บทที่ 8
พาฝันเบิกตาโต ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ แล้วหัวเราะออกมา “ตลกแล้วค่ะ ตลกมาก”
“แต่ฉันว่ามันไม่ตลก” หยางเจี๋ยแทรกทันควัน “ถ้าเธอเป็นลูกบุญธรรมคนนั้นจริง เธอก็ต้องร่วมมือกับลูกชายของสารวัตรโฆสน เลือกเวลาที่ใหญ่ คชสารกลับมาล้างแค้น แฝงตัวเข้ามาเนียนๆ” หนุ่มฮ่องกงกระตุกยิ้ม “อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทำไมเธอถึงเป็นฟืนเป็นไฟนักตอนที่คุณนิรวานถูกหัวหน้าโจรฟาดสลบ”
“นายคิดอะไรของนายฮะ” พาฝันถลึงตามองเจ้าของฉายาจิ้งจอกน้อย เมื่อกี้ยังเป็นพวกเดียวกันอยู่เลย ตอนนี้หันมาเล่นงานกันเองซะแล้ว หญิงสาวหันมองที่นิรวาน อยากให้เขาช่วยพูดอะไรหน่อย แต่นายหน้าขรึมกลับทำท่านิ่งคิดตามที่พูด แล้วหันมาจ้องหน้าเธอ บอกว่า
“คุณว่าผมจะเป็นลูกชายของสารวัตรโฆสนคนนั้นได้ไหม”
“เอ้า มาถามฉันแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง” พาฝันทำหน้าเหมือนอยากเป็นลม นิรวานหันไปมองหน้าหยางเจี๋ย แล้วขยายความว่าความทรงจำของเขาเกี่ยวกับชีวิตตนเองก่อนเจ็ดขวบนั้นติดลบเป็นศูนย์ จำไม่ได้แม้แต่ว่าตัวเองเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้แต่ว่าเขาถูกพบอยู่ในกองขยะหน้าบ้านของกำนันเสริม ลักษณะคล้ายกำลังหลบซ่อนบางสิ่งบางอย่างด้วยความหวาดกลัว กำนันเสริมกับภรรยาไม่มีบุตร จึงรับอุปการะเลี้ยงเขามานับตั้งแต่ตอนนั้น
“เดี๋ยวนะ นี่ลงความเห็นว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นกันแล้วจริงๆ เหรอ” พาฝันไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้สบถได้อีกแล้ว “ไม่ใช่นะ ฉันไม่เคยรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยเลย ฉันแค่ตามแฟนมางานเลี้ยง”
“แล้วคุณไปหาเรื่องไอ้หัวหน้าโจรทำไม” หนุ่มฮ่องกงยกมือชี้หน้าเธอ พาฝันอ้าปากแต่หาคำตอบไม่เจอ หยางเจี๋ยเห็นเข้าก็ยิ้มร่า ลุกขึ้นพูดด้วยความมั่นใจ “ตอบไม่ได้ใช่ไหม เพราะคุณตอบออกมามันก็เท่ากับเป็นการแสดงตัวทันที คุณกลัวว่าหากไม่จัดการไอ้หัวหน้าโจรนั่นก่อน หัวหน้าโจรก็อาจจะทำอันตรายท่านผู้ว่าซึ่งเป็นเป้าหมายของคุณได้ ไม่มีเสือที่ไหนยอมเห็นเหยื่อของตัวเองถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตาหรอก”
พาฝันลุกขึ้นยืนชี้หน้าชายหนุ่มกลับไป “ถ้าจะพูดแบบนี้ เราทุกคนก็น่าสงสัยด้วยกันหมดนั่นแหละ โดยเฉพาะนาย ฉันว่านายน่าสงสัยกว่าฉันอีกนะ ฉันแค่หักขาไอ้หัวหน้าโจรไปแค่ทีเดียว แต่นายน่ะฆ่าพวกมันตายไปทั้งคน คนที่น่าสงสัยมันควรจะเป็นนายมากกว่า”
“ก็ภาวะเป็นตายเท่ากันขนาดนั้น ขืนปล่อยให้มันได้มีโอกาสกราดยิงช่วยลูกพี่ ดีไม่ดีทั้งฉันทั้งเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้” หยางเจี๋ยถลึงตาตอบกลับมาถทึง บรรณ เกียรติจงเจริญหรี่ตามองสองหนุ่มด้วยความสุขุม ก่อนหลิ่วตาให้กับเลขาแว่น เลขาแว่นก้มหยิบกระเป๋าเอกสารที่ตั้งอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาเปิด และกล่าวกับพวกเขาว่า
“ทุกคนไม่ต้องเถียงกัน ตอนนี้แม้แต่ดีเอ็นเอยังไม่อาจยืนยันตัวพวกคุณทุกคนได้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่พวกคุณทำได้ ก็คือการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองระหว่างเข้าร่วมเกมไขปริศนาเท่านั้น”
“เกมไขปริศนาอะไรกัน” เจ้าของบ่อนลอยน้ำแค่นหัวเราะในขณะที่อีกสามคนที่เหลือยังพยายามเก็บอาการ “บอกตามตรงนะเรื่องการใช้สมองเนี่ย นายอ๋องไม่สันทัด แต่ถ้าให้ไปอุ้มคนถล่มวังมังกร คนอย่างนายอ๋องถึงไหนถึงกัน”
“ถามจริง อ่านนิยายกำลังภายในมากไปป่ะเฮ้ย” พาฝันส่ายหน้า หันไปทางเลขาแว่น “หมายความว่าไงคะที่ว่าดีเอ็นเอไม่สามารถยืนยันตัวพวกเราได้”
“หลักฐานทุกอย่างที่เป็นต้นขั้วเกี่ยวกับลูกชายและลูกสาวบุญธรรมของสารวัตรโฆสน ทั้งแบบเอกสารและแบบไฟล์ดิจิตอล ได้สูญหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เราคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาคงคิดแผนการแก้แค้นมาเป็นอย่างดี แม้จะมีสักร้อยตา แต่ก็ยังหารอยโหว่ไม่พบ” เลขาของผู้มีอำนาจประจำเมืองกล่าว
“พวกเราจึงไม่มีทางเลือก นอกจากยอมร่วมเล่นเกมบ้าๆ นั่น” หยางเจี๋ยเคาะมือกับโต๊ะแล้วหย่อนกายนั่งลง
“เกมอะไรคะ ให้เล่นกันยังไง ที่ไหน ใครเป็นคนออกกฎ” พาฝันชิงถามสิ่งที่เป็นประโยชน์ก่อนที่นายอ๋องจะพาให้เรื่องเลอะเทอะอีก เลขาแว่นลุกจากโต๊ะนำกระดาษแผ่นหนึ่งมาแจกจ่ายพวกเขาคนละใบ พาฝันพินิจดูด้วยความละเอียดพบว่านี่คือเอกสารสัญญายินยอมเข้าร่วม ‘การไขปริศนา’ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
มีช่องว่างให้เธอลงชื่อ แต่รายละเอียดนอกจากนั้นไม่มี แถมไม่มีกฎกติกาบอกไว้สักตัว
หยางเจี๋ยเป็นพวกเหลี่ยมจัดระมัดระวังตัวแบบนักธุรกิจ จะให้เขายอมมอบลายเซ็นง่ายๆ อย่าได้คิดฝัน พาฝันไม่แปลกใจที่เห็นหนุ่มฮ่องกงโยนกระดาษลงบนโต๊ะ ส่ายหน้าดิก “ผมเซ็นไม่ได้หรอก สัญญานี้มันว่างเปล่าเกินไป”
นิรวานเงยหน้าขึ้น ลดแผ่นกระดาษในมือลง ถามว่า “เรามีสิทธิปฏิเสธไม่เล่นเกมนี้หรือเปล่า”
บรรณเพ่งตามองเขา ก่อนหันไปพยักหน้ากับชายที่เหมือนทหารหน่วยจู่โจม ชายคนนั้นล้วงมือเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้งและดึงกลับออกมาพร้อมปืนกระบอกหนึ่ง เลื่อนไถลข้ามโต๊ะมาตรงหน้าลูกชายกำนัน ชายที่เหมือนทหารลุกขึ้น ในมือข้างหนึ่งถือปืนกล็อคไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เขาพูดเป็นครั้งแรก
“นั่นคือสิทธิของคุณ ถ้าคุณออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้คุณจะเป็นอิสระ แต่ทันทีที่คุณหยิบปืน ผมจะเป่าหัวคุณกระจุยทันที”
คลื่นความเงียบโถมใส่บรรยากาศ พาฝันเห็นประกายในดวงตาของบุตรชายกำนันก็อยากจะสลับที่นั่งกับหยางเจี๋ยทันที เธอเกร็งกำลังเพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ตระเตรียมแม้กระทั่งว่าหากเกิดเหตุดวลปืนกันขึ้นมาจะกระโดดหลบไปทางไหนดี ทุกสายตาพากันจับจ้องมองนิรวาน แต่เขายังคงนิ่งเฉยได้อย่างไม่น่าเชื่อ นิรวานค่อยๆ ยกสองมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ตอบว่า
“โอเค ขอบใจ ผมก็แค่ถาม”
ชายผู้เหมือนทหารกวาดตามองอีกสามคนที่เหลือ “มีใครอยากใช้สิทธินี้อีกไหม?”
นายอ๋องนั่งคอแข็ง ยกมือกอดอก “พี่ชาย แบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า เก่งจริงตัวต่อตัวมั้ย”
ชายที่เหมือนทหารหันกายมายังอ๋อง หนุ่มหน้าม้าหันไปมองตาขวาง ทำท่าจะลุกขึ้นยืนประจันหน้า แต่หยางเจี๋ยเอื้อมมือแตะไหล่เจ้าของบ่อนลอยน้ำ ปรามให้ใจเย็น แล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนเอง
“ไม่มีใครโง่พอจะใช้สิทธินั้นหรอกครับ พวกเราคงต้องขอปฏิเสธ” หนุ่มฮ่องกงโน้มกายข้ามโต๊ะไปหยิบปืนมายื่นส่งคืนให้เจ้าของอย่างใจเย็น พาฝันไม่เห็นเขามีความแตกตื่นหวาดหวั่นสักนิด แม้จะได้รับคำเตือนว่าหากแตะปืนกระบอกนี้เมื่อไหร่จะโดนระเบิดสมองทันทีก็ตาม
ชายผู้เหมือนทหารรับปืนกลับไปยัดใส่ด้านในเสื้อ สองตาจ้องมองทะลุเข้าไปในดวงตาของหยางเจี๋ยไม่คลาดเคลื่อน หยางเจี๋ยส่งยิ้มให้แกนๆ แล้วกลับนั่งเช่นเดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเอื้อมหยิบแผ่นกระดาษมาอ่านทวนอีกรอบ ก่อนยื่นมือแบออกมาขอปากกา เลขานุการแว่นส่งข้ามโต๊ะให้อย่างรวดเร็ว
“หะ นายจะเซ็นงั้นเหรอ” พาฝันแทบจะลุกขึ้นยืนขณะชายหนุ่มก้มหน้าตวัดมือขยุกขยิก “ไหนว่าสัญญาแบบนี้มันเซ็นไม่ได้ไง”
หยางเจี๋ยเงยหน้ามองเธอ หน้าขรึม ไถลปากกามาให้ “ฉันเซ็นแล้ว เธอจะเซ็นไม่เซ็นก็เรื่องของเธอ”
พาฝันมองเขาแล้วทำปากจิ๊กจั๊ก รับปากกามาถือ ก้มหน้ามองกระดาษแล้วถอนหายใจยาวแรง พยายามอ่านข้อความบนสัญญาก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเพิ่มเติมมากไปกว่าเดิม
ดูเหมือนในสัญญาจะระบุว่าพวกเขาต้องไขปริศนาสามข้อเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์ ทางผู้ร่วมไขปริศนาจะต้องรับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตของตนเองระหว่างไขปริศนา แต่หากผู้ร่วมไขปริศนาเสียชีวิต ครอบครัวจะได้รับเงินจำนวนสิบล้านบาทจากบรรณ เกียรติจงเจริญเป็นค่าชดใช้
แน่นอนว่ามันจะเป็นการมอบเงินแบบไม่เปิดเผยที่มาที่ไป จะไม่มีใครรู้ว่าเงินก้อนนั้นมาจากพ่อเมืองคนนี้
แต่ปริศนาสามข้อนั้นคืออะไร ถ้าไขปริศนาได้หมด คนที่เป็นตฤณคุณกับคณิสราปลอมตัวมาก็จะหางโผล่อย่างนั้นเหรอ?
มันหมายถึงว่าพาฝันกับอีกหนึ่งในสามหนุ่มตรงหน้าเธอนี้จะถูกเปิดโปง?
“จะเซ็นไม่เซ็นรีบตัดสินใจนะ เราไม่ได้มีเวลารอไปชั่วชีวิต” หยางเจี๋ยพูดหงุดหงิด
“เออ รู้แล้วน่า” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องทานอาหารสูดหายใจลึก ก่อนจะตวัดมือเซ็นชื่อลงบนเอกสารสัญญา เรียบร้อยก็ตบปากกาวางลงบนโต๊ะ จ้องมองหยางเจี๋ย “พอใจยัง”
หยางเจี๋ยไม่ตอบ หันมองไปที่นิรวาน หนุ่มหล่อบุตรชายกำนันหยิบปากกาไปเซ็นเอกสารเงียบๆ แล้วก็วางปากกาไว้เบื้องหน้านายอ๋องเป็นคนสุดท้าย นายอ๋องแค่นหัวเราะเบือนหน้าหนี หยางเจี๋ยต้องเสียเวลากล่อมอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าของบ่อนลอยน้ำจึงได้ยอมมอบลายเซ็นไก่เขี่ยให้พร้อมทั้งบ่นอุบว่า
“เรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้จะให้ทำอะไรก็รีบๆ บอกมาเถอะท่าน”
แต่ขณะที่เลขาแว่นรับเอกสารสัญญาเก็บคืนใส่กระเป๋าไปทีละแผ่น คำตอบจากบรรณกลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“ผมก็ยังไม่ทราบว่าพวกคุณต้องทำอะไร”
“อ้าว” พาฝันอยากยกมือกุมขมับ “หมายความว่ายังไงกันคะ”
(ต่อด้านล่าง)
เกมรักกิเลนไฟ บทที่ 8 และ 9
พาฝันเบิกตาโต ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ แล้วหัวเราะออกมา “ตลกแล้วค่ะ ตลกมาก”
“แต่ฉันว่ามันไม่ตลก” หยางเจี๋ยแทรกทันควัน “ถ้าเธอเป็นลูกบุญธรรมคนนั้นจริง เธอก็ต้องร่วมมือกับลูกชายของสารวัตรโฆสน เลือกเวลาที่ใหญ่ คชสารกลับมาล้างแค้น แฝงตัวเข้ามาเนียนๆ” หนุ่มฮ่องกงกระตุกยิ้ม “อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทำไมเธอถึงเป็นฟืนเป็นไฟนักตอนที่คุณนิรวานถูกหัวหน้าโจรฟาดสลบ”
“นายคิดอะไรของนายฮะ” พาฝันถลึงตามองเจ้าของฉายาจิ้งจอกน้อย เมื่อกี้ยังเป็นพวกเดียวกันอยู่เลย ตอนนี้หันมาเล่นงานกันเองซะแล้ว หญิงสาวหันมองที่นิรวาน อยากให้เขาช่วยพูดอะไรหน่อย แต่นายหน้าขรึมกลับทำท่านิ่งคิดตามที่พูด แล้วหันมาจ้องหน้าเธอ บอกว่า
“คุณว่าผมจะเป็นลูกชายของสารวัตรโฆสนคนนั้นได้ไหม”
“เอ้า มาถามฉันแล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง” พาฝันทำหน้าเหมือนอยากเป็นลม นิรวานหันไปมองหน้าหยางเจี๋ย แล้วขยายความว่าความทรงจำของเขาเกี่ยวกับชีวิตตนเองก่อนเจ็ดขวบนั้นติดลบเป็นศูนย์ จำไม่ได้แม้แต่ว่าตัวเองเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้แต่ว่าเขาถูกพบอยู่ในกองขยะหน้าบ้านของกำนันเสริม ลักษณะคล้ายกำลังหลบซ่อนบางสิ่งบางอย่างด้วยความหวาดกลัว กำนันเสริมกับภรรยาไม่มีบุตร จึงรับอุปการะเลี้ยงเขามานับตั้งแต่ตอนนั้น
“เดี๋ยวนะ นี่ลงความเห็นว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นกันแล้วจริงๆ เหรอ” พาฝันไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้สบถได้อีกแล้ว “ไม่ใช่นะ ฉันไม่เคยรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยเลย ฉันแค่ตามแฟนมางานเลี้ยง”
“แล้วคุณไปหาเรื่องไอ้หัวหน้าโจรทำไม” หนุ่มฮ่องกงยกมือชี้หน้าเธอ พาฝันอ้าปากแต่หาคำตอบไม่เจอ หยางเจี๋ยเห็นเข้าก็ยิ้มร่า ลุกขึ้นพูดด้วยความมั่นใจ “ตอบไม่ได้ใช่ไหม เพราะคุณตอบออกมามันก็เท่ากับเป็นการแสดงตัวทันที คุณกลัวว่าหากไม่จัดการไอ้หัวหน้าโจรนั่นก่อน หัวหน้าโจรก็อาจจะทำอันตรายท่านผู้ว่าซึ่งเป็นเป้าหมายของคุณได้ ไม่มีเสือที่ไหนยอมเห็นเหยื่อของตัวเองถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตาหรอก”
พาฝันลุกขึ้นยืนชี้หน้าชายหนุ่มกลับไป “ถ้าจะพูดแบบนี้ เราทุกคนก็น่าสงสัยด้วยกันหมดนั่นแหละ โดยเฉพาะนาย ฉันว่านายน่าสงสัยกว่าฉันอีกนะ ฉันแค่หักขาไอ้หัวหน้าโจรไปแค่ทีเดียว แต่นายน่ะฆ่าพวกมันตายไปทั้งคน คนที่น่าสงสัยมันควรจะเป็นนายมากกว่า”
“ก็ภาวะเป็นตายเท่ากันขนาดนั้น ขืนปล่อยให้มันได้มีโอกาสกราดยิงช่วยลูกพี่ ดีไม่ดีทั้งฉันทั้งเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้” หยางเจี๋ยถลึงตาตอบกลับมาถทึง บรรณ เกียรติจงเจริญหรี่ตามองสองหนุ่มด้วยความสุขุม ก่อนหลิ่วตาให้กับเลขาแว่น เลขาแว่นก้มหยิบกระเป๋าเอกสารที่ตั้งอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาเปิด และกล่าวกับพวกเขาว่า
“ทุกคนไม่ต้องเถียงกัน ตอนนี้แม้แต่ดีเอ็นเอยังไม่อาจยืนยันตัวพวกคุณทุกคนได้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่พวกคุณทำได้ ก็คือการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองระหว่างเข้าร่วมเกมไขปริศนาเท่านั้น”
“เกมไขปริศนาอะไรกัน” เจ้าของบ่อนลอยน้ำแค่นหัวเราะในขณะที่อีกสามคนที่เหลือยังพยายามเก็บอาการ “บอกตามตรงนะเรื่องการใช้สมองเนี่ย นายอ๋องไม่สันทัด แต่ถ้าให้ไปอุ้มคนถล่มวังมังกร คนอย่างนายอ๋องถึงไหนถึงกัน”
“ถามจริง อ่านนิยายกำลังภายในมากไปป่ะเฮ้ย” พาฝันส่ายหน้า หันไปทางเลขาแว่น “หมายความว่าไงคะที่ว่าดีเอ็นเอไม่สามารถยืนยันตัวพวกเราได้”
“หลักฐานทุกอย่างที่เป็นต้นขั้วเกี่ยวกับลูกชายและลูกสาวบุญธรรมของสารวัตรโฆสน ทั้งแบบเอกสารและแบบไฟล์ดิจิตอล ได้สูญหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เราคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาคงคิดแผนการแก้แค้นมาเป็นอย่างดี แม้จะมีสักร้อยตา แต่ก็ยังหารอยโหว่ไม่พบ” เลขาของผู้มีอำนาจประจำเมืองกล่าว
“พวกเราจึงไม่มีทางเลือก นอกจากยอมร่วมเล่นเกมบ้าๆ นั่น” หยางเจี๋ยเคาะมือกับโต๊ะแล้วหย่อนกายนั่งลง
“เกมอะไรคะ ให้เล่นกันยังไง ที่ไหน ใครเป็นคนออกกฎ” พาฝันชิงถามสิ่งที่เป็นประโยชน์ก่อนที่นายอ๋องจะพาให้เรื่องเลอะเทอะอีก เลขาแว่นลุกจากโต๊ะนำกระดาษแผ่นหนึ่งมาแจกจ่ายพวกเขาคนละใบ พาฝันพินิจดูด้วยความละเอียดพบว่านี่คือเอกสารสัญญายินยอมเข้าร่วม ‘การไขปริศนา’ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
มีช่องว่างให้เธอลงชื่อ แต่รายละเอียดนอกจากนั้นไม่มี แถมไม่มีกฎกติกาบอกไว้สักตัว
หยางเจี๋ยเป็นพวกเหลี่ยมจัดระมัดระวังตัวแบบนักธุรกิจ จะให้เขายอมมอบลายเซ็นง่ายๆ อย่าได้คิดฝัน พาฝันไม่แปลกใจที่เห็นหนุ่มฮ่องกงโยนกระดาษลงบนโต๊ะ ส่ายหน้าดิก “ผมเซ็นไม่ได้หรอก สัญญานี้มันว่างเปล่าเกินไป”
นิรวานเงยหน้าขึ้น ลดแผ่นกระดาษในมือลง ถามว่า “เรามีสิทธิปฏิเสธไม่เล่นเกมนี้หรือเปล่า”
บรรณเพ่งตามองเขา ก่อนหันไปพยักหน้ากับชายที่เหมือนทหารหน่วยจู่โจม ชายคนนั้นล้วงมือเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้งและดึงกลับออกมาพร้อมปืนกระบอกหนึ่ง เลื่อนไถลข้ามโต๊ะมาตรงหน้าลูกชายกำนัน ชายที่เหมือนทหารลุกขึ้น ในมือข้างหนึ่งถือปืนกล็อคไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เขาพูดเป็นครั้งแรก
“นั่นคือสิทธิของคุณ ถ้าคุณออกไปจากคฤหาสน์นี้ได้คุณจะเป็นอิสระ แต่ทันทีที่คุณหยิบปืน ผมจะเป่าหัวคุณกระจุยทันที”
คลื่นความเงียบโถมใส่บรรยากาศ พาฝันเห็นประกายในดวงตาของบุตรชายกำนันก็อยากจะสลับที่นั่งกับหยางเจี๋ยทันที เธอเกร็งกำลังเพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ตระเตรียมแม้กระทั่งว่าหากเกิดเหตุดวลปืนกันขึ้นมาจะกระโดดหลบไปทางไหนดี ทุกสายตาพากันจับจ้องมองนิรวาน แต่เขายังคงนิ่งเฉยได้อย่างไม่น่าเชื่อ นิรวานค่อยๆ ยกสองมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ตอบว่า
“โอเค ขอบใจ ผมก็แค่ถาม”
ชายผู้เหมือนทหารกวาดตามองอีกสามคนที่เหลือ “มีใครอยากใช้สิทธินี้อีกไหม?”
นายอ๋องนั่งคอแข็ง ยกมือกอดอก “พี่ชาย แบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า เก่งจริงตัวต่อตัวมั้ย”
ชายที่เหมือนทหารหันกายมายังอ๋อง หนุ่มหน้าม้าหันไปมองตาขวาง ทำท่าจะลุกขึ้นยืนประจันหน้า แต่หยางเจี๋ยเอื้อมมือแตะไหล่เจ้าของบ่อนลอยน้ำ ปรามให้ใจเย็น แล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนเอง
“ไม่มีใครโง่พอจะใช้สิทธินั้นหรอกครับ พวกเราคงต้องขอปฏิเสธ” หนุ่มฮ่องกงโน้มกายข้ามโต๊ะไปหยิบปืนมายื่นส่งคืนให้เจ้าของอย่างใจเย็น พาฝันไม่เห็นเขามีความแตกตื่นหวาดหวั่นสักนิด แม้จะได้รับคำเตือนว่าหากแตะปืนกระบอกนี้เมื่อไหร่จะโดนระเบิดสมองทันทีก็ตาม
ชายผู้เหมือนทหารรับปืนกลับไปยัดใส่ด้านในเสื้อ สองตาจ้องมองทะลุเข้าไปในดวงตาของหยางเจี๋ยไม่คลาดเคลื่อน หยางเจี๋ยส่งยิ้มให้แกนๆ แล้วกลับนั่งเช่นเดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเอื้อมหยิบแผ่นกระดาษมาอ่านทวนอีกรอบ ก่อนยื่นมือแบออกมาขอปากกา เลขานุการแว่นส่งข้ามโต๊ะให้อย่างรวดเร็ว
“หะ นายจะเซ็นงั้นเหรอ” พาฝันแทบจะลุกขึ้นยืนขณะชายหนุ่มก้มหน้าตวัดมือขยุกขยิก “ไหนว่าสัญญาแบบนี้มันเซ็นไม่ได้ไง”
หยางเจี๋ยเงยหน้ามองเธอ หน้าขรึม ไถลปากกามาให้ “ฉันเซ็นแล้ว เธอจะเซ็นไม่เซ็นก็เรื่องของเธอ”
พาฝันมองเขาแล้วทำปากจิ๊กจั๊ก รับปากกามาถือ ก้มหน้ามองกระดาษแล้วถอนหายใจยาวแรง พยายามอ่านข้อความบนสัญญาก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเพิ่มเติมมากไปกว่าเดิม
ดูเหมือนในสัญญาจะระบุว่าพวกเขาต้องไขปริศนาสามข้อเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์ ทางผู้ร่วมไขปริศนาจะต้องรับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตของตนเองระหว่างไขปริศนา แต่หากผู้ร่วมไขปริศนาเสียชีวิต ครอบครัวจะได้รับเงินจำนวนสิบล้านบาทจากบรรณ เกียรติจงเจริญเป็นค่าชดใช้
แน่นอนว่ามันจะเป็นการมอบเงินแบบไม่เปิดเผยที่มาที่ไป จะไม่มีใครรู้ว่าเงินก้อนนั้นมาจากพ่อเมืองคนนี้
แต่ปริศนาสามข้อนั้นคืออะไร ถ้าไขปริศนาได้หมด คนที่เป็นตฤณคุณกับคณิสราปลอมตัวมาก็จะหางโผล่อย่างนั้นเหรอ?
มันหมายถึงว่าพาฝันกับอีกหนึ่งในสามหนุ่มตรงหน้าเธอนี้จะถูกเปิดโปง?
“จะเซ็นไม่เซ็นรีบตัดสินใจนะ เราไม่ได้มีเวลารอไปชั่วชีวิต” หยางเจี๋ยพูดหงุดหงิด
“เออ รู้แล้วน่า” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องทานอาหารสูดหายใจลึก ก่อนจะตวัดมือเซ็นชื่อลงบนเอกสารสัญญา เรียบร้อยก็ตบปากกาวางลงบนโต๊ะ จ้องมองหยางเจี๋ย “พอใจยัง”
หยางเจี๋ยไม่ตอบ หันมองไปที่นิรวาน หนุ่มหล่อบุตรชายกำนันหยิบปากกาไปเซ็นเอกสารเงียบๆ แล้วก็วางปากกาไว้เบื้องหน้านายอ๋องเป็นคนสุดท้าย นายอ๋องแค่นหัวเราะเบือนหน้าหนี หยางเจี๋ยต้องเสียเวลากล่อมอยู่ครึ่งค่อนวัน เจ้าของบ่อนลอยน้ำจึงได้ยอมมอบลายเซ็นไก่เขี่ยให้พร้อมทั้งบ่นอุบว่า
“เรียบร้อยแล้วนะ ทีนี้จะให้ทำอะไรก็รีบๆ บอกมาเถอะท่าน”
แต่ขณะที่เลขาแว่นรับเอกสารสัญญาเก็บคืนใส่กระเป๋าไปทีละแผ่น คำตอบจากบรรณกลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“ผมก็ยังไม่ทราบว่าพวกคุณต้องทำอะไร”
“อ้าว” พาฝันอยากยกมือกุมขมับ “หมายความว่ายังไงกันคะ”