ประเทศไทย...ทำผิดมา ๘๔ ปี คือ..."ร่างรัฐธรรมนูญ..เพื่อ..สร้างประชาธิปไตย"...จึงล้มเหลวในการสร้างประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาชาติตลอดมา
เพราะคณะราษฎรได้ก่อกำเนิด..."ลัทธิรัฐธรรมนูญ"Constitutionalism) ซึ่งเป็นลัทธิเผด็จการ(แต่เข้าใจผิดว่าเป็นลัทธิประชาธิปไตย) ซึ่งเป็นก่อให้เกิด.."ความเห็นผิด"มิจฉาทิฎฐิ) ที่เป็นปัญหาความเห็นขึ้นกับประเทศไทยอีกปัญหาหนึ่ง ต่อจากปัญหาระบอบ(Regime problem) คือ ปัญหาประชาธิปไตย  ที่แก้ไม่ตกตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งนี้  ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕   ลัทธิรัฐธรรมนูญได้สร้างเป็นการปกครองระบอบเผด็จการรัฐสภา ที่หลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนึ่งในความเห็นผิดมิจฉาทิฎฐิต่อจาก..เห็นผิดว่า.."ลัทธิรัฐธรรมนูญ..คือ..ลัทธิประชาธิปไตย" นั่นเอง

ไม่ว่าคณะรัฐประหารโดยทหาร..หรือ..คณะเลือกตั้งโดยพรรคปกครอง ก็ล้วนมีความผิดยึดถือลัทธิรัฐธรรมนูญ นั่นคือ...
- เมื่อรัฐประหารได้อำนาจแล้ว...ก็จะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างประชาธิปไตยตามความเห็นผิด
- เมื่อเลือกตั้งได้อำนาจแล้ว...ก็จะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างประชาธิปไตยตามความเห็นผิด
ซึ่งผิดต่อกฎเกณฑ์ที่เป็นหลักวิชาของการสร้างประชาธิปไตย คือ  "สร้างประชาธิปไตยก่อนร่างรัฐธรรมนูญ" เพราะ...
๐..รัฐธรรมนูญ..เป็นเครื่องมือรักษาประชาธิปไตย ไม่ใช่เครื่องมือสร้างประชาธิปไตย
๐..นโยบาย..เป็นเครื่องมือสร้างประชาธิปไตย  
๐..นโยบาย..มาก่อน..รัฐธรรมนูญ
๐..ประชาธิปไตยเป็นเหตุ..และ..รัฐธรรมนูญเป็นผล
๐..รัฐธรรมนูญเป็นภาพสะท้อนของระบอบ(Regime)

แต่เมื่อกลับหัวกลับหางสวนทางกับกฎเกณฑ์ที่เป็นหลักวิชาการที่ถูกต้องเช่นนี้  ก็เป็นเหตุให้ผิดพลาดล้มเหลวซ้ำซากตลอดมา ๘๔ ปี
จบลงด้วยการ.."ฉีกรัฐธรรมนูญ..ร่างกันใหม่อีกตลอดมา"...จึงทำให้ประเทศไทยร่ำรวยประชาธิปไตยที่สุดในโลก แต่ยากจนประชาธิปไตยที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน  

คณะรัฐประหารทุกคณะก็ผิดพลาดล้มเหลวเช่นเดียวกันทุกคณะ เช่น รสช. คมช.  และคณะล่าสุดคือ คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา    
คสช. มีเจตนาดีคือ.."สร้างความปรองดองแห่งชาติ..สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์" อันเป็นการสะท้อนการแก้ปัญหาชาติที่ถูกต้อง  แต่ยึดถือแนวทางผิด คือ "แนวทางรัฐธรรมนูญ" ไม่ยึดถือแนวทางประชาธิปไตยแต่อย่างใดทั้งสิ้น  จึงล้มเหลวตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมาจนกระทั่งบัดนี้ และจะหนักยิ่งไปกว่านี้ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางมาเป็น.. "จาก..ลัทธิรัฐธรรมนูญ..เป็น..ลัทธิประชาธิปไตย"...!!!  หรือ ไม่เปลี่ยนการใช้.."รัฐธรรมนูญ..มาเป็น..นโยบาย" มาเป็นเครื่องมือสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้อง  แต่ยิ่งนานวันหรือลัทธิรัฐธรรมนูญมีอายุเก่าแก่มากยิ่งขึ้น ก็จะยิ่งเสื่อมลงมากเท่านั้น และยิ่งเป็นพิษเป็นภัยร้ายทำลายทั้งชาติประชาชน และทำลายผู้ยึดถือและปฏิบัติลัทธิรัฐธรรมนูญที่เป็นลัทธิเผด็จการ และผู้ร่างรัฐธรรมนูญ...
- ร่างรัฐธรรมนูญฉบับบวรศักดื ๒๘๕ มาตรา..ถูกลงมติคว่ำโดยสมาชิกข้างมากของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
- ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ๒๗๙ มาตรา..ถูกประชาชนปฏิเสธตั้งแต่ต้นอย่างมากมายและรุนแรงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย  และอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพังร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ๒๗๙ มาตราลงก่อน..จะมีการลงประชามติในวันที่ ๗ สิ่งหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ นี้ก็อาจเป็นไปได้

คสช. จะสามารถเจาะทลุทะลวงผ่านปราการด่านลัทธิรัฐธรรมนูญ..มาสู่..ลัทธิประชาธิปไตย ได้หรือไม่ ถ้าผ่านได้ก็พ้น ถ้าไม่ฝ่านก็พัง  ยิ่งนานวันโอกาสของ คสช.ยิ่งน้อยลงเท่านั้น  "ยิ่งเปลี่ยนแนวทางเร็วเท่ายิ่งยิ่งมีโอกาสรอดมากเท่านั้น"...!!!  เราประชาชนจะต้องช่วยกัน.."ผลักดันสนับสนุนให้ คสช. เปลี่ยนแนวทางจากแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญ..มาสู่..แนวทางลัทธิประชาธิปไตย  คือ  ให้ คสช.และรัฐบาลยกเลิกกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ  เช่น การร่าง การลงประชามติ การประกาศใช้ การออกกฎหมายลูกทั้งสิ้น...หันมา..เริ่มกระบวนการ หรือขั้นตอนของการสร้างประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยการจัดตั้ง.."การปกครองเฉพาะกาล"Provisional Government) เพื่อทำหน้าที่ของระยะเปลี่ยนผ่าน คือ...
๑. เปลี่ยนให้.."สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ"..ขึนกุมรัฐแทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
๒. เปลี่ยนให้.."พรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันต"..ขึ้นกุมรัฐแทนคณะรัฐาบาลปัจจุบัน
๓. เปลี่ยนให้.."มีนโยบายสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้อง"..ใช้แทนนโยบายปัจจุบันของรัฐบาล คสช.

คณะวิชาการและยุทธศาสตร์และการจัดตั้ง
สภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ
พรรคการนำใหม่ประชาชนปฏิวัติสันติ
สถาบันปฏิวัติสันติพุทธอหิงสาธรรมประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
คณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ตามอนุสัญญาโตเกี่ยว ค.ศ. ๑๙๔๑
สมัชชากรรมกรแห่งชาติ
สภาเครือข่ายปฏิวัติรูปที่ดินแห่งชาติ
สภาชาวนาปฏิวัติสันติแห่งชาติ
ขบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติ
ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
วันที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
โทร. ๐๘๙-๘๘๖๐๘๖๘