เกมรักกิเลนไฟ บทที่ 4 และ บทที่ 5

กระทู้สนทนา
บทที่ 4



บรรดาโจรสวมหน้ากากค่อยๆ ถอดหน้ากากออกทีละคน พาฝันตะลึงไม่น้อยที่พบว่าใต้หน้ากากนั่นบางส่วนเป็นใบหน้าของการ์ดรักษาความปลอดภัยที่คอยตรวจตราความเรียบร้อยภายในงาน พวกเขาเปลี่ยนชุดปะปนมากับพวกโจรตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่มีใครรู้เลย แล้วไอ้โจรพวกนี้ไม่สงสัยเลยงั้นเหรอ เธอหลบมาอยู่ด้านหลังธงฉาน ยังไม่มีใครตั้งสติได้

    นอกจากไอ้ตี๋หยางเจี๋ย เธอเห็นมันจ้องมองไม่ละสายตามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

    “ลูกสาวผมปลอดภัยดีใช่มั้ย” บรรณหันหน้าถามวรภพ ชายวัยกลางคนชำเลืองมายังกัณดิษฐ์ กัณดิษฐ์ผงกศีรษะ หายกลับขึ้นไปชั้นบนห้านาทีก็พานานามาส่งพ่อแม่ พาฝันยังไม่รู้จะเคลียร์ตัวเองยังไง ทางที่ดีรีบหาทางชิ่งหนีออกไปก่อนดีกว่า

    “เจ้านี่มันอดีตหัวหน้ากลุ่มกบฏของชนกลุ่มน้อยแถบชายแดนนี่ครับ” หนึ่งในตำรวจท้องที่ซึ่งยกพวกกรูผ่านประตูเข้ามาโพล่งขึ้น หลังได้ยลโฉมใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากของหัวหน้าโจร

พาฝันไม่มีความรู้ทางด้านกลุ่มกบฏอะไรนั่น จึงไม่คิดใส่ใจอีก เธอหันกลับมาชักชวนธงฉานออกไปจากจวนผู้ว่า ข้ออ้างคือเธอเจ็บระบมและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เขาชดเชยความน่าละอายของตนเองด้วยการประคองเธอเดินออกไปอย่างทะนุถนอม ทางตำรวจไม่ได้ห้าม พวกเขาต่างทราบดีว่าตัวประกันทุกชีวิตในห้องนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะยอมฟังคำพูดของตำรวจธรรมดา

    พาฝันเดินพ้นประตูออกมาแล้ว ขณะได้ยินเสียงนายตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งกล่าวเสียงเข้มว่า

    “คุณยังไปไม่ได้จริงๆ ครับ อย่างน้อยคุณก็ฆ่าคนตายไปคนหนึ่ง จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้”

    พาฝันหันหน้ากลับไปดูอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ก็แอบลิงโลดไม่น้อยเมื่อพบว่านายตำรวจหนวดดกคนหนึ่งกำลังกักตัวหยางเจี๋ยกับอาหลินไม่ให้ออกจากที่เกิดเหตุ หนุ่มตี๋ทำหน้าเหมือนอยากจะบีบคอคน บอกตำรวจนายนั้นว่าคนที่เขาฆ่าคือคนร้าย นั่นคือการช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่ายตำรวจด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าตำรวจที่ไหนจะเชื่อคำพูดแบบนี้ หยางเจี๋ยได้รับคำขู่ว่าหากไม่ยอมร่วมมือกันดีๆ คงต้องใส่กุญแจมือ นักธุรกิจหนุ่มหน้าเบ้ พลันเหลือบตามาเห็นเธอที่กำลังเดินห่างออกมา แล้วหมอนั่นก็ผุดยิ้มพรายคล้ายนึกอะไรได้ ป้องปากกระซิบกระซาบกับตำรวจ ชี้มือมาทางพาฝัน

ไอ้จิ้งจอกนรกนี่ เป่าหูอะไรตำรวจอีกนะ

พาฝันก้มหน้างุด หันกลับมาเดินกอดแขนซบไหล่ธงฉาน มือที่เปียกเหงื่อเอื้อมมาโอบไหล่อย่างกล้าๆ กลัวๆ ไอ้ปี๊บหน่อไม้เคลื่อนที่คนนี้มันก็น่าบ้องหูสักป้าบ ก็จริงหรอกที่เธอไม่ได้หวังว่าธงฉานจะยืดอกรับฝ่ามือหัวหน้าโจร แต่ไอ้อาการคลานหนีไปหาพ่อแม่นั่นน่ะ ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอีกหรือไง

“คุณครับ คุณผู้หญิง รอก่อนครับ” นายตำรวจนอกเครื่องแบบคนเดิมตะโกน พาฝันรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ไม่เป็นผลแล้ว ผู้ใหญ่บ้านธงชัยกับภรรยาที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดเท้า ธงฉานกับพาฝันจึงต้องหยุดตาม นายตำรวจหนวดดกฝากหยางเจี๋ยไว้กับนายตำรวจอีกคน แล้วสืบเท้าเข้ามาหาพาฝัน

“มีอะไรเหรอคะคุณตำรวจ” หญิงสาวไต่ถาม น้ำเสียงประหลาดใจ แสร้งร่างเซเล็กน้อยด้วยความอ่อนแอ ธงฉานต้องรีบประคองไว้

“คุณผู้ชายท่านนั้นให้การว่า คุณผู้หญิงเป็นคนส่งปืนให้เขาใช้ยิงคนร้ายครับ” นายตำรวจหนวดดกชี้มือกลับไปที่หยางเจี๋ย ซึ่งกำลังยืนยิ้มให้เธอหน้าระรื่น

ไอ้เชี่ยเอ๊ยยย

พาฝันลอบกำมือเป็นหมัด พลางตีสีหน้าใสซื่อ “ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนด้วย”

“แต่ยังไงก็ต้องรบกวนมาให้ปากคำก่อนนะครับ ส่วนตัวผมเองก็เห็นว่าคุณถูกไอ้หัวหน้าโจรนั่นทำร้าย ถึงไม่คุยกันเรื่องนี้ แต่คุณจะไม่เอาเรื่องที่มันตบแก้มคุณหน่อยเหรอครับ” นายตำรวจเริ่มใช้สายตามองเธออย่างเคลือบแคลง พาฝันตระหนักว่าตอนนี้ยิ่งปฏิเสธก็ยิ่งน่าสงสัย จึงใช้สายตาออดอ้อนหันมองธงฉานให้ช่วยพูด เขาก็เห็นว่าเธอแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว จะปล่อยให้ตำรวจลากไปสอบปากคำได้ลงคอเลยหรือ

ทันใดนั้น เสียงมารดาของธงฉานดังขึ้น

“ตาป้อม กลับบ้าน”

พาฝันใจชื้นขึ้น อย่างน้อยป้าแม่มดนี่ก็ยังมีแก่ใจออกหน้าให้ ถึงจะหน้านิ่งเหมือนคุณยายวรนาถไปหน่อย แต่ถ้าหากไม่ได้มีตะขาบวิ่งออกจากปากก็ไม่นับว่าเลวร้ายเกินไปนัก

แต่ที่ไหนได้ หญิงสาวไม่ทันจะได้ยิ้มออกมา นางก็กล่าวต่อ

“ปล่อยแม่นั่นไว้ที่นี่แหละ ปากดีรนหาที่ ให้จัดการเอาเอง พวกเราไม่เกี่ยว”

    พาฝันหันมองผู้พูดอย่างไม่เชื่อหู อะไรจะตัดขาดกันรวดเร็วปานนี้ เธอหันไปหวังพึ่งชายสูงวัยข้างกายนาง นึกว่าผู้ใหญ่ธงชัยจะปรามภรรยาบ้าง แต่ผู้ใหญ่กลับยึดหลักภรรยาว่าอย่างไรตนว่าอย่างนั้น หลบสายตาแฟนสาวของบุตรชายเสียดื้อๆ พาฝันจำต้องหันกลับมาจ้องตาธงฉานอย่างหมดหวัง ธงฉานแปลงร่างเป็นมนุษย์เหงื่ออีกรอบ เดาไม่ยากว่าระหว่างช่วยเหลือเธอกับระหว่างทำตามคำสั่งมารดา เขาจะเลือกอะไร

    มนุษย์เหงื่อแกะมือเธอออกจากแขนของเขา ก้มหน้ามองพื้น พูดอุบอิบ “น้องดรีมไปกับคุณพี่ตำรวจเขาก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะไปทำเรื่องติดต่อทนายให้ก่อน”

    “จะเอาทนายมาทำอะไรคะ ดรีมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” พาฝันห้ามตัวเองทันพอดี จึงไม่ได้สบถอะไรออกมา

    ธงฉานอึกๆ อักๆ จะกลับไม่กลับ จะอยู่ไม่อยู่ นายตำรวจหนุ่มเคราดกจึงออกแรงช่วยให้จบเรื่องง่ายขึ้น เขากล่าวว่า “ถ้ายังชักช้าทำพวกผมเสียเวลาอีก เห็นทีคงต้องเชิญครอบครัวผู้ใหญ่มากับเราด้วยแล้วละครับ”

    เท่านั้นเอง ธงฉานก็ถอยกรูดไปยืนเกาะแขนแม่ พากันล่ำลานายตำรวจ หันหลังให้พาฝัน โกยอ้าวไปพร้อมวงล้อมลูกน้อง พาฝันชักนึกสงสัย นี่เป็นผู้นำชุมชนกันจริงหรือเปล่า มีเรื่องนิดๆ หน่อยๆ ก็เผ่นไม่เหลียวหลัง สงสัยข้อมูลของถลิตจะผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งแล้ว

    ในขณะที่พาฝันกำลังนำบรรพบุรุษของครอบครัวผู้ใหญ่ธงชัยมาขยำยำให้แหลกเละในความคิด จางหยางเจี๋ยก็หัวเราะดังลั่นมาจากปากประตู พาฝันหันขวับกลับไปถลึงตามอง หนุ่มหล่อยิ้มหยันให้เธออย่างเวทนาอยู่ข้างกายผู้ช่วยสาวผมสั้นประบ่าของเขา ดูท่าหยางเจี๋ยจะไม่มีปัญหาวิตกกับโทษฆ่าคนตายที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่สักเท่าไหร่

หรือหมอนี่คิดว่าแค่ยัดเงินตำรวจเดี๋ยวเรื่องก็จบ?

คิดถึงตรงนี้พาฝันเกิดใจแป้ว หากต้องยัดเงินเพื่อสะสางปัญหา ถลิตจะมีพอจ่ายสักเท่าไหร่กันนะ

    “อนุชิต เรียบร้อยกันแล้วใช่มั้ย” สุ้มเสียงมีอำนาจดังขึ้น ทุกสายตาหันไปมอง วรภพเดินนำหน้าออกมา ด้านหลังมีกัณดิษฐ์กับใครอีกสองสามคนที่พาฝันได้ยินเรียกชื่อว่านรธีร์และเขมทินเดินตามมา ทุกคนยังสวมเสื้อแจ็คเก็ตของพวกโจร แต่ปืนเอ็มสิบหกหายไปจากมือแล้ว

    “ครับหัวหน้า” นายตำรวจหนวดดกค้อมศีรษะ แล้วผายมือเชิญให้พาฝันเดินไปยืนข้างนักธุรกิจเชื้อสายฮ่องกง หยางเจี๋ยหันมายิงฟันยิ้มแบบน่าต่อยปากแตก หากไม่ใช่เพราะไอ้หมอนี่ ป่านนี้เธอได้เดินออกจากที่นี่สบายใจเฉิบไปแล้ว

    วรภพก้าวเท้ามายืนเบื้องหน้าพวกเขา แจ้งด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “โปรดให้ความร่วมมือติดตามเรามาด้วยนะครับ ยิ่งให้ความร่วมมือเท่าไหร่ยิ่งดีต่อตัวคุณเองเท่านั้น รายละเอียดผมจะแจ้งให้ทราบบนรถ”

หยางเจี๋ยพยักหน้ายักไหล่บอกแทนคำพูดว่า ‘ก็คงจะไม่ให้ความร่วมมือได้อยู่หรอก’ ออกเดินตามกัณดิษฐ์ที่รับหน้าที่นำทาง พาฝันรอให้อาหลินสืบเท้าก้าวตามไปก่อนแล้วค่อยออกเดินรั้งท้าย แต่ทว่าสาวผมสั้นตากลมโตเหมือนตุ๊กตากลับถูกหัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษยกมือกั้นขวาง “เราจะพาไปแต่เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ ครับ คนอื่นไม่ต้อง”

    “แต่นายน้อยอยู่ที่ไหน หลินต้องอยู่ที่นั่นนะคะ” อาหลินอุทธรณ์ขณะพาฝันถูกใครสักคนดันหลังให้เดินอ้อมขึ้นหน้าไป เธอเดินพลางเหลียวหลังพลาง จึงชนโครมกับแผ่นหลังของหยางเจี๋ยที่หยุดเดินไม่บอกไม่กล่าว พาฝันสบถพึมพำออกมาดังๆ แต่เขาไม่สนใจ หยางเจี๋ยหมุนตัวมาตะโกนบอกผู้ช่วยส่วนตัวสุดสวยว่า

    “ไม่เป็นไรหรอกหลิน ฉันดูแลตัวเองได้ เธอกลับไปรอที่บ้าน เสร็จเรื่องแล้วฉันจะติดต่อกลับไป”

    พาฝันคิดว่าจะได้เห็นอาหลินยอดยาหยีขยี้เท้าร้องกรี๊ดไม่ยอมไม่ยอม แต่ทว่าในความเป็นจริงสาวผมสั้นกลับเพียงชะงักงันไปเล็กน้อย และรับคำสั่งยอมกลับไปแต่โดยดี เรื่องที่ว่าร้อยคำสั่งขัดขืนยอมฟังเพียงคนเดียว พาฝันเพิ่งเคยเห็นจริงๆ ก็คราวนี้นี่เอง

จางหยางเจี๋ยรอให้อาหลินเดินหายลับสายตาไปก่อน แล้วค่อยพยักหน้าบอกให้กัณดิษฐ์ออกเดินอีกครั้ง พาฝันจึงหาเรื่องกระทุ้งเมื่อเดินมาขนาบข้าง

    “เออ ที่รักของนายนี่ก็เชื่อฟังดีแฮะ”

นักธุรกิจหนุ่มชำเลืองมองเธอด้วยหางตา แล้วกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเบือนหน้าไปเหมือนขี้เกียจพูด พาฝันนึกฉิว แต่ก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีก เธอกับเขาเดินตามกัณดิษฐ์ไปยังรถยุโรปหรูคันหนึ่งที่ลานจอด ห้องโดยสารด้านหลังเป็นชนิดที่เบาะสองเบาะหันหน้าชนกัน กัณดิษฐ์เปิดประตูและพยักหน้าบอกให้พวกเขาเข้าไป นี่เป็นรถตำรวจที่หรูที่สุดเท่าที่พาฝันเคยพบเห็น

เธอสอดกายเข้าไปก่อน ห้องโดยสารกว้างใหญ่เกินกว่าที่คิดไว้ จะถูกใช้เป็นห้องประชุมขนาดย่อมก็จะไม่แปลกใจเลย พาฝันขยับมานั่งชิดติดขอบประตูด้านไกลสุด หยางเจี๋ยสอดกายตามเข้ามา นั่งไขว่ห้างเว้นระยะห่างจากเธอราวสองช่วงตัว สีหน้าของเขาปรอดโปร่งโล่งใจ จัดเสื้อสูทให้หายยับ ก็นั่งรอได้อย่างสงบ

กัณดิษฐ์เปิดประตูรถค้างไว้เพื่อรอวรภพ เมื่อหัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษก้าวขึ้นมานั่งด้านตรงข้ามสองหนุ่มสาวเรียบร้อย นายตำรวจหนุ่มก็ผลักประตูปิด พื้นรถสั่นเบาๆ ขณะเครื่องยนต์ทำงาน แล้วล้อรถก็หมุน นำพารถยุโรปเคลื่อนออกจากที่ด้วยความนุ่มนวล

รถแล่นออกจากจวนผู้ว่าได้พักใหญ่ ในที่สุดวรภพกระแอมไอขึ้น จ้องมองหยางเจี๋ยตาเขม็ง “คุณดูไม่สะทกสะท้านกับการฆ่าคนตาย”

นักธุรกิจหนุ่มแค่นยิ้มเยือกเย็น “คนเรามีปฏิกิริยารับความรุนแรงไม่เหมือนกันนี่ครับ”

“หรือไม่คุณก็เคยฆ่าคนมาก่อน และฆ่าเป็นเรื่องปกติ”

“หัวหน้าคงทราบ ถึงผมเคยฆ่าคนมาจริง คงไม่โง่พอที่จะบอกใคร” หยางเจี๋ยวางมือไว้บนหัวเข่า ทำท่าเหมือนมาเจรจาเรื่องการลงทุน ไม่ใช่การจับเขายัดเข้าตะราง “หัวหน้าละครับ อยากรู้อะไรจากผม หรือเงินไม่พอใช้ อยากหารายได้พิเศษ”

หัวหน้าทีมสืบสวนนัยน์ตาวาวโรจน์ “พูดอะไรระวังปาก นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณมีโอกาสโอหังแบบนี้”

“โอเค ผมขอโทษที่กัดแรงไปหน่อย” หยางเจี๋ยยกมือประกอบคำพูด “งั้นตกลงว่า หัวหน้าอยากรู้อะไรล่ะครับ”

“ผมน่ะไม่ได้อยากรู้หรอก” วรภพถอนหายใจด้วยสีหน้ารำคาญ “แต่คุณบรรณมีคำสั่ง ขอเชิญคุณสองคนไปทานอาหารค่ำกับท่านเย็นนี้”

“หา” พาฝันที่เงียบมาตลอดอดโพล่งออกมาไม่ได้ “แค่พวกเราสองคนเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่แค่คุณสองคน แต่ท่านยังเชิญคนอื่นๆ อีก” ชายผู้อาวุโสที่สุดในห้องโดยสารส่ายหน้า

“หมายความว่าเราไม่ได้กำลังถูกพาตัวไปสอบปากคำเหรอคะ”

“ถูกต้อง” วรภพหันมาจ้องมองเธอเป็นครั้งแรก “คุณเองก็อยู่ในรายชื่อแขก แต่เรากำลังหาวิธีเชิญคุณยังไงไม่ให้ครอบครัวผู้ใหญ่รู้ตัว โชคดีที่เขาช่วยเปิดช่องให้”

‘เขา’ ที่หมายถึง วรภพพยักพเยิดไปที่หยางเจี๋ย

พาฝันหันไปถลึงตามองอย่างสงสัย หรือหมอนี่จะรู้ตัวตั้งแต่แรก? มิน่าเล่าถึงได้ดูไม่อินังขังขอบเลย

หยางเจี๋ยไม่สนใจเธอ หรี่ตาถามวรภพว่า “ทำไมต้องให้เป็นความลับด้วยล่ะครับ”

“ไม่รู้สิ บางทีคุณคงต้องไปถามคุณบรรณเอาเอง เรื่องนี้เป็นความลับที่แม้แต่คนสนิทที่สุดของคุณก็ห้ามบอก” หัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษยักไหล่

จากนั้นการสนทนาก็จบลง พาฝันมองบุรุษต่างวัยทั้งสองอย่างขอคำตอบ ทว่าไม่มีใครให้เธอได้ วรภพนั่งแผ่นหลังตรงกอดอกหลับตา จางหยางเจี๋ยหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถ ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ด้านนอกที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่พาฝันคิดว่าดวงตาของเขากำลังเหม่อมองไปยังอะไรบางอย่างที่อยู่ไกลมากกว่านั้น

    พาฝันเองเห็นเช่นนั้นตัวเธอก็มีเรื่องให้คิดเหมือนกัน ทำไมบรรณ เกียรติจงเจริญถึงต้องการเชิญเธอไปทานมื้อค่ำด้วย หรือว่าเขารู้เป้าหมายที่เธอมาที่นี่ ไม่ใช่สิ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่เชิญคนอื่นมาด้วยให้ยุ่งยาก แค่ลากเธอไปฆ่าหมกป่าคงไม่ทำให้มือเขาเปื้อนเลือดน้อยลงกว่าเดิม

ไม่รู้จมตัวในห้วงคิดนานเท่าใด พาฝันเงยหน้ามองอีกที ป้ายบอกทางก็แจ้งว่ารถยนต์ได้เคลื่อนเข้าสู่เขตอำเภอสังขละบุรีเรียบร้อยแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่