คือ ก็เห็น ก็ได้ยิน ได้ดู ได้ฟังมานานแล้ว
กับข้ออ้างของ กปปส. ทีว่า ไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง แค่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
และอ้างว่า ที่มีม็อบ กปปส. ไปยังสำนักงานเขตตั้งต่าง ๆ ไปที่หน้าหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ
ก็ไม่ใช่การขัดขวาง แต่คือการไปรณรงค์ ไปเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเพิ่งเลือกตั้ง เท่านั้น
สงสัยครับ ว่าทำไม กปปส. ถึงกล้าใช้ข้ออ้างแบบไม่อายได้อย่างนี้
เหมือน กปปส. คิดว่า ประเทศไทยอยู่ในยุค 2520
ภาพมี คลิปมี ทั้งบนเวทีปราศรัย ทั้งตามสำนักงานเขตเลือกตั้ง ทั้งตามหน่วยเลือกตั้ง
ไม่ว่าถ้อยคำ ไม่ว่าพฤติการณ์ ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แค่รณรงค์ หรือขัดขวาง
แต่ก็ยังกล้าปฏิเสธ กล้ายืนยันว่าไม่ได้ทำ
(ในแง่ดี อย่างน้อยในเรื่องนี้ ก็ไม่มีสลิ่มเชียร์อื้ออึงครับ
เพราะคงไม่รู้จะเชียร์ยังไงในเมื่อรู้และเห็นอยู่เต็มตาว่าร่วมมือกันขัดขวางการเลือกตั้งจริง ๆ
แต่ในทางยุทธวิธี แกนนำ กปปส. ก็ต้องหาทางออก
ด้วยการโยนให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ขัดขวางแต่ละคนไปเอง เป็นเรื่องเฉพาะตัวไป ไม่เกี่ยวกับ กปปส.)
อย่างว่าครับ ดัดจริตแลนด์ อะไรก็เกิดขึ้นได้
เรื่องความรับผิดชอบการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่ สุดท้ายแล้ว ผมว่าหวยจะออกที่นายกฯปูคนเดียว
ก็พอมีเรื่องฟ้องร้อง ก็ต้องมีองค์กรเข้ามาตัดสิน
ตัดสินดีหรือไม่ดี ตัดสินเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ก็มีผลทางกฎหมาย
เลยสนุกกันใหญ่ ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว ที่ใช้ผลการตัดสินทางกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
อย่างคดี 99 ศพ ฟ้องเรื่องคนตายแท้ ๆ อันเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจหน้าที่ในตำแหน่งแท้ ๆ
ยังไม่รับฟ้อง ด้วยการอ้างว่าเป็นเรื่องในตำแหน่งหน้าที่ (ไม่รู้ตำแหน่งหน้าที่ไหนให้อำนาจฆ่าคนได้)
และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ แทบทุกเรื่อง
ก็ใช้วิธีเอาผลทางการตัดสินอันมีผลทางกฎหมายมาเป็นเครื่องมือ
ผลทางกฎหมายก็คือ คนทำผิดที่เป็น "พวกเดียวกัน" ลอยนวล
ขณะที่อีกด้าน ก็ใช้ผลของคำตัดสินเล่นงานพวกไม่เดียวกัน
จะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมไม่สน อ้างเพียงว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามคำตัดสิน
เรื่องการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่มันพิลึกครับ
ย้อนแย้งนัวเนีย ขัดหลักความจริง ขัดข้อเท็จจริงไปหมด
ศาลรัฐธรรมนูญก็ว่า กปปส. ชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ศาลแพ่งก็ว่ารัฐบาลมีอำนาจใช้ พรก.ฉุกเฉิน แต่ออกคำสั่งข้อห้าม 9 ข้อมาคุ้มครอง กปปส. ส่งผลให้ พรก.ฉุกเฉินเป็นง่อย
กปปส. ก็อ้าง ชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา
แล้วทำไมการเลือกตั้งถึงเกิดขึ้นไม่ได้ ?
ใครทำให้บางเขตผู้สมัครไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ?
ใครทำให้บางเขต ไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ ?
ใครทำให้บางหน่วยเลือกตั้ง ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ?
ในเมื่อ กปปส. ไม่ได้ขัดขวาง กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วทำไมการเลือกตั้งถึงล้มเหลว ?
ที่สำคัญสุด ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องเรื่องการเลือกตั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
หากยื่นไป ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องไม่รับเรื่อง เพราะผู้ยื่นคำร้องไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
แต่พอยื่นคำร้องไป ศาลรัฐธรรมนูญก็รับเรื่องหน้าตาเฉย
แล้ววินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมายหน้าตาเฉย
ใช้ผลของคำตัดสินอันมีผลทางกฎหมายเป็นเครื่องมือหน้าตาเฉย
ใครจะทำไม
ผมจึงเชื่อว่า เรื่องความรับผิดชอบทั้งหมดของการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่
ที่สุดแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบด้วยการใช้ผลของคำตัดสินคือนายกฯยิ่งลักษณ์เท่านั้นครับ
หรืออย่างดีที่สุด ก็โยนให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ขัดขวาง กลุ่มผู้ขัดขวางเป็นรายเฉพาะตัวเฉพาะกลุ่มไป
ส่วน กปปส. กกต. ลอยนวล
ฟันทอม
ขอยอมรับในความกล้าหาญของแกนนำ กปปส. ในเรื่อง กปปส. กับ การขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557
กับข้ออ้างของ กปปส. ทีว่า ไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง แค่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
และอ้างว่า ที่มีม็อบ กปปส. ไปยังสำนักงานเขตตั้งต่าง ๆ ไปที่หน้าหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ
ก็ไม่ใช่การขัดขวาง แต่คือการไปรณรงค์ ไปเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเพิ่งเลือกตั้ง เท่านั้น
สงสัยครับ ว่าทำไม กปปส. ถึงกล้าใช้ข้ออ้างแบบไม่อายได้อย่างนี้
เหมือน กปปส. คิดว่า ประเทศไทยอยู่ในยุค 2520
ภาพมี คลิปมี ทั้งบนเวทีปราศรัย ทั้งตามสำนักงานเขตเลือกตั้ง ทั้งตามหน่วยเลือกตั้ง
ไม่ว่าถ้อยคำ ไม่ว่าพฤติการณ์ ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แค่รณรงค์ หรือขัดขวาง
แต่ก็ยังกล้าปฏิเสธ กล้ายืนยันว่าไม่ได้ทำ
(ในแง่ดี อย่างน้อยในเรื่องนี้ ก็ไม่มีสลิ่มเชียร์อื้ออึงครับ
เพราะคงไม่รู้จะเชียร์ยังไงในเมื่อรู้และเห็นอยู่เต็มตาว่าร่วมมือกันขัดขวางการเลือกตั้งจริง ๆ
แต่ในทางยุทธวิธี แกนนำ กปปส. ก็ต้องหาทางออก
ด้วยการโยนให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ขัดขวางแต่ละคนไปเอง เป็นเรื่องเฉพาะตัวไป ไม่เกี่ยวกับ กปปส.)
อย่างว่าครับ ดัดจริตแลนด์ อะไรก็เกิดขึ้นได้
เรื่องความรับผิดชอบการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่ สุดท้ายแล้ว ผมว่าหวยจะออกที่นายกฯปูคนเดียว
ก็พอมีเรื่องฟ้องร้อง ก็ต้องมีองค์กรเข้ามาตัดสิน
ตัดสินดีหรือไม่ดี ตัดสินเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ก็มีผลทางกฎหมาย
เลยสนุกกันใหญ่ ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว ที่ใช้ผลการตัดสินทางกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
อย่างคดี 99 ศพ ฟ้องเรื่องคนตายแท้ ๆ อันเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจหน้าที่ในตำแหน่งแท้ ๆ
ยังไม่รับฟ้อง ด้วยการอ้างว่าเป็นเรื่องในตำแหน่งหน้าที่ (ไม่รู้ตำแหน่งหน้าที่ไหนให้อำนาจฆ่าคนได้)
และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ แทบทุกเรื่อง
ก็ใช้วิธีเอาผลทางการตัดสินอันมีผลทางกฎหมายมาเป็นเครื่องมือ
ผลทางกฎหมายก็คือ คนทำผิดที่เป็น "พวกเดียวกัน" ลอยนวล
ขณะที่อีกด้าน ก็ใช้ผลของคำตัดสินเล่นงานพวกไม่เดียวกัน
จะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมไม่สน อ้างเพียงว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามคำตัดสิน
เรื่องการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่มันพิลึกครับ
ย้อนแย้งนัวเนีย ขัดหลักความจริง ขัดข้อเท็จจริงไปหมด
ศาลรัฐธรรมนูญก็ว่า กปปส. ชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
ศาลแพ่งก็ว่ารัฐบาลมีอำนาจใช้ พรก.ฉุกเฉิน แต่ออกคำสั่งข้อห้าม 9 ข้อมาคุ้มครอง กปปส. ส่งผลให้ พรก.ฉุกเฉินเป็นง่อย
กปปส. ก็อ้าง ชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา
แล้วทำไมการเลือกตั้งถึงเกิดขึ้นไม่ได้ ?
ใครทำให้บางเขตผู้สมัครไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ?
ใครทำให้บางเขต ไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งได้ ?
ใครทำให้บางหน่วยเลือกตั้ง ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ?
ในเมื่อ กปปส. ไม่ได้ขัดขวาง กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วทำไมการเลือกตั้งถึงล้มเหลว ?
ที่สำคัญสุด ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องเรื่องการเลือกตั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
หากยื่นไป ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องไม่รับเรื่อง เพราะผู้ยื่นคำร้องไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
แต่พอยื่นคำร้องไป ศาลรัฐธรรมนูญก็รับเรื่องหน้าตาเฉย
แล้ววินิจฉัยว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมายหน้าตาเฉย
ใช้ผลของคำตัดสินอันมีผลทางกฎหมายเป็นเครื่องมือหน้าตาเฉย
ใครจะทำไม
ผมจึงเชื่อว่า เรื่องความรับผิดชอบทั้งหมดของการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 นี่
ที่สุดแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบด้วยการใช้ผลของคำตัดสินคือนายกฯยิ่งลักษณ์เท่านั้นครับ
หรืออย่างดีที่สุด ก็โยนให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ขัดขวาง กลุ่มผู้ขัดขวางเป็นรายเฉพาะตัวเฉพาะกลุ่มไป
ส่วน กปปส. กกต. ลอยนวล
ฟันทอม