กามคุณ5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง เครื่องสัมผัสทางกาย(รวมถึงเครื่องสอดใส่ระหว่างเพศด้วย) ทำไมคนทั่วไปถึงเข้าใจว่ามันคือความสุข ทั้งๆที่ร่างกาย ก็เป็นของสกปรกโสโครก เป็นมูตเป็นฆูต เป็นของน่าสะอิดสะเอียน แต่คนทั่วไปกลับมองว่ามันเป็นของสะอาด เป็นของสวยของงาม แล้วยึดถือมั่นว่าร่างกายเป็นของๆตน ทั้งๆที่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า แล้วร่างกายก็แก่ลงทุกคน หาสาระอะไรมิได้เลย มีแต่ความไม่เที่ยงแปรปรวน แล้วอารมณ์ของกามคุณ5 ถ้าเทียบกับอารมณ์ของฌาน อารมณ์กามคุณ5เป็นอารมณ์ที่หนักจิตมาก ส่วนอารมณ์ฌานเป็นอารมณ์ที่เบา จิตสงบไม่แส่ส่ายไม่ดิ้นรน ยิ่งถ้าเป็นอารมณ์ของพระนิพพานด้วยแล้ว ไม่มีรูป ไม่มีนาม จิตอิสระอย่างเต็มที่ ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน จิตอิสระจาก รูป-นาม ตลอดเวลานี้ ไม่ธรรมดา เป็นจิตที่ตรัสรู้แล้ว แต่ถ้านั่งสมาธิหลับตา รูป-นามหายไป อันนั้นเป็นนิโรธสมาบัติ เป็นความสุขมากแต่ไม่หยั่งยืน เพราะมันสุขแค่ในสมาธิ พอออกจากสมาธิความสงบก็เคลื่อนได้ ไม่เหมือนพระอรหันต์ที่ท่านตรัสรู้อริยสัจ4แล้ว ท่านเสวยวิมุติสุข จิตแจ้งในนิโรธ ตลอดเวลาเลย ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน เป็นอมตะสุขจริงๆ เป็นสุขที่ไม่ใช่เวทนา มันเป็นสิ่งที่ปราศจาก รูป-นาม คือไม่มีทั้งผู้รู้ และ ผู้ถูกรู้ (ถูกรู้เป็นรูป) (ผู้รู้เป็นนาม) จิตอิสระอย่างเต็มที เป็นจิตหลุดพ้น ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงตั้งใจปฏิบัติให้ถึงนิพพาน เพราะมันเป็นสิ่งที่สุดยอดจริงๆ
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกาม
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
[๖๕๕] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งสุขอาศัยกาม
อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบ
ด้วยประโยชน์ และไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียรเครื่องประกอบตนให้
ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว ความประกอบเนืองๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุข
โดยสืบต่อกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ
มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด การไม่ตามประกอบ ความประกอบเนืองๆ
ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขโดยสืบต่อกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็น
ของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมไม่มี
ทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติ
ชอบ ความเพียรเครื่องประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ
มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด การไม่ตามประกอบความเพียรเครื่อง
ประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ นี้เป็นธรรมไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความ
เร่าร้อน เป็นความปฏิบัติชอบ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ
ซึ่งสุขอาศัยกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียรเครื่อง
ประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ นั่น เราอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ
ทำไมคนทั่วไป ถึงเข้าใจว่า กามคุณ5 คือความสุข ทั้งๆที่มันคือความทุกข์?
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องกาม
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
[๖๕๕] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งสุขอาศัยกาม
อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบ
ด้วยประโยชน์ และไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียรเครื่องประกอบตนให้
ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว ความประกอบเนืองๆ ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุข
โดยสืบต่อกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ
มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด การไม่ตามประกอบ ความประกอบเนืองๆ
ซึ่งโสมนัสของคนที่มีความสุขโดยสืบต่อกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็น
ของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมไม่มี
ทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติ
ชอบ ความเพียรเครื่องประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ
มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด การไม่ตามประกอบความเพียรเครื่อง
ประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ นี้เป็นธรรมไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ ไม่มีความ
เร่าร้อน เป็นความปฏิบัติชอบ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่พึงประกอบเนืองๆ
ซึ่งสุขอาศัยกาม อันเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่พึงประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียรเครื่อง
ประกอบตนให้ลำบาก อันเป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ นั่น เราอาศัยเนื้อความดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ