คนที่กำลังเลือกจะทำประกันคงจะเกิดคำถามว่าจะทำกับบริษัทอะไรถึงจะได้รับการคุ้มครองที่ดีและจริงใจ
ผมอยากจะบอกเล่าประสบการณ์ที่เลือกประกันจาก กรุงไทยแอ๊กซ่าครับ ซึ่งเป็นประกันของคนใกล้ชิด
ทำประกันของกรุงไทยแอ๊กซ่ามาได้ประมาณสองปี จ่ายค่าประกันเดือนละหลายร้อยบาท
ผ่านมาสองปี ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัด ค่าใช้จ่าย หลักแสน ในกรมธรรม์ระบุไว้ชัดเจน ว่าคุ้มครองโรคเนื้องอกในสมอง
พอทำเรื่องขอเงินคุ้มครองไป บริษัทก็ขอเอกสารเพิ่มอีกหลายฉบับ แต่เวลาขอก็ไม่บอกทีเดียว ได้อันนึงก็บอกขออีกอันนึง แล้วไม่ใช่ง่ายๆการไปเอาเอกสารจากแพทย์ หมอเค้าก็ยุ่งมากๆวันๆนึง
เหมือนพยายามให้เรารำคาญแล้วยอมๆไม่เอาเงินคุ้มครอง ทั้งๆที่ทางเราก็ถ่ายรูปกรมธรรม์ที่เขียนไว้ชัดๆว่าคุ้มครองโรคเนื้องอกในสมองและใบรับรองจากแพทย์ สุดท้ายบริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายอ้างว่าในกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง"ถึงจุดนี้เราก็อึ้งกันไปซักพัก รู้สึกเหมือนโจรขึ้นบ้าน"
ก็เลยยื่นเรื่องไปที่ คปภ. เพื่อให้ช่วยตามเรื่องนี้ ที่กรุงไทยแอ๊กซ่า ไม่ยอมทำการ
จ่ายเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์ คปภ. ส่งเรื่องไปถามกรุงไทยแอ๊กซ่า ตอบกลับมาด้วยเหตุผลเดิมว่าไม่ตรงตามกรมธรรม์
คปภ. ก็แจ้งมาที่เราว่าเค้าไม่สามารถทำอะไร ให้เราเดินเรื่องตามกฏหมายได้
ทาง คปภ. แจ้งว่าได้นัดบริษัทมาชี้แจ้ง แต่บริษัทไม่มาตามนัด คปภ. จึงทำอะไรไม่ได้ไม่มีอำนาจ สุดท้ายก็เป้ฯหน้าที่ผู้บริโภค
กรุงไทยแอ๊กซ่าเค้ารู้ทันว่า คปภ. ทำอะไรไม่ได้ "แล้วมีประโยชน์อะไร"
ทางเราไม่อยากยุ่งยากเดินเรื่องตามกฏหมาย จึงขอเวรคืน ได้เงินคืนมาจำนวนหนึ่ง
ตอนเวรคืนเงินกรุงไทยแอ๊กซ่า ก็ไม่ให้เราทำง่ายๆยื้อไปมา แล้วสุดท้ายก็เร่งให้ทำเรื่องภายในหนึ่งเดือนไม่งั้นจะไม่ได้เงินคืนเลยซักบาท
สุดท้ายก็เสียเงินค่าประกันไปฟรีๆ และความรู้สึกลบๆต่อกรุงไทยแอ๊กซ่า
ทาง คปภ. แนะนำว่าเราไม่ควรซื้อประกันกับเซลที่ชอบมาตามที่ทำงานครับ เพราะจะตามตัวยากเวลาเราต้องการการคุ้มครอง
ผมมาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้เป็นการรีวิวสินค้าบริการก็ได้ เผื่อท่านใดกกำลังหาข้อมูลในการตัดสินใจ
กรณีแบบนี้ไม่ได้มีน้อยนะครับ คปภ. บอกว่าเคสแบบนี้มีเป็นพันๆเคส ซึ่งในอดีตเคยมีบริษัทประกันที่ต้องปิดตัวไปเพราะ
ลูกค้าเสียหายแบบนี้จำนวนมาแล้ว ผมร็สึกลบมากๆ ต่อบริษัทนี้ตอนขายประกันเค้าอ้อนเราทุกอย่าง แต่พอเราซื้อประกันแล้ว
เค้าก็ได้เปรียบเรา การจ่ายเงินประกันด้วยครับ ถ้าเราจ่ายแบบหักเงินเดือน เค้าจะได้เปรียบเรามากๆ เพราะเค้าหักเงินก่อนที่เราจะได้เงินเดือน
เวลาเราจะขอหยุดประกัน ขอเวรคืน เค้าจะยื้อได้สิ้นเดือนเค้าก็ได้เงินไปฟรีๆเรื่อยๆ ถ้าจะซื้อประกันก็ขอให้พิจารณาถึง
จุดนี้ด้วยนะครับ เพราะธุรกิจยังไงก็เป็นธุรกิจครับ บริษัทประกันไม่ใช่มูลนิธิการกุศล เค้าต้องการกำไร และเสียเงินให้น้อยที่สุด
ซึ่งบางครั้งก็้เกิดจากการเอาเปรียบลูกค้าครับ บริษัทเค้ารู้ว่าเราไม่อยากยากในการขอเงินคืน
แต่ขอบอกว่ารีวิวนี้ผมพูดถึงกรุงไทยแอ๊กซ่าอย่างเดียวครับ บริษัทประกันอื่น ที่ไม่ค่อยอ้อนและจ่ายเงินคุ้มครองง่ายๆ บริการดี มีความจริงใจก็มี
ไม่ได้เหมารวมครับ และเห็นด้วยครับว่าการทำประกันยังไงก็เป็นเรื่องดี "แต่อาจจะเป็นหมันได้" บริษัทประกันเค้าจะชอบมากถ้าเราทำประกันแล้วเราไม่เป็นอะไร ได้เงินประกันฟรีๆ เสือนอนกิน แต่ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมาเค้าก็จ่ายบ้างเพื่อเครดิต แต่ก๋ไม่อยากจ่ายเยอะ ถ้าลูกค้าคนไหนเพิ่งทำประกันมาไม่นานแล้วขอเงินคุ้มครองจำนวนมากๆ เทียบกับเงินค่าประกันแล้วบริษัทขาดทุนเค้าก็ไม่อยากจะจ่ายเค้าก็ตุกติกเอาครับ ธุรกิจยังไงก็คือธุรกิจครับ
มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ เพราะผมคิดว่า สังคมจะแย่ลงถ้าคนดีๆไม่คิดที่จะแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี
บางครั้งเรารู้ทั้งๆรู้ว่าเราสามารถเรียกร้องสิทธิประโยชน์ได้แต่เราเลือกที่จะไม่ทำเพราะมันยุ่งยาก
ต้องเสียเวลา เสียเงิน ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้เช่นเดียวกับญาติผมคนนี้ ถ้ามีคนยอมแบบนี้มากๆ ต่อไปบริษัทพวกนี้ก็จะทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นอีก
เป็นการส่งเสริมเรื่องไม่ดีทางอ้อม ถ้าสังคมมีคนแบบนี้มากๆ คนที่คิดไม่ดี คนที่คิดจะเอาปรียบคนอื่น จะได้ใจครับ เราจะเห็นว่าทำๆไปไม่มีใครกล้าทำอะไร บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ถ้าคนดีนิ่งเฉย ญาติผมยอมไปแล้วเพราะเพิ่งผ่าตัดสมองไม่อยากคิดอะไรมากๆ ผมจึงเอาเรื่องนี้มาแชร์
เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณครับ
กรุงไทยแอ๊กซ่า สำหรับคนที่กำลังเลือกประกัน
ผมอยากจะบอกเล่าประสบการณ์ที่เลือกประกันจาก กรุงไทยแอ๊กซ่าครับ ซึ่งเป็นประกันของคนใกล้ชิด
ทำประกันของกรุงไทยแอ๊กซ่ามาได้ประมาณสองปี จ่ายค่าประกันเดือนละหลายร้อยบาท
ผ่านมาสองปี ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัด ค่าใช้จ่าย หลักแสน ในกรมธรรม์ระบุไว้ชัดเจน ว่าคุ้มครองโรคเนื้องอกในสมอง
พอทำเรื่องขอเงินคุ้มครองไป บริษัทก็ขอเอกสารเพิ่มอีกหลายฉบับ แต่เวลาขอก็ไม่บอกทีเดียว ได้อันนึงก็บอกขออีกอันนึง แล้วไม่ใช่ง่ายๆการไปเอาเอกสารจากแพทย์ หมอเค้าก็ยุ่งมากๆวันๆนึง
เหมือนพยายามให้เรารำคาญแล้วยอมๆไม่เอาเงินคุ้มครอง ทั้งๆที่ทางเราก็ถ่ายรูปกรมธรรม์ที่เขียนไว้ชัดๆว่าคุ้มครองโรคเนื้องอกในสมองและใบรับรองจากแพทย์ สุดท้ายบริษัทปฏิเสธที่จะจ่ายอ้างว่าในกรมธรรม์ไม่คุ้มครอง"ถึงจุดนี้เราก็อึ้งกันไปซักพัก รู้สึกเหมือนโจรขึ้นบ้าน"
ก็เลยยื่นเรื่องไปที่ คปภ. เพื่อให้ช่วยตามเรื่องนี้ ที่กรุงไทยแอ๊กซ่า ไม่ยอมทำการ
จ่ายเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์ คปภ. ส่งเรื่องไปถามกรุงไทยแอ๊กซ่า ตอบกลับมาด้วยเหตุผลเดิมว่าไม่ตรงตามกรมธรรม์
คปภ. ก็แจ้งมาที่เราว่าเค้าไม่สามารถทำอะไร ให้เราเดินเรื่องตามกฏหมายได้
ทาง คปภ. แจ้งว่าได้นัดบริษัทมาชี้แจ้ง แต่บริษัทไม่มาตามนัด คปภ. จึงทำอะไรไม่ได้ไม่มีอำนาจ สุดท้ายก็เป้ฯหน้าที่ผู้บริโภค
กรุงไทยแอ๊กซ่าเค้ารู้ทันว่า คปภ. ทำอะไรไม่ได้ "แล้วมีประโยชน์อะไร"
ทางเราไม่อยากยุ่งยากเดินเรื่องตามกฏหมาย จึงขอเวรคืน ได้เงินคืนมาจำนวนหนึ่ง
ตอนเวรคืนเงินกรุงไทยแอ๊กซ่า ก็ไม่ให้เราทำง่ายๆยื้อไปมา แล้วสุดท้ายก็เร่งให้ทำเรื่องภายในหนึ่งเดือนไม่งั้นจะไม่ได้เงินคืนเลยซักบาท
สุดท้ายก็เสียเงินค่าประกันไปฟรีๆ และความรู้สึกลบๆต่อกรุงไทยแอ๊กซ่า
ทาง คปภ. แนะนำว่าเราไม่ควรซื้อประกันกับเซลที่ชอบมาตามที่ทำงานครับ เพราะจะตามตัวยากเวลาเราต้องการการคุ้มครอง
ผมมาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้เป็นการรีวิวสินค้าบริการก็ได้ เผื่อท่านใดกกำลังหาข้อมูลในการตัดสินใจ
กรณีแบบนี้ไม่ได้มีน้อยนะครับ คปภ. บอกว่าเคสแบบนี้มีเป็นพันๆเคส ซึ่งในอดีตเคยมีบริษัทประกันที่ต้องปิดตัวไปเพราะ
ลูกค้าเสียหายแบบนี้จำนวนมาแล้ว ผมร็สึกลบมากๆ ต่อบริษัทนี้ตอนขายประกันเค้าอ้อนเราทุกอย่าง แต่พอเราซื้อประกันแล้ว
เค้าก็ได้เปรียบเรา การจ่ายเงินประกันด้วยครับ ถ้าเราจ่ายแบบหักเงินเดือน เค้าจะได้เปรียบเรามากๆ เพราะเค้าหักเงินก่อนที่เราจะได้เงินเดือน
เวลาเราจะขอหยุดประกัน ขอเวรคืน เค้าจะยื้อได้สิ้นเดือนเค้าก็ได้เงินไปฟรีๆเรื่อยๆ ถ้าจะซื้อประกันก็ขอให้พิจารณาถึง
จุดนี้ด้วยนะครับ เพราะธุรกิจยังไงก็เป็นธุรกิจครับ บริษัทประกันไม่ใช่มูลนิธิการกุศล เค้าต้องการกำไร และเสียเงินให้น้อยที่สุด
ซึ่งบางครั้งก็้เกิดจากการเอาเปรียบลูกค้าครับ บริษัทเค้ารู้ว่าเราไม่อยากยากในการขอเงินคืน
แต่ขอบอกว่ารีวิวนี้ผมพูดถึงกรุงไทยแอ๊กซ่าอย่างเดียวครับ บริษัทประกันอื่น ที่ไม่ค่อยอ้อนและจ่ายเงินคุ้มครองง่ายๆ บริการดี มีความจริงใจก็มี
ไม่ได้เหมารวมครับ และเห็นด้วยครับว่าการทำประกันยังไงก็เป็นเรื่องดี "แต่อาจจะเป็นหมันได้" บริษัทประกันเค้าจะชอบมากถ้าเราทำประกันแล้วเราไม่เป็นอะไร ได้เงินประกันฟรีๆ เสือนอนกิน แต่ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมาเค้าก็จ่ายบ้างเพื่อเครดิต แต่ก๋ไม่อยากจ่ายเยอะ ถ้าลูกค้าคนไหนเพิ่งทำประกันมาไม่นานแล้วขอเงินคุ้มครองจำนวนมากๆ เทียบกับเงินค่าประกันแล้วบริษัทขาดทุนเค้าก็ไม่อยากจะจ่ายเค้าก็ตุกติกเอาครับ ธุรกิจยังไงก็คือธุรกิจครับ
มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ เพราะผมคิดว่า สังคมจะแย่ลงถ้าคนดีๆไม่คิดที่จะแก้ไขสิ่งที่ไม่ดี
บางครั้งเรารู้ทั้งๆรู้ว่าเราสามารถเรียกร้องสิทธิประโยชน์ได้แต่เราเลือกที่จะไม่ทำเพราะมันยุ่งยาก
ต้องเสียเวลา เสียเงิน ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้เช่นเดียวกับญาติผมคนนี้ ถ้ามีคนยอมแบบนี้มากๆ ต่อไปบริษัทพวกนี้ก็จะทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นอีก
เป็นการส่งเสริมเรื่องไม่ดีทางอ้อม ถ้าสังคมมีคนแบบนี้มากๆ คนที่คิดไม่ดี คนที่คิดจะเอาปรียบคนอื่น จะได้ใจครับ เราจะเห็นว่าทำๆไปไม่มีใครกล้าทำอะไร บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ถ้าคนดีนิ่งเฉย ญาติผมยอมไปแล้วเพราะเพิ่งผ่าตัดสมองไม่อยากคิดอะไรมากๆ ผมจึงเอาเรื่องนี้มาแชร์
เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณครับ