สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
ผมเข้าใจ จขกท. นะครับ ... ใครอย่าโลกสวยโชว์คนดีแสนประเสริฐเรื่องบุญคุณนะครับ ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้จริงๆ กับคำว่า"เอาจนหมดตัว"
ใครๆก็อยากให้พ่อแม่สบาย ใครๆก็อยากให้พ่อแม่มีความสุข ใครๆก็อยากให้เงินพ่อแม่ ทุกคนคิดแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ
แต่ถ้าคุณเจอ พ่อ แม่ ประเภท บุตรธิดาพานิชย์ แล้วจะร้องไม่ออก คือลูกเหมือนการลงทุนที่ต้องตอบแทนด้วยผลกำไรอย่างงาม
กดดันสารพัด เอาทุกอย่าง เรียกว่าเอาจนลูกไม่ได้ตั้งตัวเลย ส่วนลูกก็จุกพูดไม่ออก ตั้งตัวไม่ได้ พ่อ-แม่ กดดันจะเอาแต่เงิน เดี๋ยวจะเอารถ
ถ้าลูกรวยๆไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่บางทีพ่อแม่ก็ไม่รู้ ไปทำงานกรุงเทพคิดว่าเงินเดือนต้องห้าหกหมื่น เลยต้องมีทรัพย์สินไว้อวดข้างบ้านว่าลูกรวย
คุณพ่อคุณแม่รวย แต่ลูกซวยครับ ...
แถวบ้านผมมีท่านนึง ท่านเรียนดีทำงานดี แต่โดนพ่อแม่กดดันจะเอาอย่างเดียว
จนสุดท้ายท่านเก็บเงินได้หลายล้าน ท่านขายบ้านขายทุกอย่างแล้วเอาเงินทั้งหมดให้พ่อแม่ แล้วก็หนีไปบวชเลยครับ ตั้งแต่อายุ30กลางๆ
จากภาคใต้หนีไปบวชที่อิสานและก็ไม่สึกอีกเลยนับแต่บัดนั้นมา เพราะเรื่องพ่อแม่จะเอาแต่เงินนี่แหละ
ใครๆก็อยากให้พ่อแม่สบาย ใครๆก็อยากให้พ่อแม่มีความสุข ใครๆก็อยากให้เงินพ่อแม่ ทุกคนคิดแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ
แต่ถ้าคุณเจอ พ่อ แม่ ประเภท บุตรธิดาพานิชย์ แล้วจะร้องไม่ออก คือลูกเหมือนการลงทุนที่ต้องตอบแทนด้วยผลกำไรอย่างงาม
กดดันสารพัด เอาทุกอย่าง เรียกว่าเอาจนลูกไม่ได้ตั้งตัวเลย ส่วนลูกก็จุกพูดไม่ออก ตั้งตัวไม่ได้ พ่อ-แม่ กดดันจะเอาแต่เงิน เดี๋ยวจะเอารถ
ถ้าลูกรวยๆไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่บางทีพ่อแม่ก็ไม่รู้ ไปทำงานกรุงเทพคิดว่าเงินเดือนต้องห้าหกหมื่น เลยต้องมีทรัพย์สินไว้อวดข้างบ้านว่าลูกรวย
คุณพ่อคุณแม่รวย แต่ลูกซวยครับ ...
แถวบ้านผมมีท่านนึง ท่านเรียนดีทำงานดี แต่โดนพ่อแม่กดดันจะเอาอย่างเดียว
จนสุดท้ายท่านเก็บเงินได้หลายล้าน ท่านขายบ้านขายทุกอย่างแล้วเอาเงินทั้งหมดให้พ่อแม่ แล้วก็หนีไปบวชเลยครับ ตั้งแต่อายุ30กลางๆ
จากภาคใต้หนีไปบวชที่อิสานและก็ไม่สึกอีกเลยนับแต่บัดนั้นมา เพราะเรื่องพ่อแม่จะเอาแต่เงินนี่แหละ
ความคิดเห็นที่ 74
เราเป็นคนนึงที่เจอเรื่องแบบนี้
เค้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เราเลิกกัน เราอยู่กับปู่ย่า เลี้ยงตามมีตามเกิด กินข้าวกับน้ำปลา ตั้งแต่อนุบาลเราอยู่กับปู่ย่าจนถึงป.1
พอเราขึ้น ป.2ตากับยายที่อยู่กรุงเทพ ก็มารับเราไปเลี้ยง จนเรียนได้ถึง ป.4 ตากับยายเราก็เสีย เราเลยได้กลับไปอยู่กับยายอีกคน
ที่ต่างจังหวัด ยายก็โยนเราไปให้น้าเลี้ยง น้าส่งเราเรียนจนถึง ม.3 พอน้าแต่งงานมีครอบครัว น้าเลยโยนเราให้ยายเลี้ยง
ยายก็ส่งเสียให้เราเรียนต่อ ม.ปลาย พอจบม.ปลาย เราได้โควต้าของมหาวิทยาลัยหนึ่ง แต่ยายไม่ให้ไปเพราะว่าไกลบ้าน
เราเลยเสียโอกาสที่จะเรียนมหาวิทยาลัย เค้าให้เหตุผลกับเราว่า ไม่มีเงินส่ง กลัวเราเรียนไม่จบเพราะคิดว่าหัวเราไม่ไหว
เป็นห่วงด้วย เพราะไกลบ้าน กลัวอันตราย เลยจะให้เราไม่ต้องเรียนต่อ ออกมาทำงานเลย จะได้มีเงินให้เค้า
ซึ่งเราไม่ยอม เพราะเราอยากเรียน เราไม่อยากทำงานในไลน์ผลิตเหมือนคนที่บ้านเรา เราไม่ได้ดูถูกสายงานนี้
แต่เราคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับเรา ตัวเราเล็กมาก เลยคิดว่าอยากทำงานอะไรทีไม่ใช่ใช้กำลังแรกเงินมา สิ่งที่เราจะเสียนอกจากแรง
นั่นคือสุขภาพของเราเอง
เราเลยกู้กยศ.ต่อ (ลืมบอกไปว่าเรากู้กยศ.มาตั้งแต่ ม.4-ม.6เลย เพราะเราอยากช่วยที่บ้าน เรื่องของเรื่องกลัวเค้าไม่มีเงินส่งเราเรียน 55)
แล้วเรียนต่อ ปวส. ปีแรกที่เราเรียน เราก็ยังขอเงินค่ามากินข้าว ค่ารถเค้าอยู่ แต่ค่าเทอมละค่าหนังสือ เรากู้กยศ.แล้ว จึงไม่ได้ขอใคร
พอปี2 เราต้องฝึกงาน เราเลยเลือกที่ฝึกงานไกลๆบ้าน ขอยากมากกว่าจะออกมาอยู่หอเองได้ คงเป็นเพราะที่นี่ฝึกงานแล้วได้เงินด้วย
เค้าเลยให้ออกมาได้ พอเราฝึกงาน เราก็ไม่เคยขอเงินใครอีกเลย จนเราเรียนจบ
เรากลับไปทำงานแถวบ้าน กลับไปอยู่บ้าน ต้องให้ยายเดือนละ 5000 บาท(เงินเดือนเรา 10700 บาท) ต้องให้แม่ 500 บาท
ค่ามือถือ 700 บาท ค่าเน็ทบ้านเดือนละ 700 บาท ค่ากินเราอีก ไหนจะกยศ. ยอดหนี้ 1 แสนกว่าบาทที่เรากู้เรียนมา มีคนบอกจะช่วยเรา
ใช้หนี้ แต่พอเอาจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเราเลย แม่เราก็เป็นหนี้เยอะมาก มาขอให้เรายืมเงินใครก็ได้ให้หน่อย 20000 บาท ไม่งั้นแม่จะติดคุก
เพราะเค้ามาตามทวงหนี้ เราก็สงสาร คิดว่า อื้ม แม่เรานะ เราเป็นลูก ไม่ช่วยแม่แล้วจะไปช่วยใคร ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้เลี้ยงเรามาก็ตาม
เราก็ยืมพี่ที่สนิทกันให้แม่เอาไปใช้หนี้ (แต่เราก็มารู้ทีหลัง ว่าแม่ไม่ได้เอาเงินที่เราไปยืมมาให้ไปใช้หนี้ แต่เอาไปใช้จนหมด TT)
แล้วแม่ยังให้เราไปกู้พรอมิส มาอีก 10000 บาท บอกว่าจะส่งเอง เงินที่เราเคยให้เค้า 500 บาททุกเดือนก็เอาไปจ่ายค่าพรอมิสละกัน
เราก็เลยยอม เพราะคิดว่ายังไงก็ให้แม่อยู่แล้ว ถือว่าช่วยแม่ด้วย เพราะแม่บอกว่าก้อนนี้คือหนี้ก้อนสุดท้ายแล้ว ด้วยความรักแม่แบบผิดๆ
ของเราเอง ตอนนี้ก็เลยเป็นหนี้อยู่ ยังหาเงินโปะไม่ได้ ดอกโหดมาก จ่ายเดือนละ 400 บาท ต้น 200 นอกนั้นดอก TT น้ำตาไหลหนักมาก
อยู่ไปอยู่มาเราก็มีความคิดที่อยากจะเรียนต่อ อยากสร้างอนาคตดีๆให้ตัวเอง แต่เราไม่มีเงินเก็บเลย เลยขอกับยายว่าต่อไปจากที่เคยให้ 5000 บาท
ขอลดเหลือเดือนละ 1000 บาทได้ไม๊ หนูอยากเรียน เราก็ไปคุยกับเค้า แต่เค้าบอกว่าไม่ได้
ยายใช้ไม่พอ คือเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเอาเงินไปทำอะไรบ้าง
( ในบ้านหลังที่เราอยู่ ทุกคนต้องให้เงินยาย รายละเอียดดังนี้
1. เจ๊ พี่สาวคนละพ่อของเราเอง ให้ยาย 6000 บาท พอมีครอบครัว มีสามี มีลูก ก็ให้ยายแค่ 3000 บาท ซึ่งยายก็ยอมเพราะเห็นว่ามีภาระแล้ว
สามีและเจ๊ ทำงานโรงงานเดียวกัน อยู่ในไลน์ผลิต
2. น้าผู้ชาย(ลูกยาย) ให้ 4000 บาท มีลูก 2 คน มีภรรยา อาชีพค้าขาย
3. แม่และน้องสาวคนละพ่อของเรา แม่ไม่ค่อยกลับบ้าน มีสามีใหม่ ไม่ได้ให้ยาย แถมไม่มีเงินส่งน้องสาวเราเรียน
4. เราเอง ให้ยายเดือนละ 5000 บาท อาชีพพนักงานออฟฟิตทั่วไป )
เราเลยมาคิดว่า ทำไมทุกคนที่มีครอบครัวแล้ว ถึงให้น้อยกว่าเรา เราก็เข้าใจนะว่ามีครอบครัว แต่เค้าทำงานได้ทั้งสามี ภรรยา
เค้าเอาเปรียบเราเกินไปไม๊ เพราะเราไม่มีครอบครัวร๋อ เรายังไม่แต่งงานร๋อ เราถึงต้องให้เยอะกว่าคนอื่น ตอนเราไม่ได้อยากเรียน
เราก็เข้าใจว่าเราไม่มีภาระอะไร แต่พอเราอยากเรียน ทำไมเค้าถึงไม่ให้เราเรียน เราเลยมีคำถามว่า เพราะหนูไม่มีภาระใช่ไม๊
หนูถึงต้องให้ยายมากกว่าคนอื่น เค้าก็บอกว่าไม่เกี่ยว เค้าดูตามความสมเหตุสมผล
น้าคนที่เลี้ยงเรามาก็มาว่าเรา ว่าเราใช้เงินไม่ประหยัดเอง แล้วก็มาเอาเงินยายไปใช้ บอกเราว่าถ้าอยากให้น้อยกว่าเดิม ก็ให้ไปมีครอบครัว
ให้แต่งงานเอาค่าสินสอดมาให้ยาย -*- (เราอายุ 23 เองนะ) แต่ถ้าจะออกไปอยู่ข้างนอกก็ไปแต่ตัว ห้ามเอาอะไรไป ถ้าอยากเรียน
ให้มีเงินก่อนค่อยเรียน (แล้วเมื่อไหร่จะมีเงิน เพราะให้เค้าจนไม่เหลือเก็บ)
แล้วน้าคนนี้ ตอนเราทำงานได้เดือนแรก ก็ทวงเราตลอด ว่าเมื่อไหร่จะมีเงินให้เค้าบ้าง เจอหน้าเราก็ทวงเงินๆๆๆๆ
แล้วก็บอกกับเราว่า อย่าใช้มันให้มากนักเงินน่ะ ซึ่งน้าก็มีงานทำ ไม่ได้ลำบากอะไร
ตอนนี้ เราเลยตัดสินใจออกมาอยู่ข้างนอกเอง แล้วก็ดำเนินชีวิตในแบบที่เราเลือกเอง ตัดสินใจเอง
เราก็ไม่รู้นะว่าใครจะคิดอะไรกับเรายังไง จะหาว่าอกตัญญูก็ไม่เป็นไร เราว่าจิตใจของเราไม่ได้คิดแบบนั้น
บุญคุณเราไม่เคยลืม แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หนี้เราก็ท่วมหัว เอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน
เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครช่วยเราเลย
เราออกมา เราก็ไม่เอาอะไรมาเลยนอกพวกจากเสื้อผ้าและโน๊ตบุ๊กที่เราซื้อด้วยเงินที่เราขวนขวายหามาเอง
เราบล็อคเบอร์ทุกคน แม่ส่งข้อความมาด่าเรา ตัดแม่ตัดลูกกับเรา เพราะเราไม่เชื่อฟังเค้า เราก็ไม่โกรธนะ
เพราะเราก็คิดว่าเราผิด ที่เราไม่เชื่อฟังเค้า เพราะตอนเรียน เราไม่เคยขัดคำสั่งใครเลย
ป้า(ลูกยายอีกคน)ก็เอาเบอร์แปลกๆโทรมาหาเรา ป้าพูดดีมาก เหมือนเข้าใจเรา แต่ลงท้ายด้วยสิ่งที่เราคาดไม่ถึง
คือจะให้เราช่วยกู้ร่วมเรื่องบ้าน เพราะถ้าคนเดียว กลัวจะกู้ไม่ผ่าน เลยจะเอาชื่อเราไปกู้ร่วม
เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ
ถอนหายใจยาวๆเลยค่ะ คิดในใจกับตัวเองเบาๆ ว่ามีใครไม๊ ที่รักเราโดยไม่หวังอะไรจากตัวเรา TT
ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้นะคะ สู้ๆ คิดดีทำดี ได้ดีค่ะ บุญคุณส่วนบุญคุณ ชีวิตเราส่วนชีวิตเรา เอาตัวเองให้รอดแล้วค่อยช่วยคนอื่นนะคะ
ไม่งั้นคนที่จะไปไม่รอดคือตัวเราเอง ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกับใครก็ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าคุณไม่ได้เจอแบบเรา คุณก็อย่ามาตัดสินความคิดของเราค่ะ
เค้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เราเลิกกัน เราอยู่กับปู่ย่า เลี้ยงตามมีตามเกิด กินข้าวกับน้ำปลา ตั้งแต่อนุบาลเราอยู่กับปู่ย่าจนถึงป.1
พอเราขึ้น ป.2ตากับยายที่อยู่กรุงเทพ ก็มารับเราไปเลี้ยง จนเรียนได้ถึง ป.4 ตากับยายเราก็เสีย เราเลยได้กลับไปอยู่กับยายอีกคน
ที่ต่างจังหวัด ยายก็โยนเราไปให้น้าเลี้ยง น้าส่งเราเรียนจนถึง ม.3 พอน้าแต่งงานมีครอบครัว น้าเลยโยนเราให้ยายเลี้ยง
ยายก็ส่งเสียให้เราเรียนต่อ ม.ปลาย พอจบม.ปลาย เราได้โควต้าของมหาวิทยาลัยหนึ่ง แต่ยายไม่ให้ไปเพราะว่าไกลบ้าน
เราเลยเสียโอกาสที่จะเรียนมหาวิทยาลัย เค้าให้เหตุผลกับเราว่า ไม่มีเงินส่ง กลัวเราเรียนไม่จบเพราะคิดว่าหัวเราไม่ไหว
เป็นห่วงด้วย เพราะไกลบ้าน กลัวอันตราย เลยจะให้เราไม่ต้องเรียนต่อ ออกมาทำงานเลย จะได้มีเงินให้เค้า
ซึ่งเราไม่ยอม เพราะเราอยากเรียน เราไม่อยากทำงานในไลน์ผลิตเหมือนคนที่บ้านเรา เราไม่ได้ดูถูกสายงานนี้
แต่เราคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับเรา ตัวเราเล็กมาก เลยคิดว่าอยากทำงานอะไรทีไม่ใช่ใช้กำลังแรกเงินมา สิ่งที่เราจะเสียนอกจากแรง
นั่นคือสุขภาพของเราเอง
เราเลยกู้กยศ.ต่อ (ลืมบอกไปว่าเรากู้กยศ.มาตั้งแต่ ม.4-ม.6เลย เพราะเราอยากช่วยที่บ้าน เรื่องของเรื่องกลัวเค้าไม่มีเงินส่งเราเรียน 55)
แล้วเรียนต่อ ปวส. ปีแรกที่เราเรียน เราก็ยังขอเงินค่ามากินข้าว ค่ารถเค้าอยู่ แต่ค่าเทอมละค่าหนังสือ เรากู้กยศ.แล้ว จึงไม่ได้ขอใคร
พอปี2 เราต้องฝึกงาน เราเลยเลือกที่ฝึกงานไกลๆบ้าน ขอยากมากกว่าจะออกมาอยู่หอเองได้ คงเป็นเพราะที่นี่ฝึกงานแล้วได้เงินด้วย
เค้าเลยให้ออกมาได้ พอเราฝึกงาน เราก็ไม่เคยขอเงินใครอีกเลย จนเราเรียนจบ
เรากลับไปทำงานแถวบ้าน กลับไปอยู่บ้าน ต้องให้ยายเดือนละ 5000 บาท(เงินเดือนเรา 10700 บาท) ต้องให้แม่ 500 บาท
ค่ามือถือ 700 บาท ค่าเน็ทบ้านเดือนละ 700 บาท ค่ากินเราอีก ไหนจะกยศ. ยอดหนี้ 1 แสนกว่าบาทที่เรากู้เรียนมา มีคนบอกจะช่วยเรา
ใช้หนี้ แต่พอเอาจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเราเลย แม่เราก็เป็นหนี้เยอะมาก มาขอให้เรายืมเงินใครก็ได้ให้หน่อย 20000 บาท ไม่งั้นแม่จะติดคุก
เพราะเค้ามาตามทวงหนี้ เราก็สงสาร คิดว่า อื้ม แม่เรานะ เราเป็นลูก ไม่ช่วยแม่แล้วจะไปช่วยใคร ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้เลี้ยงเรามาก็ตาม
เราก็ยืมพี่ที่สนิทกันให้แม่เอาไปใช้หนี้ (แต่เราก็มารู้ทีหลัง ว่าแม่ไม่ได้เอาเงินที่เราไปยืมมาให้ไปใช้หนี้ แต่เอาไปใช้จนหมด TT)
แล้วแม่ยังให้เราไปกู้พรอมิส มาอีก 10000 บาท บอกว่าจะส่งเอง เงินที่เราเคยให้เค้า 500 บาททุกเดือนก็เอาไปจ่ายค่าพรอมิสละกัน
เราก็เลยยอม เพราะคิดว่ายังไงก็ให้แม่อยู่แล้ว ถือว่าช่วยแม่ด้วย เพราะแม่บอกว่าก้อนนี้คือหนี้ก้อนสุดท้ายแล้ว ด้วยความรักแม่แบบผิดๆ
ของเราเอง ตอนนี้ก็เลยเป็นหนี้อยู่ ยังหาเงินโปะไม่ได้ ดอกโหดมาก จ่ายเดือนละ 400 บาท ต้น 200 นอกนั้นดอก TT น้ำตาไหลหนักมาก
อยู่ไปอยู่มาเราก็มีความคิดที่อยากจะเรียนต่อ อยากสร้างอนาคตดีๆให้ตัวเอง แต่เราไม่มีเงินเก็บเลย เลยขอกับยายว่าต่อไปจากที่เคยให้ 5000 บาท
ขอลดเหลือเดือนละ 1000 บาทได้ไม๊ หนูอยากเรียน เราก็ไปคุยกับเค้า แต่เค้าบอกว่าไม่ได้
ยายใช้ไม่พอ คือเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเอาเงินไปทำอะไรบ้าง
( ในบ้านหลังที่เราอยู่ ทุกคนต้องให้เงินยาย รายละเอียดดังนี้
1. เจ๊ พี่สาวคนละพ่อของเราเอง ให้ยาย 6000 บาท พอมีครอบครัว มีสามี มีลูก ก็ให้ยายแค่ 3000 บาท ซึ่งยายก็ยอมเพราะเห็นว่ามีภาระแล้ว
สามีและเจ๊ ทำงานโรงงานเดียวกัน อยู่ในไลน์ผลิต
2. น้าผู้ชาย(ลูกยาย) ให้ 4000 บาท มีลูก 2 คน มีภรรยา อาชีพค้าขาย
3. แม่และน้องสาวคนละพ่อของเรา แม่ไม่ค่อยกลับบ้าน มีสามีใหม่ ไม่ได้ให้ยาย แถมไม่มีเงินส่งน้องสาวเราเรียน
4. เราเอง ให้ยายเดือนละ 5000 บาท อาชีพพนักงานออฟฟิตทั่วไป )
เราเลยมาคิดว่า ทำไมทุกคนที่มีครอบครัวแล้ว ถึงให้น้อยกว่าเรา เราก็เข้าใจนะว่ามีครอบครัว แต่เค้าทำงานได้ทั้งสามี ภรรยา
เค้าเอาเปรียบเราเกินไปไม๊ เพราะเราไม่มีครอบครัวร๋อ เรายังไม่แต่งงานร๋อ เราถึงต้องให้เยอะกว่าคนอื่น ตอนเราไม่ได้อยากเรียน
เราก็เข้าใจว่าเราไม่มีภาระอะไร แต่พอเราอยากเรียน ทำไมเค้าถึงไม่ให้เราเรียน เราเลยมีคำถามว่า เพราะหนูไม่มีภาระใช่ไม๊
หนูถึงต้องให้ยายมากกว่าคนอื่น เค้าก็บอกว่าไม่เกี่ยว เค้าดูตามความสมเหตุสมผล
น้าคนที่เลี้ยงเรามาก็มาว่าเรา ว่าเราใช้เงินไม่ประหยัดเอง แล้วก็มาเอาเงินยายไปใช้ บอกเราว่าถ้าอยากให้น้อยกว่าเดิม ก็ให้ไปมีครอบครัว
ให้แต่งงานเอาค่าสินสอดมาให้ยาย -*- (เราอายุ 23 เองนะ) แต่ถ้าจะออกไปอยู่ข้างนอกก็ไปแต่ตัว ห้ามเอาอะไรไป ถ้าอยากเรียน
ให้มีเงินก่อนค่อยเรียน (แล้วเมื่อไหร่จะมีเงิน เพราะให้เค้าจนไม่เหลือเก็บ)
แล้วน้าคนนี้ ตอนเราทำงานได้เดือนแรก ก็ทวงเราตลอด ว่าเมื่อไหร่จะมีเงินให้เค้าบ้าง เจอหน้าเราก็ทวงเงินๆๆๆๆ
แล้วก็บอกกับเราว่า อย่าใช้มันให้มากนักเงินน่ะ ซึ่งน้าก็มีงานทำ ไม่ได้ลำบากอะไร
ตอนนี้ เราเลยตัดสินใจออกมาอยู่ข้างนอกเอง แล้วก็ดำเนินชีวิตในแบบที่เราเลือกเอง ตัดสินใจเอง
เราก็ไม่รู้นะว่าใครจะคิดอะไรกับเรายังไง จะหาว่าอกตัญญูก็ไม่เป็นไร เราว่าจิตใจของเราไม่ได้คิดแบบนั้น
บุญคุณเราไม่เคยลืม แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ หนี้เราก็ท่วมหัว เอาตัวเองไม่รอดเหมือนกัน
เพราะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครช่วยเราเลย
เราออกมา เราก็ไม่เอาอะไรมาเลยนอกพวกจากเสื้อผ้าและโน๊ตบุ๊กที่เราซื้อด้วยเงินที่เราขวนขวายหามาเอง
เราบล็อคเบอร์ทุกคน แม่ส่งข้อความมาด่าเรา ตัดแม่ตัดลูกกับเรา เพราะเราไม่เชื่อฟังเค้า เราก็ไม่โกรธนะ
เพราะเราก็คิดว่าเราผิด ที่เราไม่เชื่อฟังเค้า เพราะตอนเรียน เราไม่เคยขัดคำสั่งใครเลย
ป้า(ลูกยายอีกคน)ก็เอาเบอร์แปลกๆโทรมาหาเรา ป้าพูดดีมาก เหมือนเข้าใจเรา แต่ลงท้ายด้วยสิ่งที่เราคาดไม่ถึง
คือจะให้เราช่วยกู้ร่วมเรื่องบ้าน เพราะถ้าคนเดียว กลัวจะกู้ไม่ผ่าน เลยจะเอาชื่อเราไปกู้ร่วม
เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ
ถอนหายใจยาวๆเลยค่ะ คิดในใจกับตัวเองเบาๆ ว่ามีใครไม๊ ที่รักเราโดยไม่หวังอะไรจากตัวเรา TT
ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้นะคะ สู้ๆ คิดดีทำดี ได้ดีค่ะ บุญคุณส่วนบุญคุณ ชีวิตเราส่วนชีวิตเรา เอาตัวเองให้รอดแล้วค่อยช่วยคนอื่นนะคะ
ไม่งั้นคนที่จะไปไม่รอดคือตัวเราเอง ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกับใครก็ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าคุณไม่ได้เจอแบบเรา คุณก็อย่ามาตัดสินความคิดของเราค่ะ
แสดงความคิดเห็น
พ่อแม่ของฉันเรียกร้องจะเอาแต่เงิน เงิน และเงิน. เบื่อเหลือเกิน
เราให้เงินทุกเดือน เดือนล่ะ 5,000 บาท ข้าวสาร ของกินของใช้อีกซื้อให้ทุกเดือน
แม้กระทั่งตอนที่เรียนได้เงิน กยส ก็ต้องโดนบังคับให้แบ่งเงินให้
โดนบังคับให้ใช้หนี้ให้โดยเอาบ้านมาขู่ พูดว่าเลี้ยงมาหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่
เราเบื่อแสนเบื่อ เอือมระอาเหลือเกิน. ไม่เคยได้หรอกคำพูดคำถามว่าเราจะกินจะอยู่ยังไง อยากจะหนีไปให้ไกลๆๆๆๆ
หนี้สินยังมีวันใช้หมด แต่หนี้ชีวิตให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เรียกร้องแต่จะเอาจะเอาอย่างเดียว