พ่อแม่ขอเงินจนเงินแทบไม่เหลือเก็บ ทำไงดี

เจอปัญหาว่า พ่อแม่เลิกทำงานตั้งแต่อายุ50 ตอนั้นผมพอดีเพิ่งเรียนจบก็ส่งเงินเลี้ยงดูมาเรื่อยๆจน ปัจจุบันผ่านมา10กว่าปี เงินเดือนผมก็มากขึ้นเรื่อยๆจนให้เงินส่งพ่อแม่เดือนละ20000บาทกว่าๆให้ มาเรื่อยๆซึ่งเท่าที่ให้ไปก็ทำให้ผมเงินเก็บเหลือไม่มากแค่พอเอามาซื้อLTF ได้ส่วนนึงเพื่อลดหย่อนภาษี  แต่ล่าสุดท่านก็บ่นว่าที่ให้ไปไม่พอใช้เลย จำเป็นต้องขอเพื่มอีกเดือนละ5พัน!  พอผมไม่ให้ท่านก็ต่อว่าผมว่าใจร้าย สรุปต้องจำใจเพิ่มให้
  (ทั้งๆที่ผ่านมา ผมก็โดนเบิกค่าซ่อมของในบ้านทุกอย่าง ค่าซ่อมรถ ค่าทะเบียน ภาษี...รถคันที่ท่านขับ ผมก็จ่ายให้ท่านทุกอย่างอีกด้วย )
ปัญหาหลักๆคือ ท่านคงเข้าใจว่าผมเหลือเงินเยอะ ก็เลยขอเพื่มแบบว่ากะไม่ให้ผมเหลือเก็บไว้ยามแก่เลย
ผมก็ได้แต่กลุ้มใจว่า พอเราแก่ตัวจะเอาเงินที่ไหนใช้(นอกจากที่จะได้คืนมาจากltfในอนาคต)
มีใครเจอแบบผมมั่งT_T   บ้านผมเองก็ยังผ่อนไม่หมดเลย  ว่าจะเอาเงินไปโปะต้นก็ไม่มีจะโปะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
คุณกำลังเข้าสู่วัฏจักรแห่งความยากจน กล่าวคือ พ่อแม่ไม่ทำงาน และไม่มีความพอเพียง หวังได้เงินของคุณทั้งหมดมาเลี้ยงดูทั้งชีวิต กว่าพ่อแม่จะลาจากโลกใบนี้คุณก็เลยวัยเกษียณไปแล้ว และตอนนั้นคุณก็ไม่มีแรง ไม่มีเงินเก็บ คุณก็ต้องหวังพึ่งลูกของคุณ แบบที่พ่อแม่ขอพึ่งคุณ ลูกของคุณก็ไม่มีทางตั้งตัว ต้องพึ่งพาหลานสืบต่อกันไปเป็นทอด ๆ   ทางออกของเรื่องนี้คือ พ่อแม่คุณถ้าไม่ได้หมดเรี่ยวแรง คุณต้องให้ท่านออกไปหาเงิน แล้วคุณจุณเจือท่านตามกำลัง คุณจำเป็นต้องมีเงินเหลือเพื่อตั้งตัว ที่สำคัญคุณต้องรู้จักการสร้างรายได้เพื่อให้มีเงินเหลือเพื่อส่งเสริมลูกของคุณให้มีความรู้มาก ๆ วันนึงเขาไม่ต้องพึ่งพาคุณ และคุณไม่ต้องพึ่งพาเขา เขาจึงจะเติบโต และสร้างคนรุ่นต่อ ๆ ไปในวัฎจักรที่เป็นบวก ไม่ใช่สร้างวงจรแห่งความยากจนแบบที่คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ทำกัน

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดของคุณ ชีวิตเป็นของคุณ ใช้ให้ถูกทางซะ ผ่านไป 30 ปี ชีวิตคุณจะเปลี่ยน

ปล. ความกตัญญู มีความสำคัญ แต่ไม่ใช่การแสดงออกโดยการให้เงินทั้งหมดที่คุณมี ถึงเรียกว่าเป็นลูกกตัญญู การแสดงออกถึงความกตัญญู ทำได้ทั้งทางการช่วยเหลือทางกาย และทางใจ ถ้าพ่อแม่หวังเงินเพียงอย่างเดียวแล้วถ้าไม่ได้และบอกว่าคุณ อกตัญญู ผมบอกได้คำเดียวคือพ่อแม่คุณรักตัวเอง มากกว่ารักคุณ....
ความคิดเห็นที่ 28
พ่อแม่ลูกพี่ลูกน้องที่ใกล้ชิดเราเป็นแบบนี้ค่ะ
คิดแต่จะเกาะลูกกิน จนน้องเป็นโรคซึมเศร้าเพราะความเครียดสะสมที่พ่อแม่ใช้เงินมือเติบ
มีเท่าไหร่ก็ไม่เคยเหลือ ไม่พอยังไปสร้างหนี้เพิ่ม 5-6 หมื่นแล้วมาบังคับให้ลูกจ่ายแทน (เพราะตัวเองไม่เหลือเงินใช้หนี้แล้ว)

สุดท้ายน้องต้องไปหาจิตแพทย์ หมอก็ให้คำปรึกษาตรง ๆ ง่าย ๆ เลยว่า
หนี้ของพ่อแม่คือหนี้ของพ่อแม่ ไม่ใช่ของเรา
ความกตัญญูมันมีขอบเขต เราควรให้เท่าที่เราให้ได้ แต่ไม่ใช่ให้จนเราเดือดร้อน
ถ้าให้จนตัวเองเดือดร้อนมันไม่ใช่ความกตัญญู

ทางออกของจขกท.น่าจะเหมือนกับที่เราแนะนำน้องและหมอก็เห็นตรงกัน
ว่าให้เท่าที่เรายังเหลือไว้ใช้ชีวิตของตัวเองได้ แล้วตอนให้ ให้คุยกับพ่อแม่ตรง ๆ เด็ดขาด
ว่าเงินที่ให้คือคำนวณมาแล้วว่าให้ได้มากที่สุดแค่นี้
ขอให้บริหารการใช้ให้ดี ให้พอ ถ้าหมดก่อน หรือมีหนี้เพิ่มจะช่วยไม่ได้แล้ว

ต่อให้เค้าด่าว่า ๆ จขกท.ใจร้าย เนรคุณ อกตัญญู ก็ให้ถามตัวเองดี ๆ ค่ะ
ว่าการให้เงินใช้ทุกเดือนเท่าที่จะสามารถให้ได้แล้วมันคือความอกตัญญูตรงไหน?
เราไม่ได้ทิ้งขว้างให้อดอยาก พาไปอยู่สถานรับเลี้ยงคนชราที่ไหน มันจะอกตัญญูยังไง?

หน้าที่ของพ่อแม่คือให้กำเนิดลูกมาแล้วเลี้ยงเค้าให้เติบโตตามฐานะเพื่อให้ลูกได้มีชีวิตที่ดีของตัวเองต่อไปค่ะ
ไม่ใช่ให้เด็กเกิดมาแล้วบอกว่าเป็นหน้าที่ลูกต้องตอบแทนพระคุณ(ด้วยเงิน)ชนิดไม่มีวันหมดสิ้น
เพราะความไม่รู้จักพอและใช้ชีวิตไม่เป็นของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่

ถ้าพ่อแม่จขกท.ไม่ร้ายจนเกินไปเหมือนพ่อแม่น้องเรา
คิดว่าคุยกันดี ๆ ซักครั้งให้ชัดเจนว่าให้ได้แค่ไหน น่าจะเข้าใจค่ะ
ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีก็แล้วกันนะคะ
ความคิดเห็นที่ 8
น่าเห็นใจครับ ออกแนวมีลูกเพื่อหวังเลี้ยงตอนแก่แท้ๆ
ความคิดเห็นที่ 47
แชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ

ที่บ้านมีน้องชายทำงานราชการ เงินเดือนน้อย
แต่เราทำงานเอกชน เงินเดือนสูงกว่ามาก

ทีนี้แม่ก็ชอบมาบ่นค่ะ ว่าน้องเงินเดือนไม่พอใช้ มาบ่นให้แม่ฟัง แบ่งน้องบ้าง
หรือพูดว่า เปลี่ยนรถใหม่เถอะ เอารุ่นนั้น รุ่นนี้
ทุกๆประเด็นที่คิดว่าต้องใช้ตังค์ ก็จะเอามาบ่น ตัดพ้อ (แต่ไม่ได้มากเท่า จขกท.)

ทีนี้ก็เลย ทำงี้ค่ะ เรียกคนในบ้านมาคุยให้หมด
ถามทุกคนว่า หลังจากอายุ 60 ปีเป็นต้นไป จะเอาเงินที่ไหนกิน  จะตายกันอายุเท่าไหร่ แล้วระหว่างนั้นจะใช้เงินเดือน เดือนละเท่าไหร่

แล้วก็แจกแจงว่า  เราได้เงินเดือนเท่านี้ เราส่งหนี้เท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายในบ้านเท่าไหร่ ให้ที่บ้านเท่าไหร่ แล้วเหลือเป็นเงินเก็บได้เท่าไหร่

สรุปตอนท้าย แม่เลิกพูด เลิกตัดพ้อ  เพราะกลายเป็นว่า น้องชาย แม้จะเงินเดือนน้อย แต่เดือนๆนึง มันเก็บได้เต็มๆ บ้านก็เดี๋ยวแม่ยกให้
หนี้สินก็ไม่มี เจ็บป่วย เบิกได้ เกษียณก็มีเงินเดือนให้

เราเงินเดือนเยอะกว่า แต่ส่งบ้าน ส่งรถ ส่งโน่น นี่นั่น สรุป เหลือเป็นเงินให้กินให้ใช้ น้อยมาก แล้วต้องเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณอีก

เหมือนแม่เค้าหูตาสว่าง  แล้วเค้าก็แชร์ด้วยว่า มีทรัพย์สินอะไร ไม่ได้หวังพึ่งลูกหรอกนะ  ก็เอามาแจกแจงกัน สบายใจทุกฝ่ายค่ะ
เลิกมาตอแย

ปล.อาจจะใช้ไม่ได้ทุกบ้าน เพราะพ่อแม่แต่ละคนอาจจะไม่รับฟังในระดับเดียวกันก็ได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
555555..  ขออนุญาตหัวเราะดังๆให้ประโยคนี้ "ท่านคงเข้าใจว่าผมเหลือเงินเยอะ" ครับ
เจอรูปการณ์พอๆกัน แต่แม่ผมเคยพูดอยู่ครั้งว่า ที่ผมให้ไป ก็เก็บออมไว้ให้นั่นแหละ กลัวใช้หมด
ทุกวันนี้ ผมเลยแจกแจงค่าใช้จ่ายให้ฟัง ว่าส่งให้สำหรับค่าใช้จ่ายที่บ้าน เดือนละ 15,000 บาท
ผ่อนดาวน์คอนโดไว้เดือนละ 10,000 บาท อีกสองปีคอนโดจะเสร็จ มีผ่อนรถจักรยานยนต์อีกหมิ่นกว่า
ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคต่างๆในชีวิตประจำวันตกเดือนละหมื่นห้า ทุกวันนี้ คชจ. ติดลบ

หลังจากเล่าให้ฟัง วันรุ่งขึ้นแม่โทรมา ว่าไม่ต้องส่งให้ที่บ้านก็ได้ ...........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่