[CR] 45 วันที่รอคอยกับ Sushi Masato (Michelin Star) มาเปิดที่ไทยแล้ว

สวัสดีค่าา

ค่ำๆดึกๆแบบนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการอ่าน Blog “อาหาร” แน่นอนค่ะ
เพราะ Blog นี้พูดเลยว่าจะทำให้สาวกซูชิน้ำลายสอ หรือท้องร้องกิ่วๆกันอย่างแน่นอน

เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน แฟนออนได้โทรไปจองร้านซูชิชื่อดัง
ที่พึ่งมาเปิดในไทยได้ไม่นานอย่าง Sushi Masato โดยร้านรับจองตอน 12.00 ตรง
ซึ่งแฟนออนเริ่มโทรตั้งแต่ 11.59 และโทรติดตอน 12.10 ไม่อยากจะบอกว่าในเวลา
แค่ 10 นาทีนั้น โทรรัวไปถึง 64 สาย กว่าจะโทรติด

แต่การที่โทรติดไม่ได้หมายความว่าจะกินวันนี้ พรุ่งนี้ได้นะคะ
เพราะในช่วง 10 นาทีที่เปิดจองนั้น คิวเต็มไปแล้วราวๆเดือนครึ่ง หรือ 45 วันนั่นเอง
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า Sushi Masato มันจะอะไรขนาดน้านนนนนน

ดังนั้นออนขอเกริ่นประวัติคร่าวๆให้ฟังกันก่อนค่ะ
เชฟ Masato อยู่ New York มา 17 ปี ซึ่งตอนอายุ 29 ปี ได้รับ Michelin Star 1 ดวง
ซึ่งถือว่าเป็นเชฟที่อายุน้อยที่สุดใน NYC ที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากนี้หลังจากที่เชฟ Masato
ได้มาร่วมหุ้นเปิดร้านกับเพื่อน ภายใต้ชื่อ “15 East Restaurant” ที่ New York
เชฟ Masato ก็ยังได้รับรางวัล New York Rising Star Chef โดย Starchefs.com อีกด้วย

และตอนนี้ Sushi Masato ได้มาเปิดที่ไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
เพราะเชฟได้แต่งงานกับภรรยาคนไทยค่ะ (กราบขอบคุณงามๆที่ทำให้ได้กินอาหารอร่อยๆ)




Sushi Masato จะเสิร์ฟเป็น Omakase Set เท่านั้นนะคะ
ซึ่งก็คือการที่เชฟจะเลือกวัตถุดิบ และสิ่งที่ดีที่สุดของวันนั้นๆให้เอง หรือเรียกง่ายๆว่า “ตามใจเชฟ” ค่ะ
โดยที่เมนูแต่ละวันจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนกัน และที่นี่จะไม่มีการให้เราสั่งนั่นนี่ เสิร์ฟ roll
เสิร์ฟ soya sauce หรือ wasabi แยกค่ะ คือกินแบบที่เชฟจัดมาให้เลย
รอมานานแล้วกับ Sushi ดีๆแบบนี้ ตั้งแต่กลับจากเมกามาปีกว่าๆ แทบหากินในไทยไม่ได้



ร้านจะอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 นะคะ
ซึ่งถ้าใครเอารถไป อาจจะยากหน่อย เพราะไม่มีที่จอดรถ นอกจากจอดที่ใกล้เคียง
เช่น EmQuartier หรือ S31 โดยที่ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆอีกที ถ้าหากเดินเข้า
มาจากซอย 31 ค่ะ ดูแบบลึกลับสุดๆ ไม่ได้มีป้ายอะไรบอกใหญ่โต
ดังนั้นอาจจะหายากนิดนึงค่ะ



ป้ายหน้าร้าน
ที่ออนอ่านไม่ออก



พอเข้ามา ก็จะมีโต๊ะให้นั่งรอประมาณ 2 โต๊ะ (รอได้ประมาณ 8 คน)
เพื่อที่จะได้เตรียมไปนั่งตรง Sushi Bar ทางพนักงานก็จะนำผ้าเย็นมาให้เช็ดมือก่อน
และเมื่อถึงรอบของเรา ก็จะได้เข้าไปนั่งโต๊ะค่ะ ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เสิร์ฟวันละ 2 รอบ
คือช่วง 18.00 กับ 20.00 รอบละ 10 คนค่ะ



Omakase Set by Chef Masato
ด้านในไม่ได้มีเมนูอะไรให้สั่งนะคะ อย่างที่บอกไปว่าที่นี่เสิร์ฟ Omakase เท่านั้น
ดังนั้นไม่ต้องเลือก ไม่ต้องสั่งค่ะ เชฟจัดให้ แต่ด้านในเมนูจะเป็นพวกเมนูเครื่องดื่ม
เน้นแอลกอฮอลล์เป็นหลักค่ะ







พอได้มานั่งที่ Sushi bar แล้ว เชฟ Masato และผู้ช่วยญี่ปุ่น และไทย
ก็จะมาเตรียมปลา เตรียมวัตถุดิบต่างๆ เพื่อเตรียมเสิร์ฟให้เราค่ะ ตอนมานั่งนี่รู้สึกฟินมาก
แบบว่า “รอมาจะ 2 เดือน ตอนนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว จะได้กินแล้ววววว!!!”



Katsuo

เมนูนี้เป็น Seasonal Menu นะคะ หรือมีแค่ช่วง Spring/Summer ค่ะ
โดยใช้ปลา Skipjack Tuna มาอบประมาณ 15 นาที ทานขู่กับไข่ปลา (ถ้าจำไม่ผิด)
ปลา Skipjack Tuna ตัวนึงหนักประมาณ 8 กิโลได้ค่ะ

ออนทานเนื้อปลาควบคู่ไปกับไข่
ได้รสที่มันๆเค็มๆ อร่อยดี เป็นเมนูที่ยังไม่เคยทานมาก่อน



Steamed Egg Custard topped With Ikura

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นที่เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้นจนเหมือนกิน Custard เลย
เป็นไข่ตุ๋นที่นุ่มมาก ละมุนมาก ละลายในปาก พร้อมรสชาติหวานอ่อนๆ
พอทานคู่กับ Ikura ที่มีรสเค็ม ทำให้ได้รสชาติทั้งเค็ม หอม หวาน มันไปในตัว

ไม่เคยคิดว่าไข่ตุ๋นญี่ปุ่นจะอร่อยได้ขนาดนี้
จนได้ลองเมนูนี้



Grilled Ayu Fish

ต่อมาที่ปลาอะยุย่างเสียบไม้
เมนูนี้อาจเป็นเมนูที่ไม่ชอบที่สุดในทุกเมนูก็ว่าได้ เพราะออนไม่ชอบกินอะไรที่มันเสียบมา
ทั้งตัว ทั้งหัวแบบนี้ อารมณ์แบบเห็นหน้า เห็นตา มันทำให้ไม่ค่อยเจริญอาหาร
แต่ด้วยราคา Omakase แล้ว ดังนั้นก็กินไปค่ะ

ปล. ถ้าคนไม่ติดอะไรแบบออน อาจจะคิดว่าอร่อยก็ได้ค่ะ
แต่ออนมีความกลัวแปลกๆแต่เด็ก เลยไม่ค่อยโอเค



ระหว่างที่กินไป เชฟและผู้ช่วยก็จะเตรียมนั่น จัดนี่
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่หลายๆคนน่าจะชอบกันคือ “วาซาบิสด” ค่ะ ของแท้ แน่นอน
ขูดกันสดๆให้ดูเลย ไม่ใช่แบบตามร้านญี่ปุ่นในไทย ที่ผสมแป้งจนไม่รู้รส
(อ้างอิงจากคนรอบตัวที่ชอบกิน และบ่นเสมอว่าวาซาบิไทยผสมแป้ง)
ส่วนออนกินวาซาบิไม่ได้ ดังนั้นขอผ่านค่า



Japanese Pear

ลูกแพรญี่ปุ่นเสียบไม้มา
เชฟบอกว่ากินลูกแพรจะช่วยล้างปาก แถมช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี
เพื่อเตรียมท้องสำหรับเมนูต่อๆไปค่ะ



Ika

ปลาหมึกที่ปกติไม่คิดจะกิน แต่คำนี้มันดีงามมาก
เป็น Ika ราดซอส โรยเกลือ บีบมะนาว กินเข้าไปแล้วหนึบๆ เค็มปนเปรี้ยว เนื้อเด้ง อร่อยมากค่ะ



Kochi

ปลาหัวแบน ที่มาพร้อมกับซอส คำนี้โดยรวมโอเค
แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก



Aji

เมนูนี้หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับปลา Aji
ที่นี่ก็ราดซอสมาเล็กน้อย ซึ่งด้านบนไม่ใช่วาซาบิดองนะคะ (เพราะแจ้งไปว่าไม่ทานวาซาบิ)
แต่จะเป็นเหมือนขิงมากกว่า เพื่อมาดับความคาวของปลา



Kinmedai

โอยยยย ของโปรด ตอนเห็นเชฟกำลังเตรียม Kinmedai นี่คือดีใจม๊ากก
ชอบกินมาก ในไทยไม่ใช่ว่าทุกร้านจะมี บางร้านต้องแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้สั่งเข้ามา
และส่วนมากจะเป็น Seasonal

คำนี้เป็น Kinmedai เผาถ่าย โรยเกลือนิดๆ บีบมะนาวหน่อยๆ
โอยยยย ฟิน อยากกินซัก 10 คำ



ซึ่ง Kinmedai ที่อร่อยจะต้อง Aburi เบาๆ ให้ตัวหนังมันม้วนๆนิดนึง
แต่ความพิเศษของที่นี่คือ Aburi โดยการ “เผาถ่าน” ได้อารมณ์ญี่ปุ่นสุดๆ
แถมรสชาติมันมีความหอมของถ่านอ่อนๆ มากกว่ากลิ่นของตัว Torch ที่ใช้เผาๆด้วย



ระหว่างที่กินไป เชฟที่นี่จะคอยแนะนำ อธิบายเมนูตลอด
ว่าคำที่เรากินอยู่คืออะไร ใช้ปลาชนิดไหน ลักษณะเป็นยังไง โดยจะคอยเปิดหนังสือกางให้ดู
เชฟที่นี่พูดอังกฤษเก่งค่ะ ทั้งเชฟ Masato เพราะอยู่ New York มา 17 ปี
และเชฟผู้ช่วยญี่ปุ่น ที่อยู่ Australia มาอีกหลายปี ดังนั้นอธิบายสบายๆ

ในรูปนี้คือมะนาวญี่ปุ่น
เชฟบอกว่าตอนแรกลองใช้มะนาวไทย ลองยังไงก็ไม่ใช่ ไม่อร่อย คนละรส
มะนาวไทยลูกละ 5 บาท ราคาถูกจริง แต่เมื่อไม่ใช่ รสเปลี่ยน ก็ต้องใช้มะนาวญี่ปุ่น
ที่ลูกละประมาณ 80 บาทแทนค่ะ



เอาล้าววววววววว
เนื้อปลาสีชมพูวววววววว



Akami

ปกติไม่กินนะ บอกเลย กินแต่ Chutoro เท่านั้น
แต่ Akami ที่นีคือดีงาม เรียกง่ายๆว่าเป็นทูน่าส่วนในสุด มันน้อยสุด
ใครไม่ชอบกินมัน น่าจะถูกใจกัน โดยคำนี้มีการใส่ซอส Tsuke
ลงไป แถม Akami คำนี้ Aging 11 วันด้วยนะคะ
ดังนั้นนุ่ม ละมุนกว่า Akami ทั่วไป



Chutoro

เชฟบอกว่า Chutoro คำนี้ไม่ใช่ธรรมดาๆทั่วไป
เพราะเป็นส่วนพิเศษ คือส่วนริมๆ (พร้อมกางหนังสือที่มีรูปลักษณะ
พร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับปลาให้ดู) เนื้อนุ่มมากกก นุ่มกว่า Chutoro ทั่วไป แต่ไม่มัน ไม่เลี่ยน



Otoro

ไม่ต้องพูดอะไรมาก
เอาเป็นว่าคำนี้มันนุ่ม ละมุนนนนนน
ออนชอบกินอะไรมันๆ ดังนั้น Chutoro และ Otoro คือของโปรดของออนเลย



Kohada Sardine

ปลาซาร์ดีน สายพันธุ์โคฮาดะ มีการ Aging 3 วัน
เชฟบอกว่าปลาซาร์ดีนทำอะไรก็ไม่อร่อย นอกจากหมักอย่างเดียว
เพราะถ้าเอาไปทำให้สุก เผา หรือย่าง บอกเลยรสชาติแย่แน่นอน แถมปลาซาร์ดีน
เป็นคำวัดใจวัดฝีมือเชฟหลายๆคนเลย ว่าจะทำออกมาได้อร่อยมั้ย

ส่วนตัวไม่ชอบปลาซาร์ดีนเท่าไหร่ ปกติไม่กินเลย
แต่คำนี้กินได้ ไม่แย่ค่ะ



Torigai

ตอนแรกมองเผินๆนึกว่าปลาหมึก แต่สุดท้ายคำนี้คือหอยค่ะ
ตัวนี้เวลากิน เชฟจะตบดังโป๊ะก่อน เซลล์ของหอยที่ยังไม่ตายจะมีการขยับตัว
คำนี้ของออน น้องหอยขยับตัวได้อ่อนช้อยมาก โค้งคำนับซะสวยเลย



Ebi

กุ้งที่ไม่ใช่ Botan Ebi แบบทั่วๆไป แต่จะคล้ายๆกุ้งลายเสือ
จุดเด่นของกุ้งสดๆ ทอดลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นแกะเนื้อมาทำซูชิ
และรีดมันจากหัว เอามาทาตัวกุ้ง ทำให้ได้รสชาติความหวานของกุ้ง
ความมันของมันกุ้ง อร่อย ดีงามมาก



โอ้ยยยยยยย
แค่เห็นก็ฟิน ที่นี่จะใช้ Hokkaido Uni ค่ะ มี 2 สายพันธุ์คือ
Murasaki (สีเหลือง) มีราคาค่อนข้างแพง รสชาติมันๆ และอีกกล่องคือ Bafun (สีส้ม)
รสชาติหวานๆ หลายร้านมักใช้ Bafun กัน



นี่คือนั่งดูตาเป็นมัน
ระหว่างที่เชฟจัดเรียง ก่อนนำเสิร์ฟให้แขกแต่ละคน มันดีงาม อยากกินทั้งหมดเลย



Signature Dish ของที่นี่ก็ว่าได้
ใครไปก็ต้องกิน ใครไปก็ต้องถ่ายมา ถ้วยเล็กๆ ที่โปะ Murasaki Uni กับ Bafun Uni  
ไว้ด้วยกัน จนมิดข้าว เรียกว่ามองข้าวไม่เห็น เวลากินต้องกินควบคู่กัน จะได้รสทั้งหวาน
ทั้งมัน ลงตัวสุดๆ



มันดีงามจริงๆ
นี่คือความชอบส่วนตัว รอคอยมากมายกับคำนี้



Unagi

ปกติไม่กินปลาไหล เกิดมาทั้งชีวิตก็ไม่เคยกิน
ตอนแรกจะยกให้แฟน แต่แฟนบอกว่าเดี๋ยวเชฟเสียใจ กินๆไปเถอะ
สุดท้ายก็อยู่ในท้องออนค่ะ ส่วนตัวไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย เพราะเข้าปากก็กลืนเลย
ทำใจกับคำว่า “กินปลาไหล” ไม่ได้จริงๆ



งานเผาถ่านมาอีกแล้ววว
คราวนี้เป็นการนำสาหร่ายมาเผาถ่านให้อุ่นๆ ก่อนจะเตรียมทำในขั้นตอนต่อไปค่ะ



จำชื่อไม่ได้ว่าเมนูนี้เรียกว่าอะไร
แต่หลักๆคือข้าวห่อสาหร่าย โดยไส้ในเป็นปลา Tuna No.4 สับๆจนละเอียด
กินกับข้าวญี่ปุ่น พร้อมสาหร่ายที่พึ่งพัดๆกับถ่านมาเมื่อกี้ อร่อยแบบบอกไม่ถูก
ชื่อสินค้า:   Sushi Masato
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่