคลอมโบ
ไม่ควรพลาด นั่นก็คือ Gangaramaya Temple หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า วัดคงคาราม

ซึ่งวัดคงคารามแห่งนี้ชาวต่างชาติ ต้องเสียค่าเข้าชม 300 รูปี หรือ 70 บาท ไว้สำหรับทำนุบำรุงวัด
เพราะหลายจุดในวัดนี้กำลังก่อสร้างเพิ่มเติม

จุดแรกด้านซ้ายมือจะเป็นวิหาร ที่ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่
จุดเด่นคือรูปั้นนูนที่ใช้สำหรับตกแต่งภายในวิหารที่สวยงามมาก

นอกจากนั้น ภายในวัดเต็มไปด้วยของมีค่าโบราณมากมาย ทั้งพระพุทธรูปโบราณ ศิลปวัตถุ งานประติมากรรมต่างๆ
วัตถุมงคลที่มีผู้คนนำมาถวายจากทั่วสารทิศ และแน่นอนว่า จากเมืองไทยเราก็มีมากมายเช่นกัน
โดยเข้าใจว่าของมีค่าเหล่านั้นมีจำนวนมากจริงๆ จึงไม่สามารถจัดวางให้เป็นระเบียบเท่าที่ควร


ที่น่าชื่นใจ ภายในวัดแห่งนี้มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 10 ขณะทรงพระยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร
แต่ไม่แน่ใจว่าพระบรมฉายาลักษณ์นี้ถ่ายที่ไหนหรือวโรกาสใด และพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ขณะที่ทรงผนวช

ชื่นชมความอลังการของสิ่งของที่อยู่ภายในวัดคงคารามหนำใจแล้ว
ก็เดินไปยังทะเลสาปที่อยู่ใกล้ๆ วัด ที่ชื่อว่า Beira Lake
ซึ่งดูจากขนาดแล้ว น่าจะเรียกบึงมากกว่า
แต่ถือว่าบึงแห่งนี้ทำเลดีเลยทีเดียว ตั้งอยู่กลางเมือง
และยังมีวัดเล็กๆ ที่ชื่อ Seema Malaka อยู่กลางบึงอีก
อีกฟากถนนกำลังก่อสร้าง Colombo City Center
โดยมีตึก Altair อาคารรูปทรงตัววีคว่ำ

เมื่อสร้างเสร็จ ตึกนี้น่าจะเป็นอีกไฮท์ไลท์หนึ่งของโคลอมโบ

บริเวณริมบึง จะมีทางเดินรอบๆ สามารถเดินเล่นชมวิวได้
นอกจากนั้น ยังมีสะพานแขวน เพื่อข้ามไปเกาะเล็กๆ ที่เป็นที่ตั้งของ Gangaramaya Park
ซึ่งหนุ่มสาวศรีลังกานิยมมาพักผ่อนหย่อนใจและถีบเรือเป็ดกัน

จากนั้น Ruwan ก็พาพวกเราไปทานอาหารพื้นเมืองศรีลังกา และไปหาซื้อชา
นำไปเป็นของฝากคนที่บ้าน (แต่เสียดายลืมถ่ายรูปเก็บเอาไว้)
ชาที่นี่เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ
ซึ่งรสชาติดีเยี่ยมและราคาถูกมากกกกกกกก...

เมื่อละลายทรัพย์กันหนำใจ ก็ไปเดินเล่นกันต่อที่
Independence Square ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในวโรกาสที่
ศรีลังกาประกาศตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษ ในปี 1948

ซึ่งในบริเวณนี้จะมี Independence Memorial Hall
และอนุเสาวรีย์ของ ท่าน Don Stephen Senanayake ซึ่งถือเป็นบิดาของชาติ
ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของศรีลังกานับตั้งแต่ประกาศตนเป็นเอกราช จนถึงปี 1952

ปิดท้ายด้วยการไปเดินย่านที่ชื่อว่า Fort ซึ่งเป็นย่านที่เจ้าอาณานิยมได้มาตั้งรกรากตอนที่ยกทัพมาบุกศรีลังกา
ซึ่งได้สร้างอาคารสูงสง่าสไตล์ตะวันตกอยู่ในย่านนี้มากมาย ทั้งแบบฉบับของ ดัชต์ และ อังกฤษ
จุดสำคัญของย่านนี้ คือ Lighthouse Clock Tower ซึ่งเป็นประภาคารหอนาฬิกาเก่าแก่ที่คนสมัยก่อนใช้เป็นสัญลักษณ์
เพื่อแสดงว่าได้มาถึงโคลอมโบแล้ว และยังเป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของโคลอมโบอีกด้วย

เดินถัดไปอีกนิด จะมีภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่ชื่อว่า Ministry of Crab แต่เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสไปลิ้มรส
ใครเคยไปมาแล้ว ช่วยนำมารีวิวหน่อยละกันครับ
ผมเดินเล่นบริเวณนี้ จนไปเจอ Street Food Festival ที่อยู่ไม่ไกลจาก Ministry of Crab เลยเดินเล่นหาอะไร
รองท้องก่อนกลับไปสนามบินที่นี่เสียเลย

จบ Day-trip โคลอมโบด้วยความประทับใจ
ศรีลังกานี่มากี่ครั้งก็ไม่เคยผิดหวังเลย
และที่สำคัญขอบคุณคนขับรถชื่อ Ruwan ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งคนขับรถ ไกด์เล่ารายละเอียด
และเป็นธุระพาผมไปหาซื้อใบชาจนเจอที่อยากได้

ใครอยากได้ contact ของ Ruwan หลังไมค์มาได้เลยครับ

รอบหน้าตั้งใจว่าจะมาเที่ยวแบบเต็มรูปเหนือจรดใต้อีกครั้งนึง
แต่กระทู้นี้ขอจบด้วยคำว่า Bohoma istuti (แปลว่า ขอบคุณมากครับ)

อมยิ้ม17
ชื่อสินค้า:   ศรีลังกา, Sri Lanka
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่