ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว
แอบดูช้างอาบน้ำ
ติดตามตอนแรกได้ที่นี่:
ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว | Kandy | A Remarkable Journey:
http://ppantip.com/topic/35365917
ติดตามตอนที่สองได้ที่นี่:
Episode 1: บุกไร่ชา ตามหาเสือดาวที่ Nuwela Eliya, Sri LanKa | A Remarkable Journey:
http://ppantip.com/topic/35381926
Episode 2: Nuwara Eliya เดินป่า "ตามหาเสือดาว" ที่ Sri Lanka | A Remarkable Journey:
http://ppantip.com/topic/35386638
ถึงเวลากลับบ้าน
ตื่นมาเช้าตรู่ อากาศดี๊ดี
เสียงนกร้องดังทั่วไปหมด สวนหน้าโรงแรมมีกาตัวสีดำใหญ่ๆเดินเพ่นพ่านอยู่หลายตัว เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่า เป็นเรื่องปกติ(ซึ่งก็เห็นจะจริง เพราะที่ Kandy ก็เจอฝูงกาดำเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด พอๆกับฝูงนกพิราบที่สนามหลวงบ้านเรา)
มาศรีลังกาก็สั่งอาหารเช้าแบบ American – Sri Lankan กินซักหน่อย
และเพราะอากาศวันนี้ดีมาก เลยขอให้เค้าตั้งโต๊ะอาหารเช้าที่สนามหญ้าหน้าโรงแรมได้ไหม เจ้าของยิ้มกว้างแล้วบอกว่าไม่มีปัญหา สั่งให้เด็กมาช่วยจัดโต๊ะใต้ร่มไม้ใหญ่ เป็นปลื้ม
หยิบหนังสือเล่มท่องเที่ยวเล่มที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน ออกมานั่งอ่านรอข้าวเช้า
อาหารเช้าคือไข่คนปนกลิ่นเครื่องเทศพร้อมไส้กรอก ขนมปังปิ้งพร้อมเนยและแยม แป้งนาน(โรตีหนาๆ)อีกสองแผ่น ชาร้อนกาใหญ่ พร้อมผลไม้อีก 1 จานเล็ก อร่อยและอิ่มหนำสำราญ
ก่อนกลับเข้าห้องเก็บกระเป๋าพร้อมเดินทางกลับบ้าน
แอบใจหายเล็กๆเหมือนกัน มาอยู่ศรีลังกาไม่กี่วันเริ่มคุ้นเคยและหลงรักที่นี่
ก่อนกลับน้องเด็กเสริฟยังพยายามเดินเข้ามาเมียงมอง powerbank ที่ถือมาด้วย หลังจากที่เมื่อวานตอนทานข้าว มาถามว่าราคาขนาดเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ ใช้ดีไหม ก่อนเอ่ยปากว่า “ขายต่อให้เค้าได้ไหม เพราะเค้าอยากได้เหลือเกิน” ถึงแม้จะใช้มาปีกว่าแล้วก็ตาม เค้าจะให้ราคาเท่าที่ซื้อมาเลย แต่ฉันยืนยันกลับไปว่า ถึงแม้จะอยากขายก็คงขายให้ไม่ได้จริงๆเพราะเป็นของที่เพื่อนให้มา จะเอาของเพื่อนมาขายได้อย่างไรกัน (แม้ที่จริงแล้วจะขายไป แล้วเอาตังค์มาซื้อรุ่นใหม่ได้ก็ตาม)
เลยรู้ว่า เทคโนโลยีบางอย่างก็ยังเข้าไม่ถึงที่นี่ หรือถึงมีก็จะเป็นขนาดย่อมเยากว่าแต่ราคาสูง เค้าเลยตื่นเต้นเมื่อเห็นของที่ใหม่และคุณภาพดีกว่าในราคาที่แสนถูก
สงสัยกลับไปต้องไปคิดimport/export ขายของส่งประเทศอื่นๆ จะรุ่งไหมนะ
เสียงรถเข้ามาจอดที่โรงแรม เป็นสัญญานบอกว่า ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
Paul โผล่มาพร้อมเพื่อนอีกคนที่เป็นญาติกัน จะมาช่วยขับรถวันนี้ เพราะระยะทางจาก Nuwara Eliya ไปที่ Bandaranaika Internation Airport นั้นราวๆ 165 กิโลเมตร แต่อาจต้องขับรถนานกว่าปกติ เพราะบางช่วงจำกัดความเร็วให้วิ่งได้ไม่เร็วนัก ถ้าเป็นบ้านเราก็คงแค่ชัวโมงกว่าๆคงถึง แต่ที่นี่อาจจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง แถมเราต้องแวะเที่ยวที่ต่างๆด้วย
(Bandaranaika Internation Airport อยู่ห่างจากเมือง Comlombo 32 กิโลเมตร ห่างจาก Negombo แค่ 11 กิโลเมตรเท่านั้น)
เราสามคนเดินทางออกจาก Nuwara Eliya มุ่งหน้าหาเมือง Pinnawala ซึ่งเราจะไปเยี่ยมชม Pinnawala Elephant Orphanage Camp ซึ่งเป็นสถานเลี้ยงช้างกำพร้าที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้
ระหว่างทางไป เม้าท์มอยกับ Paul บอกเค้าไปว่าอาหารการกินที่นี่ไม่ค่อยถูกปาก แถมหากินยากด้วย
Paulบอกว่า คนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกินเองนะ ไม่ค่อยมีใครซื้อกินข้างนอก แต่ถ้าฉันอยากกินอาหารอร่อย เดี๋ยวจะพาไป
Paulพาแวะกินของว่างที่ร้านข้างทาง โดยบอกว่าร้านนี้ผ่านมาเมื่อไหร่แล้วต้องแวะทุกครั้ง
อาหารทำสุกใหม่ มีให้เลือกเยอะ ราคาก็ไม่แพงด้วย
วันนี้ฉันเลยได้ชิมโรตี จิ้มกับน้ำจิ้มหลากหลายชนิด น้ำจิ้มเค้าเอาใส่หม้อดินตั้งไว้ เราตักเองได้เลยแบบบุฟเฟต์ โรตีร้อนๆจิ้มกับน้ำจิ้มเผ็ด น้ำจิ้มปลาป่น น้ำจิ้มมะพร้าวคั่วเครื่องแกง อร่อยดีสมคำร่ำลือ
ตบท้ายด้วย ชาดำเสริฟมากับน้ำตาลอ้อยก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก หวานหอมอิ่มพุง
สนนราคาไม่รู้ เพราะมื้อนี้Paulเลี้ยง
อิ่มจัง ตังค์ไม่ต้องจ่าย Happy สุด
"Train Museum"
ก่อนถึง Pinnawala เราก็แวะเวียนเที่ยวมาเรื่อย มาหยุดที่ "Train Museum" พิพิธภัณฑ์รถไฟศรีลังกา
พิพิธภัณฑ์เค้าไม่ได้ใหญ่มากหรอก แต่Paulและเพื่อนที่มาด้วยวิ่งเล่นถ่ายรูปกันสนุกสนานมาก เหมือนเด็กเพิ่งเคยมาเที่ยว เห็นแล้วก็ขำดี ฉันเลยต้องกลายเป็นช่างภาพจำเป็น ระหว่างถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ก็มีรถไฟผ่านมา 1 ขบวน จากถ่ายรูปกันเล่นๆ เปลี่ยนมุมกล้องแพนมาทางรถไฟแบบไม่ต้องคิด
รถไฟชั้นสาม แต่ตอนเย็นแล้ว คนเลยไม่เยอะ เด็กน้อยเห็นหน้าเราก็ยิ้มให้ ต่างคนต่างโบกมือให้กัน
พวกเราเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาเจอกันแบบเสี้ยววินาที เพียงแค่รอยยิ้มก็สร้างมิตรภาพได้มากมาย
พยายามเก็บภาพรอยยิ้มของน้องมาด้วยมือถือที่คุณภาพด้อยกว่าสายตา เก็บไว้ให้ระลึกว่า
โมเม้นต์นึงเคยมายืนตรงนี้ ยืนยิ้มให้คนไม่รู้จักแบบจริงใจสุดๆ
Tuk Tuk
ระหว่างที่อยู่ที่นี่และระหว่างทางกลับ สิ่งที่เราเห็นเยอะที่สุดคงจะเป็น Tuk Tuk
คนศรีลังกาใช้บริการTuk Tuk เหมือนเรานั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างในกรุงเทพ วิ่งไปกันทั่วเมือง
สนนราคา20บาทขึ้นไป จนถึงขั้นเหมาจ้างเป็นวันพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เช่นตอนไป Horton Plains National Park (ตอนที่แล้ว) ก็มีฝรั่งจ้างรถ Tuk Tuk ให้ขับขึ้นไป ทั้งที่จริงๆแล้วอันตรายมาก เพราะเป็นทางขึ้นเขา อารมณ์เหมือนขับตุ๊กๆบ้านเราขึ้นดอยสุเทพหรือยิ่งกว่านั้น
รถTuk Tuk ที่นี่มีหลายสี แดง เขียว น้ำเงิน ฟ้า ดำ ครีม เหลือง แต่ที่เห็นมากสุดคือ “สีแดง” เห็นบอกว่าสีมงคล
หลังจากถามPaul ได้ความว่า Tuk Tuk ป้ายแดงราคาแพงถึง 175,000บาท (หรือ 7แสนรูปี) แต่ถ้าซื้อมือสอง ราคาก็อาจลดลงมาซักครึ่งนึง
และตอนนี้Tuk Tuk เริ่มล้นเมือง รัฐบาลเลยประกาศงดนำเข้า แถมเพิ่มมาตรการขึ้นราคารถใหม่ เพื่อควบคุมจำนวนรถไม่ให้เกลื่อนเมืองไปมากกว่านี้ แบบนี้น่าเอามาใช้บ้านเรา ลดปัญหารถติด
ไปศรีลังการอบนี้ ได้ลองนั่งTuk Tuk แบบระยะสั้น สะดวกสบายพอควร โดยเฉพาะวันฝนตกปรอยๆ บริการรถจะขายดีมาก รถที่นี่ไม่มีปฎิเสธผู้โดยสาร เห็นจะมีแต่เราที่ปฎิเสธเค้า เพราะเรียกราคาสูงเกินไป
ใครไปศรีลังกา ก็ต้องลองนั่งดูนะคะ ;)
Elephant Parade at Pinnawala....Highlight of the day
เรามาถึงแค้มป์ช้างเกือบๆ 4 โมงเย็น ตอนนั้นช้างทุกเชือกกำลังไปอาบน้ำที่ลำธารกำลังจะกลับเข้าปาง
Paul ให้ฉันตัดสินใจว่าจะรอเข้าชมการป้อนนมลูกช้างหรือไม่ เมื่อดูจากเวลาที่ต้องใช้ กับราคาค่าเข้าแล้ว คิดว่าไม่น่าจะคุ้มกันแถมเวี่ยงไปขึ้นเครื่องไม่ทันอีกต่างหาก
เลยตัดสินใจไปแอบดูช้างอาบน้ำดีกว่า
ช้างส่วนใหญ่ที่นี่เป็นช้างป่าที่กำพร้าทั้งที่ยังไม่หย่านมหรือโตแล้ว เค้าเลี้ยงกันมากว่า3รุ่นแล้ว ในปี2011เห็นว่ามีช้างเกือบ 100เชือก
Paul บอกว่า เดี๋ยวพาไปดูอีกที่ใกล้ๆกันนี่เอง
เดินตามPaulเข้าไปในตรอก บ้านนั้นมีช้างอยู่ 1 เชือก (อีก 2 เชือกพาลูกทัวร์ไปเดินเล่น) เค้าจัดอาหารมาให้เราป้อนช้าง แล้วเล่นกับนางพักนึง ก่อนจะขอไปแอบดูฝูงช้างอาบน้ำ
ช้างของปางช้างอาบน้ำอยู่ไกลออกไปหน่อย(อารมณ์เหมือนแอบไปหลังบ้านเพื่อนแล้วส่องดู) มองเห็นไกลลิบๆ อยากจะเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ต้องจ่ายตังค์แพงอย่างที่บอก เลยต้องอาศัยแอบดูเอาจากบ้านคนอื่น
พอเสร็จปุ๊บเราก็ออกมารอดูขบวนพาเหรดอยู่ด้านหน้าปาง ซึ่งหลังจากช้างอาบน้ำที่ลำธารเสร็จจะเดินกลับมาทางด้านนี้
4 โมงเย็นถึงเวลาที่ช้างจะขึ้นจากน้ำแล้วเดินเรียงแถวกันกลับปาง นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวศรีลังกาเอง มายืนรอกันเยอะเลย แต่ละเชือก เดินเรียงกันออกมา น่ารักมาก เค้าทำแบบนี้ทุกวันเป็นกิจวัตร
แต่เราไม่ควรเข้าใกล้นะคะ เพราะช้างเค้าจะต้องกลับไปให้ทันเวลาป้อนอาหาร
กำลังหิวด้วย....เดี๋ยวฟาดงวงฟาดงา
[CR] แอบดู "ช้าง" อาบน้ำที่ Pinnawala, Sri Lanka | A Remarkable Journey
แอบดูช้างอาบน้ำ
ติดตามตอนแรกได้ที่นี่:
ไม่ได้บ้า....แค่แบกเป้ขึ้นบ่า เที่ยว SRI LANKA คนเดียว | Kandy | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35365917
ติดตามตอนที่สองได้ที่นี่:
Episode 1: บุกไร่ชา ตามหาเสือดาวที่ Nuwela Eliya, Sri LanKa | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35381926
Episode 2: Nuwara Eliya เดินป่า "ตามหาเสือดาว" ที่ Sri Lanka | A Remarkable Journey: http://ppantip.com/topic/35386638
ตื่นมาเช้าตรู่ อากาศดี๊ดี
เสียงนกร้องดังทั่วไปหมด สวนหน้าโรงแรมมีกาตัวสีดำใหญ่ๆเดินเพ่นพ่านอยู่หลายตัว เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกว่า เป็นเรื่องปกติ(ซึ่งก็เห็นจะจริง เพราะที่ Kandy ก็เจอฝูงกาดำเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด พอๆกับฝูงนกพิราบที่สนามหลวงบ้านเรา)
มาศรีลังกาก็สั่งอาหารเช้าแบบ American – Sri Lankan กินซักหน่อย
และเพราะอากาศวันนี้ดีมาก เลยขอให้เค้าตั้งโต๊ะอาหารเช้าที่สนามหญ้าหน้าโรงแรมได้ไหม เจ้าของยิ้มกว้างแล้วบอกว่าไม่มีปัญหา สั่งให้เด็กมาช่วยจัดโต๊ะใต้ร่มไม้ใหญ่ เป็นปลื้ม
หยิบหนังสือเล่มท่องเที่ยวเล่มที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน ออกมานั่งอ่านรอข้าวเช้า
อาหารเช้าคือไข่คนปนกลิ่นเครื่องเทศพร้อมไส้กรอก ขนมปังปิ้งพร้อมเนยและแยม แป้งนาน(โรตีหนาๆ)อีกสองแผ่น ชาร้อนกาใหญ่ พร้อมผลไม้อีก 1 จานเล็ก อร่อยและอิ่มหนำสำราญ
ก่อนกลับเข้าห้องเก็บกระเป๋าพร้อมเดินทางกลับบ้าน
แอบใจหายเล็กๆเหมือนกัน มาอยู่ศรีลังกาไม่กี่วันเริ่มคุ้นเคยและหลงรักที่นี่
ก่อนกลับน้องเด็กเสริฟยังพยายามเดินเข้ามาเมียงมอง powerbank ที่ถือมาด้วย หลังจากที่เมื่อวานตอนทานข้าว มาถามว่าราคาขนาดเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ ใช้ดีไหม ก่อนเอ่ยปากว่า “ขายต่อให้เค้าได้ไหม เพราะเค้าอยากได้เหลือเกิน” ถึงแม้จะใช้มาปีกว่าแล้วก็ตาม เค้าจะให้ราคาเท่าที่ซื้อมาเลย แต่ฉันยืนยันกลับไปว่า ถึงแม้จะอยากขายก็คงขายให้ไม่ได้จริงๆเพราะเป็นของที่เพื่อนให้มา จะเอาของเพื่อนมาขายได้อย่างไรกัน (แม้ที่จริงแล้วจะขายไป แล้วเอาตังค์มาซื้อรุ่นใหม่ได้ก็ตาม)
เลยรู้ว่า เทคโนโลยีบางอย่างก็ยังเข้าไม่ถึงที่นี่ หรือถึงมีก็จะเป็นขนาดย่อมเยากว่าแต่ราคาสูง เค้าเลยตื่นเต้นเมื่อเห็นของที่ใหม่และคุณภาพดีกว่าในราคาที่แสนถูก
สงสัยกลับไปต้องไปคิดimport/export ขายของส่งประเทศอื่นๆ จะรุ่งไหมนะ
เสียงรถเข้ามาจอดที่โรงแรม เป็นสัญญานบอกว่า ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
Paul โผล่มาพร้อมเพื่อนอีกคนที่เป็นญาติกัน จะมาช่วยขับรถวันนี้ เพราะระยะทางจาก Nuwara Eliya ไปที่ Bandaranaika Internation Airport นั้นราวๆ 165 กิโลเมตร แต่อาจต้องขับรถนานกว่าปกติ เพราะบางช่วงจำกัดความเร็วให้วิ่งได้ไม่เร็วนัก ถ้าเป็นบ้านเราก็คงแค่ชัวโมงกว่าๆคงถึง แต่ที่นี่อาจจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง แถมเราต้องแวะเที่ยวที่ต่างๆด้วย
(Bandaranaika Internation Airport อยู่ห่างจากเมือง Comlombo 32 กิโลเมตร ห่างจาก Negombo แค่ 11 กิโลเมตรเท่านั้น)
เราสามคนเดินทางออกจาก Nuwara Eliya มุ่งหน้าหาเมือง Pinnawala ซึ่งเราจะไปเยี่ยมชม Pinnawala Elephant Orphanage Camp ซึ่งเป็นสถานเลี้ยงช้างกำพร้าที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้
ระหว่างทางไป เม้าท์มอยกับ Paul บอกเค้าไปว่าอาหารการกินที่นี่ไม่ค่อยถูกปาก แถมหากินยากด้วย
Paulบอกว่า คนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกินเองนะ ไม่ค่อยมีใครซื้อกินข้างนอก แต่ถ้าฉันอยากกินอาหารอร่อย เดี๋ยวจะพาไป
Paulพาแวะกินของว่างที่ร้านข้างทาง โดยบอกว่าร้านนี้ผ่านมาเมื่อไหร่แล้วต้องแวะทุกครั้ง
อาหารทำสุกใหม่ มีให้เลือกเยอะ ราคาก็ไม่แพงด้วย
วันนี้ฉันเลยได้ชิมโรตี จิ้มกับน้ำจิ้มหลากหลายชนิด น้ำจิ้มเค้าเอาใส่หม้อดินตั้งไว้ เราตักเองได้เลยแบบบุฟเฟต์ โรตีร้อนๆจิ้มกับน้ำจิ้มเผ็ด น้ำจิ้มปลาป่น น้ำจิ้มมะพร้าวคั่วเครื่องแกง อร่อยดีสมคำร่ำลือ
ตบท้ายด้วย ชาดำเสริฟมากับน้ำตาลอ้อยก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก หวานหอมอิ่มพุง
สนนราคาไม่รู้ เพราะมื้อนี้Paulเลี้ยง
อิ่มจัง ตังค์ไม่ต้องจ่าย Happy สุด
"Train Museum"
ก่อนถึง Pinnawala เราก็แวะเวียนเที่ยวมาเรื่อย มาหยุดที่ "Train Museum" พิพิธภัณฑ์รถไฟศรีลังกา
พิพิธภัณฑ์เค้าไม่ได้ใหญ่มากหรอก แต่Paulและเพื่อนที่มาด้วยวิ่งเล่นถ่ายรูปกันสนุกสนานมาก เหมือนเด็กเพิ่งเคยมาเที่ยว เห็นแล้วก็ขำดี ฉันเลยต้องกลายเป็นช่างภาพจำเป็น ระหว่างถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ก็มีรถไฟผ่านมา 1 ขบวน จากถ่ายรูปกันเล่นๆ เปลี่ยนมุมกล้องแพนมาทางรถไฟแบบไม่ต้องคิด
รถไฟชั้นสาม แต่ตอนเย็นแล้ว คนเลยไม่เยอะ เด็กน้อยเห็นหน้าเราก็ยิ้มให้ ต่างคนต่างโบกมือให้กัน
พวกเราเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาเจอกันแบบเสี้ยววินาที เพียงแค่รอยยิ้มก็สร้างมิตรภาพได้มากมาย
พยายามเก็บภาพรอยยิ้มของน้องมาด้วยมือถือที่คุณภาพด้อยกว่าสายตา เก็บไว้ให้ระลึกว่า
โมเม้นต์นึงเคยมายืนตรงนี้ ยืนยิ้มให้คนไม่รู้จักแบบจริงใจสุดๆ
ระหว่างที่อยู่ที่นี่และระหว่างทางกลับ สิ่งที่เราเห็นเยอะที่สุดคงจะเป็น Tuk Tuk
คนศรีลังกาใช้บริการTuk Tuk เหมือนเรานั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างในกรุงเทพ วิ่งไปกันทั่วเมือง
สนนราคา20บาทขึ้นไป จนถึงขั้นเหมาจ้างเป็นวันพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เช่นตอนไป Horton Plains National Park (ตอนที่แล้ว) ก็มีฝรั่งจ้างรถ Tuk Tuk ให้ขับขึ้นไป ทั้งที่จริงๆแล้วอันตรายมาก เพราะเป็นทางขึ้นเขา อารมณ์เหมือนขับตุ๊กๆบ้านเราขึ้นดอยสุเทพหรือยิ่งกว่านั้น
รถTuk Tuk ที่นี่มีหลายสี แดง เขียว น้ำเงิน ฟ้า ดำ ครีม เหลือง แต่ที่เห็นมากสุดคือ “สีแดง” เห็นบอกว่าสีมงคล
หลังจากถามPaul ได้ความว่า Tuk Tuk ป้ายแดงราคาแพงถึง 175,000บาท (หรือ 7แสนรูปี) แต่ถ้าซื้อมือสอง ราคาก็อาจลดลงมาซักครึ่งนึง
และตอนนี้Tuk Tuk เริ่มล้นเมือง รัฐบาลเลยประกาศงดนำเข้า แถมเพิ่มมาตรการขึ้นราคารถใหม่ เพื่อควบคุมจำนวนรถไม่ให้เกลื่อนเมืองไปมากกว่านี้ แบบนี้น่าเอามาใช้บ้านเรา ลดปัญหารถติด
ไปศรีลังการอบนี้ ได้ลองนั่งTuk Tuk แบบระยะสั้น สะดวกสบายพอควร โดยเฉพาะวันฝนตกปรอยๆ บริการรถจะขายดีมาก รถที่นี่ไม่มีปฎิเสธผู้โดยสาร เห็นจะมีแต่เราที่ปฎิเสธเค้า เพราะเรียกราคาสูงเกินไป
ใครไปศรีลังกา ก็ต้องลองนั่งดูนะคะ ;)
เรามาถึงแค้มป์ช้างเกือบๆ 4 โมงเย็น ตอนนั้นช้างทุกเชือกกำลังไปอาบน้ำที่ลำธารกำลังจะกลับเข้าปาง
Paul ให้ฉันตัดสินใจว่าจะรอเข้าชมการป้อนนมลูกช้างหรือไม่ เมื่อดูจากเวลาที่ต้องใช้ กับราคาค่าเข้าแล้ว คิดว่าไม่น่าจะคุ้มกันแถมเวี่ยงไปขึ้นเครื่องไม่ทันอีกต่างหาก
เลยตัดสินใจไปแอบดูช้างอาบน้ำดีกว่า
ช้างส่วนใหญ่ที่นี่เป็นช้างป่าที่กำพร้าทั้งที่ยังไม่หย่านมหรือโตแล้ว เค้าเลี้ยงกันมากว่า3รุ่นแล้ว ในปี2011เห็นว่ามีช้างเกือบ 100เชือก
Paul บอกว่า เดี๋ยวพาไปดูอีกที่ใกล้ๆกันนี่เอง
เดินตามPaulเข้าไปในตรอก บ้านนั้นมีช้างอยู่ 1 เชือก (อีก 2 เชือกพาลูกทัวร์ไปเดินเล่น) เค้าจัดอาหารมาให้เราป้อนช้าง แล้วเล่นกับนางพักนึง ก่อนจะขอไปแอบดูฝูงช้างอาบน้ำ
ช้างของปางช้างอาบน้ำอยู่ไกลออกไปหน่อย(อารมณ์เหมือนแอบไปหลังบ้านเพื่อนแล้วส่องดู) มองเห็นไกลลิบๆ อยากจะเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ต้องจ่ายตังค์แพงอย่างที่บอก เลยต้องอาศัยแอบดูเอาจากบ้านคนอื่น
พอเสร็จปุ๊บเราก็ออกมารอดูขบวนพาเหรดอยู่ด้านหน้าปาง ซึ่งหลังจากช้างอาบน้ำที่ลำธารเสร็จจะเดินกลับมาทางด้านนี้
4 โมงเย็นถึงเวลาที่ช้างจะขึ้นจากน้ำแล้วเดินเรียงแถวกันกลับปาง นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวศรีลังกาเอง มายืนรอกันเยอะเลย แต่ละเชือก เดินเรียงกันออกมา น่ารักมาก เค้าทำแบบนี้ทุกวันเป็นกิจวัตร
แต่เราไม่ควรเข้าใกล้นะคะ เพราะช้างเค้าจะต้องกลับไปให้ทันเวลาป้อนอาหาร
กำลังหิวด้วย....เดี๋ยวฟาดงวงฟาดงา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น