[CR] ร้านอาหารเยอรมันใหม่ไม่ธรรมดา 12 เมนูที่ยากที่จะลืม

อาทิตย์ที่แล้วผมไปลองร้านอาหาร Sühring (ออกเสียงว่า เซือ-ริ่ง) มา เป็นอาหารที่เค้าเรียกว่า Innovative German Cuisine หรือครัวเยอรมันประยุกต์แบบ fine dining ที่มีเป็น tasting menu ร้านเพิ่งเปิดเพียงแค่สามเดือน แต่ผมคิดว่าอาจจะเป็น top culinary location ในไทยอีกไม่นาน

เวลาหลายคนคิดถึงอาหารเยอรมัน อาจจะนึกถึงไส้กรอกหรือขาหมูเป็นอันดับหนึ่ง แต่ที่นี้ไม่เพียงเอาอาหารที่เรารู้จักมาแหวกแนว chef แฝด Matthias และ Thomas Sühring ได้เล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิต และวัฒนธรรมเยอรมัน ผ่านอาหารของเขาที่มาเสริฟ์เป็น set course 12 เมนู ตามลำดับ การมาทานอาหารที่นี่คือผมคิดว่ามาเอาประสบการณ์ เพราะทุกคอร์สที่กินไม่เพียงแต่อร่อยอย่างเดียวนะครับ แต่เราจะได้เรื่องราวในอาหารแต่ละจานด้วย ซึ่งเชฟจะมาอธิบายด้วยตัวเอง ดังนั้นผมว่าการมากินอาหารที่นี่ จะไม่ใช่แค่การกินอาหารเท่านั้น แต่เราจะสนุกไปกับมันด้วย และคอยลุ้นในอาหารจานถัดไป ว่าจะเป็นอะไร และมากกว่านั้น อาหารที่นี่การันตีว่าอร่อยตามแบบฉบับ Michelin อีกด้วย เพราะว่า Chef แฝด Sühring ต่างคนก็เคยทำงานในร้าน Michelin 3 ดาวใน Europe เช่น La Pergola (3 ดาว) ที่อิตาลี De Librije (3 ดาว) ที่ฮอลแลนด์ Aqua (3 ดาว) ที่เยอรมัน ก่อน ย้ายมาไทยทำที่ร้าน Mezzluna ใน โรงแรม Le Bua

Ok ผมเริ่มเล่าประสบการณ์ของผมที่ได้ไปกินมาเลยดีกว่า

ระหว่างเปิดเมนูอ่านก็มีคนมาเสิร์ฟ เบียร์ปลอม ยิ่งทำให้หิวมากขึ้น ทุกคนอาจจะสงสัยว่าเบียร์ปลอมคืออะไร เครื่องดื่มนี้คือน้ำแอ๊ปเปิ้ลผสมด้วยส่วนสกัด จากเบียร์เยอรมัน Krombacher รสชาติเหมือนเบียร์แท้แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ กินแล้วหายเหนื่อยหลังจากวันร้อนๆ



หลังจากนั้นผมก็สั่งเมนู set course 12 เมนู ราคา 2500 บาท++ แต่ที่จริงมีอีกหนึ่ง set course ที่มีเมนูที่น้อยกว่า แต่ผมมาทั้งทีผมก็เลยสั่งเมนูที่แพงที่สุด โอเคเรามาเริ่มจานแรกกันเลย ก็คือ avocado tartlet เมนูเรียกน้ำย่อย รสกลมกล่อมด้วย uni (หอยเม่นทะเล)



ตามด้วย avocado soup เย็นที่สดชื่นมวาาก มีกลิ่นผักชีลาว (dill)



และมะเขือเทศแดงทับเหลืองบน cracker จุดสีดำคือกระเทียมดำ



ยังเรียกน้ำย่อยยังไม่จบ มีอีกอาหารเรียกน้ำย่อยอีก 4 อย่างที่เด็ด... คือ "chicken caesar salad" ซึ่งข้างล่างเป็นหนังไก่ แทรกด้วย anchovy และ Parmesan cheese เมื่อเอาทั้งหมดเข้าปากไปหนึ่งคำและกัดลูกเขียว ๆ ที่อยู่ในภาพประกอบ ให้แตกออก เราจะรู้สึกรสชาติของผักสลัดออกมา ซึ่งผมว่ามันสุดยอดมาก



และ "ขาหมู" เยอรมัน แต่ว่ามันดูไม่เหมือนเลย เพราะมาเป็นรูปแบบแซนด์วิช และที่เห็นจุดข้างบนสีขาว ๆ คือ ซอส sauerkraut (ซาวเวอร์เคร้าท์)  หรือภาษาไทยคือผักกาดดอง



อย่างที่สาม เรียกว่า heaven and earth ซึ่งประกอบด้วย มันฝรั่งเส้นทอดและประกบด้วย black sausage รสชาติกลมกล่อมที่เล่นกับความรู้สึกของ texture ที่ต่างกันในปากของมันฝรั่งเส้นที่กรอบและไส้กรอกที่รู้สึกเนียนในปาก



อันสุดท้ายคือ foie gras sea buckhorn disk ไม่รู้ว่าแปลเป็นไทยคืออะไร แต่ก็คือตับห่าน เสิร์ฟบนแก้ว champagne ที่มี sweet wine เป็นการผสมผสานที่แปลกมากแต่ว่ามันเวิร์คมากจริงๆ



แล้วก็มาถึง course แรกจนได้  คือ ปลาทูดอง สลัดและ Simmentaler roast beef (มันคือเนื้อวัวที่เลี้ยงในภูเขาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์)



หลังจากนั้นคนเสริฟ์ก็เคลียร์โต๊ะแล้วก็จัด Brotzeit หรือก็คือ afternoon tea สไตล์เยอรมัน ที่เน้นไส้กรอกขนมปัง มีแฮมมาจาก สเปนและแบล็คฟอเรสต์แฮม(เป็นแฮมที่มาจาก
แบล็คฟอเรสต์ ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน) pretzel และ ขนมปัง sour dough ที่ใช้ยีสอายุหนึ่งปี พร้อมกับมี 3 dip sauce ให้จิ้ม มันหมู เนยจาก Oldenburg และชีส (ดูภาพประกอบจากล่างขึ้นบนนะครับ) ขนมปังอร่อยมากมีกลิ่นถ่านนิด ๆ ซึ่งปิ้งจากเตาร้อน ๆ ผมนี่ต้องสั่งเพิ่มเลย กรอบนอกนุ่มใน



ปลาเทร้าส์ ที่รมควันด้วยไม้ซีดาร์หอมและทอดด้วยน้ำมัน rapeseed oil กับไฟอ่อน ๆ เพื่อทำให้กลิ่นหอมของซีดาร์ติดอยู่ในเนื่อปลา  พร้อมเสริฟ์กับ asparagus ขาวจากประเทศเยอรมัน (ซึ่งเค้าบอกว่า asparagus ขาวจากประเทศเยอรมันอร่อยที่สุดในโลก) มันฝรั่งและซอสมัสตาร์ด ปลานี่เนื่อละลายในปากอร่อยหลุดโลกเลยครับ



Homemade Spätzle หรือเยอรมันpastaที่ทำจากมันฝรั่ง ที่ราดด้วย cheese จาก Allgäu หรือแคว้นส่วนใต้ของเยอรมันที่มีผลิตภัณฑ์จากนมเนยอร่อย และ โปรยด้วย black truffle จากฝรั่งเศส ที่ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ รสชาติทั้งหมดรวมกันกลมกล่อมอร่อยมาก



สุดท้ายก็ถึง Main course เนื้อแกะจากเยอรมัน ราดด้วยซอสกระดูกแกะที่ต้มจนเปื่อยนานถึงหนึ่งอาทิตย์เสริฟ์ผักสับรวม ซอสคือสิ่งที่ดีงามที่สุดในจานนี้ แต่เนื้ออาจจะต้องมีมันมากกว่านี่หน่อยก็จะดีนะครับ



ตบท้ายด้วยของหวาน เบอร์หนึ่งคือ rhubarb ice cream สตอร์เบอรี่ และ gin ซึ่งเมื่อกินเข้าไปผมว่ามันรู้สึกสดชื่นมากๆ



ของหวานเบอร์สอง Black Forest cake! แทนที่จะทำ เป็นcake ธรรมดา แต่ chef ได้แยกส่วนผสมของเค้กตัวนี้และมานำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งผมว่าน่าสนใจมากๆ  โดยใส่เศษช็อกโกแลต บนช็อกโกแลตมูส วางเชอรี่ไว้ข้างข้าง และราด sauce berry ร้อนไว้ข้างจาน  การกินนั้นเราต้องผสมทุกอย่างเข้ากันก่อนแล้วค่อยกิน เราจะเจอสิ่งมหัศจรรย์....... 5555 ต้องไปลองเองครับ



สุดท้ายปิดด้วย egg nog (เครื่องดื่มไข่ดิบหวาน) สูตรที่ถ่ายทอดมาจากครอบครัว Suhring ตั้งแต่ดั้งเดิม หลังจากดื่มเสร็จ chef ก็ได้นำผมไปดูภาพ ครอบครัวเขาบนกำแพงแล้วก็ให้หนังสือสูตรอาหารที่ได้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษมาอ่านเล่น


สำหรับร้านนี้ ผมให้ 5 ดาวเลยครับ ทั้งอาหาร บรรยากาศ และประสบการณ์ที่ได้รับ

ผมต้องย้ำว่าการมาร้านนี้ จำเป็นจะต้องเข้าใจที่มาและ story ของแต่ละคอร์สไม่งั้นมันก็เหมือน กับการกินอาหารอร่อยธรรมดานั่นเอง

ตามผมได้ที่ www.finediningexplorer.com
ชื่อสินค้า:   Suhring
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่