ใครท้องผูก ถ่ายยาก ต้องแก้ด่วน!
เพราะมันเป็นต้นเหตุอันดับ Top 3 ที่ทำให้คนเป็นสิว!!!
เหตุผลที่การท้องผูกทำให้สิวขึ้น
- สิ่งที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ คือ ของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการใช้แล้ว
- คนส่วนใหญ่กิน "พิษ" มากกว่า "ของมีประโยชน์ต่อร่างกาย"
- คนส่วนใหญ่กินผักผลไม้สด ๆ และมีใยอาหารน้อยมาก และแทบไม่กินข้าวกล้อง
- ทำให้สิ่งตกค้างส่วนใหญ่เป็น "พิษ" และ "ก่อพิษ" และ "เป็นอาหารเชื้อโรค + พยาธิ"
- ผนังลำไส้เป็นเยื่อบาง ๆ และสามารถดูดซึมเอาน้ำในอุจจาระตกค้างกลับเข้าสู่ร่างกายได้ แต่ไม่สามารถกรองพิษออกจากน้ำนั้นได้
- พิษไปที่ตับ เป็นภาระตับและไต และไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
- เลือดที่สกปรกที่ไหลเวียนไปทั่ว รวมถึงไปที่ผิวหน้าของเรา ก็ทำให้พิษในผิวิเพิ่ม ทำให้สิวอักเสบ อ่อนแอ ผิวร้อน และติดเชื้อง่าย แผลหายยาก ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ
- ยิ่งถ้าเก็บไว้นาน หรือ ท้องผูกเรื้อรัง ยิ่งเป็นหนัก อุจจาระยิ่งแข็ง ของเก่ายังไม่ออก และมักจะติดแข็งอยู่ที่ผนังลำไส้นั้น ของใหม่มา ก็ทับถมกันไป ยิ่งไม่กินใยอาหารด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีอะไรกวาดออกเลย นาน ๆ ไปจะเกิดภาวะเสี่ยงต่อ "มะเร็งลำไส้" "ลำไส้รั่ว" และ "ลำไส้อุดตัน" ได้ (อุดตันจากอุจจาระตัวเอง!)
ดังนั้น ควรแก้เรื่องท้องผูกก่อนเลย หรือแม้ใครท้องไม่ผูก แต่มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว และเป็นสิว ควรพิจารณาการล้างลำไส้และปรับสมดุลลำไส้ด้วย เพราะแสดงว่ามีอุจจาระตกค้างเช่นกัน
วิธีแก้ไขแบบพื้นฐาน (ถ้าทำตามนี้ แล้วยังแก้ไม่ได้ ค่อยปรึกษาเข้ามานะคะ แต่ต้องทำตามแบบเชื่อและตั้งใจมาก ๆ ค่ะ ต้องหมั่นตรวจสอบการกิน การอยู่ อารมณ์ ที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของตัวเองเสมอ ๆ แล้วปรับปรุง)
1. ล้างลำไส้ก่อนเลย การล้างลำไส้ในคนท้องผูก แนะนำให้กินอาหารเสริมหรือยาระดมพล หรือสมุนไพรไปเลยค่ะ เลือกตามงบประมาณที่ตัวเองมี พอทดลองแล้ว ก็ให้สังเกตว่า ของเสียที่ออกมามันหมดจดไหม ถ้าหมด คือ เราจะรู้สึกโล่งและหิวข้าวด้วย หลังจากขับถ่ายออกหมดแล้ว แต่ถ้าไม่หมด มันจะรู้สึกหงุดหงิด ๆ แบบบอกไม่ถูก
2. การล้างลำไส้แบบสวนไม่จำเป็นค่ะ แต่ถ้าใครทำอยู่แล้วและมีความชอบ ก็ทำได้ค่ะ แต่สำหรับบีมไม่ได้สวนนานแล้วค่ะ 2 ปีได้แล้ว เพราะไม่สะดวกทำ ซึ่งพบว่า การทานอาหารเสริมล้างลำไส้ ก็ได้ผลดีมากสำหรับบีมอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องทานตลอด บีมก็ขับถ่ายได้เอง และถ่ายได้หมดหรือไม่ก็อยู่ที่อาหารที่เราทาน
3. ดื่มน้ำให้มาก งดเครื่องดื่มทุกอย่าง ที่ดื่มได้มีแค่ น้ำเปล่าอุ่น น้ำเปล่าไม่เย็น "ที่สะอาด" บางคนไปเอาน้ำดื่มที่กรองจากตู้หยอดเหรียญ ซึ่งบีมเคยอยู่หอพักหลายที่ บีมพบว่า น้ำหลายที่ไม่สะอาดพอ เราดื่มดูจะรู้เลยว่า รสชาติมันแปลก ๆ บางทียังมีกลิ่นคลอรีน บางทีดื่มแล้ว ก็ดื่มยาก ไม่ค่อยลงคอ ไม่รื่นคอค่ะ น้ำสะอาด ร่างกายเขาจะรู้ จะดื่มง่ายกว่าค่ะ และสามารถทำชาเขียว ชากระเจี๊ยบ ชาพุทธา อะไรก็ว่าไปค่ะ สามารถเอาชาชงมาดื่มได้ แต่ไม่แนะนำชาสำเร็จรูปที่ผสมน้ำตาลและอื่นๆ ด้วย ควรเป็นสมุนไพรที่อบหรือตากแห้ง แล้วเรามากดน้ำใส่ "ห้ามผสมน้ำตาล" ปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน รวมน้ำเปล่าและชาต่าง ๆ แล้ว ประมาณ 2 ลิตร ไม่ต้องคำนวณน้ำหนักค่ะ
4. นอนให้เร็ว ก่อน 4-5 ทุ่มจะดีมาก เพราะมันจะสะสมพลังงานลมปราณให้เราสามารถนำพลังมากระตุ้นระบบประสาทลำไส้ในตอนเช้าช่วงตี 5 - 7 โมงได้ทันเวลา ใครนอนดึก พลังลมปราณจะต่ำ จะไม่ค่อยมีแรงถ่ายในตอนเช้า หรือถ่ายก็ถ่ายไม่ค่อยหมด
5. ออกกำลังกายทั้งตัวและเน้นท่าที่ได้บริหารหน้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นโยคะท่าที่เน้นหน้าท้อง ฮูล่าฮูป เป็นต้น ทุก ๆ วัน ดีที่สุดก็ตอนเช้าหลังตื่นนอน สำหรับหน้าท้อง แต่การออกกำลังกายทั้งตัว ให้ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ เช้าดีที่สุด หรือทำในเวลาที่สะดวก ยกเว้นหลัง 6 โมง เพราะร่างกายควรพักได้แล้ว แต่ถ้าบางคนไม่สะดวกจริง ๆ ก็ทำได้ค่ะ ถ้าหากการออกกำลังกายนั้นไม่ได้รบกวนการนอนหลับสนิท
6. ช่วงขับถ่ายให้กดจุดตรงร่องแก้ม 2 จุด จะเป็นจุดกระตุ้นเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ ช่วยเพิ่มพลังการขับถ่ายค่ะ ใครกดถูกจุด จะปวดถ่ายได้จริง
7. ฝึกหายใจลึก ๆ ยาว ๆ ทุก ๆ เช้า และทุกเวลาที่ทำได้ เพราะการฝึกหายใจยาว ๆ ลึก ๆ ช้า ๆ จะไปดันกระบังลมให้ลงไปเบียดลำไส้เล็กและใหญ่ จะทำให้ระบบลำไส้ได้รับการกระตุ้น และเป็นการผ่อนคลายความเครียด ซึ่งความสบายใจ ความสุข อารมณ์ที่ปลอดโปร่ง จะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติ (กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังลำไส้) ทำงานได้ดีขึ้น
8. ทานกล้วยน้ำว้าที่สุกแล้ว 2 ลูก ทุกเช้า แล้วดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ ตาม 1 แก้ว สัดส่วน มะนาว 1 ลูก ต่อน้ำอุ่น 1 แก้ว (250 มล.) ผสมเกลือหิมาลัยหรือเกลือแกงนิดหน่อย แล้วดื่มตามกล้วยค่ะ ถ้าไหว สักพัก ก็ดื่มน้ำเปล่าอุ่น ๆ เพิ่ม ตอนเช้าหลังตื่น ยิ่งดื่มน้ำได้มาก ยิ่งดีค่ะ นวดท้องเบา ๆ นวดแนวลำไส้ใหญ่ คือ จากบริเวณท้องน้อยด้านขวา แถว ๆ ไส้ติ่ง ไล่ขึ้นมา ถึงใต้ซี่โครงก็นวดวน ๆ ไปทางซ้าย แล้วนวดวน ๆ ลง สัก 3 รอบค่ะ
ทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าระบบขับถ่ายจะดี
และที่สำคัญคือ ควรรักษาระบบขับถ่ายให้ดีตลอดไป
สำคัญมาก ๆ คือ อาหารที่เรากินนะคะ
ควรกินคลีนไปเลย
#บีมสิวซีเคร็ต
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิวเรื้อรังและสุขภาพองค์รวม
อดีตเป็นสิวเรื้อรัง 10 ปี ค้นพบวิธีรักษาให้หายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยา 100%
http://www.siwsecret.com
"ความสำเร็จที่ส่งต่อได้"
ติดตามความรู้ เคล็ดลับ แรงบันดาลใจ กำลังใจ เพื่อการรักษาสิวเรื้อรังได้ที่
FB:
http://www.facebook.com/beamsiwsecret
#แก้อาการท้องผูกแบบไม่ใช้ยา
#ธรรมชาติบำบัดท้องผูก
#รักษาสิวเรื้อรัง
#เคล็ดลับผิวใส
วิธีแก้ปัญหาท้องผูกแนว Holistic ไม่ต้องใช้ยา โดย บีมสิวซีเคร็ต www.siwsecret.com
ใครท้องผูก ถ่ายยาก ต้องแก้ด่วน!
เพราะมันเป็นต้นเหตุอันดับ Top 3 ที่ทำให้คนเป็นสิว!!!
เหตุผลที่การท้องผูกทำให้สิวขึ้น
- สิ่งที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ คือ ของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการใช้แล้ว
- คนส่วนใหญ่กิน "พิษ" มากกว่า "ของมีประโยชน์ต่อร่างกาย"
- คนส่วนใหญ่กินผักผลไม้สด ๆ และมีใยอาหารน้อยมาก และแทบไม่กินข้าวกล้อง
- ทำให้สิ่งตกค้างส่วนใหญ่เป็น "พิษ" และ "ก่อพิษ" และ "เป็นอาหารเชื้อโรค + พยาธิ"
- ผนังลำไส้เป็นเยื่อบาง ๆ และสามารถดูดซึมเอาน้ำในอุจจาระตกค้างกลับเข้าสู่ร่างกายได้ แต่ไม่สามารถกรองพิษออกจากน้ำนั้นได้
- พิษไปที่ตับ เป็นภาระตับและไต และไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
- เลือดที่สกปรกที่ไหลเวียนไปทั่ว รวมถึงไปที่ผิวหน้าของเรา ก็ทำให้พิษในผิวิเพิ่ม ทำให้สิวอักเสบ อ่อนแอ ผิวร้อน และติดเชื้อง่าย แผลหายยาก ภูมิคุ้มกันผิวอ่อนแอ
- ยิ่งถ้าเก็บไว้นาน หรือ ท้องผูกเรื้อรัง ยิ่งเป็นหนัก อุจจาระยิ่งแข็ง ของเก่ายังไม่ออก และมักจะติดแข็งอยู่ที่ผนังลำไส้นั้น ของใหม่มา ก็ทับถมกันไป ยิ่งไม่กินใยอาหารด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีอะไรกวาดออกเลย นาน ๆ ไปจะเกิดภาวะเสี่ยงต่อ "มะเร็งลำไส้" "ลำไส้รั่ว" และ "ลำไส้อุดตัน" ได้ (อุดตันจากอุจจาระตัวเอง!)
ดังนั้น ควรแก้เรื่องท้องผูกก่อนเลย หรือแม้ใครท้องไม่ผูก แต่มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว และเป็นสิว ควรพิจารณาการล้างลำไส้และปรับสมดุลลำไส้ด้วย เพราะแสดงว่ามีอุจจาระตกค้างเช่นกัน
วิธีแก้ไขแบบพื้นฐาน (ถ้าทำตามนี้ แล้วยังแก้ไม่ได้ ค่อยปรึกษาเข้ามานะคะ แต่ต้องทำตามแบบเชื่อและตั้งใจมาก ๆ ค่ะ ต้องหมั่นตรวจสอบการกิน การอยู่ อารมณ์ ที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของตัวเองเสมอ ๆ แล้วปรับปรุง)
1. ล้างลำไส้ก่อนเลย การล้างลำไส้ในคนท้องผูก แนะนำให้กินอาหารเสริมหรือยาระดมพล หรือสมุนไพรไปเลยค่ะ เลือกตามงบประมาณที่ตัวเองมี พอทดลองแล้ว ก็ให้สังเกตว่า ของเสียที่ออกมามันหมดจดไหม ถ้าหมด คือ เราจะรู้สึกโล่งและหิวข้าวด้วย หลังจากขับถ่ายออกหมดแล้ว แต่ถ้าไม่หมด มันจะรู้สึกหงุดหงิด ๆ แบบบอกไม่ถูก
2. การล้างลำไส้แบบสวนไม่จำเป็นค่ะ แต่ถ้าใครทำอยู่แล้วและมีความชอบ ก็ทำได้ค่ะ แต่สำหรับบีมไม่ได้สวนนานแล้วค่ะ 2 ปีได้แล้ว เพราะไม่สะดวกทำ ซึ่งพบว่า การทานอาหารเสริมล้างลำไส้ ก็ได้ผลดีมากสำหรับบีมอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องทานตลอด บีมก็ขับถ่ายได้เอง และถ่ายได้หมดหรือไม่ก็อยู่ที่อาหารที่เราทาน
3. ดื่มน้ำให้มาก งดเครื่องดื่มทุกอย่าง ที่ดื่มได้มีแค่ น้ำเปล่าอุ่น น้ำเปล่าไม่เย็น "ที่สะอาด" บางคนไปเอาน้ำดื่มที่กรองจากตู้หยอดเหรียญ ซึ่งบีมเคยอยู่หอพักหลายที่ บีมพบว่า น้ำหลายที่ไม่สะอาดพอ เราดื่มดูจะรู้เลยว่า รสชาติมันแปลก ๆ บางทียังมีกลิ่นคลอรีน บางทีดื่มแล้ว ก็ดื่มยาก ไม่ค่อยลงคอ ไม่รื่นคอค่ะ น้ำสะอาด ร่างกายเขาจะรู้ จะดื่มง่ายกว่าค่ะ และสามารถทำชาเขียว ชากระเจี๊ยบ ชาพุทธา อะไรก็ว่าไปค่ะ สามารถเอาชาชงมาดื่มได้ แต่ไม่แนะนำชาสำเร็จรูปที่ผสมน้ำตาลและอื่นๆ ด้วย ควรเป็นสมุนไพรที่อบหรือตากแห้ง แล้วเรามากดน้ำใส่ "ห้ามผสมน้ำตาล" ปริมาณน้ำที่ดื่มต่อวัน รวมน้ำเปล่าและชาต่าง ๆ แล้ว ประมาณ 2 ลิตร ไม่ต้องคำนวณน้ำหนักค่ะ
4. นอนให้เร็ว ก่อน 4-5 ทุ่มจะดีมาก เพราะมันจะสะสมพลังงานลมปราณให้เราสามารถนำพลังมากระตุ้นระบบประสาทลำไส้ในตอนเช้าช่วงตี 5 - 7 โมงได้ทันเวลา ใครนอนดึก พลังลมปราณจะต่ำ จะไม่ค่อยมีแรงถ่ายในตอนเช้า หรือถ่ายก็ถ่ายไม่ค่อยหมด
5. ออกกำลังกายทั้งตัวและเน้นท่าที่ได้บริหารหน้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นโยคะท่าที่เน้นหน้าท้อง ฮูล่าฮูป เป็นต้น ทุก ๆ วัน ดีที่สุดก็ตอนเช้าหลังตื่นนอน สำหรับหน้าท้อง แต่การออกกำลังกายทั้งตัว ให้ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ เช้าดีที่สุด หรือทำในเวลาที่สะดวก ยกเว้นหลัง 6 โมง เพราะร่างกายควรพักได้แล้ว แต่ถ้าบางคนไม่สะดวกจริง ๆ ก็ทำได้ค่ะ ถ้าหากการออกกำลังกายนั้นไม่ได้รบกวนการนอนหลับสนิท
6. ช่วงขับถ่ายให้กดจุดตรงร่องแก้ม 2 จุด จะเป็นจุดกระตุ้นเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ ช่วยเพิ่มพลังการขับถ่ายค่ะ ใครกดถูกจุด จะปวดถ่ายได้จริง
7. ฝึกหายใจลึก ๆ ยาว ๆ ทุก ๆ เช้า และทุกเวลาที่ทำได้ เพราะการฝึกหายใจยาว ๆ ลึก ๆ ช้า ๆ จะไปดันกระบังลมให้ลงไปเบียดลำไส้เล็กและใหญ่ จะทำให้ระบบลำไส้ได้รับการกระตุ้น และเป็นการผ่อนคลายความเครียด ซึ่งความสบายใจ ความสุข อารมณ์ที่ปลอดโปร่ง จะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติ (กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังลำไส้) ทำงานได้ดีขึ้น
8. ทานกล้วยน้ำว้าที่สุกแล้ว 2 ลูก ทุกเช้า แล้วดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ ตาม 1 แก้ว สัดส่วน มะนาว 1 ลูก ต่อน้ำอุ่น 1 แก้ว (250 มล.) ผสมเกลือหิมาลัยหรือเกลือแกงนิดหน่อย แล้วดื่มตามกล้วยค่ะ ถ้าไหว สักพัก ก็ดื่มน้ำเปล่าอุ่น ๆ เพิ่ม ตอนเช้าหลังตื่น ยิ่งดื่มน้ำได้มาก ยิ่งดีค่ะ นวดท้องเบา ๆ นวดแนวลำไส้ใหญ่ คือ จากบริเวณท้องน้อยด้านขวา แถว ๆ ไส้ติ่ง ไล่ขึ้นมา ถึงใต้ซี่โครงก็นวดวน ๆ ไปทางซ้าย แล้วนวดวน ๆ ลง สัก 3 รอบค่ะ
ทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าระบบขับถ่ายจะดี
และที่สำคัญคือ ควรรักษาระบบขับถ่ายให้ดีตลอดไป
สำคัญมาก ๆ คือ อาหารที่เรากินนะคะ
ควรกินคลีนไปเลย
#บีมสิวซีเคร็ต
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิวเรื้อรังและสุขภาพองค์รวม
อดีตเป็นสิวเรื้อรัง 10 ปี ค้นพบวิธีรักษาให้หายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยา 100%
http://www.siwsecret.com
"ความสำเร็จที่ส่งต่อได้"
ติดตามความรู้ เคล็ดลับ แรงบันดาลใจ กำลังใจ เพื่อการรักษาสิวเรื้อรังได้ที่
FB: http://www.facebook.com/beamsiwsecret
#แก้อาการท้องผูกแบบไม่ใช้ยา
#ธรรมชาติบำบัดท้องผูก
#รักษาสิวเรื้อรัง
#เคล็ดลับผิวใส