ลองนึกภาพในสมัยพระนเรศวรดูนะครับสังเกตได้ว่ากองทัพในสมัยท่านนั้นใหญ่มากชนิดที่ว่ามีเป็นหลักแสนเลย แล้วยิ่งทหารนี่เป็น 100,000 อย่างงี้เสบียงของกินมันจะพอเหรอครับ เพราะการทำนาสมัยก่อนก็ไม่น่าจะทำแล้วได้ข้าวเยอะเหมือนตอนนี้ ไหนจะมีเรื่องของเนื้อสัตว์อีกต้องล้มวัวล้มควายเท่าไหร่กันเชียวจริงอยู่ครับที่วัวและควายตัวหนึ่งมันก็ใหญ่มากๆแต่คนนึงก็กินเนื้อโดยเฉลี่ยประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน สมมุติว่าวัวตัวหนึ่งหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ให้เนื้อได้ประมาณ 120 กิโลกรัม แปลว่าวัวหนึ่งตัวเลี้ยงทหารได้ 120 นาย สมมุติว่ามีทหารทั้งหมด 120,000 นาย แสดงว่าต้องฆ่าวัว 1,000ตัวเลย หรือถ้าจะกินปลาก็คงต้องกินปลาเป็นแสนๆตัวแน่ นี่แค่ต่อวันนะครับ แล้วทำศึกทีนึงก็ยืดเยื้อเป็นเดือนเป็นปี จะต้องใช้เท่าไหร่กันเชียว จริงอยู่ที่ว่ากรุงศรีอุดมสมบูรณ์แต่กองทัพก็ใหญ่มากด้วย สิ่งที่น่ากลัวกว่ารบกับพม่าก็คือเสบียงที่จะไม่พอนะสิ เรายังเห็นว่าก็ยังมีการเชือดม้าเชือดช้างกินเป็นอาหารเมื่อเสบียงขาดเวลาเกิดศึกยืดเยื้อ แล้วก็กลายเป็นว่าตัดกำลังตัวเองเพราะไม่มีพาหนะสำหรับสู้รบ นอกจากเรื่องเสบียงไม่พอแล้วกลายเป็นว่าถ้าจำเป็นก็ต้องขนไปนี้ก็คงจะเป็นภาระหนักอึ้งทั้งข้าวและเนื้อคงจะหนักมากเรียกว่าต้องใช้ทหารเปลืองแรงงานไปอีก นอกจากจะเรื่องขนเสบียงแล้วยังมีเรื่องนึกถึงเวลาต้องปรุงอีก ซึ่งผมคาดว่าคงจะมีแผนกพ่อครัวคอยดูแลด้านนี้โดยเฉพาะแต่อุปกรณ์เครื่องทำครัวก็เยอะไหนจะเครื่องปรุงอีกซึ่งหลักๆก็คงจะเป็นเกลือกับพริก เรียกได้ว่าฝ่ายเสบียงก็เป็นอีกหน้าที่สำคัญที่พลิกกุญแจสู่ชัยชนะเลย
ในยุคโบราณเช่นยุคกรุงศรีเห็นกองทัพใหญ่มากยกมาทีมืดฟ้ามัวดินอยากรู้เสบียงจะพอไหมครับ