สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิป♥
ไม่ได้ยืมแอคเค้าใครมาเล่นครับ วันนี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การลดน้ำหนักที่ผ่านมาของเรา ตลอดเวลา 6 เดือนนะครับ /ทำไมต้องแมน
เนื้อหาในกระทู้ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของเด็กอ้วนตัวแตกคนนึงที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง นี่เป็นกระทู้ที่เขียนจริงจังครั้งแรก อาจจะมีการใช้ภาษาผิดหรือพิมผิดหรือแท๊กห้องผิดบ้างก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ เกริ่นมายาว ไม่รีรอละ เริ่ม!!!!!
ทำไมถึงอ้วนละ: ไม่ได้เป็นจากกรรมพันธุ์แต่อย่างใด เป็นคนที่เคยผอม แต่เพราะนิสัยกินตามใจปาก รุ่นพี่เลี้ยงก็กินน เพื่อนเลี้ยงก็กิน พีคสุดคือติดกินกลางคืน ร้านขนมเปิดใกล้บ้านมาก ร้านปิด 3 ทุ่ม ช่วงนั้นทุกวัน 2 ทุ่มเราจะต้องไปซื้อเอแคลร์นมสดมากิน 2 กล่อง /คงสิบชิ้นได้ แม่ซื้อหมูทอดมาเรากินคนเดียว 5 ห่อ ยิ่งเวลาเพื่อนเหลือข้าวอะไรเยอะ เราจะชอบกิน เพราะเสียดายข้าวอาหารที่เหลือรู้สึกว่ามันเกิดมาให้เธอกินทำไมเธอกินไม่หมดละ หื่มมม! เรียกได้ว่าเอนจอยอีทติ้งมากเสพติดของหวาน ขี้เกียจไม่ออกกำลังกายใช้ชีวิตแบบสลอต จนพลิกผันเป็นมนุษย์หมูจนได้
ถามว่าทำไมต้องลด?: กางเกงนักศึกษาที่ใส่คับมาก จนเราอึดอัด ไม่อยากซื้อกางเกงเพิ่ม และยิ่งตอนใส่ชุดเอี้ยมคือเหมือนเทเลทับบี้+หมู+ระเบิด คือตัวจะแตกแล้ว ถ้าล้มนี่ระเบิดได้เลยตอนนั้น เหนียงกองจนจะแยกเป็นฝาแฝดอีกคนได้ และด้วยความคับอึดอัดทำให้เวลาเรียนไม่ค่อยรู้สึกสบายตัว รู้สึกเหมือนพุงที่โดนเข็มขัดรัดแน่นนั้นแล้วพุงยังสามารถติดโต๊ะเลคเชอร์อีก ไหนจะรู้สึกอายหน้าตัวเองที่บานเท่าจานยูบีซี เหนียงยานพอๆกับติ่งหู จนไม่กล้าเซลพี่ ต้องเอียงคอดูดแก้มจนคนเคล็ดเพื่อหามุมหน้าวี ไหนจะเพื่อนที่เรียกเราไอ่อ้วน หมูบ้าง โอ้ย รำไย55 จนเรารู้สึกว่าต้องถึงเวลาปฏิวัติตัวเองแล้วสักทีนะน้อง
ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรไหนขอดูหน่อย : ป.ลเป็นพาร์ทที่รู้สึกฆ่าตัวเองมากจริงๆ
เริ่มจากรูปเบาๆ
รูปนี้เป็นรูปในเฟสบุ๊คของเรา ซึ่งมีความหน้าบานหน่อยๆ นี่คือรูปที่ดีที่สุดในแคมเปญนี้จากนับสิบรูป ซึ่งกระดุมแทบจะร้องขอความช่วยเหลือ แทนจะทะลักออกมาดีดหน้าคนได้ถ่ายได้ รูปนี้ถ่ายจากวีรกรรมกินฮันนี่โทสร่วม 4 ชิ้น ด้วยกัน 3 คน กินจนตัวที่แตกอยู่แล้วยังแตกได้อีก
มาถึงรูปหน้าเราบ้าง อันนี้รูปถ่ายมุมต่ำ แสดงถึงเหนียงที่กำลังจะงอกร่างมาเป็นอีกคน
ใครใจกล้าไม่กลัวก็กดดูรูปต่อไปเลย555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อื้ออหือออหื้มมบ่าบบหื่มมมมมมม นี่คือระยะใกล้คลอดขึ้นมาอีกคนแล้วฝาแฝดของเรา ยานได้อีกกกกกกกกกก
อื้อหือออ นี่กระทู้โชว์เหนียงอ๋อออ55555
ตอนใส่ช๊อบ
นี่คือช่วงรับน้อง คืออ้วนมากอย่างที่บอก เสื้อเอี้ยมแทบจะแตกแหลกเป็นจุล ยิ่งตัดผมสกินเฮดอีกนี่ รู้เลยว่าจบงานนี้ได้ไปออกชิงร้อยชิงล้านต่อแน่ๆ
อันนี้ช่วงก่อนตั้งใจลดความอ้วน น้ำหนักของเราอยู่ที่ 77 กิโลกรัม สูง175 ซึ่งเป็นน้ำหนักที่สูงที่สุดแล้วในชีวิตเรา จนกระทั่งเราตั้งใจที่จนลดความอ้วน
ถามว่าลดยังไง?: การลดความอ้วนของเรานั้น ไม่ได้กินอาหารคลีน ไม่ได้เข้าฟิตเนส เพียงแค่คุมอาหารแล้วออกกำลังกายตามยูทูป
โดยช่วงลดของเรามี 2 ช่วงคือ
1.
ช่วงเข้มข้นลดจริงจัง 1-2เดือนแรก
: ช่วงนี้คือช่วงที่เริ่มปฏิวัติตัวเอง เริ่มจากการหาข้อมูลวิธีลดอ่านกระทู้ในพันทิปร่วมสิบกระทู้ได้ จนหาแนวทางปรับการลดให้เหมาะกับตัวเอง
การกิน: เริ่มจากการคุมแคลลอรี่ ที่นิยมกันมากกกก
เราคุมแคลลอรี่ไม่ให้เกิน 1500 kcal ต่อวัน พยายามงดขนม เลี่ยงคาโบไฮเดรต(ที่ไม่จำเป็น)และของทอดทุกชนิด โดยนับแคลลอรี่เนี่ยนับผ่านแอพ Myfitnesspal #ฟรีในแอปสโตร์ ซึ่งมันจะให้เรากรอกข้อมูล ประวัติ น้ำหนัก และก็มีการถามเป้าหมายในการลดว่าอยากลดเท่าไหร่ และมันจะคิดแคลลอรี่ที่ควรกินต่อวัน และเป้าหมายว่าจะลดถึงน้ำหนักเท่านี้ในกี่วัน ซึ่งมันสะดวกที่จริงๆ แค่พิมชื่ออาหารลงไปก็เจอลิสแคลลอรี่ขึ้นมาให้เลือกใส่ และความดีงามของมันคือสามารถสแกนบาร์โค้ดในเซเว่นเพื่อนับแคลลอรี่อันนั้นได้เลย คืออึ้งมากจริงๆ(แต่ในแอพไม่ค่อยมีอาหารไทยและบางทีแคลที่เราได้รับอาจจะไม่ตรงกับค่าในแอพ) ที่สำคัญเรางดกินกลางคืนโดนเด็ดขาด พยายามไม่กินขนมจุ๊บจิ๊บและที่สำคัญเรากินน้ำเปล่าอย่างเดียวงดน้ำหวานน้ำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า(มีโค้กซีโร่บ้าง) แต่ก็มีผิดบาปบ้างเวลาเพื่อนซื้อมาล่อตาล่อใจ
ออกกำลังกาย : เราเป็นคนไม่ค่อยมีเวลา เลยย้อนกระแสสมัย T25 ที่นิยมกัน เวลาเลิกเรียนทุกเย็นก็ต้องทำตามตารางมัน ซึ่งขอบอกเลยว่าทรหดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหนื่อยสุดยากสุด และเหงื่อออกเยอะมาก โดยเราเนี่ยเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกาย แรกๆเริ่มๆนี่กระท่อนกระแท่นมากก เราต้องเล่นตารางเดิม ซ้ำกันถึง 2 อาทิตย์ เพื่อให้เล่นต่อไปได้ เพราะอาทิตย์แรกเราทำไม่ได้หลายท่าก็ต้องฝึกๆกันไปจนพอไปได้ ป.ล ถ้าจะออกกำลังกายแบบไม่เบื่อให้เปิดเพลงแบบแดนซ์ๆ เพลงที่เราชอบจังหวะสนุกๆยั่วๆบดๆ #ผิด ทำให้เราไม่เบื่อเวลาออกกำลังกาย และไม่เครียด
เราทำแบบนี้จนลดได้ 6 กิโลกรัม จนเราใส่กางเกงได้แล้ววว!!! แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าเรายังอวบๆอยู่ก็ยังคงลดน้ำหนักต่อไปแต่ก็ลดความเข้มข้นลง เพราะการใช้วิธีแบบนี้มันค่อนข้างเครียดและเหนื่อย หลายครั้งที่เราเหวี่ยงคนรอบข้างเพราะโมโหที่ทำT25ไม่ได้ เผลอกินอาหารแคลเยอะ ก็เหวี่ยง แม่ซื้อขนมมาให้ก็เหวี่ยง(แต่ก็แอบผิดบาปกินไป /กราบขอโทษแม่555) บวกกับการสอบทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายมาก ก็เลยเปลี่ยนมาลดแบบสบายๆไม่เครียดด
2.
ชิลล์ๆ สบายๆ 4-6 เดือน
การกิน: ในช่วงนี้เราเลิกนับแคลลอรี่แล้วหันมาใช้วิธี "กินเท่าที่หิว" คือกินเท่าที่จำเป็นไม่กินมากไป น้อยไป กินให้พอดี ไม่ใช่กินตามที่อยากแบบแต่ก่อน กินข้าวครบ 3 มื้อ ไม่อดข้าวน้ำ มีผิดบาปกินขนมบ้างถ้าอยากกิน แต่ไม่เยอะบ้างอาจจะวันละ 1-2ชิ้น แต่ยังคงสโลแกน งดแป้ง(เกิน)งดทอดงดหวาน
แป้งที่เรากินที่ข้าว และในแต่ละมื้อพยายามกินให้ครบ 5 หมู่ (แลดูมีความอนามัยมีความนักโภชนาการที่แท้จริง) ถ้าเกิดเผลอตามใจปาก กินขนมเยอะ เราก็จะมาออกกำลังกายเบิร์นออก (ผ่านวิดิโอในยูทูป) และก็กินเพียงแค่น้ำเปล่าอย่างเดียว อาจจะมีช่วงไปเที่ยวกินจุ๊บจิ๊บกับเพื่อนบ้านนานๆที ย้ำ!นานๆที่นะ
การออกกำลังกาย: หลังจากช่วงนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายเหมือนแต่ก่อน(เรียนพิเศษ+สอบ) ถ้ามีเวลาว่างก็จะออกกำลังกายคาดิโอผ่านยูทูปบ้างถ้าอยากทำ แต่ส่วนใหญ่ก็จะออกด้วยการเดินเอามากว่า เช่นเดินห้างดูของ เดินไปเรียนพิเศษ ถ้าเกิดเราขี้เกียจรอรถเราก็เดินกลับบ้านบ้างหลายๆครั้ง ถ้ามีเวลา
หลังจากช่วงนี้น้ำหนักเราก็เหลือ 63 กิโลกรัมแล้ว เอวเอสสที่แท้จริงงง♥♥
สรุป
การกิน 1)งดแป้ง(ไม่จำเป็น)งดทอดงดหวาน
2)กินให้ครบ 5 หมู่ (ห้ามตัดแป้งไขมันกินแต่ผักแบบนี้ก็ไม่ถูก)
3)กินพอหิว อย่าตามใจปาก
4)กินแค่น้ำเปล่า(โค้กซี่โร่กับเป๊บซี่แม็กซ์บ้างบางครั้ง)
5)ขนมกินได้ แต่ต้องพอประมาณ /แนะนำให้เลี่ยงขนมห่อกับพวกขนมที่แป้งน้ำตาลเนยเน้นๆดีกว่า
6)ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากข้าว อย่างพอประมาณเท่านั้น /เทียบจาก 1 กำมือ (ความรู้จากพี่ฟ้าใส fitjunction)
ออกกำลังกาย 1) ออกเท่าที่ร่างกายไหว ค่อยๆใต่ไปที่ละสเต็บ
2) จัดสรรเวลาให้เหมาะสมต่อวัน ให้เวลาพักกับร่างกายบ้าง
การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องกินคลีนหรือว่าเข้าฟิตเนสเสมอไป เพียงแค่เรามีวินัยและคุมตัวเองให้อยู่ก็สามารถลดได้
ที่เราอ้วนเพราะเรากินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ถ้าอยากจะผอมเพียงแค่กินให้พอเหมาะ ไม่ใช่หยุดกิน หรือตัดแป้งตัดไขมัน
นั่นไม่ใช่ทางออก เพราะร่างกายเราก็ต้องการรับพลังงานมาใช้เช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่ใช้พลังงานจากไขมันที่สะสม ที่น่ากลัวสุดคือ
น้ำหวาน ที่เรากินนั้นเหมือนกับเรารับเอาพลังงานมาโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรเลือกกินน้ำเปล่าเป็นหลัก และการออกกำลังกายก็
เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าสามารถหาเวลาออกได้ ก็ควรออก ไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอ และ โต๊ะ ไม่ขยับร่างกาย ไม่จำเป็นตัอง
ในฟิตเนสหรือเปิดT25 คาดิโอเป็นเรื่องราว แค่เล่นกีฬา จัดบ้าน เล่นกับเพื่อน เต้นแร้งเต้นกาว่ากันไป ก็เป็นการออกกำลังกายแล้ว
ดีกว่าอยู่เฉยๆ
พูดมาสะยาว ตัดภาพไปดูที่รูป ณ ปัจจุบันค่ะคุณกิตติคะ! แถ่นนแทนแถ่นนนนน
ปัจจุบัน:
ช๊อบหลวมแล้ววววววววว!!!!!!
อันนี้รูปเต็มตัว
หน้าหายบานแล้ววววว!!
(แต่ก็แอบบวมนิด555X
และสุดท้ายยยยย!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เหนียงลดลงแล้วววว ถึงแม้จะมีบ้าง แต่ก็ไม่ย้อยแบบแต่ก่อน
เราขอบอกว่าถ้าคงลดน้ำหนักไม่ได้ถ้าเราไม่คิดที่จะเปลี่ยน คงจะไม่รู้ตัวเองถ้าเพื่อนไม่ด่า หรือเตือนเวลากินขนมอ้วนๆ
#กราบเพื่อนในกลุ่ม ถ้าไม่คิดว่าเราทำได้ ก็คงไม่มีวันนี้ /เวทีนางงามไปอี๊กกกกก ก็อยากจะเป็นกำลังใจ แชร์ประสบการณ์แนวทาง บอกบุญแก่ทุก คนในพันทิป กว่าเราจะมีวันนี้ลองมาหลายครั้งล้มเลิกมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ ถ้าเราทำได้ ทุกคนก็ทำได้ แค่มีวินัย คุมตัวเองให้ได้ ก็ทำได้แล้วว
สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมีเอวเอส ได้เอวเอสเคิฟ (
เพื่อไปหาท่านที่ดาวเนบิล) สำหรับใครที่มีอะไรอยากถามเพิ่มเติม อยากอะซิกอะแชทกับเราก็สามารถหลังไมค์มาได้ครับ
หรือติดตามเราได้ ig: khmilstev Fb: Khem miller #ช่วงนี้ไม่ค่อยเล่นเฟสครับ
ปล. ขอบคุณภาษาทิพย์จากเพจน้อง
ปล2. แนวทางในการลดของ จขกท. ไม่ได้ยืนยันว่าจะลดได้ภายใน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับระบบการเผาผลาญและการกินของแต่ละคน
จากเอวโอสู่เอวเอสส [ลดน้ำหนัก14กิโลภายใน6เดือน] #โนฟิตเนส #โนอาหารคลีน
ไม่ได้ยืมแอคเค้าใครมาเล่นครับ วันนี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์การลดน้ำหนักที่ผ่านมาของเรา ตลอดเวลา 6 เดือนนะครับ /ทำไมต้องแมน
เนื้อหาในกระทู้ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของเด็กอ้วนตัวแตกคนนึงที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง นี่เป็นกระทู้ที่เขียนจริงจังครั้งแรก อาจจะมีการใช้ภาษาผิดหรือพิมผิดหรือแท๊กห้องผิดบ้างก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ เกริ่นมายาว ไม่รีรอละ เริ่ม!!!!!
ทำไมถึงอ้วนละ: ไม่ได้เป็นจากกรรมพันธุ์แต่อย่างใด เป็นคนที่เคยผอม แต่เพราะนิสัยกินตามใจปาก รุ่นพี่เลี้ยงก็กินน เพื่อนเลี้ยงก็กิน พีคสุดคือติดกินกลางคืน ร้านขนมเปิดใกล้บ้านมาก ร้านปิด 3 ทุ่ม ช่วงนั้นทุกวัน 2 ทุ่มเราจะต้องไปซื้อเอแคลร์นมสดมากิน 2 กล่อง /คงสิบชิ้นได้ แม่ซื้อหมูทอดมาเรากินคนเดียว 5 ห่อ ยิ่งเวลาเพื่อนเหลือข้าวอะไรเยอะ เราจะชอบกิน เพราะเสียดายข้าวอาหารที่เหลือรู้สึกว่ามันเกิดมาให้เธอกินทำไมเธอกินไม่หมดละ หื่มมม! เรียกได้ว่าเอนจอยอีทติ้งมากเสพติดของหวาน ขี้เกียจไม่ออกกำลังกายใช้ชีวิตแบบสลอต จนพลิกผันเป็นมนุษย์หมูจนได้
ถามว่าทำไมต้องลด?: กางเกงนักศึกษาที่ใส่คับมาก จนเราอึดอัด ไม่อยากซื้อกางเกงเพิ่ม และยิ่งตอนใส่ชุดเอี้ยมคือเหมือนเทเลทับบี้+หมู+ระเบิด คือตัวจะแตกแล้ว ถ้าล้มนี่ระเบิดได้เลยตอนนั้น เหนียงกองจนจะแยกเป็นฝาแฝดอีกคนได้ และด้วยความคับอึดอัดทำให้เวลาเรียนไม่ค่อยรู้สึกสบายตัว รู้สึกเหมือนพุงที่โดนเข็มขัดรัดแน่นนั้นแล้วพุงยังสามารถติดโต๊ะเลคเชอร์อีก ไหนจะรู้สึกอายหน้าตัวเองที่บานเท่าจานยูบีซี เหนียงยานพอๆกับติ่งหู จนไม่กล้าเซลพี่ ต้องเอียงคอดูดแก้มจนคนเคล็ดเพื่อหามุมหน้าวี ไหนจะเพื่อนที่เรียกเราไอ่อ้วน หมูบ้าง โอ้ย รำไย55 จนเรารู้สึกว่าต้องถึงเวลาปฏิวัติตัวเองแล้วสักทีนะน้อง
ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรไหนขอดูหน่อย : ป.ลเป็นพาร์ทที่รู้สึกฆ่าตัวเองมากจริงๆ
เริ่มจากรูปเบาๆ
รูปนี้เป็นรูปในเฟสบุ๊คของเรา ซึ่งมีความหน้าบานหน่อยๆ นี่คือรูปที่ดีที่สุดในแคมเปญนี้จากนับสิบรูป ซึ่งกระดุมแทบจะร้องขอความช่วยเหลือ แทนจะทะลักออกมาดีดหน้าคนได้ถ่ายได้ รูปนี้ถ่ายจากวีรกรรมกินฮันนี่โทสร่วม 4 ชิ้น ด้วยกัน 3 คน กินจนตัวที่แตกอยู่แล้วยังแตกได้อีก
มาถึงรูปหน้าเราบ้าง อันนี้รูปถ่ายมุมต่ำ แสดงถึงเหนียงที่กำลังจะงอกร่างมาเป็นอีกคน
ใครใจกล้าไม่กลัวก็กดดูรูปต่อไปเลย555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อื้อหือออ นี่กระทู้โชว์เหนียงอ๋อออ55555
ตอนใส่ช๊อบ
นี่คือช่วงรับน้อง คืออ้วนมากอย่างที่บอก เสื้อเอี้ยมแทบจะแตกแหลกเป็นจุล ยิ่งตัดผมสกินเฮดอีกนี่ รู้เลยว่าจบงานนี้ได้ไปออกชิงร้อยชิงล้านต่อแน่ๆ
อันนี้ช่วงก่อนตั้งใจลดความอ้วน น้ำหนักของเราอยู่ที่ 77 กิโลกรัม สูง175 ซึ่งเป็นน้ำหนักที่สูงที่สุดแล้วในชีวิตเรา จนกระทั่งเราตั้งใจที่จนลดความอ้วน
ถามว่าลดยังไง?: การลดความอ้วนของเรานั้น ไม่ได้กินอาหารคลีน ไม่ได้เข้าฟิตเนส เพียงแค่คุมอาหารแล้วออกกำลังกายตามยูทูป
โดยช่วงลดของเรามี 2 ช่วงคือ
1. ช่วงเข้มข้นลดจริงจัง 1-2เดือนแรก
: ช่วงนี้คือช่วงที่เริ่มปฏิวัติตัวเอง เริ่มจากการหาข้อมูลวิธีลดอ่านกระทู้ในพันทิปร่วมสิบกระทู้ได้ จนหาแนวทางปรับการลดให้เหมาะกับตัวเอง
การกิน: เริ่มจากการคุมแคลลอรี่ ที่นิยมกันมากกกก
เราคุมแคลลอรี่ไม่ให้เกิน 1500 kcal ต่อวัน พยายามงดขนม เลี่ยงคาโบไฮเดรต(ที่ไม่จำเป็น)และของทอดทุกชนิด โดยนับแคลลอรี่เนี่ยนับผ่านแอพ Myfitnesspal #ฟรีในแอปสโตร์ ซึ่งมันจะให้เรากรอกข้อมูล ประวัติ น้ำหนัก และก็มีการถามเป้าหมายในการลดว่าอยากลดเท่าไหร่ และมันจะคิดแคลลอรี่ที่ควรกินต่อวัน และเป้าหมายว่าจะลดถึงน้ำหนักเท่านี้ในกี่วัน ซึ่งมันสะดวกที่จริงๆ แค่พิมชื่ออาหารลงไปก็เจอลิสแคลลอรี่ขึ้นมาให้เลือกใส่ และความดีงามของมันคือสามารถสแกนบาร์โค้ดในเซเว่นเพื่อนับแคลลอรี่อันนั้นได้เลย คืออึ้งมากจริงๆ(แต่ในแอพไม่ค่อยมีอาหารไทยและบางทีแคลที่เราได้รับอาจจะไม่ตรงกับค่าในแอพ) ที่สำคัญเรางดกินกลางคืนโดนเด็ดขาด พยายามไม่กินขนมจุ๊บจิ๊บและที่สำคัญเรากินน้ำเปล่าอย่างเดียวงดน้ำหวานน้ำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า(มีโค้กซีโร่บ้าง) แต่ก็มีผิดบาปบ้างเวลาเพื่อนซื้อมาล่อตาล่อใจ
ออกกำลังกาย : เราเป็นคนไม่ค่อยมีเวลา เลยย้อนกระแสสมัย T25 ที่นิยมกัน เวลาเลิกเรียนทุกเย็นก็ต้องทำตามตารางมัน ซึ่งขอบอกเลยว่าทรหดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหนื่อยสุดยากสุด และเหงื่อออกเยอะมาก โดยเราเนี่ยเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกาย แรกๆเริ่มๆนี่กระท่อนกระแท่นมากก เราต้องเล่นตารางเดิม ซ้ำกันถึง 2 อาทิตย์ เพื่อให้เล่นต่อไปได้ เพราะอาทิตย์แรกเราทำไม่ได้หลายท่าก็ต้องฝึกๆกันไปจนพอไปได้ ป.ล ถ้าจะออกกำลังกายแบบไม่เบื่อให้เปิดเพลงแบบแดนซ์ๆ เพลงที่เราชอบจังหวะสนุกๆยั่วๆบดๆ #ผิด ทำให้เราไม่เบื่อเวลาออกกำลังกาย และไม่เครียด
เราทำแบบนี้จนลดได้ 6 กิโลกรัม จนเราใส่กางเกงได้แล้ววว!!! แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าเรายังอวบๆอยู่ก็ยังคงลดน้ำหนักต่อไปแต่ก็ลดความเข้มข้นลง เพราะการใช้วิธีแบบนี้มันค่อนข้างเครียดและเหนื่อย หลายครั้งที่เราเหวี่ยงคนรอบข้างเพราะโมโหที่ทำT25ไม่ได้ เผลอกินอาหารแคลเยอะ ก็เหวี่ยง แม่ซื้อขนมมาให้ก็เหวี่ยง(แต่ก็แอบผิดบาปกินไป /กราบขอโทษแม่555) บวกกับการสอบทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายมาก ก็เลยเปลี่ยนมาลดแบบสบายๆไม่เครียดด
2. ชิลล์ๆ สบายๆ 4-6 เดือน
การกิน: ในช่วงนี้เราเลิกนับแคลลอรี่แล้วหันมาใช้วิธี "กินเท่าที่หิว" คือกินเท่าที่จำเป็นไม่กินมากไป น้อยไป กินให้พอดี ไม่ใช่กินตามที่อยากแบบแต่ก่อน กินข้าวครบ 3 มื้อ ไม่อดข้าวน้ำ มีผิดบาปกินขนมบ้างถ้าอยากกิน แต่ไม่เยอะบ้างอาจจะวันละ 1-2ชิ้น แต่ยังคงสโลแกน งดแป้ง(เกิน)งดทอดงดหวาน
แป้งที่เรากินที่ข้าว และในแต่ละมื้อพยายามกินให้ครบ 5 หมู่ (แลดูมีความอนามัยมีความนักโภชนาการที่แท้จริง) ถ้าเกิดเผลอตามใจปาก กินขนมเยอะ เราก็จะมาออกกำลังกายเบิร์นออก (ผ่านวิดิโอในยูทูป) และก็กินเพียงแค่น้ำเปล่าอย่างเดียว อาจจะมีช่วงไปเที่ยวกินจุ๊บจิ๊บกับเพื่อนบ้านนานๆที ย้ำ!นานๆที่นะ
การออกกำลังกาย: หลังจากช่วงนั้นเราไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายเหมือนแต่ก่อน(เรียนพิเศษ+สอบ) ถ้ามีเวลาว่างก็จะออกกำลังกายคาดิโอผ่านยูทูปบ้างถ้าอยากทำ แต่ส่วนใหญ่ก็จะออกด้วยการเดินเอามากว่า เช่นเดินห้างดูของ เดินไปเรียนพิเศษ ถ้าเกิดเราขี้เกียจรอรถเราก็เดินกลับบ้านบ้างหลายๆครั้ง ถ้ามีเวลา
หลังจากช่วงนี้น้ำหนักเราก็เหลือ 63 กิโลกรัมแล้ว เอวเอสสที่แท้จริงงง♥♥
สรุป
การกิน 1)งดแป้ง(ไม่จำเป็น)งดทอดงดหวาน
2)กินให้ครบ 5 หมู่ (ห้ามตัดแป้งไขมันกินแต่ผักแบบนี้ก็ไม่ถูก)
3)กินพอหิว อย่าตามใจปาก
4)กินแค่น้ำเปล่า(โค้กซี่โร่กับเป๊บซี่แม็กซ์บ้างบางครั้ง)
5)ขนมกินได้ แต่ต้องพอประมาณ /แนะนำให้เลี่ยงขนมห่อกับพวกขนมที่แป้งน้ำตาลเนยเน้นๆดีกว่า
6)ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากข้าว อย่างพอประมาณเท่านั้น /เทียบจาก 1 กำมือ (ความรู้จากพี่ฟ้าใส fitjunction)
ออกกำลังกาย 1) ออกเท่าที่ร่างกายไหว ค่อยๆใต่ไปที่ละสเต็บ
2) จัดสรรเวลาให้เหมาะสมต่อวัน ให้เวลาพักกับร่างกายบ้าง
การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องกินคลีนหรือว่าเข้าฟิตเนสเสมอไป เพียงแค่เรามีวินัยและคุมตัวเองให้อยู่ก็สามารถลดได้
ที่เราอ้วนเพราะเรากินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ถ้าอยากจะผอมเพียงแค่กินให้พอเหมาะ ไม่ใช่หยุดกิน หรือตัดแป้งตัดไขมัน
นั่นไม่ใช่ทางออก เพราะร่างกายเราก็ต้องการรับพลังงานมาใช้เช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่ใช้พลังงานจากไขมันที่สะสม ที่น่ากลัวสุดคือ
น้ำหวาน ที่เรากินนั้นเหมือนกับเรารับเอาพลังงานมาโดยไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรเลือกกินน้ำเปล่าเป็นหลัก และการออกกำลังกายก็
เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าสามารถหาเวลาออกได้ ก็ควรออก ไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอ และ โต๊ะ ไม่ขยับร่างกาย ไม่จำเป็นตัอง
ในฟิตเนสหรือเปิดT25 คาดิโอเป็นเรื่องราว แค่เล่นกีฬา จัดบ้าน เล่นกับเพื่อน เต้นแร้งเต้นกาว่ากันไป ก็เป็นการออกกำลังกายแล้ว
ดีกว่าอยู่เฉยๆ
พูดมาสะยาว ตัดภาพไปดูที่รูป ณ ปัจจุบันค่ะคุณกิตติคะ! แถ่นนแทนแถ่นนนนน
ปัจจุบัน:
ช๊อบหลวมแล้ววววววววว!!!!!!
อันนี้รูปเต็มตัว
หน้าหายบานแล้ววววว!! (แต่ก็แอบบวมนิด555X
และสุดท้ายยยยย!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราขอบอกว่าถ้าคงลดน้ำหนักไม่ได้ถ้าเราไม่คิดที่จะเปลี่ยน คงจะไม่รู้ตัวเองถ้าเพื่อนไม่ด่า หรือเตือนเวลากินขนมอ้วนๆ
#กราบเพื่อนในกลุ่ม ถ้าไม่คิดว่าเราทำได้ ก็คงไม่มีวันนี้ /เวทีนางงามไปอี๊กกกกก ก็อยากจะเป็นกำลังใจ แชร์ประสบการณ์แนวทาง บอกบุญแก่ทุก คนในพันทิป กว่าเราจะมีวันนี้ลองมาหลายครั้งล้มเลิกมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ ถ้าเราทำได้ ทุกคนก็ทำได้ แค่มีวินัย คุมตัวเองให้ได้ ก็ทำได้แล้วว
สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมีเอวเอส ได้เอวเอสเคิฟ (
เพื่อไปหาท่านที่ดาวเนบิล) สำหรับใครที่มีอะไรอยากถามเพิ่มเติม อยากอะซิกอะแชทกับเราก็สามารถหลังไมค์มาได้ครับ หรือติดตามเราได้ ig: khmilstev Fb: Khem miller #ช่วงนี้ไม่ค่อยเล่นเฟสครับปล. ขอบคุณภาษาทิพย์จากเพจน้อง
ปล2. แนวทางในการลดของ จขกท. ไม่ได้ยืนยันว่าจะลดได้ภายใน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับระบบการเผาผลาญและการกินของแต่ละคน