พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๓ แสงแห่งความหวัง




พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) บทนำ ==>> http://ppantip.com/topic/34847580

พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๑ แสงแรก ==>> http://ppantip.com/topic/34875682

พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๒ แสงเร้น ==>> http://ppantip.com/topic/34904297


แสงที่ ๓ แสงแห่งความหวัง


        “อ้าว คุณพ่อยังไม่ลงมาอีกหรือ”

        ส่ายีส่งเสียงถามตั้งแต่ยังเดินเข้ามาไม่ถึงโต๊ะอาหาร ทำให้สายาห์เงยหน้าขึ้นตอบพี่ชายด้วยน้ำเสียงกังวลอย่างที่น้อยครั้งนักจึงจะได้เห็น

        “เห็นฟารินให้คนลงมาบอกว่า วันนี้ท่านตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลีย ขอพักผ่อนต่ออีกสักครู่ เดี๋ยวก็คงลงมาค่ะ”

        บุตรชายคนเดียวของพลเอกเส่งกาขมวดคิ้วทันทีที่น้องสาวพูดจบ มือที่ติดกระดุมปลายแขนเสื้อไม่ค่อยถนัดนักเพราะยังเจ็บแผลชะงัก

        สองสามเดือนมานี้รู้สึกว่าอาการป่วยของคุณพ่อออดแอดลงอย่างเห็นได้ชัด

        แม้จะเคยยิ่งใหญ่เพียงไร แต่ในที่สุดมนุษย์ก็ย่อมพ่ายแพ้ให้แก่กาลเวลาที่ล่วงเลย และสังขารที่มีแต่จะทรุดโทรมลงเมื่อเข้าสู่วัยชรา ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เคยประกาศิตทุกสิ่งในการ์เมียนเช่นบิดาของเขา

        “แล้วคุณพี่ล่ะคะ ดีขึ้นแล้วหรือ”

        ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับน้องสาว รอประมุขของบ้านมานั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ คำถามนี้ของสายาห์ทำให้เขาอดนึกถึงผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาถูกยิงขึ้นมาไม่ได้...

        ป่านนี้เธอจะทำอะไรอยู่ที่ไหนหนอ?

        “พี่ถูกยิงมาเข้าวันนี้วันที่สี่แล้วนะยายน้อง เกือบหายแล้วล่ะ”

        “ดีแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อลงมาท่านจะได้ไม่ผิดสังเกตอะไร”

        เมื่อสี่วันก่อน กว่าจะแวะทำแผลที่โรงพยาบาลเสร็จ กลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่น คุณพ่อเข้าห้องหลับพักผ่อนไปแล้ว เขาจึงสั่งน้องสาวไว้ว่าไม่ต้องเรียนให้ท่านทราบ เรื่องอะไรที่จะกระทบจิตใจของผู้ป่วยโรคหัวใจในวัยชรา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่อยากให้คุณพ่อต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย

        “นี่ยังดีนะคะ ที่คุณพี่ถูกยิงที่แขนมาแค่นัดเดียวแล้วโชคดีที่ไม่โดนกระดูก ไม่งั้นล่ะแย่เชียว” น้องสาวของเขาเอ่ยเสียงอ่อน

        “ฮื่อ... โชคดี” โชคดีที่ผู้หญิงแข็งกร้าวคนนั้นไม่เป็นอะไร

        “แล้วรู้หรือยังคะ ว่าเป็นฝีมือใคร”

        “พี่ก็กำลังรอผลชันสูตรศพที่พี่เอากลับมาด้วยอยู่ว่าเป็นใคร” ส่วนอีกคนที่หนีไปได้ เขาก็ยังไม่ได้เบาะแสใดๆ ทางสิมขาลเองก็ยังไม่ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมอะไรมาให้

        “คุณพ่อมาแล้วค่ะ” สายาห์กระซิบเสียงเบา เป็นเชิงให้หยุดคุยเรื่องที่บิดายังไม่ทราบนี่ไว้ก่อนเมื่อเห็นพยาบาลส่วนตัวพยุงท่านผ่านประตูห้องอาหารเข้ามาก่อนจะผุดลุกขึ้นไปช่วยพยุงแขนบิดาอีกข้างหนึ่ง ถามอย่างหนักใจเมื่อเห็นสีหน้านายพลเส่งกาถนัด

        “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”

        จวบจนเมื่อทรุดตัวลงนั่งเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ อดีตประธานาธิบดีของการ์เมียนถึงได้บอกลูกสาว “ธรรมดาของคนแก่แหละลูก พ่อไม่เป็นอะไรหรอก”

        ดูเหมือนลูกทั้งสองคนจะไม่เชื่อถือเท่าไหร่ เพราะต่างก็เงยหน้าขึ้นมองพยาบาลประจำตัวของท่านพร้อมกัน ฟารินเลยต้องขยายความ

        “พอดีช่วงนี้ท่านขอติดตามข่าวการหาเสียงเลือกตั้งค่อนข้างดึกมาสองสามคืนแล้วน่ะค่ะ เช้าวันนี้เลยอ่อนเพลียนิดหน่อย แต่เท่าที่ดิฉันตรวจดูคร่าวๆ ก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ”

        ดวงตาคมปราบละจากพยาบาลสาว ใบหน้าค่อยคลายความกังวล “ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรที่เราควบคุมไม่ได้หรอกครับ คุณพ่ออย่าห่วงเลย ถ้ามีอะไรจริงๆ เดี๋ยวผมจะบอกคุณพ่อเอง”

        นายพลเส่งกาในวัยชราที่มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวถอนหายใจยาวหนักหน่วง ส่ายีสะท้อนใจ เขารู้... ตั้งแต่ตโมนุทถูกไอ้ไศลจับตัวไป พ่อของเขาไม่เคยยิ้มอย่างแจ่มใสอีกเลย ถึงแม้ว่าอีกไม่ถึงสองเดือน คนทั้งคู่จะแต่งงานกัน แต่ท่านก็ยังคิดเสมอว่า ไศลแต่งงานกับลูกสาวตนเองเพื่อผลทางการเมือง

        เพราะถึงแม้อาจจะบีบการ์เมียนเรื่องสนธิสัญญาหยุดยิงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การมีลูกสาวของอดีตประธานาธิบดีไว้เป็นตัวประกันในสิมขาล ก็ย่อมเป็นหลักประกันได้ว่าอย่างน้อยการ์เมียนก็ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามรุนแรงกับสิมขาลลงไปแน่... ถ้าไม่กลัวว่าตโมนุทจะถูกฆ่าทิ้งล่ะก็

        “ส่ายี... ลูกจำเอาไว้ว่า อำนาจจะเป็นของผู้ที่เข้มแข็งกว่า เด็ดขาดกว่า และรวดเร็วกว่า ผู้ที่อ่อนแอถึงแม้จะได้อำนาจมา แต่ก็รักษาไว้ได้ไม่นาน ตอนนี้คลื่นใต้น้ำมันมากเหลือเกินลูก อย่าปล่อยให้คลื่นที่มองไม่เห็นพวกนี้มาทำให้ผิวน้ำกระเพื่อมได้”

        คราวนี้กลายเป็นเขาบ้างที่หนักใจ แน่นอนว่าเขาเองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมใต้ผิวน้ำที่จะทำให้นาวาแห่งอำนาจของเขามีปัญหา มันเริ่มตั้งแต่การที่มีข่าวลวงออกมาว่าตโมนุทโดนไอ้ไศลฆ่าตายมาแล้ว แถมยังมีกลุ่มคนลึกลับที่ลอบยิงถล่มเขาที่ท่าเรือโฮม่า และล่าสุดเมื่อสี่วันก่อน... เขาถูกลอบยิง

        จนถึงวันนี้ แม้จะพอรู้ว่ามันเป็นใครที่กล้าเขย่าฐานเก้าอี้ประธานาธิบดีของเขา แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ให้เขาได้พยานหลักฐานที่แน่ชัดเมื่อไหร่เถอะ ถึงเวลานั้น อย่ามาว่าเขาโหดเหี้ยมก็แล้วกัน ตอนนี้ที่ทำได้ คือพูดให้บิดาคลายความกังวลไปก่อน

        “คุณพ่อสบายใจได้ครับ เท่าที่ผมให้คนของเราเช็คคะแนนเสียงในพื้นที่ตอนนี้ เรายังมีคะแนนนำอยู่”

        “ที่พ่อห่วง ไม่ใช่กลัวว่าลูกจะแพ้เลือกตั้งหรอกลูก แต่พ่อกลัวคนที่มันไม่เล่นกันซึ่งๆ หน้าต่างหาก”

        น้ำเสียงของเส่งกามีรอยเหน็ดเหนื่อย วันเวลาที่อยู่ในอำนาจมายาวนาน สอนให้เขาเรียนรู้ ศัตรูที่ชอบลอบกัดมักยืนอยู่ในที่มืดเสมอ กว่าจะรู้ตัวมันก็มักจะเข้ามาประชิดตัว หายใจรดต้นคออยู่ประชิดติดแผ่นหลังเสียแล้ว

        ส่ายีลอบผ่อนลมหายใจ แอบสบตารู้กันกับน้องสาวแวบหนึ่ง วันนี้เขาจงใจสวมเสื้อเชิ๊ตสีเทาเข้มจนเกือบดำตัวใหญ่กว่าไซส์ปกติที่เคยสวม เพื่อให้ยากที่จะสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่ต้นแขน ยิ้มตอบสีหน้าห่วงใยของบิดา

        “ผมจะพยายามระวังตัวให้มากที่สุด พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ”

        “อนาคตของประเทศจะเป็นยังไง ทัศนคติของผู้นำจะเป็นตัวบ่งชี้ พ่อก็ได้แต่หวังว่าการ์เมียนจะได้ผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะพัฒนาประเทศได้อย่างจริงจังเสียที” อย่าให้ติดอยู่ในหล่มของสงครามจนบ้านเมืองล้าหลังไม่ไปไหนเสียทีอย่างในช่วงยุคสมัยที่ผ่านมาเลย

        “ผมก็หวังไว้อย่างนั้นครับพ่อ การ์เมียนถึงเวลาที่ควรจะต้องปฏิรูปในทุกๆ ด้านเสียที เริ่มที่การปกครองนี่ก่อน”

        บ้านนี้เมืองนี้ถูกปกครองภายใต้ร่มเงาท็อปบูทของทหารมายาวนาน การจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศคราวนี้จึงนับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของการ์เมียนในรอบยี่สิบปีสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งส่ายีและรัฐบาลชุดของพ่อพยายามผลักดันจนได้รับการประกาศใช้ตามผลการลงประชามติเมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมาเพื่อเลือกผู้แทนประชาชนมาทำหน้าที่ในการสร้างชาติให้ทันสมัยและปูทางไปสู่การสร้างประชาธิปไตยให้เต็มใบตามลำดับ

        “พ่อก็ขอให้ทุกอย่างราบรื่นอย่างที่ลูกตั้งใจนะส่ายี”

        “ขอบคุณครับพ่อ เมื่อถึงเวลานั้น โครงการเมกะโปรเจ็คท์จะได้เดินหน้าต่อเสียที” ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและคาดหวังของคนรุ่นใหม่ที่ไฟยังแรง

        ในระยะต่อไป การ์เมียนจะเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนจากต่างชาติ เมกะโปรเจ็คท์ที่มีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่วินนายเป็นตัวขับเคลื่อนถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหมดแล้วทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ต่อให้เขาไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี โครงการนี้ก็ไม่มีทางล้มไปเด็ดขาด

        การปฎิรูปการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบเศรษฐกิจให้มีความเป็นสากล นับเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะเปิดประเทศสู่สังคมโลก การเปิดประตูทางเศรษฐกิจครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสในการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ กับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถ้าการเมืองมั่นคง เศรษฐกิจก็พุ่ง นักลงทุนที่ไหนก็อยากเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีแรงงานพร้อม มีเมืองท่าขนส่ง จะขาดก็แต่...

        ส่ายีว้าวุ่นใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

        ฟังดูเหมือนจะเป็นการจับเสือมือเปล่า โครงการเมกะโปรเจ็คท์ของเขาต้องดึงทุนจากต่างชาติทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาร่วมทุนเพราะในการ์เมียนเองยังขาดทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ ทั้งด้านการโทรคมนาคม การขนส่ง

        ส่วนทรัพยากรสำคัญที่จะนำมาเป็นปัจจัยการผลิต การ์เมียนยังมีไม่มากพอที่สามารถจะนำมาพัฒนาประเทศในอนาคตได้อย่างที่ตั้งใจ เขาจะทำอย่างไรในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการมันกลับมีอยู่อย่างมหาศาลในดินแดนคู่สงครามผู้ไม่เคยยอมสิโรราบให้... สิมขาล

        ดวงหน้าสวยติดตาตรึงใจของสตรีผู้หนึ่งพลันกระจ่างขึ้นในความทรงจำ แม้จะพบกันเพียงแค่สองครั้ง แต่เขากลับจดจำผู้หญิงคนนั้นได้แจ่มชัด แววตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังของผู้ดูแลกระเป๋าเงินของสิมขาลสลักลึกแนบแน่นอยู่ในหัวใจ

        ‘เราต้องได้พบกันอีกแน่... คุณอันนา’

        ส่ายีตักอาหารเช้ารับประทาน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองบิดาอีกครั้ง ริ้วรอยของความทุกข์ไม่สบายใจที่ปรากฏชัดทำให้ชายหนุ่มเก็บภาพความทรงจำของเธอผู้นั้นไว้เพียงในใจตน เอ่ยถามว่า

        “คุณพ่อยังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอีกหรือเปล่าครับ” ถามอย่างหนักใจ และเขาก็คิดว่าเขารู้คำตอบดี “เป็นห่วงน้องตาโมหรือครับ”

        คำถามของเขาดูเหมือนจะยิ่งทำให้ริ้วรอยความไม่สบายใจของเส่งกายิ่งชัดเจนขึ้นจนกลายเป็นความเศร้าหมองอย่างที่ไม่ต้องสังเกตก็ดูออก

        “พ่อไม่เคยปกป้อง ไม่เคยดูแลผู้หญิงสองคนแม่ลูกนี้ได้เลย มีแต่จะทำร้าย” น้ำเสียงแหบแห้งนั้นสั่นเครืออย่างยิ่ง เต็มแน่นไปด้วยความรู้สึกผิดและโหยหา ทั้งที่รู้เต็มอกว่าผู้หญิงที่เขารักทั้งสองคนนี้ไม่มีทางที่จะย้อนคืนกลับมาหาเขาได้อีกแล้ว

        ลูกสาวดั่งแก้วตา... จากเป็น สตรีผู้เป็นดั่งดวงใจ... จากตาย

        ตนียาวดี... ผู้หญิงที่เขารักตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งบุกไปเหยียบสิมขาลถึงพระราชวังตาโม จนตัดใจฆ่าทิ้งไม่ลงพากลับมาการ์เมียนด้วยกัน รักทั้งที่อีกฝ่ายเกลียดชังเขาสุดจิตสุดใจจนกระทั่งตรอมใจสิ้นชีวิตเมื่อคลอดตโมนุทได้ไม่นาน

        ถึงแม้ตโมนุทจะเป็นลูกสาวที่เขาไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ ไม่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูด้วยสองมือของเขา แต่เส่งการู้แน่แก่ใจ เขารักลูกสาวคนนี้ไม่น้อยกว่าลูกที่เกิดจากภรรยาแรกอย่างส่ายีและสายาห์เลย

        “ผมแน่ใจว่าน้องตาโมปลอดภัยดี คนอย่างไอ้ไศลไม่เคยผิดคำพูด ถ้ามันคิดจะฆ่าหรือทำอันตรายน้องตาโมจริงๆ มันคงทำไปตั้งแต่สามวันแรกที่น้องโดนจับตัวไปแล้วเราไม่ตอบตกลงรับเงื่อนไขของมันนั่นแล้ว ถ้าไม่เพราะรัก ป่านนี้มันคงทยอยส่งชิ้นส่งของน้องตาโมกลับมาให้เราครบหมดแล้วล่ะครับ”

        เมื่อเห็นว่าริ้วรอยความทุกข์ในใจยังไม่จางหายไปจากใบหน้าของบิดา ส่ายีก็ย้ำอีก

        “อย่างตอนที่ผมไปเจอที่ท่าเรือโฮม่าก็เหมือนกัน ไศลห่วงน้องตาโมยิ่งกว่าชีวิตตัวมันเอง ผมจำได้ดีว่ามันร้อนรนแทบเป็นบ้ากว่าจะช่วยน้องออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ได้ แล้วนี่เขาก็ประกาศแต่งงานอย่างเป็นทางการ จัดงานยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นงานระดับรัฐ ให้เกียรติคนของเรามากนะครับ”

        “มันจะบีบให้เราอ่อนข้อให้มัน”

        “แต่ถึงยังไงผมก็ว่า ไศลคงไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ”

        เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าข้างและออกปากรับแทนศัตรูคู่อาฆาตอย่างไศล ค่อนข้างแน่ใจ ว่าเมื่อสี่วันก่อนที่เขายังกลับมาได้โดยไม่เกิดการปะทะกับทหารประจำด่านตรวจที่กักตัวเขาไว้ตามคำสั่งของอันนา น่าจะมาจากประกาศิตของบาวีของพวกมัน ถ้าไอ้ไศลมันยังคงบ้าระห่ำไม่เกรงใครหน้าไหนเหมือนตอนก่อนที่จะได้พบตโมนุทล่ะก็ เขาคงได้ดวลเดือดไปแล้ว ไม่ได้กลับมาง่ายๆ แบบนี้หรอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่