เรื่องฝีมือทหารไทย กับพม่า
ถ้าเจอกันแบบตอนที่ไทยกำลังอยู่ในช่วงพีค กับพม่าช่วงพีค
แล้วมีกำลังสูสีกัน ไทยไม่เคยแพ้
ตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 ย่อยยับ มีปัจจัยหลายอย่างมากที่ทำให้เสียกรุง
1. จากเดิมที่พม่ามีมอญกับไทยใหญ่มาช่วย แล้วก็ปล่อยให้พม่าตีเมืองเชียงใหม่
แล้วยังมีไทยกับมอญในแผ่นดินไทย มาสวามีภักดิ์อีก เลยมีเป็นแสน
2. ไทยเกณฑ์ทหารหละหลวม ขนาดบางระจันยังมีคนเป็น 1000 คน
ในกรุงมี 6 หมื่นคน สู้กับพม่าเป็นแสน
3. ไทยว่างศึกมานาน หลังจากยุคพระนเรศวร พม่าก็ไม่มาประชิดกรุงศรีเป็น 100ปี
แค่ทหารไม่ฝีกปรือ 5 ปี ก็อ่อนแอแล้ว นี้ไม่ฝีกปรือเป็น 10 ปี
4. ไทยทะเลาะ แย่งชิงราชสมบัติ ประหารกันแบบ 7 ชั่วโคตร จากที่อ่อนแออยู่แล้ว
ก็อ่อนแอไปอีก
5. หวังพึ่งแค่นำ้หลาก พอนำ้หลาก พม่าไม่กลับ อยู่ในที่สูง
ไทยเลยเสบียงหมด รอวันตาย
คือเราแพ้เพราะประมาทเองเท่านั้น
เพราะขนาดพม่าทำศึกตั้งแต่เสียกรุงยัน รัชกาลที่ 1 ทำศึกมานาน
ยังแพ้ให้กับรัชกาลที่ 1 ทั้งที่พม่า มีทหารมากกว่าไทยเท่าตัว
ขนาดพม่าแพ้อังกฤษ ยังมีหาข้ออ้างจากข้ออ้าง บอกว่าอังกฤษมีอาวุธดีกว่า
แต่พอพม่ามาตีกรุงศรีแตก ในตอนที่อยุธยาห่างศึก อ่อนแอ กับบอกว่า พม่าเก่ง
ทั้งที่จริง ก็แค่ฉวยโอกาศ ตอนที่ไทยอ่อนแอ
พม่าไม่ได้เก่งกว่าคนไทย อย่างมีนัยยะสำคัญอะไรเลย
ก็เลยคิดว่า บทเรีย เสียกรุงคือ
1. คนไทยต้องไม่ทะเลาะกันเอง
2. คนไทยต้องพร้อมรบเสมอ
แต่ ณ ปัจจุบัน ก็ยังทะเลาะกันเองเหมือนเดิม
แต่ดีที่ ไม่มีการทำสงครามแบบแต่ก่อนแล้ว ไม่งั้นพม่าบุกแน่
ปล. หลักฐานจากทางพม่า บางที่ก็เชื่อไม่ได้นะ
บอกว่า อยุธยา มีช้าง 2000 เชือก ในพื้นที่เกาะแคบแบบนั้น จะหาอาหารให้ช้างได้ที่ไหนกิน เป็นพันเชือก
และมีการบอกอีกว่า ทหารในกรุงศรีมีมากกว่า ( คือแบบจะบอกว่าตัวเองชนะกรุงศรีทั้งที่มีทหารเยอะกว่า )
คือตัวเองมีเป็นแสน มีพวกมอญ ไทยใหญ่ เชียงใหม่ ยังมีการบอกว่าน้อยกว่ากรุงศรีอีก
คือถ้าไทยมีทหารมากกว่า ช่วงที่น้ำหลาก พม่ากระจัดกระจาย ตามที่ดอน ไทยก็เอากำลังไปปราบที่ละจุดแล้ว
บางที่หลักฐานพงศาวดารพม่า ก็โกหกเหมือนกันเชื่อไม่ได้
ตอนเด็ก พอได้ยินเรื่องกรุงแตก รู้สึกเกรงกลัวพม่า แต่พอโตขึ้น พอรู้รายละเอียด กรุงแตกเพราะเราประมาทเอง
ถ้าเจอกันแบบตอนที่ไทยกำลังอยู่ในช่วงพีค กับพม่าช่วงพีค
แล้วมีกำลังสูสีกัน ไทยไม่เคยแพ้
ตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 ย่อยยับ มีปัจจัยหลายอย่างมากที่ทำให้เสียกรุง
1. จากเดิมที่พม่ามีมอญกับไทยใหญ่มาช่วย แล้วก็ปล่อยให้พม่าตีเมืองเชียงใหม่
แล้วยังมีไทยกับมอญในแผ่นดินไทย มาสวามีภักดิ์อีก เลยมีเป็นแสน
2. ไทยเกณฑ์ทหารหละหลวม ขนาดบางระจันยังมีคนเป็น 1000 คน
ในกรุงมี 6 หมื่นคน สู้กับพม่าเป็นแสน
3. ไทยว่างศึกมานาน หลังจากยุคพระนเรศวร พม่าก็ไม่มาประชิดกรุงศรีเป็น 100ปี
แค่ทหารไม่ฝีกปรือ 5 ปี ก็อ่อนแอแล้ว นี้ไม่ฝีกปรือเป็น 10 ปี
4. ไทยทะเลาะ แย่งชิงราชสมบัติ ประหารกันแบบ 7 ชั่วโคตร จากที่อ่อนแออยู่แล้ว
ก็อ่อนแอไปอีก
5. หวังพึ่งแค่นำ้หลาก พอนำ้หลาก พม่าไม่กลับ อยู่ในที่สูง
ไทยเลยเสบียงหมด รอวันตาย
คือเราแพ้เพราะประมาทเองเท่านั้น
เพราะขนาดพม่าทำศึกตั้งแต่เสียกรุงยัน รัชกาลที่ 1 ทำศึกมานาน
ยังแพ้ให้กับรัชกาลที่ 1 ทั้งที่พม่า มีทหารมากกว่าไทยเท่าตัว
ขนาดพม่าแพ้อังกฤษ ยังมีหาข้ออ้างจากข้ออ้าง บอกว่าอังกฤษมีอาวุธดีกว่า
แต่พอพม่ามาตีกรุงศรีแตก ในตอนที่อยุธยาห่างศึก อ่อนแอ กับบอกว่า พม่าเก่ง
ทั้งที่จริง ก็แค่ฉวยโอกาศ ตอนที่ไทยอ่อนแอ
พม่าไม่ได้เก่งกว่าคนไทย อย่างมีนัยยะสำคัญอะไรเลย
ก็เลยคิดว่า บทเรีย เสียกรุงคือ
1. คนไทยต้องไม่ทะเลาะกันเอง
2. คนไทยต้องพร้อมรบเสมอ
แต่ ณ ปัจจุบัน ก็ยังทะเลาะกันเองเหมือนเดิม
แต่ดีที่ ไม่มีการทำสงครามแบบแต่ก่อนแล้ว ไม่งั้นพม่าบุกแน่
ปล. หลักฐานจากทางพม่า บางที่ก็เชื่อไม่ได้นะ
บอกว่า อยุธยา มีช้าง 2000 เชือก ในพื้นที่เกาะแคบแบบนั้น จะหาอาหารให้ช้างได้ที่ไหนกิน เป็นพันเชือก
และมีการบอกอีกว่า ทหารในกรุงศรีมีมากกว่า ( คือแบบจะบอกว่าตัวเองชนะกรุงศรีทั้งที่มีทหารเยอะกว่า )
คือตัวเองมีเป็นแสน มีพวกมอญ ไทยใหญ่ เชียงใหม่ ยังมีการบอกว่าน้อยกว่ากรุงศรีอีก
คือถ้าไทยมีทหารมากกว่า ช่วงที่น้ำหลาก พม่ากระจัดกระจาย ตามที่ดอน ไทยก็เอากำลังไปปราบที่ละจุดแล้ว
บางที่หลักฐานพงศาวดารพม่า ก็โกหกเหมือนกันเชื่อไม่ได้