พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) บทนำ ==>>
http://ppantip.com/topic/34847580
พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๑ แสงแรก ==>>
http://ppantip.com/topic/34875682
แสงที่ ๒ แสงเร้น
ส่ายีมองสภาพภูมิประเทศเบื้องหน้าผ่านกระจกรถ จดจำรายละเอียดทุกอย่างให้ขึ้นใจ สลับกับก้มลงใช้ปากกาสีเขียนสัญลักษณ์บางอย่างลงในแผนที่แผ่นใหญ่ในมือ
หลายครั้งที่เขายกกล้องตัวไม่ใหญ่นักแต่คุณภาพในการซูมของเลนส์สูงสมราคาอันลิบลิ่วขึ้นถ่ายรูปในจุดที่เขาสนใจเป็นพิเศษ ก่อนจะปล่อยกล้องที่คล้องสายไว้กับคอ แล้วจดบางสิ่งในสมุดบันทึกที่วางบนเบาะรถข้างตัว
เรียกว่า... นอกจากมาหาเบาะแสคนทรยศแล้ว เขายังใช้โอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ นี้ สำรวจขุมทรัพย์อันตีมูลค่าไม่ได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนี้ในการ์เมียนจะมีการลงทุนในภาคพลังงานมากกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลในยุคนายพลเส่งกาลงนามให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนต่างชาติในการสำรวจขุดเจาะทั้งบนบกและในทะเลไปแล้วมากกว่าหนึ่งร้อยพื้นที่
ทว่า... ยังเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้สิมขาล
ใครจะไปเชื่อ... รัฐเล็กๆ ที่มีอาณาเขตติดต่อกับการ์เมียน สภาพภูมิอากาศค่อนข้างเย็น ในบางพื้นที่ถึงกับหนาวจัดปกคลุมด้วยหิมะเกือบทั้งปีเสียด้วยซ้ำ การเพาะปลูกไม่อุดมสมบูรณ์ แต่กลับมีบ่อน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติมหาศาล แค่เปิดสัมปทานสักหนึ่งในสี่ส่วนจากที่มีอยู่ สิมขาลก็ร่ำรวยกว่าจีดีพีทั้งปีของการ์เมียนแล้ว
พระเจ้าช่างลำเอียงดีแท้
นอกจากจะเป็นแหล่ง
‘ทองคำสีดำ’... ขุมทรัพย์ใต้ดินมูลค่ามหาศาล สิมขาลยังมีแหล่งลิกไนต์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
แต่สิมขาลกลับทำตัวราวกับฤาษีถือศีล ไม่เคยสำรวจไม่เคยแตะต้องสิ่งล้ำค่าพวกนั้น เส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงสิมขาลมีเพียงไม้เนื้อแข็งจากป่าบนภูเขาอันสมบูรณ์ที่นักธุรกิจหนุ่มหล่อชาวเชียงมัณฑ์คนนั้นคงกำลังเข้ามาเจรจาสัมปทานอยู่ และอัญมณีที่อันนาเป็นตัวแทนรัฐสิมขาลส่งออกสู่ตลาดโลก
นายพลเส่งกา... บิดาของเขาเล็งเห็นถึงผลประโยชน์อันมหาศาลที่จะได้รับ หากผนวกรวมรัฐเล็กๆ แต่ร่ำรวยมหาศาลนี้เข้ามาเป็นรัฐชายขอบของการ์เมียนได้ ทหารการ์เมียนไม่รู้เท่าไหร่จึงถูกส่งเข้าสู่สมรภูมิรบ
แต่ใครเลยจะรู้... ฤาษีจำศีลที่เก็บตัวอยู่หลังม่านหมอกหนาทึบบนภูเขาสูง ไม่ค่อยมีบทบาทกับต่างประเทศในเวทีโลกอย่างสิมขาล กลับจับปืนลุกขึ้นสู้สุดใจ
การ์เมียนไม่เคยเอาชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจากกำลังทหาร แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยโค่นล้มระบอบกษัตริย์ของสิมขาลลงได้แล้วก็ตาม
เวลาเกือบสามสิบปีที่ผ่านไป สิ่งที่การ์เมียนได้รับจึงมีเพียงศพทหารศพแล้วศพเล่า ความล้าหลังของประเทศที่ไม่ได้รับการพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่เพราะติดพันอยู่กับสงคราม
บ่อน้ำมันที่อยากจะได้ก็ยังไม่มีโอกาสได้แตะต้องแม้เพียงสักบ่อ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปอย่างเขาเบื่อหน่ายสงครามที่ให้เขาได้เพียงศพทหารและความสูญเสีย หลายปีมานี้เขาจึงพยายามวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างจริงจัง อาศัยชัยภูมิอันได้เปรียบวางฐานรากเมกะโปรเจ็คท์ที่จะทำให้การ์เมียนกลายเป็นเมืองท่าเชื่อมต่อการค้าทางทะเลระหว่างเอเชีย – ยุโรป ไปจนถึงแอฟริกาได้
ที่สำคัญ... การ์เมียนของเขาจะต้องเป็นผู้ส่งออกพลังงานธรรมชาติรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ด้วย โดยเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนต่างชาติตบเท้าเข้ามาประมูลสัมปทาน และเริ่มผ่อนปรนมาตรการกีดกันทางการค้าลง
แต่ก็นั่นแหละ... บ่อน้ำมันทั้งหมดที่มีในการ์เมียนยังไม่มากพอที่จะทำให้เมกะโปรเจ็คท์ของเขายิ่งใหญ่และสัมฤทธิ์ผลอย่างที่ต้องการได้
ถ้าใช้สงครามไม่ได้ผล แล้วจะมีวิธีไหนที่จะครอบครองไข่ทองคำที่แม่ไก่อย่างสิมขาลจะไข่ออกมาอย่างไม่มีวันหมดได้
ส่ายีย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ความขึ้งเครียดหมกมุ่น ทำให้เขาไม่ทันจับสังเกตว่ามาวินและผู้ติดตามของเขาทุกคนพากันยืดตัวขึ้นตรง มือคว้าปืนพกออกมาจากซองที่เหน็บเอว
เอี๊ยด!
จนกระทั่ง รถที่นั่งอยู่ถูกเบรกกะทันหันจนร่างสูงเกือบเสียหลักนั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้รู้ตัว
รถคันหน้าที่ทำหน้าที่วิ่งเคลียร์เส้นทางและวัดดวงกับกับระเบิดที่อาจจะถูกฝังไว้ใต้ผิวถนน ถอยพรืดกลับมา
ชายหนุ่มเก็บแผนที่กับสมุดบันทึกเล่มหนารวดเร็ว ปากกาหายไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ชั่วครู่ปืนพกกระชับมือก็มาอยู่ในมือแข็งแรงของเขาแทน
“บ้าเอ้ย” มาวินขบฟันสบถออกมา ปืนของเขาพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกวินาที
คนขับรถคันที่เขานั่ง หมุนพวงมาลัยจนแทบจะเป็นวงกลมเพื่อหักหัวรถเลี้ยวกลับ
แต่... ช้าไปเสียแล้ว
รถจี๊ปลาดตระเวนติดตั้งปืนกลสองคัน พุ่งพรวดออกมาจากราวป่าข้างถนนขึ้นมาจอดดักท้ายรถของเขา ปิดทางที่จะย้อนกลับไปอย่างสิ้นเชิง
ส่ายียกมือเป็นสัญญาณไม่ให้มาวินทำสิ่งใดที่จะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ ไม่ต้องนับทหารสิมขาลที่ปรากฏตัวรวดเร็วราวภูติผีมาล้อมรถเขาอยู่หรอก เอาแค่ว่าถ้าคนที่ยืนบนรถจี๊ปสองคนนั้นเหนี่ยวไกรัวกระสุนปืนกลสักชุด เขาก็พรุนเป็นรังผึ้งแล้ว
เร็วกว่าที่มาวินจะคว้าไว้ทัน ส่ายีผลักประตูรถเปิด ก้าวลงไปยืนมั่นคง สีหน้าเรียบสนิท ชูมือออกข้างตัวทั้งสองข้างเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้คิดจะต่อสู้ ทำให้ทุกคนที่ติดตามชายหนุ่มมาต้องก้าวลงมายืนล้อมเขาไว้เป็นวงกลม
“เราได้รับคำสั่งให้สกัดรถของคุณไว้” นายทหารสิมขาลที่ดูท่าว่าจะเป็นผู้บังคับหน่วยก้าวลงมาจากรถจี๊ป
เป็นอย่างที่เขาคาดจริงๆ คนที่มีคำสั่งให้สกัดรถของเขาคงมีเจตนาแค่หยุดเขาไว้เท่านั้น ถ้าถึงขนาดต้องการฆ่าเขา ทหารพวกนี้คงเปิดฉากถล่มเขาไปแล้วไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอย่างนี้หรอก
ส่ายีเคยได้ยินคำเล่าลือ ทหารการ์เมียนบางคน... ตายโดยที่ศัตรูยังไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเสียด้วยซ้ำ
“อย่าคิดต่อสู้ อีกสักครู่คุณอันนาคงมาถึง”
ชายหนุ่มผู้ตกในวงล้อมกลับทำสิ่งที่ดูขัดกับสถานการณ์อย่างสิ้นเชิง เขากดยิ้มมุมปาก สีหน้ามีแววสมใจในบางสิ่ง ความพรั่นพรึงไม่ปรากฏให้เห็นแม้สักนิด
‘เป็นคุณจริงๆ ... อันนา ถ้าคุณลงทุนทำขนาดนี้ แล้วผมจะไม่ยอมรอพบคุณได้อย่างไร’
พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๒ แสงเร้น
พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) บทนำ ==>> http://ppantip.com/topic/34847580
พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๑ แสงแรก ==>> http://ppantip.com/topic/34875682
ส่ายีมองสภาพภูมิประเทศเบื้องหน้าผ่านกระจกรถ จดจำรายละเอียดทุกอย่างให้ขึ้นใจ สลับกับก้มลงใช้ปากกาสีเขียนสัญลักษณ์บางอย่างลงในแผนที่แผ่นใหญ่ในมือ
หลายครั้งที่เขายกกล้องตัวไม่ใหญ่นักแต่คุณภาพในการซูมของเลนส์สูงสมราคาอันลิบลิ่วขึ้นถ่ายรูปในจุดที่เขาสนใจเป็นพิเศษ ก่อนจะปล่อยกล้องที่คล้องสายไว้กับคอ แล้วจดบางสิ่งในสมุดบันทึกที่วางบนเบาะรถข้างตัว
เรียกว่า... นอกจากมาหาเบาะแสคนทรยศแล้ว เขายังใช้โอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ นี้ สำรวจขุมทรัพย์อันตีมูลค่าไม่ได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนี้ในการ์เมียนจะมีการลงทุนในภาคพลังงานมากกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลในยุคนายพลเส่งกาลงนามให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชนต่างชาติในการสำรวจขุดเจาะทั้งบนบกและในทะเลไปแล้วมากกว่าหนึ่งร้อยพื้นที่
ทว่า... ยังเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พระเจ้าประทานให้สิมขาล
ใครจะไปเชื่อ... รัฐเล็กๆ ที่มีอาณาเขตติดต่อกับการ์เมียน สภาพภูมิอากาศค่อนข้างเย็น ในบางพื้นที่ถึงกับหนาวจัดปกคลุมด้วยหิมะเกือบทั้งปีเสียด้วยซ้ำ การเพาะปลูกไม่อุดมสมบูรณ์ แต่กลับมีบ่อน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติมหาศาล แค่เปิดสัมปทานสักหนึ่งในสี่ส่วนจากที่มีอยู่ สิมขาลก็ร่ำรวยกว่าจีดีพีทั้งปีของการ์เมียนแล้ว
พระเจ้าช่างลำเอียงดีแท้
นอกจากจะเป็นแหล่ง ‘ทองคำสีดำ’... ขุมทรัพย์ใต้ดินมูลค่ามหาศาล สิมขาลยังมีแหล่งลิกไนต์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
แต่สิมขาลกลับทำตัวราวกับฤาษีถือศีล ไม่เคยสำรวจไม่เคยแตะต้องสิ่งล้ำค่าพวกนั้น เส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงสิมขาลมีเพียงไม้เนื้อแข็งจากป่าบนภูเขาอันสมบูรณ์ที่นักธุรกิจหนุ่มหล่อชาวเชียงมัณฑ์คนนั้นคงกำลังเข้ามาเจรจาสัมปทานอยู่ และอัญมณีที่อันนาเป็นตัวแทนรัฐสิมขาลส่งออกสู่ตลาดโลก
นายพลเส่งกา... บิดาของเขาเล็งเห็นถึงผลประโยชน์อันมหาศาลที่จะได้รับ หากผนวกรวมรัฐเล็กๆ แต่ร่ำรวยมหาศาลนี้เข้ามาเป็นรัฐชายขอบของการ์เมียนได้ ทหารการ์เมียนไม่รู้เท่าไหร่จึงถูกส่งเข้าสู่สมรภูมิรบ
แต่ใครเลยจะรู้... ฤาษีจำศีลที่เก็บตัวอยู่หลังม่านหมอกหนาทึบบนภูเขาสูง ไม่ค่อยมีบทบาทกับต่างประเทศในเวทีโลกอย่างสิมขาล กลับจับปืนลุกขึ้นสู้สุดใจ
การ์เมียนไม่เคยเอาชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจากกำลังทหาร แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยโค่นล้มระบอบกษัตริย์ของสิมขาลลงได้แล้วก็ตาม
เวลาเกือบสามสิบปีที่ผ่านไป สิ่งที่การ์เมียนได้รับจึงมีเพียงศพทหารศพแล้วศพเล่า ความล้าหลังของประเทศที่ไม่ได้รับการพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่เพราะติดพันอยู่กับสงคราม
บ่อน้ำมันที่อยากจะได้ก็ยังไม่มีโอกาสได้แตะต้องแม้เพียงสักบ่อ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปอย่างเขาเบื่อหน่ายสงครามที่ให้เขาได้เพียงศพทหารและความสูญเสีย หลายปีมานี้เขาจึงพยายามวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างจริงจัง อาศัยชัยภูมิอันได้เปรียบวางฐานรากเมกะโปรเจ็คท์ที่จะทำให้การ์เมียนกลายเป็นเมืองท่าเชื่อมต่อการค้าทางทะเลระหว่างเอเชีย – ยุโรป ไปจนถึงแอฟริกาได้
ที่สำคัญ... การ์เมียนของเขาจะต้องเป็นผู้ส่งออกพลังงานธรรมชาติรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ด้วย โดยเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนต่างชาติตบเท้าเข้ามาประมูลสัมปทาน และเริ่มผ่อนปรนมาตรการกีดกันทางการค้าลง
แต่ก็นั่นแหละ... บ่อน้ำมันทั้งหมดที่มีในการ์เมียนยังไม่มากพอที่จะทำให้เมกะโปรเจ็คท์ของเขายิ่งใหญ่และสัมฤทธิ์ผลอย่างที่ต้องการได้
ถ้าใช้สงครามไม่ได้ผล แล้วจะมีวิธีไหนที่จะครอบครองไข่ทองคำที่แม่ไก่อย่างสิมขาลจะไข่ออกมาอย่างไม่มีวันหมดได้
ส่ายีย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ความขึ้งเครียดหมกมุ่น ทำให้เขาไม่ทันจับสังเกตว่ามาวินและผู้ติดตามของเขาทุกคนพากันยืดตัวขึ้นตรง มือคว้าปืนพกออกมาจากซองที่เหน็บเอว
เอี๊ยด!
จนกระทั่ง รถที่นั่งอยู่ถูกเบรกกะทันหันจนร่างสูงเกือบเสียหลักนั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้รู้ตัว
รถคันหน้าที่ทำหน้าที่วิ่งเคลียร์เส้นทางและวัดดวงกับกับระเบิดที่อาจจะถูกฝังไว้ใต้ผิวถนน ถอยพรืดกลับมา
ชายหนุ่มเก็บแผนที่กับสมุดบันทึกเล่มหนารวดเร็ว ปากกาหายไปอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ชั่วครู่ปืนพกกระชับมือก็มาอยู่ในมือแข็งแรงของเขาแทน
“บ้าเอ้ย” มาวินขบฟันสบถออกมา ปืนของเขาพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกวินาที
คนขับรถคันที่เขานั่ง หมุนพวงมาลัยจนแทบจะเป็นวงกลมเพื่อหักหัวรถเลี้ยวกลับ
แต่... ช้าไปเสียแล้ว
รถจี๊ปลาดตระเวนติดตั้งปืนกลสองคัน พุ่งพรวดออกมาจากราวป่าข้างถนนขึ้นมาจอดดักท้ายรถของเขา ปิดทางที่จะย้อนกลับไปอย่างสิ้นเชิง
ส่ายียกมือเป็นสัญญาณไม่ให้มาวินทำสิ่งใดที่จะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ ไม่ต้องนับทหารสิมขาลที่ปรากฏตัวรวดเร็วราวภูติผีมาล้อมรถเขาอยู่หรอก เอาแค่ว่าถ้าคนที่ยืนบนรถจี๊ปสองคนนั้นเหนี่ยวไกรัวกระสุนปืนกลสักชุด เขาก็พรุนเป็นรังผึ้งแล้ว
เร็วกว่าที่มาวินจะคว้าไว้ทัน ส่ายีผลักประตูรถเปิด ก้าวลงไปยืนมั่นคง สีหน้าเรียบสนิท ชูมือออกข้างตัวทั้งสองข้างเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้คิดจะต่อสู้ ทำให้ทุกคนที่ติดตามชายหนุ่มมาต้องก้าวลงมายืนล้อมเขาไว้เป็นวงกลม
“เราได้รับคำสั่งให้สกัดรถของคุณไว้” นายทหารสิมขาลที่ดูท่าว่าจะเป็นผู้บังคับหน่วยก้าวลงมาจากรถจี๊ป
เป็นอย่างที่เขาคาดจริงๆ คนที่มีคำสั่งให้สกัดรถของเขาคงมีเจตนาแค่หยุดเขาไว้เท่านั้น ถ้าถึงขนาดต้องการฆ่าเขา ทหารพวกนี้คงเปิดฉากถล่มเขาไปแล้วไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอย่างนี้หรอก
ส่ายีเคยได้ยินคำเล่าลือ ทหารการ์เมียนบางคน... ตายโดยที่ศัตรูยังไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเสียด้วยซ้ำ
“อย่าคิดต่อสู้ อีกสักครู่คุณอันนาคงมาถึง”
ชายหนุ่มผู้ตกในวงล้อมกลับทำสิ่งที่ดูขัดกับสถานการณ์อย่างสิ้นเชิง เขากดยิ้มมุมปาก สีหน้ามีแววสมใจในบางสิ่ง ความพรั่นพรึงไม่ปรากฏให้เห็นแม้สักนิด
‘เป็นคุณจริงๆ ... อันนา ถ้าคุณลงทุนทำขนาดนี้ แล้วผมจะไม่ยอมรอพบคุณได้อย่างไร’