เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นอีกวันที่หมอเจี๊ยบมาค้างบ้านดาว และจริงๆก็คงจะต้องค้างจนหมดสัปดาห์ เพราะเหตุผลที่เธอไม่สามารถบอกใครได้แม้แต่แฟนขอเธอ นั่นคือ
เธออยู่บ้านคนเดียว
เนื่องจากพ่อกับแม่ของหมอเจี๊ยบไปทัศนาจรกับคนในชุมชน กว่าจะกลับก็ตั้งอาทิตย์หนึ่ง เธอเลยมาขออยู่กับดาวที่บ้านจนกว่าพ่อแม่ของเธอจะกลับ
"ไม่บอกผู้กองเรื่องอยู่บ้านคนเดียวจะดีเหรอครับครับคุรหมอ" พ่อดาวถามขึ้นเมื่อทั้งสามกำลังทานข้าวเช้า
"ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อหนูไม่อยากให้พวกเค้าเป็นห่วง"หมอเจี๊ยบทานขระที่ข้าวเต็มปาก จากนั้นก็ทานเอาๆ
"พี่เจี๊ยบคะ วันนี้เราต้องไปติดกล้องจริงๆเหรอ" ดาวถาม หลังจากที่เมื่อคืนภูส่งแผนมาทางไลน์ ซึ่งทั้งสามคนก็เห็นด้วยเพียงแต่ การจะติดตั้งที่ไหน ยังไงบ้างนั้น ภูขอเวลาวางแผนก่อน
"ใช่แล้ว แต่เห็นว่าต้องใช้ของเยอะ ภูเค้าเลยต้องไปหามาเพิ่มน่ะ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"หมอเจี๊ยบตอบเหมือนไม่กังวลอะไร จะมีก็แต่ดาวที่ดูจะกังวลมากเป็นพิเศษ
"ว่าแต่พ่อคะ รู้สึกว่าป้ายตรงศาลต้นไทรจะหักนะคะ เมื่อวานหนูก็ลืมบอกไป" เหมือนพ่อดาวจะรู้แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่เพราะก็มีชาวบ้านบางคนอาจจะมองเป็นเรื่องของอาเพศ ซึ่งต้องนัดประชุมกันภายหลัง
........................................
"ดาวแกเป็นไงบ้าง" มลรีบเข้ามาถามอาการดาวทันทีที่เธอมาถึงห้อง ซึ่งโชคดีที่ดาวไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะวันนี้เธอไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้วเพียงแต่ยังเดินไม่ค่อยถนัดนัก
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ว่าแต่แกเถอะ ดูสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" ดาวถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของเพื่อนดูไม่ค่อยสดใสเหมือนเคย
"ดาว ฉันเป็นห่วงแกมาเลยรู้มั้ย" มลโผเข้าไปกอดโดยที่ดาวไม่ทันตั้งแต่ แต่เนื่องจากที่มลตัวเล็กกว่า ดาวจึงยังพอรับการโผกอดของมลไหว
มลเหมือนจะร้องไห้ มือของหนึ่งของดาวค่อยๆลูบหัวของเพื่อนเพื่อปลอบใจ พร้อมกับบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว แต่....
มิ้นที่เห็นเหตุการณืทั้งหมดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ก่อนที่จะเข้ามาในห้องเรียนเพื่อทักทายเพื่อนทั้งสองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หวัดดี ดาว หวัดดีมล" มิ้นทักทาย มลรีบผละออกจากดาวแล้วเช็ดนั้นตาตัวเอง
"มลแกร้องไห้ทำไมน่ะ"มิ้นถาม เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของเพื่อน
"มิ้น ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้บอกแก" มลเล่าเรื่องทั้งหมดให้มิ้นฟัง เหมือนมิ้นจะดูตกใจอยู่บ้าง จากนั้นมิ้นก็มาถามอาการดาวซะยกใหญ่ จนดาวต้องเขกหัวมิ้นเบาๆ
"เห็นมั้ยฉันไม่เป็นอะไร พวกแกสองคนไม่ต้องห่วงหรอก"รอยยิ้มของดาวทำให้มลและมิ้นดูสบายใจขึ้น โดยเฉพาะมลเหมือนเธอจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากคาบเรียนช่วงเช้าผ่านไป ดาวจึงได้เวลานั่งคุยกับมลดีๆช่วงทานข้าวกลางวัน
"ตกลงที่แกฝันว่ากุ๋กกู๋มาบอกแกว่าจะเกิดเรื่องกับดาวนี่จริงๆใช่มั้ย" มิ้นถามย้ำมลอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าเธอคงฝันไปยังงั้นเพราะเป็นห่วงเพื่อน แต่มลก็ยืนยันว่าเธอฝันแบบนั้นจริงๆ
"แล้วทำไมกุ๋กกู๋ต้องมาบอกแกด้วยล่ะ ทำไมไม่มาบอกฉันตรงๆเลย" ดาวถาม แต่ก็โดนมลสวนว่า เธอจะรู้มั้ยว่าทำไม
"แล้วพวกแกเชื่อรึเปล่าว่ากุ๋กกู๋มีจริง"จู่ๆดาวก็ถามขึ้นมาทำให้วงสนทนาเงียบไปครู่หนึ่งความลังเล ความกลัวเริ่มแสดงให้เห็นบนใบหน้าเพื่อนทั้งสอง และแม้ว่ามิ้นอยากจะตอบเชิงปัดว่าดาวคิดมาก แต่เมื่อดูจากท่าทางจริงจังของมล มันทำให้มิ้นเริ่มที่จะคล้อยตาม
แม้ไม่มีคำตอบ แต่จากการที่การสนทนานั้นเริ่มเงียบจากนั้นก็ตามมาด้วยการเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้ดาวคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจริง เพียงแต่เะอก็ยังไม่รู้เหตุผลของกุ๋กกู๋อยู่ดี และเมื่อวงสนทนาเปลี่ยนเรื่องคุย ดาวก็ต้องจำยอมคุยตามไปด้วย เพราะไม่อยากให้เพื่อนยิ่งเป็นห่วงจนนำไปสู่การสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียน
............................................
หลังเลิกเรียนเมื่อทุกคนกลับกันหมดแล้ว ภู ดาว หมอเจี๊ยบ ผู้กองต้อม และครูพิลาวรรณ ได้มารวมกันที่หน้าโรงเรียน ภูเตรียมอุปกรณ์มาพร้อม และแผนการที่จะติดกล้องในที่ต่างๆ ซึ่งทั้งห้าคนจะต้องไปพร้อมกัน เพราะไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งลี้ลับในโรงเรียนหรือไม่ ดังนั้นหากทุกคนเกาะกลุ่มไปกับภูน่าจะดีกว่า
"นี่ภู จะติดอะไรนักหนาตั้งเจ็ดที่เลยเหรอ แล้วโรงอาหารก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับซักหน่อยแล้วจะไปติดทำไม"ผู้กองต้อมบ่น ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะลงพื้นที่ทำให้เหนื่อยมาทั้งวัน ในขณะที่ผู้หญิงสามคนที่เหลือไม่ปริปากซักคำ
"เอาน่าพี่ ผมรู้ว่าพี่กลัวผี แต่มากับผมไม่มีอะไรหรอกเชื่อดิ"ภูเปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงของผู้กองต้อมออกมาทำให้หมอเจี๊ยบหลุดขำ
"เอาน่าๆ ว่าแต่ตั้งเจ็ดที่ แล้วนายจะติดตั้งยังไงกันล่ะ" หมอเจี๊ยบถามภู เพราะดูจากสภาพคงจะลำบาก เพราะจากสถานที่ มันไกลกันแล้วไหนจะต้องซ่อนกล้องอีก คงไม่ง่ายที่จะติดตั้งแล้วลากสายไปทั้งโรงเรียน
ภูเดินไปที่รถพร้อมกับหยิบกล้องวีดีโอขนาดเล็กออกมา เป็นแบบที่มีหน่วยความจำและแบตเตอรี่ในตัว
"ผมซื้อมาสิบกว่าตัว แบตเตอรี่และหน่วยความจำถ่ายได้ติดต่อกัน 24ชั่วโมง สามารถสั่งงานผ่านมือถือและดูภาพได้ทั้งย้อนหลังและRealtime จากกล้องทุกตัว เป็นไงแค่นี้พอไหวมั้ย" ภูพูดอวดสรรพคุณ ทุกคนถึงกับอึ้ง แต่ผู้กองต้อมถึงกับหน้าเสีย เขาจึงไปล้อคคอภูมากระซิบ
"ภู แกหมดไปเท่าไหร่วะ"ผู้กองต้อมกระซิบ เพราะเขาเคยสัญญาว่าเขาจะเป็นสปอนเซอร์ทั้งหมดในงานนนี้
"พี่ไม่ต้องห่วงหรอก งานนี้ไม่ถึงล้านหรอกครับ" ภูกระซิบตอบแกมหยอก แต่ผู้กองต้อมก็พอจะประเมินราคาได้ว่าหนักอยู่
แต่ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอดใกล้ รถเก๋งยุโรปคันใหญ่สีดำ มีคนขับรถเดินลงมาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านาย พ่อกับแม่ของเอิร์นผู้ตายเดินลงมาจากรถ ฝ่ายพ่อมีท่าทางโกรธส่วนแม้เหมือนจะเกรงๆสามีของเธอ
ผู้เป็นพ่อเดินปรี่เข้ามา แม้ครูพิลาวรรณที่เห็นเหตุการณ์จะเข้ามาทักทายแต่ก็ไม่สนใจ เขาเดินมาหาภุพร้อมกับกระชากคอเสื้ออย่างแรง
"ไหนแกบอกว่าจะสืบเรื่องลูกฉันไง แล้วนี่แกกำลังทำอะไรอยู่หะ" ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงโกรธฝ่ายแม้ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆส่วนครุพิลาวรรณพยายามเข้ามาห้าม
"ผมก็กำลังหาหลักฐานอยุ่นี่ไง" ภูพูดด้วยเสียงเรียบเฉยๆแต่สีหน้าจริงจัง ทั้งสองจ้องตากันก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะปล่อยมือจากคอเสื้อภู
"ไหนลองพูดซิว่านายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่" ผู้เป็นพ่อยืนกอดอกรอฟังอย่างตั้งใจ ส่วนผู้เป็นแม่นั้นก็รอฟังอยู่ห่างๆ
"ผมแยกสืบเรื่องนี้เป็นสามส่วน ส่วนแรกคือการตายของลุกชายคุณที่สระน้ำ ส่วนที่สองคือการที่แฟนของผู้ตายถูกผีหลอกที่ตึกเรียน และส่วนที่สามคือคือเรื่องเล่าที่ว่า7เรื่องลึกลับของโรงเรียน ซึ่งผมตั้งข้อสังเกตว่าทั้งสามส่วนนั้นเกี่ยวข้องกัน"ภูอธิบาย ซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นเมื่อได้ฟังก็มีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"แล้วคุณว่าทั้งสามส่วนที่ว่ามามันเกี่ยวข้องกันยังไง" ผู้เป็นพ่อถาม เมื่อฟังจากการพูดที่นุ่มขึ้นทำให้ทุกคนโล่งอก
"ตรงนี้แหละครับที่ผมกำลังหาหลักฐานอยู่ แต่ก่อนอื่นผมของถามคุณซักสองเรื่องได้มั้ย" ผู้เป็นพ่อพยักหน้า
"เรื่องแรกทำไมพวกคุณถึงรู้ว่าพวกผมจะทำอะไรกัน"ภูถาม แต่ผู้เป็นพ่อเหมือนไม่อยากพูด จนผู้เป็นแม่ต้องตอบแทน
"ผอ.ค่ะ ผอ.บอกเรา สามีฉันก็เลยคิดว่าพวกคุณกำลังทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นจึงโกรธก็เลยพากันมาที่นี่แหละ"
เมื่อได้ฟังครูพิลาวรรณถึงกับตกใจที่ ผอ.ไปบอกพ่อแม่ของผู้ตายแบบนั้น แต่จากสีหน้าและท่าทางของภูกับผู้กองต้อมเหมือนจะไม่ตกใจอะไร
"ตรงนี้สำคัญมากนะครับเพราะเกี่ยวกับลุกชายคุณ ไม่ทราบว่าผู้ตายว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า" คำถามของภูทำให้ดาวและหมอเจี๊ยบประหลาดใจเพราะภูนั้นคิดเหมือนกับเธอทั้งสองคน และเป็นคำถามที่น่าจะไขไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
"ไม่ครับ ลูกผมว่ายน้ำไม่เป้น" คำตอบของพ่อ ทำให้ปริศนานั้นค่อยๆเผยบางอย่างออกมา ความคิดของคนทั้งสามไปในทิศทางเดียวกันหลังจากได้ฟังคำตอบ
เมื่อว่ายน้ำไม่เป็น แล้วจู่ๆรอยเท้าของผู้ตายไปโผล่จากตรงกลางสระได้อย่างไร
..............................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1
http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2
http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3
http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4
http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5
http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6
http://ppantip.com/topic/35027231
ต้องขอโทษที่หายไปอาทิตย์หนึ่ง เพราะไปเยี่ยมญาติ อีกอย่างก็ไม่สะดวกที่จะพิมพ์ทางมือถือ ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ แล้วก็วันนี้กะว่าจะยังไม่เขียน เพราะเหมือนจะมีปัญหากับแฟน แต่ไหนๆก็น่าจะมีคนรออ่านเลยเขียน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35060989
GHost Detective File 2-7 พิธีกรรมสยองขวัญ
เธออยู่บ้านคนเดียว
เนื่องจากพ่อกับแม่ของหมอเจี๊ยบไปทัศนาจรกับคนในชุมชน กว่าจะกลับก็ตั้งอาทิตย์หนึ่ง เธอเลยมาขออยู่กับดาวที่บ้านจนกว่าพ่อแม่ของเธอจะกลับ
"ไม่บอกผู้กองเรื่องอยู่บ้านคนเดียวจะดีเหรอครับครับคุรหมอ" พ่อดาวถามขึ้นเมื่อทั้งสามกำลังทานข้าวเช้า
"ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อหนูไม่อยากให้พวกเค้าเป็นห่วง"หมอเจี๊ยบทานขระที่ข้าวเต็มปาก จากนั้นก็ทานเอาๆ
"พี่เจี๊ยบคะ วันนี้เราต้องไปติดกล้องจริงๆเหรอ" ดาวถาม หลังจากที่เมื่อคืนภูส่งแผนมาทางไลน์ ซึ่งทั้งสามคนก็เห็นด้วยเพียงแต่ การจะติดตั้งที่ไหน ยังไงบ้างนั้น ภูขอเวลาวางแผนก่อน
"ใช่แล้ว แต่เห็นว่าต้องใช้ของเยอะ ภูเค้าเลยต้องไปหามาเพิ่มน่ะ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"หมอเจี๊ยบตอบเหมือนไม่กังวลอะไร จะมีก็แต่ดาวที่ดูจะกังวลมากเป็นพิเศษ
"ว่าแต่พ่อคะ รู้สึกว่าป้ายตรงศาลต้นไทรจะหักนะคะ เมื่อวานหนูก็ลืมบอกไป" เหมือนพ่อดาวจะรู้แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องใหญ่เพราะก็มีชาวบ้านบางคนอาจจะมองเป็นเรื่องของอาเพศ ซึ่งต้องนัดประชุมกันภายหลัง
........................................
"ดาวแกเป็นไงบ้าง" มลรีบเข้ามาถามอาการดาวทันทีที่เธอมาถึงห้อง ซึ่งโชคดีที่ดาวไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะวันนี้เธอไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้วเพียงแต่ยังเดินไม่ค่อยถนัดนัก
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ว่าแต่แกเถอะ ดูสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" ดาวถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของเพื่อนดูไม่ค่อยสดใสเหมือนเคย
"ดาว ฉันเป็นห่วงแกมาเลยรู้มั้ย" มลโผเข้าไปกอดโดยที่ดาวไม่ทันตั้งแต่ แต่เนื่องจากที่มลตัวเล็กกว่า ดาวจึงยังพอรับการโผกอดของมลไหว
มลเหมือนจะร้องไห้ มือของหนึ่งของดาวค่อยๆลูบหัวของเพื่อนเพื่อปลอบใจ พร้อมกับบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว แต่....
มิ้นที่เห็นเหตุการณืทั้งหมดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ก่อนที่จะเข้ามาในห้องเรียนเพื่อทักทายเพื่อนทั้งสองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หวัดดี ดาว หวัดดีมล" มิ้นทักทาย มลรีบผละออกจากดาวแล้วเช็ดนั้นตาตัวเอง
"มลแกร้องไห้ทำไมน่ะ"มิ้นถาม เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของเพื่อน
"มิ้น ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้บอกแก" มลเล่าเรื่องทั้งหมดให้มิ้นฟัง เหมือนมิ้นจะดูตกใจอยู่บ้าง จากนั้นมิ้นก็มาถามอาการดาวซะยกใหญ่ จนดาวต้องเขกหัวมิ้นเบาๆ
"เห็นมั้ยฉันไม่เป็นอะไร พวกแกสองคนไม่ต้องห่วงหรอก"รอยยิ้มของดาวทำให้มลและมิ้นดูสบายใจขึ้น โดยเฉพาะมลเหมือนเธอจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากคาบเรียนช่วงเช้าผ่านไป ดาวจึงได้เวลานั่งคุยกับมลดีๆช่วงทานข้าวกลางวัน
"ตกลงที่แกฝันว่ากุ๋กกู๋มาบอกแกว่าจะเกิดเรื่องกับดาวนี่จริงๆใช่มั้ย" มิ้นถามย้ำมลอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าเธอคงฝันไปยังงั้นเพราะเป็นห่วงเพื่อน แต่มลก็ยืนยันว่าเธอฝันแบบนั้นจริงๆ
"แล้วทำไมกุ๋กกู๋ต้องมาบอกแกด้วยล่ะ ทำไมไม่มาบอกฉันตรงๆเลย" ดาวถาม แต่ก็โดนมลสวนว่า เธอจะรู้มั้ยว่าทำไม
"แล้วพวกแกเชื่อรึเปล่าว่ากุ๋กกู๋มีจริง"จู่ๆดาวก็ถามขึ้นมาทำให้วงสนทนาเงียบไปครู่หนึ่งความลังเล ความกลัวเริ่มแสดงให้เห็นบนใบหน้าเพื่อนทั้งสอง และแม้ว่ามิ้นอยากจะตอบเชิงปัดว่าดาวคิดมาก แต่เมื่อดูจากท่าทางจริงจังของมล มันทำให้มิ้นเริ่มที่จะคล้อยตาม
แม้ไม่มีคำตอบ แต่จากการที่การสนทนานั้นเริ่มเงียบจากนั้นก็ตามมาด้วยการเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้ดาวคิดว่าเรื่องนี้น่าจะจริง เพียงแต่เะอก็ยังไม่รู้เหตุผลของกุ๋กกู๋อยู่ดี และเมื่อวงสนทนาเปลี่ยนเรื่องคุย ดาวก็ต้องจำยอมคุยตามไปด้วย เพราะไม่อยากให้เพื่อนยิ่งเป็นห่วงจนนำไปสู่การสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียน
............................................
หลังเลิกเรียนเมื่อทุกคนกลับกันหมดแล้ว ภู ดาว หมอเจี๊ยบ ผู้กองต้อม และครูพิลาวรรณ ได้มารวมกันที่หน้าโรงเรียน ภูเตรียมอุปกรณ์มาพร้อม และแผนการที่จะติดกล้องในที่ต่างๆ ซึ่งทั้งห้าคนจะต้องไปพร้อมกัน เพราะไม่แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งลี้ลับในโรงเรียนหรือไม่ ดังนั้นหากทุกคนเกาะกลุ่มไปกับภูน่าจะดีกว่า
"นี่ภู จะติดอะไรนักหนาตั้งเจ็ดที่เลยเหรอ แล้วโรงอาหารก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับซักหน่อยแล้วจะไปติดทำไม"ผู้กองต้อมบ่น ซึ่งดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะลงพื้นที่ทำให้เหนื่อยมาทั้งวัน ในขณะที่ผู้หญิงสามคนที่เหลือไม่ปริปากซักคำ
"เอาน่าพี่ ผมรู้ว่าพี่กลัวผี แต่มากับผมไม่มีอะไรหรอกเชื่อดิ"ภูเปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงของผู้กองต้อมออกมาทำให้หมอเจี๊ยบหลุดขำ
"เอาน่าๆ ว่าแต่ตั้งเจ็ดที่ แล้วนายจะติดตั้งยังไงกันล่ะ" หมอเจี๊ยบถามภู เพราะดูจากสภาพคงจะลำบาก เพราะจากสถานที่ มันไกลกันแล้วไหนจะต้องซ่อนกล้องอีก คงไม่ง่ายที่จะติดตั้งแล้วลากสายไปทั้งโรงเรียน
ภูเดินไปที่รถพร้อมกับหยิบกล้องวีดีโอขนาดเล็กออกมา เป็นแบบที่มีหน่วยความจำและแบตเตอรี่ในตัว
"ผมซื้อมาสิบกว่าตัว แบตเตอรี่และหน่วยความจำถ่ายได้ติดต่อกัน 24ชั่วโมง สามารถสั่งงานผ่านมือถือและดูภาพได้ทั้งย้อนหลังและRealtime จากกล้องทุกตัว เป็นไงแค่นี้พอไหวมั้ย" ภูพูดอวดสรรพคุณ ทุกคนถึงกับอึ้ง แต่ผู้กองต้อมถึงกับหน้าเสีย เขาจึงไปล้อคคอภูมากระซิบ
"ภู แกหมดไปเท่าไหร่วะ"ผู้กองต้อมกระซิบ เพราะเขาเคยสัญญาว่าเขาจะเป็นสปอนเซอร์ทั้งหมดในงานนนี้
"พี่ไม่ต้องห่วงหรอก งานนี้ไม่ถึงล้านหรอกครับ" ภูกระซิบตอบแกมหยอก แต่ผู้กองต้อมก็พอจะประเมินราคาได้ว่าหนักอยู่
แต่ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอดใกล้ รถเก๋งยุโรปคันใหญ่สีดำ มีคนขับรถเดินลงมาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านาย พ่อกับแม่ของเอิร์นผู้ตายเดินลงมาจากรถ ฝ่ายพ่อมีท่าทางโกรธส่วนแม้เหมือนจะเกรงๆสามีของเธอ
ผู้เป็นพ่อเดินปรี่เข้ามา แม้ครูพิลาวรรณที่เห็นเหตุการณ์จะเข้ามาทักทายแต่ก็ไม่สนใจ เขาเดินมาหาภุพร้อมกับกระชากคอเสื้ออย่างแรง
"ไหนแกบอกว่าจะสืบเรื่องลูกฉันไง แล้วนี่แกกำลังทำอะไรอยู่หะ" ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงโกรธฝ่ายแม้ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆส่วนครุพิลาวรรณพยายามเข้ามาห้าม
"ผมก็กำลังหาหลักฐานอยุ่นี่ไง" ภูพูดด้วยเสียงเรียบเฉยๆแต่สีหน้าจริงจัง ทั้งสองจ้องตากันก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะปล่อยมือจากคอเสื้อภู
"ไหนลองพูดซิว่านายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่" ผู้เป็นพ่อยืนกอดอกรอฟังอย่างตั้งใจ ส่วนผู้เป็นแม่นั้นก็รอฟังอยู่ห่างๆ
"ผมแยกสืบเรื่องนี้เป็นสามส่วน ส่วนแรกคือการตายของลุกชายคุณที่สระน้ำ ส่วนที่สองคือการที่แฟนของผู้ตายถูกผีหลอกที่ตึกเรียน และส่วนที่สามคือคือเรื่องเล่าที่ว่า7เรื่องลึกลับของโรงเรียน ซึ่งผมตั้งข้อสังเกตว่าทั้งสามส่วนนั้นเกี่ยวข้องกัน"ภูอธิบาย ซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นเมื่อได้ฟังก็มีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"แล้วคุณว่าทั้งสามส่วนที่ว่ามามันเกี่ยวข้องกันยังไง" ผู้เป็นพ่อถาม เมื่อฟังจากการพูดที่นุ่มขึ้นทำให้ทุกคนโล่งอก
"ตรงนี้แหละครับที่ผมกำลังหาหลักฐานอยู่ แต่ก่อนอื่นผมของถามคุณซักสองเรื่องได้มั้ย" ผู้เป็นพ่อพยักหน้า
"เรื่องแรกทำไมพวกคุณถึงรู้ว่าพวกผมจะทำอะไรกัน"ภูถาม แต่ผู้เป็นพ่อเหมือนไม่อยากพูด จนผู้เป็นแม่ต้องตอบแทน
"ผอ.ค่ะ ผอ.บอกเรา สามีฉันก็เลยคิดว่าพวกคุณกำลังทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นจึงโกรธก็เลยพากันมาที่นี่แหละ"
เมื่อได้ฟังครูพิลาวรรณถึงกับตกใจที่ ผอ.ไปบอกพ่อแม่ของผู้ตายแบบนั้น แต่จากสีหน้าและท่าทางของภูกับผู้กองต้อมเหมือนจะไม่ตกใจอะไร
"ตรงนี้สำคัญมากนะครับเพราะเกี่ยวกับลุกชายคุณ ไม่ทราบว่าผู้ตายว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า" คำถามของภูทำให้ดาวและหมอเจี๊ยบประหลาดใจเพราะภูนั้นคิดเหมือนกับเธอทั้งสองคน และเป็นคำถามที่น่าจะไขไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
"ไม่ครับ ลูกผมว่ายน้ำไม่เป้น" คำตอบของพ่อ ทำให้ปริศนานั้นค่อยๆเผยบางอย่างออกมา ความคิดของคนทั้งสามไปในทิศทางเดียวกันหลังจากได้ฟังคำตอบ
เมื่อว่ายน้ำไม่เป็น แล้วจู่ๆรอยเท้าของผู้ตายไปโผล่จากตรงกลางสระได้อย่างไร
..............................................................
ติชมกันได้ครับ บางคำที่พิมพ์ผิด เพราะแป้นผิมไม่ค่อยดี กดชิพไม่ลง ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2-1 http://ppantip.com/topic/34973254
file 2-2 http://ppantip.com/topic/34986577
file 2-3 http://ppantip.com/topic/34998149
file 2-4 http://ppantip.com/topic/35006186
file 2-5 http://ppantip.com/topic/35014982
file 2-6 http://ppantip.com/topic/35027231
ต้องขอโทษที่หายไปอาทิตย์หนึ่ง เพราะไปเยี่ยมญาติ อีกอย่างก็ไม่สะดวกที่จะพิมพ์ทางมือถือ ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ แล้วก็วันนี้กะว่าจะยังไม่เขียน เพราะเหมือนจะมีปัญหากับแฟน แต่ไหนๆก็น่าจะมีคนรออ่านเลยเขียน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35060989