[CR] บุกไร่ชา ตามหาเสือดาวที่ Nuwela Eliya, Sri LanKa | A Remarkable Journey



ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว

ตอน Nuwara Eliya บุกไร่ชา ตามหาเสือดาว


ติดตามตอนแรกได้ที่นี่:
ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว | Kandy | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35365917



ผจญภัยบนรถไฟศรีลังกา

เสียงล้อเหล็กกระทบรางเป็นจังหวะ ลมเย็นพัดเข้าหน้า ละอองของความสดชื่นปลิวทั่วไปหมด
ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที มือที่กำตั๋วรถไฟขนาดจิ๋วยังสั่น แถมยังกระหืดกระหอบเพราะลุ้นว่าจะได้ตั๋วเที่ยวเช้าวันนั้นไหม
เจ้าหน้าที่บอกว่าตั่ว1st Class ถูกจองเต็มหมดเลย ตอนนี้เหลือแต่ตั๋ว 2nd Class เหลืออยู่เท่านั้น
แน่นอน....ฉันรีบจ่ายตังค์เพื่อจะฉกตั๋วใบนั้นมาให้เร็วที่สุด สอบถามราคาได้ยินว่า 1600 Rupee (~380 บาท) ตะขิดตะขวงใจคิดว่าฟังผิด แต่ในใจก็นึกว่าเมื่อเทียบกับการนั่ง 4 ชั่วโมงก็ถือว่าคุ้มนะ ที่สำคัญไม่อยากพลาดรถขบวนนี้
แต่เอ๊ะ!!!! ก่อนจ่ายตังค์ลองถามใหม่อีกซักที เลยถึงบางอ้อ.....
ราคาตั๋วคือ 160 Rupee (~38 บาท) ตัดศูนย์ออกไปตัวนึง เรื่องพลิกกลับว่าเป็นว่าเราฟังผิดเอง
เฮ้ย!! ทำไมตั๋วมันถูกขนาดนี้ เค้าจะเอากำไรที่ไหนมาปรับปรุงรถไฟหว่า แต่คิดได้แป๊บเดียวเท่านั้น ก็เลิกสนใจเพราปัญหาที่ใหญ่กว่าของเราคือ การไปยืนรอที่ชานชาลาที่ถูกต้องต่างหาก
ตอนนั้นต้องระวังอย่างหนัก เพราะกลัวขึ้นผิดขบวน ทั้งๆที่มีชานชาลาแค่ 5 ชานชาลาเท่านั้น แต่เพราะป้ายมันมี2ฝั่ง (มารู้ทีหลังว่าขึ้นได้ทั้งสองข้าง มิน่าละที่นั่งถึงถูกจับจองอย่างรวดเร็ว)





แผนของวันนี้ก็การนั่งรถไฟ 4 ชั่วโมงจาก Kandy เพียงเพื่อมาสูดอากาศเย็นและดูการเก็บชาที่ Nuwara Eliya  รอไม่นาน รถไฟขบวนที่นั่งไปวันนี้ก็มาถึง แต่พอรถไฟเข้าชานชาลาเท่านั้น ผู้โดยสารกรูกันขึ้นแบบไม่ขาดสาย ช็อคไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบวิ่งไปต่อคิวที่หน้าประตู แต่ที่ไม่ได้นึกถึงเลยก็คือ ผู้โดยสารสามารถขึ้นได้จากสองฝั่งซ้ายขวา กลายเป็นว่าสุดท้ายขึ้นมาออกันในโบกี้ แล้วที่หวังว่าจะมีที่นั่งสบายๆก็อดไปตามระเบียบ
จัดการเก็บสัมภาระใบใหญ่ไว้ด้านบนแล้วก็ต้องยืนไปตลอดทาง

การยืนนานๆไม่ใช่ปัญหาของฉัน เพราะสมัยทำงานใหม่ๆต้องไปยืนดูขั้นตอนการทำงานของพนักงานในโรงงานตั้ง 8 ชั่วโมงแล้วนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น แต่ก็แหม!!! ถ้าได้นั่งมันก็คงจะดีกว่าในสถานการณ์แบบนี้

รถไฟออกจากชานชาลาไปไม่เท่าไหร่ ก็เกิดความครื้นเครงขึ้น
แก๊งค์หนุ่มๆชาวศรีลังกาวิ่งมารวมตัวกันที่โบกี้ แล้วเริ่มสร้างบรรยากาศด้วยการร้องเพลง ทั้งปรบมือ ทั้งเคาะผนังให้เข้าจังหวะ ร้องประสานเสียง นักท่องเที่ยวถ่ายวีดีโอกันใหญ่ ครึกครื้นกันได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาห้ามปราม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศเสียไปเท่าไรนัก ขอโทษขอโพยกันไป และแล้วเสียงเพลงก็ดำเนินต่ออย่างต่อเนื่อง แค่ไม่มีเคาะผนังตู้รถไฟเปลี่ยนมาเป็นเสียงปรบมือแทน นักท่องเที่ยวทั้งชาวศรีลังกาก็พลอยสนุกสนานไปด้วย
วินาทีนั้นเหมือนฟ้ามาโปรด คุณลุงจะสละที่นั่งให้เราด้วยความเอ็นดูหรือสงสารก็ไม่รู้ได้ แต่ผู้ใหญ่ให้ของเราไม่ควรจะปฎิเสธ เลยยกมือไหว้ขอบคุณแล้วนั่งลงอย่างเรียบร้อย พร้อมขอถ่ายรูปกับคุณลุง1ภาพด่วนๆ ก่อนจากกัน (ตอนหลังผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณลุงก็ลงจากรถไฟไป)

วินาทีนั้น บอกเลยว่า คนศรีลังกาน่ารักมากจริงๆ
ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ตอนแรก







ระหว่างทางมีของมาขายเยอะ พอๆกับบ้านเราไหมอันนี้ตอบไม่ได้ เพราะฉันไม่ค่อยใช้บริการรถไฟไทย ล่าสุดไปเชียงใหม่ รถไฟตู้นอนทำเอาขยาดไปเลย นอนไม่หลับ หนาวและสั่น(หมายถึงเตียงสั่นทั้งคืน นอนไป ตัวก็เหวี่ยงซ้ายขวาตามจังหวะรถไฟขับเคลื่อน) จบทริปเชียงใหม่ ยอมแพ้รถไฟตู้นอนของบ้านเรา

ตัดกลับมาที่รถไฟศรีลังกา
ของขายบนรถไฟที่เห็นก็มี ถั่วคั่วกับเนยและพริกแห้งและใบอะไรไม่รู้ น่ากินเชียว คุ๊กกี้เครื่องเทศ ขนมคล้ายกะหรี่ปั๊บและอีกหลายอย่าง

คนที่นี่เค้าซื้อทีแล้วพยายามแบ่งให้นักท่องเที่ยวทั้งขบวน แบ่งปันน้ำใจกัน เจี๊ยบพยายามไม่กินเยอะกลัวหิวน้ำ เพราะเท่าที่ส่องมองหา ไม่เห็นมีห้องน้ำแฮะ ที่สำคัญไม่มีใครลุกจากที่นั่งไปเข้าห้องน้ำเลย

เวลาอีก 4 ชมบนรถไฟ เลยต้องรอบคอบเป็นพิเศษ มาคนเดียว ลุกก็เสียม้าเลยด้วยนะ

















สถานีต่อสถานี ผู้คนสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเรื่อยๆแล้วแต่เป้าหมายการเดินทาง ระหว่างนั้นมีครอบครัวใหญ่มาที่ตู้ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องนั่งเบียดกับคุณยายฝั่งตรงข้าม แต่ที่นั่งฝั่งฉันนั่งกันแค่2คน คุณป้าที่นั่งข้างๆเลยอาสาให้เด็กนั่งตักจนเด็กหลับตลอดทาง

ลูกหลานหรือก็ไม่ใช่ แต่เป็นความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ คุณป้าได้ใจเราไปเต็มๆ















ศรีลังกาเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องชา และส่งออกไปหลายประเทศมาหลายร้อยปีมาแล้ว
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ระหว่างทางที่นั่งมาบนรถไฟ ผ่านไร่ชามาหลายหมู่บ้าน ผ่านมาไม่รู้กี่หุบเขา ปลูกชากันทั้งเทือก เหมือนคนแถวนี้จะทำอาชีพเดียวทั้งจังหวัด(จริงๆน่าจะหลายจังหวัด) เพราะอากาศเย็นๆและความสวยของวิวทั้งสองข้าง ทำให้เวลา 4 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อีกไม่กี่นาทีจะถึงที่หมาย ทุกคนต่างเตรียมตัวเตรียมกระเป๋า ยิ้มให้กันเป็นการบอกลา คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่สายตาและรอบยิ้ม เป็นร่องรอยแห่งมิตรภาพที่เข้าใจกันได้ไม่ยาก

เก็บความประทับใจไว้ แล้วเดินทางต่อ
แล้วเจอกันใหม่ รถไฟศรีลังกา







.......................................................................................................................................


อ่านมาว่าจากสถานีรถไฟจะมีรถรับส่งเข้าเมืองได้ แต่ก่อนอื่นต้องหาดูตั๋วรถไฟเพื่อกลับไปColombo แล้วก็พบว่าตารางรถไฟออกเช้าตรู่มากๆ หมายถึงเวลาที่จะอยู่ที่ Nuwara Eliya นั้นจะเหลือน้อยลง ตัดสินใจว่าค่อยไปหารถบัสในเมืองดูดีกว่า ดังนั้นพอลงรถไฟปุ๊บ ก็จับรถตู้เข้าเมืองเลย

Paul เป็นPaulและคนขับรถในคราวเดียวกัน เค้าไม่ได้เดินเข้าหานักท่องเที่ยวเหมือนคนอื่น แต่เป็นฉันเองที่เดินไปถามทาง หาที่ขึ้นรถเข้าเมือง เค้าเลยเสนอตัวไปส่ง บอกราคาจากสถานีรถไฟมาส่งในเมือง 100รูปี(25บาท) แต่พอคุยกันถูกคอเลยเปลี่ยนใจให้พาทัวร์ซะเลย

Paul เป็นPaulที่เชี่ยวชาญมาก ถามถึงแผนการว่าเราอยากเที่ยวที่ไหนบ้าง ได้คำแนะนำว่าควรแวะไปเที่ยวไร่ชาซะก่อนเลยแล้วค่อยเข้าที่พัก

ปกติไม่ใช่คนที่จะไปตามคำบอกของคนขับง่ายๆ แต่วันนี้ไม่รู้นึกยังไง ตกลงไปอย่างง่ายดาย แถมยังคุยถึงแผนการวันอื่นๆด้วย อาจเป็นเพราะการคุยที่สนุกสนานและเหมือนไม่ได้คิดเอาเปรียบเราจนเกินไปนัก ก็เลยตกลงที่จะใช้บริการเค้าจนถึงวันสุดท้าย โดยให้ขับรถกลับไปส่งที่สนามบินเลย เปลี่ยนใจไม่ไปรถบัสหรือรถไฟแล้ว เพราะว่าจะต้องเสียเวลาเดินทางไปเยอะมากโดยไม่ได้เที่ยวเลย
บางที การยอมจ่ายเพิ่ม...เพื่อเพิ่มเวลาการเที่ยวหรือเพื่อความสะดวกสบายหลายๆประการในตอนที่เรามีเวลาจำกัด ก็เป็นเรื่องที่รับได้
รถตู้คันใหญ่มีคนขับ 1 คนและผู้โดยสาร 1 คนถ้วน ออกเดินทางสู่ไร่ชาชื่อดังทันที




ไต่เขาเก็บใบชา แวะจิบชาอุ่นๆ




ระหว่างทางเห็นคนเก็บชาอยู่เป็นหย่อมๆ แต่เพราะเค้าอยู่ไกลเกินกว่าที่เราจะเข้าไปหาได้ เลยต้องตัดใจขับเลยไป แต่ไม่ต้องกังวลเพราะที่นี่ทำอุตหากรรมชาเป็นหลัก ดังนั้นทุกวัน เราจะเห็นคนเก็บชาแน่นอน....คนขับบอกอย่างนั้น
เพียงแค่อึดใจ..เราก็เจอคนเก็บชากลุ่มหนึ่งกำลังเก็บใบชาอย่างขะมักขะเม้นอยู่ที่ริมทาง ส่วนอีกกลุ่มนั่งพักทานของว่าและน้ำชาที่เตรียมมาจากบ้าน
เดินเมียงมองคนเก็บชาอยู่นาน ขอทดลองเก็บใบชาบ้างแล้วพบว่าไม่ง่าย จะดึงให้ออกมา3ใบพร้อมก้านด้วย ต้องใช้ความสามารถสุดๆ ลองเด็ดไปไม่ถึง10 ครั้งก็ขอยอมแพ้ เพราะชาเค้าพังไปหลายหย่อม  เปลี่ยนมาถ่ายรูปดีกว่า











เวลาไปเที่ยว ทุกคนอยากเก็บภาพสวยๆกลับมา อยากมีภาพตัวเองกับวิวสวยๆใช่ไหมคะ
ไปเที่ยวไร่ชารอบนี้เลยก็ขอเค้าถ่ายรูปเยอะเลย ขณะเดียวกัน Paul ก็พยายามให้คุณป้าคนเก็บชาถ่ายรูปให้ ป้าบอกว่า "ถ่ายไม่เป็นนะ" Paul เลยเข้าไปสอนวิธีและลองทำให้ดู พร้อมจัดการจัดฉากถ่ายรูปเสร็จสรรพตลอดงาน







คุณป้าดูเขินอายในครั้งแรก แต่ก็กดภาพจากมือถือรัวๆ บอกเลยว่าภาพที่ได้มาเป็นหนึ่งในหลายภาพที่ชอบที่สุด เป็นภาพที่หัวขาดไปครึ่งนึง แต่ที่ชอบเพราะมันมาจากความตั้งใจของคนถ่ายภาพ ที่อาจไม่เคยถ่ายภาพใครมาก่อนเลยในชีวิต
คุณป้ายิ้มหลังจากถ่ายเสร็จ เราก็ถ่ายรูปคุณป้าอีกหลายภาพ

















ชื่อสินค้า:   Nuwela Eliya, Sri Lanka
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่