สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ผมเข้าใจคุณนะ เพราะผมเองก็มีภาระเยอะมาตั้งแต่หนุ่มๆ
เป็นกำลังหลักเพียงคนเดียวในครอบครัวขนาด 7-8 ชีวิตมาตลอด
เมื่อก่อนบางทีเคยคิด แค่อยากกินไก่ kfc ซักสองชิ้น ไม่กี่สิบบาท ต้องสั่งทีสิบหกชิ้น กินกันทั้งบ้าน
บางวันอยากกินอาหารทะเลนิดหน่อย ต้องสั่งปลาที 3 ตัว กุ้ง 2 กิโล อื่นๆ อีกเต็มโต๊ะสำหรับทุกคนในบ้าน
เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง ทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้เงินหมด
ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ คนป่วย คนพิการ หรือเด็กๆ
บังเอิญบ้านผม มีครบทุกประเภทที่ว่ามาด้วยสิ
เวลาควักกระเป๋า ผมต้องไม่คิดเปรียบเทียบ ว่าเงินจำนวนนี้เอาไปซื้อของอะไรได้บ้างที่เราอยากได้
ต้องไม่คิดว่าถ้าไม่มีภาระตรงนี้ เราคงได้ไปเมืองนอก ได้เปลี่ยนรถ ได้ทำโน่นทำนี่
มีคนมากมาย รายได้น้อยกว่าผม ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยสบายๆ เราต้องไม่คิดเปรียบเทียบตรงนั้น
เอาเข้าจริง ผมคิดว่ากิเลสคนเราไม่จบไม่สิ้น พอได้ทำตรงนี้ เดี๋ยวก็มีอย่างอื่นที่อยากทำอีก
ป่วยการที่จะไปอยากทำโน่นทำนี่เอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ตรงกันข้าม ผมทำใจ ว่านี่คือตัวตนของผม ผมเกิดมามีครอบครัวแบบนี้ ผมถึงเป็นทุกวันนี้ ผมยอมรับเอาทุกอย่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ข้อดีคือ ความคิดเราก็โตขึ้น รายได้เราก็โดนบังคับกลายๆ ให้โตขึ้น เพิ่งเห็นกฎ 40% ของซีลแว้บๆ แถบนี้ เค้าบอกว่าคนเรามีศักยภาพเยอะกว่าที่เราคิด หากเรารู้สึกว่าไม่ไหว นั่นอาจเป็นแค่ 40% ของที่เราทำได้เท่านั้น การต้องหาเงินมาเลี้ยงดูภาระที่มี ถ้าท้อก็อาจรู้สึกไม่ไหว งานหนักแล้ว ตันแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว แต่ถ้าสู้ก็จะพบว่าตัวเราเองได้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย คือ เฮ้ย มันยังไหวๆๆ
มองย้อนกลับไป ถ้าไม่มีภาระ เราจะมายืนตรงจุดนี้หรือเปล่า
ผมรู้จักตัวเองดี ผมบอกเลยว่า ไม่มีทาง เพราะงั้นผมพอใจกับชีวิตแบบนี้แหละ ถึงแม้เห็นเค้าลางความยุ่งยากอีกหลายอย่างในอนาคต ไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากใครอื่น ลูกหลานโตไปดูแลตัวเองได้ผมก็ดีใจแล้ว ถ้าเค้าจะกตัญญูกลับมาดูแลผม ผมเชื่อว่าเค้าก็จะได้ประโยชน์เหมือนที่ผมได้ นี่อาจจะเป็นความหมายของทำดีได้ดี ผมก็สอนลูกหลานแบบนี้แต่คงไม่บังคับไม่คาดหวังเค้า
ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลในความรู้สึกของเรา ผมก็ช่วยบ้างเฉยบ้าง เป็นการพบกันครึ่งทาง บางทีความจำเป็นของเค้ากับของเราก็ต่างกัน บางทีส่วนตัวเราก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลเหมือนกัน ก็คงไม่ไปเข้มงวดอะไรใครมากมาย
ก็เป็นชีวิตของผม หวังว่าคุณจะได้อะไรจากที่ผมเขียนไปบ้าง
เป็นกำลังหลักเพียงคนเดียวในครอบครัวขนาด 7-8 ชีวิตมาตลอด
เมื่อก่อนบางทีเคยคิด แค่อยากกินไก่ kfc ซักสองชิ้น ไม่กี่สิบบาท ต้องสั่งทีสิบหกชิ้น กินกันทั้งบ้าน
บางวันอยากกินอาหารทะเลนิดหน่อย ต้องสั่งปลาที 3 ตัว กุ้ง 2 กิโล อื่นๆ อีกเต็มโต๊ะสำหรับทุกคนในบ้าน
เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง ทุกคนมีความจำเป็นต้องใช้เงินหมด
ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ คนป่วย คนพิการ หรือเด็กๆ
บังเอิญบ้านผม มีครบทุกประเภทที่ว่ามาด้วยสิ
เวลาควักกระเป๋า ผมต้องไม่คิดเปรียบเทียบ ว่าเงินจำนวนนี้เอาไปซื้อของอะไรได้บ้างที่เราอยากได้
ต้องไม่คิดว่าถ้าไม่มีภาระตรงนี้ เราคงได้ไปเมืองนอก ได้เปลี่ยนรถ ได้ทำโน่นทำนี่
มีคนมากมาย รายได้น้อยกว่าผม ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยสบายๆ เราต้องไม่คิดเปรียบเทียบตรงนั้น
เอาเข้าจริง ผมคิดว่ากิเลสคนเราไม่จบไม่สิ้น พอได้ทำตรงนี้ เดี๋ยวก็มีอย่างอื่นที่อยากทำอีก
ป่วยการที่จะไปอยากทำโน่นทำนี่เอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ตรงกันข้าม ผมทำใจ ว่านี่คือตัวตนของผม ผมเกิดมามีครอบครัวแบบนี้ ผมถึงเป็นทุกวันนี้ ผมยอมรับเอาทุกอย่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ข้อดีคือ ความคิดเราก็โตขึ้น รายได้เราก็โดนบังคับกลายๆ ให้โตขึ้น เพิ่งเห็นกฎ 40% ของซีลแว้บๆ แถบนี้ เค้าบอกว่าคนเรามีศักยภาพเยอะกว่าที่เราคิด หากเรารู้สึกว่าไม่ไหว นั่นอาจเป็นแค่ 40% ของที่เราทำได้เท่านั้น การต้องหาเงินมาเลี้ยงดูภาระที่มี ถ้าท้อก็อาจรู้สึกไม่ไหว งานหนักแล้ว ตันแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว แต่ถ้าสู้ก็จะพบว่าตัวเราเองได้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย คือ เฮ้ย มันยังไหวๆๆ
มองย้อนกลับไป ถ้าไม่มีภาระ เราจะมายืนตรงจุดนี้หรือเปล่า
ผมรู้จักตัวเองดี ผมบอกเลยว่า ไม่มีทาง เพราะงั้นผมพอใจกับชีวิตแบบนี้แหละ ถึงแม้เห็นเค้าลางความยุ่งยากอีกหลายอย่างในอนาคต ไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากใครอื่น ลูกหลานโตไปดูแลตัวเองได้ผมก็ดีใจแล้ว ถ้าเค้าจะกตัญญูกลับมาดูแลผม ผมเชื่อว่าเค้าก็จะได้ประโยชน์เหมือนที่ผมได้ นี่อาจจะเป็นความหมายของทำดีได้ดี ผมก็สอนลูกหลานแบบนี้แต่คงไม่บังคับไม่คาดหวังเค้า
ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลในความรู้สึกของเรา ผมก็ช่วยบ้างเฉยบ้าง เป็นการพบกันครึ่งทาง บางทีความจำเป็นของเค้ากับของเราก็ต่างกัน บางทีส่วนตัวเราก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลเหมือนกัน ก็คงไม่ไปเข้มงวดอะไรใครมากมาย
ก็เป็นชีวิตของผม หวังว่าคุณจะได้อะไรจากที่ผมเขียนไปบ้าง
ความคิดเห็นที่ 11
คุณสมมติมา แต่ไหงคุณอินจัดซะขนาด ถ้าเป็นเรื่องจริงก็กล้าปรึกษาเลยครับ
แล้วคุณจะได้คำตอบต่างไปจากที่ตอบกันมาในกระทู้
ปัญหาบุพการีก่อหนี้สินไม่จบ แถมหลอกเพื่อจะเอาเงินเพิ่มอีก คนไทยเจอกันเยอะครับ
ไม่ใช่คุณเจอคนเดียว
วิธีแก้ปัญหาเด็ดขาดที่ผมจะแนะนำคนอื่นเสมอ คือ หยุดให้ท้าย ครับ
หยุดเป็นพวก enabler ซะที
ถ้าลูกไม่หยุดให้ท้ายด้วยการให้เงิน พ่อแม่จะไม่หยุดเช่นกัน เพราะถือตลอดว่า เดี๋ยวลูกก็ให้
แล้วคุณก็ให้เงินท่านใช้รายเดือนเท่าที่พอเพียงต่อการใช้ชีวิต และเก็บออมเงินค่ารักษาพยาบาลท่านยามเจ็บป่วย
แต่จะไม่ใช้หนี้อื่นใดให้อีกแล้ว
ผมชอบคำตอบของเพื่อนพันทิปท่านนึงมาก หวังว่าจะกระตุกจขกท.ได้
แล้วคุณจะได้คำตอบต่างไปจากที่ตอบกันมาในกระทู้
ปัญหาบุพการีก่อหนี้สินไม่จบ แถมหลอกเพื่อจะเอาเงินเพิ่มอีก คนไทยเจอกันเยอะครับ
ไม่ใช่คุณเจอคนเดียว
วิธีแก้ปัญหาเด็ดขาดที่ผมจะแนะนำคนอื่นเสมอ คือ หยุดให้ท้าย ครับ
หยุดเป็นพวก enabler ซะที
ถ้าลูกไม่หยุดให้ท้ายด้วยการให้เงิน พ่อแม่จะไม่หยุดเช่นกัน เพราะถือตลอดว่า เดี๋ยวลูกก็ให้
แล้วคุณก็ให้เงินท่านใช้รายเดือนเท่าที่พอเพียงต่อการใช้ชีวิต และเก็บออมเงินค่ารักษาพยาบาลท่านยามเจ็บป่วย
แต่จะไม่ใช้หนี้อื่นใดให้อีกแล้ว
ผมชอบคำตอบของเพื่อนพันทิปท่านนึงมาก หวังว่าจะกระตุกจขกท.ได้
ความคิดเห็นที่ 10
ตอบในฐานะเป็นแม่ คงวัยพ่อแม่คุณ หรือมากกว่าด้วย
เราจะไม่ขอเงินจากลูก เรารู้จักประมาณตัวเอง และยังหางานทำ ถ้าไม่มีงานทำ เราประหยัด ไม่ใช้ฟุ่มเฟือย ฝึกตัวเองจนทำได้แล้ว ถึงมีเงินใช้จากเงินที่เราสะสมเก็บไว้เอง
ในกรณีถ้าเราเป็นลูก เราจะไม่ให้พ่อแม่ ให้เท่าเดิมที่ตกลงกันไว้ ถ้าขอมากเกินกว่าเงินที่เรามีจะให้ ลำพังตัวเองต้องเอาให้รอด
ผู้ใหญ่วัยเราไม่ชอบสไตล์ความคิดของเราหรอก เพราะเราไม่ชอบเบียดเบียนคนอื่น แม้กระทั่งลูกของตัวเอง เราไม่เอาคำว่าบุญคุณพ่อแม่มาอ้างกดดันลูกเรา ไม่ชอบฟังคนที่ชอบอ้างอิงว่าอกตัญญู กตัญญู บุพการี อะไรนั่น เราดูคนที่การกระทำ ไม่ใช่เอาแต่พูดให้ตัวเองดูเป็นคนกตัญญู
เราจะไม่ขอเงินจากลูก เรารู้จักประมาณตัวเอง และยังหางานทำ ถ้าไม่มีงานทำ เราประหยัด ไม่ใช้ฟุ่มเฟือย ฝึกตัวเองจนทำได้แล้ว ถึงมีเงินใช้จากเงินที่เราสะสมเก็บไว้เอง
ในกรณีถ้าเราเป็นลูก เราจะไม่ให้พ่อแม่ ให้เท่าเดิมที่ตกลงกันไว้ ถ้าขอมากเกินกว่าเงินที่เรามีจะให้ ลำพังตัวเองต้องเอาให้รอด
ผู้ใหญ่วัยเราไม่ชอบสไตล์ความคิดของเราหรอก เพราะเราไม่ชอบเบียดเบียนคนอื่น แม้กระทั่งลูกของตัวเอง เราไม่เอาคำว่าบุญคุณพ่อแม่มาอ้างกดดันลูกเรา ไม่ชอบฟังคนที่ชอบอ้างอิงว่าอกตัญญู กตัญญู บุพการี อะไรนั่น เราดูคนที่การกระทำ ไม่ใช่เอาแต่พูดให้ตัวเองดูเป็นคนกตัญญู
ความคิดเห็นที่ 19
เรืองนี้เคยเกิดขึ้นกับเรา หลายคนจะไม่เข้าใจว่าคนที่ใช้เงินเปลืองโดยไม่คิด จะใช้ได้สิ้นเปลืองมากขนาดไหน
เติมไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วพอเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินมากๆเพื่อรักษาชีวิต กลับไม่มีจะใช้
อยากให้ข้อคิดว่า เราเป็นลูกควรต้องเลี้ยงดูพ่อ-แม่ ไม่ให้ลำบากเป็นเรื่องจำเป็น แต่ควรมีสติ ประมาณตัวเอง
ถ้าให้พ่อแม่มากจนทำให้เราเป็นหนี้ ชีวิตล้มเหลว ในวันนั้นใครจะดูแลพ่อแม่ ในเมื่อ เรายังเอาตัวไม่รอดเลย
พ่อแม่ ล้มเหลวเรื่องการเงิน แล้วเราจะตามใจจนล้มไปด้วยกัน หรือจะทำตัวเป็นหลักให้พ่อแม่ได้พึ่งพิงยามจำเป็น
บางทีเราต้องเข้มแข็ง เวลาโดนสังคมด่า หรือโดนพ่อแม่เอาไปว่าเวลาเราจัดระเบียบเรื่องการเงินใหม่
ส่วนเรื่องเงินรายรับ อาจต้องหาทางลงทุนเพื่อให้มันงอกเงย เดี๋ยวนี้ค่าครองชีพสูง ถ้ารายรับมากขึ้น เราก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นด้วย
เติมไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วพอเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินมากๆเพื่อรักษาชีวิต กลับไม่มีจะใช้
อยากให้ข้อคิดว่า เราเป็นลูกควรต้องเลี้ยงดูพ่อ-แม่ ไม่ให้ลำบากเป็นเรื่องจำเป็น แต่ควรมีสติ ประมาณตัวเอง
ถ้าให้พ่อแม่มากจนทำให้เราเป็นหนี้ ชีวิตล้มเหลว ในวันนั้นใครจะดูแลพ่อแม่ ในเมื่อ เรายังเอาตัวไม่รอดเลย
พ่อแม่ ล้มเหลวเรื่องการเงิน แล้วเราจะตามใจจนล้มไปด้วยกัน หรือจะทำตัวเป็นหลักให้พ่อแม่ได้พึ่งพิงยามจำเป็น
บางทีเราต้องเข้มแข็ง เวลาโดนสังคมด่า หรือโดนพ่อแม่เอาไปว่าเวลาเราจัดระเบียบเรื่องการเงินใหม่
ส่วนเรื่องเงินรายรับ อาจต้องหาทางลงทุนเพื่อให้มันงอกเงย เดี๋ยวนี้ค่าครองชีพสูง ถ้ารายรับมากขึ้น เราก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นด้วย
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเรามีพ่อแม่ที่ไม่ได้ทำงานแล้วแต่วันๆคอยแต่ขอเงินใช้เงินสิ้นเปลืองสร้างหนี้สินให้เราตามเช็ดเราจะมีวิธีแก้ปัญหานี้ยังไง
ถ้าสมมุติว่า เราทำงานออฟฟิศธรรมดาๆ กินใช้ได้ระดับหนึ่ง พอมีเก็บมีสำรองบ้างไม่ได้ลำบาก แต่พ่อแม่ของเรา ไม่ได้ทำงานไม่มีรายได้ไม่มีเงินเก็บอยู่บ้านเฉยๆ ลำพังขอเงินกินใช้ไปเดือนๆนึงเราก็พอส่งไหว แต่ถ้าเขามีขอเยอะขึ้น อ้างนั้นอ้างนี้เยอะเกินกว่าการกินใช้ในชีวิตประจำวัน ขอไปซื้อของฟุ่มเฟือย หรือไปกู้หนี้ยืมสินแล้วไม่มีปัญญาใช้ต้องมาเดือดร้อนเราไปตามเช็ดหรือมาขอเงินก้อนเราไปจ่ายบ่อยๆ ทั้งๆที่ตัวเขาควรจะทำตัวให้เดือดร้อนคนอื่นน้อยที่สุดไม่ใช่หริอ ที่จริงมาขอแค่เดือนละ4-6พันบาท ไปกินไปใช้ประจำวันก้อน่าจะพอ แต่ยังไปสร้างหนี้สินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย บางทีมีหลอกล่อนั้นนี่จะเอาเงินก้อมี กลายเป็นภาระแก่เราโดยไม่จำเป็น จนเราเองก้อเริ่มจะไม่ไหว ทำให้ฐานะการเงินเราแย่ไปด้วยติดๆขัดๆพลอยจะมีหนี้สินไปด้วย เราควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงดีครับ
(เคยคุยตรงๆก็ตอบอ้ำๆอึ้งๆไม่พูดความจริงปิดบัง หมกเม็ดปัญหา และอีกอย่างพูดตรงๆเขาเป็นคนไม่มีความคิดสอนไปอธิบายไปก้อไม่เชื่อดื้อก่อปัญหาเดิมซ้ำจนแก้ยังไงก้อไม่หมด)
บางทีก้อแอบอิจฉาคนอื่นนะ พ่อแม่เค้ามีความคิด รู้จักเก็บออมเงินในวัยทำงาน รู้จักกินรู้จักใช้ ไม่ก่อปัญหาไร้สาระ แก่มาสบายมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ แถมมีเงินมาส่งเสริมลูกหลาน คนรอบตัวก้อพลอยสบายไปด้วย
เราจะมีวิธีจัดการเรื่องพวกนี้ยังไง