บทที่ 2 - ถูกจับเป็นตัวประกัน
“นายน้อย หลินกลัวอ่ะ” หญิงสาวในเดรสสั้นสีชมพูเปิดไหล่ส่งเสียงกระซิบข้างหูหยางเจี๋ย พาฝันคงไม่ได้ยินหากเธอจะไม่ถูกคุมตัวให้มานั่งอยู่ด้านหลังเขาพอดี
ขณะนี้พาฝันและทุกคนกำลังอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนผู้ว่า ประตูหน้าต่างทุกบานปิดหมด กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากตัวตลกยืนจังก้ากระจายตัวรอบห้องนับได้เก้าคน เริ่มทยอยกลับลงจากการสำรวจหาผู้หลบซ่อนที่ด้านบนอีกห้าหกคน ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าโจรยืนอยู่กลางห้อง แถวหน้าสุดของตัวประกันคือบรรณ เกียรติจงเจริญและภรรยา ลูกสาวหายไปไหนไม่รู้ แต่พวกโจรไม่ค่อยได้สนใจนัก ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันก็คือการรวมคนใหญ่คนโตให้อยู่ในกลุ่มตัวประกันมากกว่า
“ใจเย็นเถอะหลิน ถ้าเขาจะทำอะไร พวกยิงไม่เหลือแล้ว นี่เชิญพวกเรามาอย่างสุภาพ แสดงว่าไม่ต้องการชีวิต” หยางเจี๋ยกระซิบปลอบ พาฝันอยากจะหัวเราะ ตัวประกันทั้งหมดสามสิบกว่าคนขณะนี้ถูกจับมัดมือไพล่หลังให้นั่งกับพื้น แถมมีปืนเล็งจากทุกทิศทุกทาง
สุภาพหรอ? สุภาพพ่อง ไหนในประวัติบอกว่าไอ้หมอนี่ฉลาดเป็นกรด กลอกกลิ้งจนได้ฉายาจิ้งจอกน้อย ทำไมตัวจริงความคิดบ้องตื้นชะมัด
“น้องดรีมไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าพวกมันจะทำอะไร พี่จะปกป้องน้องดรีมด้วยชีวิต” ธงฉานเอนตัวมากระซิบข้างหูเธอ ฉุดกระชากหญิงสาวออกจากห้วงคิดหวังสร้างความโรแมนติก แต่พอหันไปมองหน้าก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ
ธงฉานเปียกชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อ หน้าซีดเป็นไก่ต้ม อย่าว่าแต่จะปกป้องเธอเลย ปกป้องตัวเองให้ได้ก่อนเถอะพ่อคู๊ณ
พาฝันยิ้มแหยพอเป็นพิธีแล้วกวาดสายตาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง บรรดาตำรวจนอกเครื่องแบบและบอดีการ์ดของบรรณถูกจับมัดมือมัดเท้าไปขังไว้ที่ห้องด้านข้าง มีคนเฝ้าสองคน ข้างกายบรรณ เกียรติจงเจริญเหลือคนคุ้มกันเพียงชายวัยกลางคนที่ชื่อวรภพ ดังนั้นฝ่ายโจรสวมหน้ากากจึงควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางที่ฝ่ายตัวประกันจะทำอะไรได้เลย
แต่ทันใดนั้นเอง
“ไอ้พวกชั่ว พวกต้องการอะไร ปล่อยพวกกูไปเดี๋ยวนี้” เสียงตะโกนดังมาจากแถวหลังๆ พาฝันหันขวับไปมอง การจัดเรียงตัวประกันจะไล่เลียงตามระดับอำนาจในจังหวัดจากมากไปหาน้อย ใครใหญ่สุดก็อยู่หน้า ใครบารมีรองลงมาก็อยู่แถวกลาง ใครใหญ่น้อยหน่อยก็ไปนั่งเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ด้านหลัง เธอจึงไม่แปลกใจที่พบว่าคนพูดเป็นพวกนักเลงเจ้าของบ่อนลอยน้ำคนหนึ่ง ลักษณะเป็นพวกพูดไม่คิด ปากไม่มีหูรูดซะด้วย
“ไหน ปากเก่งใช่มั้ย” หัวหน้าโจรสืบเท้าแหวกกลุ่มตัวประกันตรงไปหาคนพูด ปืนเอ็มสิบหกพาดอยู่บนไหล่ ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสตอบก็ยันบาทาเข้าเต็มหน้าจนเจ้าของบ่อนล้มลง แม้พยายามจะขืนตัวลุกขึ้นมาก็ถูกเหยียบหน้าอก และปลายปืนเอ็มสิบหกก็มาจ่อที่ปลายจมูก “แน่ใจว่าจะไฟ๊ท์?”
นิ้วของหัวหน้าโจรสอดแตะไก บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ
“เออ กูจะไฟ๊ท์ เก่งจริงปล่อยกูสิ” เจ้าของบ่อนคำรามตามประสานักเลงที่ยอมตายไม่ยอมเสียหน้า
หัวหน้าโจรแค่นหัวเราะ แล้วตวัดมือวูบหวดด้ามปืนกระแทกกกหูเจ้าของบ่อนดังพลั่ก สลบไปทันที
“มีใครอยากลองดีอีกมั้ย” ตัวตลกสุดโหดยืดตัวขึ้น หันมากราดมองตัวประกันที่ไม่มีใครยอมสบตาด้วย พาฝันก็เช่นกัน แต่เมื่อเธอหันหน้ากลับมา สายตาพลันสบประสานกับดวงตาดำขลับล้ำลึกของจางหยางเจี๋ย ดูเหมือนเขาจะแอบจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว พาฝันขึงตาตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ ตามที่ทราบมาถึงจางหยางเจี๋ยจะไม่ใช่เสือผู้หญิง แต่ก็ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
“นี่ เธอมาเสียมารยาททำหน้าแบบนี้ใส่นายน้อยได้ไง” อาหลินขยับกายมาขวางกั้นระหว่างพาฝันกับนักธุรกิจเชื้อสายฮ่องกงที่พูดไทยชัดกว่าธงฉาน พาฝันยิ้มเยาะ หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังจะมีอารมณ์มาหวงผู้ชาย คนแบบนี้ก็มีในโลกด้วยแฮะ ทันใดนั้นธงฉานก็ขยับมาข้างหน้า กระซิบกลับไปว่า
“ชายน้อยของเธอนั่นแหละมาจ้องแฟนฉันก่อน วิเศษวิโสมาจากไหนถึงได้มาจ้องผู้หญิงของคนอื่นตามใจชอบได้แบบนี้”
นั่นไง นอกจากมีผู้หญิงหวงผู้ชายไม่เลือกสถานการณ์แล้ว ยังมีผู้ชายหวงผู้หญิงไม่เลือกสถานการณ์เหมือนกัน พาฝันก้มหน้ามองพื้นเพื่อซ่อนสีหน้าเหนื่อยหน่ายอยากหนีไปให้ไกล
สวรรค์ ทำไมชีวิตฉันต้องมาข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ด้วย
“ชายน้อยพ่อง อั๊วคือนายน้อยเฟ้ย ชายน้อยมันลื้อมากกว่า เกาะติดเด็จพ่อเด็จแม่แจเลยนะ” คิดไม่ถึงหยางเจี๋ยจะร่วมวงต่อล้อต่อเถียงด้วย พาฝันเงยหน้าขึ้น เดิมทีก็หงุดหงิดอยากหาที่ระบายอยู่แล้ว ตอนนี้เลยได้ที่ลงพอดี
“ขอโทษนะคะ แต่เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณมาจ้องฉันก่อน คุณจ้องฉันทำไมล่ะ หื่นมากไปรึว่าผู้หญิงของตัวเองยังสวยไม่พอ”
อาหลินทำหน้าเหมือนอยากจะกรี๊ด ฝ่ายนายน้อยของเธอก็หน้ากระตุกพอกัน พาฝันสะใจลึกๆ ถลิตเคยย้ำว่าถ้าเป็นไปได้อย่าข้องเกี่ยวกับพวกของจางหยางเจี๋ย เพราะไอ้ตี๋คนนี้ปูมหลังลึกลับ ความเป็นมาเป็นไปไม่มีใครรู้ คาดว่าน่าจะเป็นอาชญากรมากบดานหลบตำรวจสากล แต่ไหนๆ มาถึงขั้นนี้จะห้ามปากตัวเองก็ไม่ทันแล้ว
“นี่ อย่าคิดว่าคนอื่นจะคิดแบบตัวเองหมดสิ” ไอ้ตี๋ขยับหน้าเข้ามาใกล้ “ฉันไม่ได้มองเธอ ฉันมองข้างหลังเธอต่างหาก”
พาฝันเห็นหยางเจี๋ยพยักเพยิดไปทางด้านหลังเธอ ก็หันกลับไปมองพลางด่าในใจว่าหาทางแถได้แย่มาก ก็เธอเห็นเองกับตาว่าเขาจ้องเธอเขม็ง ไม่ใช่มองผ่านเธอไปสักหน่อย
แต่พอพาฝันพบเข้ากับสิ่งที่เขาพยายามมอง เธอคิดว่าก็มีเหตุผลพอสมควร หยางเจี๋ยไม่น่าจะโกหก ถัดจากที่ๆ พาฝันนั่งอยู่ไปสองสามแถว ชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายกำนันคนหนึ่งไม่ทราบแก้มัดเชือกที่มือของตัวเองได้ยังไง เขานั่งหันข้าง พาฝันจึงเห็นชัดว่าขณะนี้เขากำลังรอคอยจังหวะให้หัวหน้าโจรเดินผ่านมา ในมือของเขากำมีดสั้นคมกริบเล่มหนึ่ง
ถ้าเขาจับหัวหน้าโจรเป็นตัวประกันได้ ทีนี้ละเกมพลิกแน่
พาฝันลืมเรื่องที่กำลังเถียงไปสนิท เฝ้าลุ้นระทึกให้ลูกชายกำนันคนนั้นทำสำเร็จ
หัวหน้าโจรย่างเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างไม่เฉลียวใจ
ทันใดนั้น หยางเจี๋ยพลันตะโกนขึ้น
“พี่โจรครับ ระวังขวามือ หมอนั่นมีมีด!”
วินาทีที่เขาตะโกน เป็นไม่กี่วินาทีก่อนที่ลูกชายกำนันลุกพรวดขึ้นโถมใส่หัวหน้าโจร ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว เพราะได้รับคำเตือนทันท่วงที หัวหน้าโจรจึงเอี้ยวตัวหลบคมมีดได้ฉิวเฉียด ลูกชายกำนันเสียการทรงตัว ด้ามปืนหวดกระแทกเต็มปลายคงลงไปนอนนับดาวในวินาทีต่อมา
“ไอ้เชี่ย! นายทำอะไรของนายเนี่ย” พาฝันหันมากัดฟันกระซิบใส่หยางเจี๋ย “อยากนอนคุยกับรากมะม่วงแถวนี้นักรึไงวะ”
นักธุรกิจตี๋หล่อไม่ยอมตอบรับคำใด ผิดกับธงฉานที่เบิกตาโตเพราะเห็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานสบถคำหยาบได้อย่างคล่องปากเหลือเกิน พาฝันขี้เกียจสนใจอะไรอีก หัวหน้าโจรใช้เท้าเขี่ยร่างลูกชายกำนันให้กลับไปหาพ่อแม่ตัวเองด้วยความเดือดดาล แล้วสืบเท้าเข้ามาหาพวกเขาพลางลดปืนในมือลง
“ไอ้ตี๋ เมื่อกี้ขอบใจมาก” หัวหน้าโจรหยุดยืนเบื้องหน้าหยางเจี๋ย
หยางเจี๋ยกระโดดลุกขึ้น ทำหน้าทะเล้นใส่ทันที “เมื่อกี้ผมช่วยพี่โจรไว้ พี่โจรเลยจะปล่อยตัวผมแล้วใช่ไหม”
“ปล่อยพ่อง ไม่อยากเจ็บตัวกลับลงไปนั่งเดี๋ยวนี้” พูดพลางทำท่าเงื้อด้ามปืนประกอบ จางหยางเจี๋ยรีบทรุดกลับลงนั่งไม่อิดออดทันที
“ครับ ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเลย”
เมื่อหัวหน้าโจรเดินกลับไปหาบรรณ เกียรติจงเจริญพลางล้วงโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมา พาฝันก็เข้าใจแล้วว่าจางหยางเจี๋ยคนนี้เป็นจิ้งจอกน้อยขนานแท้ ถึงกับยอมขายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ช่างน่ารังเกียจสุดบรรยาย
“นายน้อย ถ้าพวกมันฆ่าเรา เราจะทำไงดีอ่ะ” อาหลินนั่งหัวสั่นอยู่ข้างๆ หน้าอกชายหนุ่ม ขยับกายแทบจะนั่งตักเขาอยู่แล้ว “หลินกลัวอ่ะ เราจะทำไงดี”
“ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยเราสองคนก็ปลอดภัยแล้ว” หยางเจี๋ยกระซิบแผ่วเบา แต่ดังมากพอที่พาฝันซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังจะได้ยิน สุ้มเสียงของเขาเยือกเย็นผิดปกติ คล้ายกับหยางเจี๋ยเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง พาฝันในขณะนี้ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้เข้าใจในภายหลัง เธอก็ต้องยอมรับว่าไอ้จิ้งจอกน้อยคนนี้มันน่ากลัวจนไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยจริงๆ
เกมรักกิเลนไฟ บทที่ 2 และ บทที่ 3
บทที่ 2 - ถูกจับเป็นตัวประกัน
“นายน้อย หลินกลัวอ่ะ” หญิงสาวในเดรสสั้นสีชมพูเปิดไหล่ส่งเสียงกระซิบข้างหูหยางเจี๋ย พาฝันคงไม่ได้ยินหากเธอจะไม่ถูกคุมตัวให้มานั่งอยู่ด้านหลังเขาพอดี
ขณะนี้พาฝันและทุกคนกำลังอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนผู้ว่า ประตูหน้าต่างทุกบานปิดหมด กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมหน้ากากตัวตลกยืนจังก้ากระจายตัวรอบห้องนับได้เก้าคน เริ่มทยอยกลับลงจากการสำรวจหาผู้หลบซ่อนที่ด้านบนอีกห้าหกคน ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าโจรยืนอยู่กลางห้อง แถวหน้าสุดของตัวประกันคือบรรณ เกียรติจงเจริญและภรรยา ลูกสาวหายไปไหนไม่รู้ แต่พวกโจรไม่ค่อยได้สนใจนัก ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมันก็คือการรวมคนใหญ่คนโตให้อยู่ในกลุ่มตัวประกันมากกว่า
“ใจเย็นเถอะหลิน ถ้าเขาจะทำอะไร พวกยิงไม่เหลือแล้ว นี่เชิญพวกเรามาอย่างสุภาพ แสดงว่าไม่ต้องการชีวิต” หยางเจี๋ยกระซิบปลอบ พาฝันอยากจะหัวเราะ ตัวประกันทั้งหมดสามสิบกว่าคนขณะนี้ถูกจับมัดมือไพล่หลังให้นั่งกับพื้น แถมมีปืนเล็งจากทุกทิศทุกทาง
สุภาพหรอ? สุภาพพ่อง ไหนในประวัติบอกว่าไอ้หมอนี่ฉลาดเป็นกรด กลอกกลิ้งจนได้ฉายาจิ้งจอกน้อย ทำไมตัวจริงความคิดบ้องตื้นชะมัด
“น้องดรีมไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าพวกมันจะทำอะไร พี่จะปกป้องน้องดรีมด้วยชีวิต” ธงฉานเอนตัวมากระซิบข้างหูเธอ ฉุดกระชากหญิงสาวออกจากห้วงคิดหวังสร้างความโรแมนติก แต่พอหันไปมองหน้าก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ถอนหายใจอย่างละเหี่ยใจ
ธงฉานเปียกชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อ หน้าซีดเป็นไก่ต้ม อย่าว่าแต่จะปกป้องเธอเลย ปกป้องตัวเองให้ได้ก่อนเถอะพ่อคู๊ณ
พาฝันยิ้มแหยพอเป็นพิธีแล้วกวาดสายตาสำรวจรอบห้องอีกครั้ง บรรดาตำรวจนอกเครื่องแบบและบอดีการ์ดของบรรณถูกจับมัดมือมัดเท้าไปขังไว้ที่ห้องด้านข้าง มีคนเฝ้าสองคน ข้างกายบรรณ เกียรติจงเจริญเหลือคนคุ้มกันเพียงชายวัยกลางคนที่ชื่อวรภพ ดังนั้นฝ่ายโจรสวมหน้ากากจึงควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางที่ฝ่ายตัวประกันจะทำอะไรได้เลย
แต่ทันใดนั้นเอง
“ไอ้พวกชั่ว พวกต้องการอะไร ปล่อยพวกกูไปเดี๋ยวนี้” เสียงตะโกนดังมาจากแถวหลังๆ พาฝันหันขวับไปมอง การจัดเรียงตัวประกันจะไล่เลียงตามระดับอำนาจในจังหวัดจากมากไปหาน้อย ใครใหญ่สุดก็อยู่หน้า ใครบารมีรองลงมาก็อยู่แถวกลาง ใครใหญ่น้อยหน่อยก็ไปนั่งเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ด้านหลัง เธอจึงไม่แปลกใจที่พบว่าคนพูดเป็นพวกนักเลงเจ้าของบ่อนลอยน้ำคนหนึ่ง ลักษณะเป็นพวกพูดไม่คิด ปากไม่มีหูรูดซะด้วย
“ไหน ปากเก่งใช่มั้ย” หัวหน้าโจรสืบเท้าแหวกกลุ่มตัวประกันตรงไปหาคนพูด ปืนเอ็มสิบหกพาดอยู่บนไหล่ ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสตอบก็ยันบาทาเข้าเต็มหน้าจนเจ้าของบ่อนล้มลง แม้พยายามจะขืนตัวลุกขึ้นมาก็ถูกเหยียบหน้าอก และปลายปืนเอ็มสิบหกก็มาจ่อที่ปลายจมูก “แน่ใจว่าจะไฟ๊ท์?”
นิ้วของหัวหน้าโจรสอดแตะไก บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ
“เออ กูจะไฟ๊ท์ เก่งจริงปล่อยกูสิ” เจ้าของบ่อนคำรามตามประสานักเลงที่ยอมตายไม่ยอมเสียหน้า
หัวหน้าโจรแค่นหัวเราะ แล้วตวัดมือวูบหวดด้ามปืนกระแทกกกหูเจ้าของบ่อนดังพลั่ก สลบไปทันที
“มีใครอยากลองดีอีกมั้ย” ตัวตลกสุดโหดยืดตัวขึ้น หันมากราดมองตัวประกันที่ไม่มีใครยอมสบตาด้วย พาฝันก็เช่นกัน แต่เมื่อเธอหันหน้ากลับมา สายตาพลันสบประสานกับดวงตาดำขลับล้ำลึกของจางหยางเจี๋ย ดูเหมือนเขาจะแอบจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว พาฝันขึงตาตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ ตามที่ทราบมาถึงจางหยางเจี๋ยจะไม่ใช่เสือผู้หญิง แต่ก็ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
“นี่ เธอมาเสียมารยาททำหน้าแบบนี้ใส่นายน้อยได้ไง” อาหลินขยับกายมาขวางกั้นระหว่างพาฝันกับนักธุรกิจเชื้อสายฮ่องกงที่พูดไทยชัดกว่าธงฉาน พาฝันยิ้มเยาะ หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังจะมีอารมณ์มาหวงผู้ชาย คนแบบนี้ก็มีในโลกด้วยแฮะ ทันใดนั้นธงฉานก็ขยับมาข้างหน้า กระซิบกลับไปว่า
“ชายน้อยของเธอนั่นแหละมาจ้องแฟนฉันก่อน วิเศษวิโสมาจากไหนถึงได้มาจ้องผู้หญิงของคนอื่นตามใจชอบได้แบบนี้”
นั่นไง นอกจากมีผู้หญิงหวงผู้ชายไม่เลือกสถานการณ์แล้ว ยังมีผู้ชายหวงผู้หญิงไม่เลือกสถานการณ์เหมือนกัน พาฝันก้มหน้ามองพื้นเพื่อซ่อนสีหน้าเหนื่อยหน่ายอยากหนีไปให้ไกล
สวรรค์ ทำไมชีวิตฉันต้องมาข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ด้วย
“ชายน้อยพ่อง อั๊วคือนายน้อยเฟ้ย ชายน้อยมันลื้อมากกว่า เกาะติดเด็จพ่อเด็จแม่แจเลยนะ” คิดไม่ถึงหยางเจี๋ยจะร่วมวงต่อล้อต่อเถียงด้วย พาฝันเงยหน้าขึ้น เดิมทีก็หงุดหงิดอยากหาที่ระบายอยู่แล้ว ตอนนี้เลยได้ที่ลงพอดี
“ขอโทษนะคะ แต่เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณมาจ้องฉันก่อน คุณจ้องฉันทำไมล่ะ หื่นมากไปรึว่าผู้หญิงของตัวเองยังสวยไม่พอ”
อาหลินทำหน้าเหมือนอยากจะกรี๊ด ฝ่ายนายน้อยของเธอก็หน้ากระตุกพอกัน พาฝันสะใจลึกๆ ถลิตเคยย้ำว่าถ้าเป็นไปได้อย่าข้องเกี่ยวกับพวกของจางหยางเจี๋ย เพราะไอ้ตี๋คนนี้ปูมหลังลึกลับ ความเป็นมาเป็นไปไม่มีใครรู้ คาดว่าน่าจะเป็นอาชญากรมากบดานหลบตำรวจสากล แต่ไหนๆ มาถึงขั้นนี้จะห้ามปากตัวเองก็ไม่ทันแล้ว
“นี่ อย่าคิดว่าคนอื่นจะคิดแบบตัวเองหมดสิ” ไอ้ตี๋ขยับหน้าเข้ามาใกล้ “ฉันไม่ได้มองเธอ ฉันมองข้างหลังเธอต่างหาก”
พาฝันเห็นหยางเจี๋ยพยักเพยิดไปทางด้านหลังเธอ ก็หันกลับไปมองพลางด่าในใจว่าหาทางแถได้แย่มาก ก็เธอเห็นเองกับตาว่าเขาจ้องเธอเขม็ง ไม่ใช่มองผ่านเธอไปสักหน่อย
แต่พอพาฝันพบเข้ากับสิ่งที่เขาพยายามมอง เธอคิดว่าก็มีเหตุผลพอสมควร หยางเจี๋ยไม่น่าจะโกหก ถัดจากที่ๆ พาฝันนั่งอยู่ไปสองสามแถว ชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายกำนันคนหนึ่งไม่ทราบแก้มัดเชือกที่มือของตัวเองได้ยังไง เขานั่งหันข้าง พาฝันจึงเห็นชัดว่าขณะนี้เขากำลังรอคอยจังหวะให้หัวหน้าโจรเดินผ่านมา ในมือของเขากำมีดสั้นคมกริบเล่มหนึ่ง
ถ้าเขาจับหัวหน้าโจรเป็นตัวประกันได้ ทีนี้ละเกมพลิกแน่
พาฝันลืมเรื่องที่กำลังเถียงไปสนิท เฝ้าลุ้นระทึกให้ลูกชายกำนันคนนั้นทำสำเร็จ
หัวหน้าโจรย่างเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างไม่เฉลียวใจ
ทันใดนั้น หยางเจี๋ยพลันตะโกนขึ้น
“พี่โจรครับ ระวังขวามือ หมอนั่นมีมีด!”
วินาทีที่เขาตะโกน เป็นไม่กี่วินาทีก่อนที่ลูกชายกำนันลุกพรวดขึ้นโถมใส่หัวหน้าโจร ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว เพราะได้รับคำเตือนทันท่วงที หัวหน้าโจรจึงเอี้ยวตัวหลบคมมีดได้ฉิวเฉียด ลูกชายกำนันเสียการทรงตัว ด้ามปืนหวดกระแทกเต็มปลายคงลงไปนอนนับดาวในวินาทีต่อมา
“ไอ้เชี่ย! นายทำอะไรของนายเนี่ย” พาฝันหันมากัดฟันกระซิบใส่หยางเจี๋ย “อยากนอนคุยกับรากมะม่วงแถวนี้นักรึไงวะ”
นักธุรกิจตี๋หล่อไม่ยอมตอบรับคำใด ผิดกับธงฉานที่เบิกตาโตเพราะเห็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานสบถคำหยาบได้อย่างคล่องปากเหลือเกิน พาฝันขี้เกียจสนใจอะไรอีก หัวหน้าโจรใช้เท้าเขี่ยร่างลูกชายกำนันให้กลับไปหาพ่อแม่ตัวเองด้วยความเดือดดาล แล้วสืบเท้าเข้ามาหาพวกเขาพลางลดปืนในมือลง
“ไอ้ตี๋ เมื่อกี้ขอบใจมาก” หัวหน้าโจรหยุดยืนเบื้องหน้าหยางเจี๋ย
หยางเจี๋ยกระโดดลุกขึ้น ทำหน้าทะเล้นใส่ทันที “เมื่อกี้ผมช่วยพี่โจรไว้ พี่โจรเลยจะปล่อยตัวผมแล้วใช่ไหม”
“ปล่อยพ่อง ไม่อยากเจ็บตัวกลับลงไปนั่งเดี๋ยวนี้” พูดพลางทำท่าเงื้อด้ามปืนประกอบ จางหยางเจี๋ยรีบทรุดกลับลงนั่งไม่อิดออดทันที
“ครับ ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเลย”
เมื่อหัวหน้าโจรเดินกลับไปหาบรรณ เกียรติจงเจริญพลางล้วงโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมา พาฝันก็เข้าใจแล้วว่าจางหยางเจี๋ยคนนี้เป็นจิ้งจอกน้อยขนานแท้ ถึงกับยอมขายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรอดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ช่างน่ารังเกียจสุดบรรยาย
“นายน้อย ถ้าพวกมันฆ่าเรา เราจะทำไงดีอ่ะ” อาหลินนั่งหัวสั่นอยู่ข้างๆ หน้าอกชายหนุ่ม ขยับกายแทบจะนั่งตักเขาอยู่แล้ว “หลินกลัวอ่ะ เราจะทำไงดี”
“ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยเราสองคนก็ปลอดภัยแล้ว” หยางเจี๋ยกระซิบแผ่วเบา แต่ดังมากพอที่พาฝันซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังจะได้ยิน สุ้มเสียงของเขาเยือกเย็นผิดปกติ คล้ายกับหยางเจี๋ยเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง พาฝันในขณะนี้ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้เข้าใจในภายหลัง เธอก็ต้องยอมรับว่าไอ้จิ้งจอกน้อยคนนี้มันน่ากลัวจนไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยจริงๆ