เชื่อว่าหลายคนคงจะสงสัยว่า ผี มีจริงหรือไม่ หรืออีกนัยหนึ่งคนเราตายแล้วจบกันหรือมีภาค 2 ภาค3 คำว่า ผี ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่เราเรียกกันว่าวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว ซึ่งบางคนที่มีตาเป็นสื่อได้เห็นวิญญาณเหล่านี้จากงานศพบ้าง เด็กบางคนเห็นตามข้างถนนอย่างที่เป็นข่าวก็มี หรือบางคนก็เห็นในความฝัน เป็นต้น เห็นแล้วกลัวก็มี ที่ไม่กลัวก็มี กล้าขึ้นมาหน่อยขอหวยคงมีบ้าง คนที่มีตาเป็นสื่อจะว่ากันแล้วก็มีอยู่ทั่วโลก เพราะมีหนังสือที่บันทึกประสบการณ์การเห็นผีบ้าง ประสบการณ์การเฉียดตายบ้างให้ได้ศึกษากันมากมาย ของไทยเรามีทั้งคนทั่วไป เจ้านาย พระสงฆ์ ทีเคยเห็นผี ของฝรั่งก็มีนายแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ บุคคลที่มีชื่อเสียง เคยอ่านหนังสือที่บันทึกว่านักท่องเที่ยวเห็น ผีพระราชาภายในพระราชวังของประเทศอังกฤษ
ประสบการณ์การเห็นผีของคนที่มีตาเป็นสื่อเหล่านี้ บางคนเป็นญาติเราเป็นบุคคลที่เรานับถือไม่มีเหตุผลที่จะมาโกหกเราดังนั้นเราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าเราไม่เชื่อเราก็จะไม่หาความรู้ประกอบเรื่องเหล่านี้เพิ่มเติม และเราก็จะพลาดโอกาสที่จะได้ศึกษาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของชีวิตเรา เพราะว่าถ้าผีมีจริง คนเราตายแล้วเกิดขึ้นมาได้อีกจริง กายใหม่ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่ชีวิตใครก็ชีวิตใหม่ของเรานั่นเอง หรืออีกนัยหนึ่ง กายใหม่ชีวิตใหม่หลังความตายของกายเนื้อนั้นก็เป็นอนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกัน เราก็ควรจะวางแผนชีวิตใหม่นี้เช่นกันใช่หรือไม่ เหมือนตอนเป็นเด็กเรามักถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรนี่ก็เช่นกันต่างกันตรงที่ว่าเราจะต้องถามตัวเราเองว่า ตาย แล้วอยากเป็นอะไร เมื่อพูดถึงความตายทุกคนก็รู้ดีว่าเกิดได้คนทุกวัยดังนั้นถ้าเรายอมรับว่าคนเราตายแล้วเกิดอีกเราก็ควรวางแผนแต่เนิ่นๆ ด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะเกือบทุกคนที่มีประสบการณ์การเห็นผีนั้น ไม่มีใครบอกเราได้ว่าทำไมคนเราตายแล้วต้องเกิดอีก แล้วทำไมผีหรือที่หลายคนเรียกว่า วิญญาณจึงอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ขึ้นสวรรค์ หรือตกนรก แล้วเราละตายแล้วยังต้องวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เช่นผีหรือวิญญาณเหล่านั้นหรือไม่ หรือถ้าตายแล้วได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกแต่มีวิถีชีวิตแบบเดิมๆอีก ซึ่งเชื่อว่าหลายคนไม่ค่อยจะพอใจในวิถีชีวิตของตัวเองเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นด้าน การงาน ครอบครัว ความรัก และอื่นๆ ดังนั้นถ้าเราเชื่อว่าคนเราตายแล้วเกิดอีกได้จริง จากคำบอกเล่าของญาติก็ดีคนที่เรานับถือก็ดี หรือจากการอ่านหนังสือก็ตาม
สิ่งที่เราควรทำคือต้องต่อยอดความรู้เหล่านั้นก็คือ ทำอย่างไรเราจะไม่ต้องเป็นผีเร่ร่อนต้องขอส่วนบุญของคนใจบุญทั้งหลาย(เหมือนขอทานในโลกมนุษย์)หรือถ้ากลับมาเกิดเป็นคนอีกเราจะมีวิถีชีวิตที่น่าพอใจกว่าเดิมได้อย่างไร และทำบุญอย่างไรถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ คำตอบทั้งหมดเราจะหาได้จากคำสอนของพระพุทธศาสนาซึ่งมีถึง 84000 ธรรมขันข์ เช่นพุทธพจน์ที่ว่า “สิ่งทั้งหลายย่อมเกิดแต่เหตุ และดับไปเพราะเหตุดับ”นี่เป็นคำสอนที่ว่าด้วยเหตุและผล ดังนั้นคำสอนของพระพุทธศาสนาจึงไม่มีคำว่าเหตุบังเอิญหรือโชคช่วยนะครับ
พุทธพจน์ และคำอธิบายพุทธพจน์ มีบันทึกอยู่ในคัมภีร์ ชื่อว่า พระไตรปิฎก บุคคลที่สามารถศึกษาพุทธพจน์จากพระไตรปิฎกได้ย่อมเป็นการศึกษาที่ตรงที่สุด แต่ว่าเฉพาะพระไตรปิฎกอย่างเดียว 45 เล่ม บวกอรรถกถาคัมภีร์ที่ใช้อธิบายคัมภีร์พระไตรปิฎกอีก45เล่ม อีกทั้งผู้ที่จะศึกษาควรจะรู้ภาษาบาลีอีกต่างหาก นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะศึกษาพุทธพจน์จากพระไตรปิฏก ยังดีที่ว่าในวงการศาสนาเรามีพระอาจารย์ อาจารย์และ ปราชญ์ทางศาสนาหลายท่านที่ศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาจนสามารถนำพุทธพจน์เหล่านั้นมาขยายความเป็นหนังสือธรรมะ ทำให้เราศึกษาพุทธพจน์ได้โดยไม่ถึงกับต้องศึกษาพระไตรปิฎก เพราะว่าหนังสือบางเล่มก็เขียนบอกไว้ว่าได้นำพุทธพจน์เรื่องนี้มาจากพระไตรปิฎกเล่มไหนดังนั้นก็เท่ากับว่าเราได้ศึกษาจากพระไตรปิฎกเช่นกัน จากพุทธประวัติที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกนั้นมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ต่างๆมากมายเช่น ตาทิพย์ การระลึกชาติได้ ฯลฯ เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆเหล่านี้นั้นผู้อ่านจะต้องมีความศรัทธาคือมีความเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อน ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงคำสอนเรื่องที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์เพราะว่าคำสอนเรื่องโลกและชีวิตหลังความตายนั้นพระพุทธองค์ทรงรู้ได้จากเครื่องมือคือ ปาฏิหาริย์ต่างๆนั้นเอง
ในตอนหน้าเราจะพูดถึงความศรัทธาว่าสำคัญอย่างไร แล้วเราจะปลูกความศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจเราเมื่อมีความศรัทธาเกิดขึ้นในใจเราแล้วความศรัทธานั้นจะทำให้เราศึกษา คำสอนของพระพุทธองค์ ได้อย่างสนิทใจนั่นจะส่งผลให้เราเชื่อตามคำสอนและยอมรับว่าชีวิตและโลกหลังความตายนั้นมีอยู่จริงแน่นอน สำคัญก็คือชีวิตใหม่หลังความตายนั้นก็เป็นอนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกันเราก็ควรจะได้ศึกษากันไว้ คิดอย่างสุภาษิตโบราณก็ได้นะครับว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม นะครับ
ชวนสนทนา : คุณเชื่อหรือไม่ว่าผีมีจริง แล้วคำตอบในเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราอย่างไร บทที่ 1
ประสบการณ์การเห็นผีของคนที่มีตาเป็นสื่อเหล่านี้ บางคนเป็นญาติเราเป็นบุคคลที่เรานับถือไม่มีเหตุผลที่จะมาโกหกเราดังนั้นเราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าเราไม่เชื่อเราก็จะไม่หาความรู้ประกอบเรื่องเหล่านี้เพิ่มเติม และเราก็จะพลาดโอกาสที่จะได้ศึกษาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของชีวิตเรา เพราะว่าถ้าผีมีจริง คนเราตายแล้วเกิดขึ้นมาได้อีกจริง กายใหม่ชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่ชีวิตใครก็ชีวิตใหม่ของเรานั่นเอง หรืออีกนัยหนึ่ง กายใหม่ชีวิตใหม่หลังความตายของกายเนื้อนั้นก็เป็นอนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกัน เราก็ควรจะวางแผนชีวิตใหม่นี้เช่นกันใช่หรือไม่ เหมือนตอนเป็นเด็กเรามักถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรนี่ก็เช่นกันต่างกันตรงที่ว่าเราจะต้องถามตัวเราเองว่า ตาย แล้วอยากเป็นอะไร เมื่อพูดถึงความตายทุกคนก็รู้ดีว่าเกิดได้คนทุกวัยดังนั้นถ้าเรายอมรับว่าคนเราตายแล้วเกิดอีกเราก็ควรวางแผนแต่เนิ่นๆ ด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะเกือบทุกคนที่มีประสบการณ์การเห็นผีนั้น ไม่มีใครบอกเราได้ว่าทำไมคนเราตายแล้วต้องเกิดอีก แล้วทำไมผีหรือที่หลายคนเรียกว่า วิญญาณจึงอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ขึ้นสวรรค์ หรือตกนรก แล้วเราละตายแล้วยังต้องวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เช่นผีหรือวิญญาณเหล่านั้นหรือไม่ หรือถ้าตายแล้วได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกแต่มีวิถีชีวิตแบบเดิมๆอีก ซึ่งเชื่อว่าหลายคนไม่ค่อยจะพอใจในวิถีชีวิตของตัวเองเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นด้าน การงาน ครอบครัว ความรัก และอื่นๆ ดังนั้นถ้าเราเชื่อว่าคนเราตายแล้วเกิดอีกได้จริง จากคำบอกเล่าของญาติก็ดีคนที่เรานับถือก็ดี หรือจากการอ่านหนังสือก็ตาม
สิ่งที่เราควรทำคือต้องต่อยอดความรู้เหล่านั้นก็คือ ทำอย่างไรเราจะไม่ต้องเป็นผีเร่ร่อนต้องขอส่วนบุญของคนใจบุญทั้งหลาย(เหมือนขอทานในโลกมนุษย์)หรือถ้ากลับมาเกิดเป็นคนอีกเราจะมีวิถีชีวิตที่น่าพอใจกว่าเดิมได้อย่างไร และทำบุญอย่างไรถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ คำตอบทั้งหมดเราจะหาได้จากคำสอนของพระพุทธศาสนาซึ่งมีถึง 84000 ธรรมขันข์ เช่นพุทธพจน์ที่ว่า “สิ่งทั้งหลายย่อมเกิดแต่เหตุ และดับไปเพราะเหตุดับ”นี่เป็นคำสอนที่ว่าด้วยเหตุและผล ดังนั้นคำสอนของพระพุทธศาสนาจึงไม่มีคำว่าเหตุบังเอิญหรือโชคช่วยนะครับ
พุทธพจน์ และคำอธิบายพุทธพจน์ มีบันทึกอยู่ในคัมภีร์ ชื่อว่า พระไตรปิฎก บุคคลที่สามารถศึกษาพุทธพจน์จากพระไตรปิฎกได้ย่อมเป็นการศึกษาที่ตรงที่สุด แต่ว่าเฉพาะพระไตรปิฎกอย่างเดียว 45 เล่ม บวกอรรถกถาคัมภีร์ที่ใช้อธิบายคัมภีร์พระไตรปิฎกอีก45เล่ม อีกทั้งผู้ที่จะศึกษาควรจะรู้ภาษาบาลีอีกต่างหาก นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะศึกษาพุทธพจน์จากพระไตรปิฏก ยังดีที่ว่าในวงการศาสนาเรามีพระอาจารย์ อาจารย์และ ปราชญ์ทางศาสนาหลายท่านที่ศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาจนสามารถนำพุทธพจน์เหล่านั้นมาขยายความเป็นหนังสือธรรมะ ทำให้เราศึกษาพุทธพจน์ได้โดยไม่ถึงกับต้องศึกษาพระไตรปิฎก เพราะว่าหนังสือบางเล่มก็เขียนบอกไว้ว่าได้นำพุทธพจน์เรื่องนี้มาจากพระไตรปิฎกเล่มไหนดังนั้นก็เท่ากับว่าเราได้ศึกษาจากพระไตรปิฎกเช่นกัน จากพุทธประวัติที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกนั้นมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์ต่างๆมากมายเช่น ตาทิพย์ การระลึกชาติได้ ฯลฯ เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆเหล่านี้นั้นผู้อ่านจะต้องมีความศรัทธาคือมีความเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อน ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงคำสอนเรื่องที่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์เพราะว่าคำสอนเรื่องโลกและชีวิตหลังความตายนั้นพระพุทธองค์ทรงรู้ได้จากเครื่องมือคือ ปาฏิหาริย์ต่างๆนั้นเอง
ในตอนหน้าเราจะพูดถึงความศรัทธาว่าสำคัญอย่างไร แล้วเราจะปลูกความศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจเราเมื่อมีความศรัทธาเกิดขึ้นในใจเราแล้วความศรัทธานั้นจะทำให้เราศึกษา คำสอนของพระพุทธองค์ ได้อย่างสนิทใจนั่นจะส่งผลให้เราเชื่อตามคำสอนและยอมรับว่าชีวิตและโลกหลังความตายนั้นมีอยู่จริงแน่นอน สำคัญก็คือชีวิตใหม่หลังความตายนั้นก็เป็นอนาคตชีวิตใหม่ของเราเช่นกันเราก็ควรจะได้ศึกษากันไว้ คิดอย่างสุภาษิตโบราณก็ได้นะครับว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม นะครับ