เรามีลูกชายสองคน อายุจะเรียกว่าหัวปีท้ายปีก็คงใช่  ซนมากกกกกกก !!!!   แต่เราชอบนะ ถือคติ เด็กซนเป็นเด็กฉลาด เด็กฉลาด
ชาติเจริญ  แต่ถ้าซนมากเกินไป ... อันนี้แม่จะเป็นลมค่ะ 55 เด็กวัยนี้บอกเลยว่าวัยซุกซน  เป็นวัยที่ตื่นเต้นและชอบเรียนรู้กับสิ่งใหม่ ๆ
ที่ได้พบได้เจอ ชวนกันเล่น ชวนกันเลอะบ่อยมาก ๆ  ถ้ามีโอกาสทุกครั้งก็จะชอบพาลูกไปหาประสบการณ์นอกบ้าน ไปเที่ยว ไปกิน
ไปเล่น ไปพบปะผู้คน เราเชื่อนะว่าความรู้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน   ถ้าไม่ปล่อยโอกาสให้เค้าได้ลองทำ ลองเล่น มันก็เหมือนเป็นการ
ปิดกั้นทางความคิด  คุณแม่สมัยใหม่แล้ว ลูกยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์ว่างั้น......  หลังจากที่เค้าได้ทำกิจกรรม เล่นสนุก
เราก็จะช่วยเค้าดูแลเรื่องการรักษาความสะอาด  แต่เราก็คงไม่สามารถจะไปดูแลเค้าได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยที่ลูกต้อง
เข้าสู้รั้วโรงเรียน

    


จากประสบการณ์เดิมเลย ตอนที่ลูกเราคนโตเข้าโรงเรียนใหม่ ๆ   ลูกเราไม่สบายค่อนข้างบ่อย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ลูกเป็นเด็กที่แข็งแรง
นะ แต่ก็เป็นปกติที่พอเด็กเล็กมาอยู่รวมกันเยอะ ๆ  ไหนจะน้ำมูก  ไอ จาม ก็เด็กอ่ะนะยังไม่ค่อยรู้เรื่องการรักษาความสะอาดเท่าที่ควร
เชื้อโรคก็แพร่กระจายเร็วมาก  ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่เด็กแต่ละคนล่ะ  พอลูกคนโตไม่สบายก็มีโอกาสมาแพร่เชื้อให้ลูก
คนเล็กอีก ติดกันไปติดกันมา ทำให้กังวลกับลูกชายคนเล็กที่กำลังจะเข้าเรียนอนุบาลอีกคนในปีนี้ บอกเลยว่าเครียส เพราะก่อนหน้านี้
ลูกคนโตติดทั้งโรคหวัด แล้วก็โรคมือ เท้า ปาก มา  เห็นเด็กบางคนท้องเสียเพราะติดเชื้อก็มี  

                        

เวลาลูกป่วยนี่ เค้าน่าสงสารมาก ตัวร้อน เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ โอ้ว...มาหมดค่ะงานนี้  ต้องไปนอนโรงพยาบาล เจาะแขนให้น้ำเกลือ
เฮ้อ.... เด็กเล็กขนาดนี้  ได้แต่คิดเอง ถ้าเราเป็นแทนเค้าได้ก็คงดีเนอะ  แต่ก็คงเป็นได้แค่ความคิด ทางออกที่ดีที่สุดคือ เราต้องสอน
ให้ความรู้เค้า ให้เค้ารู้จักรักษาความสะอาดของตัวเค้าเองเพื่อลดการติดเชื้อจากการสัมผัส มือนี่แหละแหล่งสะสมเชื้อโรคขนานแท้เลย  
พอทำกิจกรรมเสร็จ ก็มาหยิบอาหารเข้าปากบ้าง ขยี้ตาบ้าง ป้ายปากบ้าง นั่นแหละ โรคเตรียมมาเยือนได้เลยค่ะงานนี้

รีวิววันนี้มาจากเราหาข้อมูลเรื่องการป้องกัน รวมถึงวิธีการสอนลูกให้ระวังการติดเชื้อจากการสัมผัสอย่างจริงจัง  เราสอนให้ลูกรู้จักการล้างมืออย่างถูกวิธี ถูมือตามซอกนิ้ว หน้ามือและหลังมือ เค้าก็ชอบนะ แต่เหมือนจะได้ความสนุกมากกว่าความสะอาด55 ล้างมือมาทีเสื้อเปียกมาเชียว และเราก็ไปเห็นโพสหนึ่งในอินเตอร์เน็ต เค้าแนะนำเจลอนามัยล้างมือของ KIREI KIREI  ( คิเรอิ คิเรอิ )

                                  

เป็นเจลอนามัยโดยไม่ต้องใช้น้ำ  เราก็เลยลองซื้อมาทดลองก่อน 1 หลอด เผื่อดีไม่ดียังไงจะได้กลับตัวทัน 55 เพราะเคยใช้พวก
แอลกอฮอลล้างมืออยู่  บางยี่ห้อก็กลิ่นฉุนสุด ๆ เหม็นจะเป็นลม (เคยมั๊ย)  บางยี่ห้อก็ใช้แล้วมือแห้งสากไปเลยก็มีใช้เชื่อถือได้ป่าว
ก็ไม่รู้

ตอนอนุบาลเทอมสองเราลองใช้ลูกคนโตพก เจลคิเรอิคิเรอิ ไปโรงเรียน   เราก็สอนการล้างมืออย่างถูกวิธีใช้กับเค้า
ก่อนเข้าห้องเรียน หลังเรียน หรือหลังทำกิจกรรม  แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะไปล้างมือก็ให้ลูกเช็ดมือก่อนแล้วหยิบเจลคิเรอิมาใช้แทน
การล้างมือได้เลย สะดวกสบาย แถมสะอาดถูกอนามัยด้วย  เด็กๆ ก็ชอบ  

พูดไปแอลกอลฮอร์ล้างมือตามท้องตลาดก็หาได้ทั่วไป  แต่สำหรับเรานะ เจลอนามัยคิเรอิ มันแตกต่าง  ต่างตรงไหน ??.......  
ต่างตรงที่มันสูตรที่ลดแบคทีเรีย ใช้แล้วมือไม่แห้ง ไม่เหนียวเนอะหนะ ต่างตรงที่กลิ่นหอม (เหมือนกลิ่นแป้งเบาๆ กลิ่นโลชั่นหอม ๆ คอนเฟริม์มากจุดนี้ )
ขั้นตอนง่ายๆ หยุดเชื้อโรคด้วยมือเรา


ลูกเราชอบมากเลย เค้าชอบเค้าบอกหอมชื่นใจ  แค่เท แล้วก็ถู ๆ แค่นี้มือก็สะอาดแล้วครับแม่ 55  แหน่ะ ...มาล้อเลียน  หลังจาก
ให้ลูกใช้ไปเมื่อเทอมที่แล้ว ผลตอบรับเราว่ามันดีขึ้นมากเลย  เค้ารู้จักการรักษาความสะอาดหลังการทำทุก ๆ กิจกรรมมากขึ้น  
ลูกไม่ค่อยป่วย  ไม่ต้องเจ็บตัวไปนอนโรงพยาบาล เอาเงินค่ารักษาพยาบาลมาซื้อเจลล้างมือสร้างสุขอนามัยให้ลูกสบายใจ
กว่าเยอะ  ประหยัดเงินสบายกระเป๋า  ตอนนี้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ประจำบ้านไปล่ะ ซื้อมาทีละหลาย ๆ หลอด ใส่กระเป๋าให้ลูกไปเรียน  
เก็บไว้บนรถ แล้วก็พกใส่กระเป๋าตัวเองด้วย อันเล็กเบาๆ พกง๊ายง่าย  

ฝากรีวิวเล็กๆ นี้ไว้ช่วงเปิดเทอมนี้กันค่า.. ^^