บทที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34849268
ไนท์ ได้พาเฟรี่ หลบจากฝูงภูตนรก โดยการช่วยเหลือของชายชราแจวเรือผู้ลึกลับ
ข้ามฝั่งมาพบกับปีศาจขาว เจ้าของดินแดนเร้นลับอีกฟากฝั่ง
===================
จอมใจอเวจี
บทที่ 8...อาหารมื้อแรก
===================
ปีศาจหนุ่มหลังจากเดินห่างออกมาเส้นทางหลักอย่างรวดเร็วก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตึกใหญ่ เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ปูแผ่นหินเป็นแนวยาวอย่างมีระเบียบตัดไปยังป่าโปร่งบริเวณเชิงเขาด้านหลัง ใต้บริเวณชะง่อนหินสูงมีปากถ้ำเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง ไนท์เดินเข้าไปอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
ในถ้ำมีตะเกียงน้ำมันแขวนผนังให้แสงสว่างหม่นมัวราวกับมีคนมาจุดไว้ล่วงหน้า เตียงไม้เก่าๆวางอยู่ชิดผนัง ปีศาจหนุ่มพอเดินไปถึงเตียงไม้ก็เหมือนเป็นคันธนูถูกเหนี่ยวสุดล้าจนหักกลางคัน ล้มตัวลงไปอย่างหมดความอดทน
เขาต้องการพักผ่อนสักระยะ
แต่ดูเหมือนว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะไม่สะดวกราบรื่นเสียแล้ว เมื่อปากถ้ำมีการเคลื่อนไหววูบวาบของเงา ราวภูตพรายชุดขาวผมสียาวสยายพลิ้วแผ่วตามแรงลม
ปีศาจขาววีนิลี่นั่นเอง ยืนมองอาการหมดสภาพของนักรบปีศาจแบบไม่พูดไม่จาครู่หนึ่ง ก่อนก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เอ่ยขึ้นเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่คนฟังกลับได้ยินชัด
“ท่าทางสาวน้อยคนนั้นคงสำคัญมาก ใครบางคนถึงฝืนสังขารพามาได้ไกลถึงขนาดนี้”
ไนท์ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้าพอเห็นว่าเป็นใครก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแต่ประการใด ท่าทางเหมือนจะรำคาญนิดๆเสียด้วยซ้ำ หลับตาลงไปเอ่ยตอบแบบลอยๆเหมือนกันว่า
“ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย เพียงแต่ข้าเผลอไปรับปากเธอไว้เท่านั้น”
พูดแล้วก็พลิกตัวไปอีกทางเหมือนไม่อยากจะคุย ปีศาจขาวยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า
“ท่าทางของพวกเจ้าสองคน เหมือนคุ้นเคยสนิทสนมกันมานาน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันข้ามวันเท่านั้นมันเป็นเรื่องที่พิเศษผิดปกติ เจ้าไม่รู้ตัวไม่แปลกใจเลยหรือไงแล้วไม่สงสัยเลยหรือว่าทำไมเป็นแบบนี้”
ไนท์นิ่งเงียบ แต่ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน เงาของสาวตกสวรรค์คนนั้นรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลาอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน คิดอยากจะผละหนีไปให้ไกลห่าง แต่พอคิดแบบนั้นใจก็หายวาบทุกครั้ง คำพูดของวินีลี่ไม่ได้เกินจริง ทำไมรู้สึกคุ้นเคยจนเกินธรรมดาอย่างน่าประหลาด มีการต่อปากต่อคำกันราวคุ้นเคยกันมานานทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน เป็นเรื่องชบคิดแล้วไม่เข้าใจเอาเสียเลย
เสียงของวีนิลี่ยังแว่วให้ได้ยินต่อไปว่า
“ยังวางมาดหยิ่ง แบบเจียมตัวเหมือนเดิม อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หาย แทนที่จะเข้าไปในตึก ก็รู้อยู่ว่าตึกของข้ามีตัวยารักษามากมายที่ใครบางคนเตรียมไว้ให้ กลับปลีกตัวออกมาคนเดียวมันจะเป็นการดูถูกน้ำใจกันมากไปแล้ว”
“ข้าไม่อยากรบกวนท่าน” ปีศาจหนุ่มตอบเสียงเนือยๆ และหมายความตามนั้น
“ไม่อยากรบกวน แต่ทำให้ข้าต้องตามมาดูอาการถึงที่นี่ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ ว่าแต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เจ้าแย่แน่ ยาของสาวน้อยนางนั้นเดี๋ยวก็หมดฤทธิ์ ให้ข้าจัดการเอง”
ปีศาจหนุ่มผวาลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะเฉลียวใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้แวะมาดูอาการเฉยๆ เป็นแน่แท้ อ้าปากจะร้องห้ามแต่สายเกินไปเสียแล้ว
เงาร่างขาวๆ วูบเข้ามาถึงตัวด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ ไนท์ลืมเจ็บพลิกตัวออกจากเตียงแบบไม่ต้องคิดแม้ว่าอยากจะหลับตานอนสักพักรักษาอาการทว่าไม่มีโอกาสอีกต่อไป
มีเสียงดังเฟี้ยวพร้อมกับพลังแหลมคมสายหนึ่งเฉียดกกหูไปอย่างหวุดหวิด หน้ากากสีขาวด้านแก้มซ้ายมีรอยแตกปริเล็กๆเป็นไยแมงมุม ไนท์ถอยหลังปราดออกไปราวลมหอบ แต่ร่างในชุดขาวยังพลิ้วตามติดเป็นเงาตามตัวแบบรวดเร็วจนน่าใจหาย
กรงเล็บในเสื้อแขนกว้างรุ่มร่ามยื่นออกมาในท่วงท่าเดิม ไม่ซับซ้อนพิสดารแต่ตามติดประชิดตัวแบบสะท้านขวัญ
ปีศาจหนุ่มยกฝักดาบต้านรับแต่รู้สึกตาลายวูบหนึ่งพร้อมกับดาบถูกปัดปลิวกระเด็นออกไปจากมือ ตัวดาบลอยไปทางซ้ายกระแทกเข้ากับผนังปักตรึงแน่น ฝักดาบลอยไปทางขวากระแทกผนังถ้ำอีกด้านแล้วหล่นลงกับพื้น
แบบนี้ต่อให้ไม่บาดเจ็บเป็นทุนอยู่ก่อนก็ยากจะรับมือกับปีศาจสาวผู้มีฝีมือสูงล้ำยากต้านทาน และสำคัญว่าถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากด้านหลังเป็นผนังหิน
วีนิลี่ยื่นมือออกไปคว้าจับข้อมือขวาของอีกฝ่ายแล้วพลิกข้อมือบิดวูบหนึ่ง ร่างของนักรบปีศาจถูกกระชากจนลอยขึ้นทั้งตัวเหมือนไม่มีน้ำหนัก
ไนท์ฟันสันมือซ้ายใส่ข้อมือของอีกฝ่าย แต่กลับถูกบิดข้อมือเหวี่ยงหมุนกลางอากาศอีกครั้งจนลอยหมุนคว้างมือกางเท้ากางไปกระแทกผนังถ้ำด้านในดังโครม
ยังไม่ทันจะทรุดลงก็มีเสียงดัง ต๊ก ๆกังวานถี่ยิบ วัตถุเล็กเรียวยาวโปร่งใสคล้ายแท่งแก้วยาวเรียวประมาณคืบกว่าหกเจ็ดเล่มถูกซัดออกมาจากแขนเสื้อของปีศาจขาวปักตรึงร่างของไนท์ไว้กับผนังราวกับเป็นผีเสื้อถูกเข็มหมุดจนไม่มีทางดิ้นรนหลุดรอด
ปีศาจขาววีนิลี่หลังจากใช้ฝีมืออันร้ายกาจออกไปก็พยักหน้ามองดูผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจ หัวเราะเบาๆ ปัดแขนเสื้อไปมาแล้วบอกอย่างยิ้มแย้มเป็นครั้งแรกว่า
“ทีนี้คงพูดจาง่ายขึ้นแล้วสินะ ”
ใบหน้าขาวซีดและนัยน์ตาสีขาวจัดจ้าในขอบตาสีดำความจริงดูน่ากลัวแต่พอปรากฏรอยยิ้มก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรแล้ว ไนท์ทดลองขยับแขนขาดู แต่จนใจว่าบริเวณข้อมือข้อเท้าซ้ายขวาชายโครง ไหล่ถูก วัตถุโปร่งใสปักตรึงไว้แน่น ประกอบกับอาการบาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้รู้ว่าไม่มีทางดิ้นรนออกมาได้ จึงได้แต่ถอนใจไม่พูดว่าอะไร รับชะตากรรมแต่โดยดี
“นี่คือวิชาฝังกระสวยของข้า เจ้าก็คงรู้ วางใจได้จุดโดนกระสวยแก้วปักไม่ใช่จุดอันตรายไม่ใช่จุดตายไม่ตรงกับเส้นเลือดใหญ่ และกระสวยพวกนั้นอาบยาห้ามเลือดและมียารักษาไว้แล้ว อยู่เฉยๆสักพักจะดีกว่า”
ถูกปักตรึงอยู่กับผนังแบบหมดสภาพ แต่ปีศาจหนุ่มกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดทรมานจากการบาดเจ็บเริ่มลดลงทีละน้อย วิชาทางการแพทย์ของปีศาจผู้ลึกลับช่างพิสดารดีเหลือเกิน แทนที่จะช่วยรักษาวิธีธรรมดากลับใช้การปักหมุดตอกตรึงสุดพิสดาร
พอเห็นอีกฝ่ายไม่โต้ตอบปีศาจขาวก็พยักหน้าอีกครั้งก่อนยกมือกอดอกพูดต่อไปอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ
“เจ้าปักอยู่บนนั้นไปก่อน เที่ยงนี้ข้ามีนัดกับสาวน้อยตกสวรรค์เราจะกินอาหารเที่ยงด้วยกัน ทางที่ดีเจ้าควรหาโอกาสไปด้วย ไม่อย่างนั้นข้าอาจจับเพื่อนของเจ้ากินทั้งเป็น ท่าทางน่าอร่อย ได้ยินมาว่าเนื้อของพวกเบื้องบนกินแล้วรักษาสุขภาพบำรุงกำลังวังชา หรือไม่อีกทางเจ้าก็เดินทางไปตามลำพัง ไม่ต้องมีใครเกะกะมือเท้า เลือกเอาที่สบายใจก็แล้วกัน”
ว่าพลางยกมือขึ้นเสยผมสีขาวยาวสยายแล้วหันหลังก้าวเดินออกไปด้วยท่าทางสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยผีเสื้อตัวโตถูกปักหมุดตรึงไว้กับผนังถ้ำอย่างน่าสงสารและน่าเวทนาตามลำพัง
สติของนักรบหน้ากากไร้อารมณ์พลันหรี่ลงเป็นไฟสิ้นเชื้อและดับวูบลงในสภาพถูกตรึงกับผนัง
เฟรี่อาบน้ำเรียบร้อยพร้อมด้วยอาการสดชื่น สวมเสื้อผ้าสีขาวชุดใหม่ซึ่งถูกจัดหามาให้โดยคนรับใช้ จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มสำรวจห้องนอนอย่างสนใจ ห้องนี้มีลักษณะเป็นห้องกว้างพื้นผนังเพดานเป็นหินอ่อนทั้งหมด แม้แต่เตียงก็ทำมาจากหินอ่อนแต่ปูด้วยฟูกหนานุ่มเชิญชวนนอนเป็นอย่างมาก เห็นแล้วต่อให้หูตากระจ่างสดใสยังแทบต้องกระโจนลงมานอนให้เต็มตาสักตื่น
ถ้าจะมีสิ่งที่ไม่ใช่หินอ่อนอยู่บ้างก็คงเป็นพวกประตูและหน้าต่าง ทำมาจากไม้ขัดเงาสีดำ ลองเปิดหน้าต่างออกดูก็พบว่าห้องนี้อยู่สูงจากพื้นพอสมควร คงประมาณชั้นสี่ของตึกธรรมดาและอยู่ด้านข้างของอาคารมองลงไปเห็นสวนไม้สวยงาม ไกลออกไปจนรางเลือนสุดขอบฟ้าเป็นแนวเขาซึ่งปีศาจซ่อนหน้าคนนั้นบอกว่าจะต้องข้ามเขาลูกนั้นไปจึงจะหาทางออกจากขอบอเวจีนี้ไปได้ นึกแล้วก็เหนื่อยกายใจ สมัยอยู่เบื้องบนไม่ต้องลำบากมากมาย เพียงยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก็เรียกหาให้ใครต่อใครมารับมาส่ง
ท้องฟ้าด้านนอกไม่มีดวงอาทิตย์ปรากฏให้เห็น แล้วจะรู้จะดูเวลาอย่างไรกันว่าเป็นเช้าสายบ่ายเย็นแต่พอสังเกตสักพักก็เริ่มเดาอะไรได้บ้าง บริเวณกลุ่มเมฆบนฟากฟ้าปกคลุมบางแห่งมีแสงสว่างมากกว่าบริเวณอื่นๆ มีทางเป็นไปได้ว่าบางทีดวงอาทิตย์คงซ่อนอยู่หลังกลุ่มเมฆตำแหน่งนั้น ไกลออกไปมองเห็นคล้ายกลุ่มควันลอยกรุ่นซึ่งอาจเป็นแหล่งชุมชนอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา
หญิงสาวยืนมองลงมาจากหน้าต่างครู่หนึ่งแล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ หันไปค้นในกระเป๋าเสื้อผ้าชุดเดิม หยิบกล่องแก้วเจียรนัยเล็กๆแบนๆขนาดเล็กครึ่งฝ่ามือขึ้นมากดปุ่มไปมาครู่หนึ่งแล้วยกขึ้นแนบหู
ไม่มีสัญญาณอะไรกลับมาเลยแม้แต่เล็กน้อย มีแต่ความเงียบจนน่าใจหาย บางทีอาจเป็นเพราะว่าดินแดนอเวจีแห่งนี้ไม่มีสัญญาณของระบบการสื่อสารจากเบื้องบน หรือไม่ก็คลื่นความถี่ของพวกเบื้องบนและเบื้องล่างไม่มีทางปรับเข้าหากันได้ ความจริงระหว่างเดินทางมีหลายครั้งแล้วในการพยายามสื่อสารออกสู่โลกภายนอก แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลยสักครั้ง
หญิงสาวหน้าเจื่อนไปถนัดตาเมื่อไม่สามารถติดต่อหาคนรักได้ ป่านนี้คงวุ่นวายร้อนใจจนแทบไม่ต้องทำอะไร คงส่งหน่วยติดตามออกค้นหาอย่างลำบากในอวกาศและมิติอันกว้างใหญ่ไพศาล
และจะต้องไม่มีทางหลบลี้หนีหน้าหายไปเหมือนใครบางคน
ทดลองเดินไปมาสักครู่พบว่าอาการระบมบริเวณฝ่าเท้าหายเกือบหายเป็นปกติอันเป็นผลจากยาทรงประสิทธิภาพในการรักษา แบบนี้พรุ่งนี้ก็วิ่งเล่นได้สบายไม่ต้องกังวล พอสบายใจขึ้นมาบ้าง ประกอบกับไม่มีอะไรจะทำเลยล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม จนได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ แต่ไม่หรอก..ยังไม่เปิด เพราะจะต้องพิจารณาให้แน่แก่ใจว่าเป็นคนไว้วางใจได้ แต่ใครล่ะจะไว้วางใจได้ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย และถ้ามีใครคิดร้ายจริง ก็คงทำสิ่งเลวร้ายไปตั้งแต่มาถึงตึกนี้แล้ว ไม่ปล่อยให้มาอาบน้ำสบายใจอยู่ได้อย่างแน่นอน แต่เผื่อว่าจะเป็นการปล่อยให้ตายใจล่ะ..ของแบบนี้ไม่ประมาทเป็นการดีที่สุด
ยิ่งคิดยิ่งเรื่องมาก... สุดท้ายตัดใจไม่ต้องคิดอะไรมากมาย อะไรจะเกิดคงห้ามไม่ได้หญิงสาวสั่นศีรษะแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
สาวใช้คนใหม่หน้าตาสวยน่ารักอีกคนซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยยืนอยู่อย่างสำรวมท่าทางเกรงอกเกรงใจและบอกอย่างนอบน้อม แต่ท่าทางมีอะไรบางอย่างพิเศษมากไปกว่าสาวรับใช้สองคนแรก ทว่ายังมองไม่ออกว่าคืออะไร
“ได้เวลาเที่ยง อาหารพร้อมแล้วค่ะ”
“เวลาเที่ยง..” เฟรี่ทวนคำแล้วมองหน้าสาวรับใช้ก่อนเลียบๆเคียงๆถามว่า
“ดูเวลาจากไหนถึงรู้ว่าเวลาเที่ยง”
“ไม่ยากนี่คะ” สาวรับใช้นางนั้นบอกพลางยกข้อมือให้ดู
“ก็ดูเครื่องบอกเวลาสิคะ พวกเรามีใช้กับแทบทุกคน”
“เครื่องบอกเวลา”
“ค่ะ..พวกมนุษย์เรียกว่านาฬิกา”
“นรก....มีนาฬิกาใช้”
หญิงสาวอุทานด้วยความแปลกใจ ว่านี่มันนรกขุมไหนกัน ไม่ได้ตรงกับสภาพนรกตามที่เคยเล่าเรียนมาเลย
...................
จอมใจอเวจี ....... บทที่ 8 (อาหารมื้อแรก)
บทที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34849268
ไนท์ ได้พาเฟรี่ หลบจากฝูงภูตนรก โดยการช่วยเหลือของชายชราแจวเรือผู้ลึกลับ
ข้ามฝั่งมาพบกับปีศาจขาว เจ้าของดินแดนเร้นลับอีกฟากฝั่ง
===================
จอมใจอเวจี
บทที่ 8...อาหารมื้อแรก
===================
ปีศาจหนุ่มหลังจากเดินห่างออกมาเส้นทางหลักอย่างรวดเร็วก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตึกใหญ่ เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ปูแผ่นหินเป็นแนวยาวอย่างมีระเบียบตัดไปยังป่าโปร่งบริเวณเชิงเขาด้านหลัง ใต้บริเวณชะง่อนหินสูงมีปากถ้ำเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง ไนท์เดินเข้าไปอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
ในถ้ำมีตะเกียงน้ำมันแขวนผนังให้แสงสว่างหม่นมัวราวกับมีคนมาจุดไว้ล่วงหน้า เตียงไม้เก่าๆวางอยู่ชิดผนัง ปีศาจหนุ่มพอเดินไปถึงเตียงไม้ก็เหมือนเป็นคันธนูถูกเหนี่ยวสุดล้าจนหักกลางคัน ล้มตัวลงไปอย่างหมดความอดทน
เขาต้องการพักผ่อนสักระยะ
แต่ดูเหมือนว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะไม่สะดวกราบรื่นเสียแล้ว เมื่อปากถ้ำมีการเคลื่อนไหววูบวาบของเงา ราวภูตพรายชุดขาวผมสียาวสยายพลิ้วแผ่วตามแรงลม
ปีศาจขาววีนิลี่นั่นเอง ยืนมองอาการหมดสภาพของนักรบปีศาจแบบไม่พูดไม่จาครู่หนึ่ง ก่อนก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เอ่ยขึ้นเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่คนฟังกลับได้ยินชัด
“ท่าทางสาวน้อยคนนั้นคงสำคัญมาก ใครบางคนถึงฝืนสังขารพามาได้ไกลถึงขนาดนี้”
ไนท์ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้าพอเห็นว่าเป็นใครก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแต่ประการใด ท่าทางเหมือนจะรำคาญนิดๆเสียด้วยซ้ำ หลับตาลงไปเอ่ยตอบแบบลอยๆเหมือนกันว่า
“ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย เพียงแต่ข้าเผลอไปรับปากเธอไว้เท่านั้น”
พูดแล้วก็พลิกตัวไปอีกทางเหมือนไม่อยากจะคุย ปีศาจขาวยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า
“ท่าทางของพวกเจ้าสองคน เหมือนคุ้นเคยสนิทสนมกันมานาน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันข้ามวันเท่านั้นมันเป็นเรื่องที่พิเศษผิดปกติ เจ้าไม่รู้ตัวไม่แปลกใจเลยหรือไงแล้วไม่สงสัยเลยหรือว่าทำไมเป็นแบบนี้”
ไนท์นิ่งเงียบ แต่ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน เงาของสาวตกสวรรค์คนนั้นรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลาอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน คิดอยากจะผละหนีไปให้ไกลห่าง แต่พอคิดแบบนั้นใจก็หายวาบทุกครั้ง คำพูดของวินีลี่ไม่ได้เกินจริง ทำไมรู้สึกคุ้นเคยจนเกินธรรมดาอย่างน่าประหลาด มีการต่อปากต่อคำกันราวคุ้นเคยกันมานานทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน เป็นเรื่องชบคิดแล้วไม่เข้าใจเอาเสียเลย
เสียงของวีนิลี่ยังแว่วให้ได้ยินต่อไปว่า
“ยังวางมาดหยิ่ง แบบเจียมตัวเหมือนเดิม อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หาย แทนที่จะเข้าไปในตึก ก็รู้อยู่ว่าตึกของข้ามีตัวยารักษามากมายที่ใครบางคนเตรียมไว้ให้ กลับปลีกตัวออกมาคนเดียวมันจะเป็นการดูถูกน้ำใจกันมากไปแล้ว”
“ข้าไม่อยากรบกวนท่าน” ปีศาจหนุ่มตอบเสียงเนือยๆ และหมายความตามนั้น
“ไม่อยากรบกวน แต่ทำให้ข้าต้องตามมาดูอาการถึงที่นี่ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ ว่าแต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เจ้าแย่แน่ ยาของสาวน้อยนางนั้นเดี๋ยวก็หมดฤทธิ์ ให้ข้าจัดการเอง”
ปีศาจหนุ่มผวาลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะเฉลียวใจอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้แวะมาดูอาการเฉยๆ เป็นแน่แท้ อ้าปากจะร้องห้ามแต่สายเกินไปเสียแล้ว
เงาร่างขาวๆ วูบเข้ามาถึงตัวด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ ไนท์ลืมเจ็บพลิกตัวออกจากเตียงแบบไม่ต้องคิดแม้ว่าอยากจะหลับตานอนสักพักรักษาอาการทว่าไม่มีโอกาสอีกต่อไป
มีเสียงดังเฟี้ยวพร้อมกับพลังแหลมคมสายหนึ่งเฉียดกกหูไปอย่างหวุดหวิด หน้ากากสีขาวด้านแก้มซ้ายมีรอยแตกปริเล็กๆเป็นไยแมงมุม ไนท์ถอยหลังปราดออกไปราวลมหอบ แต่ร่างในชุดขาวยังพลิ้วตามติดเป็นเงาตามตัวแบบรวดเร็วจนน่าใจหาย
กรงเล็บในเสื้อแขนกว้างรุ่มร่ามยื่นออกมาในท่วงท่าเดิม ไม่ซับซ้อนพิสดารแต่ตามติดประชิดตัวแบบสะท้านขวัญ
ปีศาจหนุ่มยกฝักดาบต้านรับแต่รู้สึกตาลายวูบหนึ่งพร้อมกับดาบถูกปัดปลิวกระเด็นออกไปจากมือ ตัวดาบลอยไปทางซ้ายกระแทกเข้ากับผนังปักตรึงแน่น ฝักดาบลอยไปทางขวากระแทกผนังถ้ำอีกด้านแล้วหล่นลงกับพื้น
แบบนี้ต่อให้ไม่บาดเจ็บเป็นทุนอยู่ก่อนก็ยากจะรับมือกับปีศาจสาวผู้มีฝีมือสูงล้ำยากต้านทาน และสำคัญว่าถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากด้านหลังเป็นผนังหิน
วีนิลี่ยื่นมือออกไปคว้าจับข้อมือขวาของอีกฝ่ายแล้วพลิกข้อมือบิดวูบหนึ่ง ร่างของนักรบปีศาจถูกกระชากจนลอยขึ้นทั้งตัวเหมือนไม่มีน้ำหนัก
ไนท์ฟันสันมือซ้ายใส่ข้อมือของอีกฝ่าย แต่กลับถูกบิดข้อมือเหวี่ยงหมุนกลางอากาศอีกครั้งจนลอยหมุนคว้างมือกางเท้ากางไปกระแทกผนังถ้ำด้านในดังโครม
ยังไม่ทันจะทรุดลงก็มีเสียงดัง ต๊ก ๆกังวานถี่ยิบ วัตถุเล็กเรียวยาวโปร่งใสคล้ายแท่งแก้วยาวเรียวประมาณคืบกว่าหกเจ็ดเล่มถูกซัดออกมาจากแขนเสื้อของปีศาจขาวปักตรึงร่างของไนท์ไว้กับผนังราวกับเป็นผีเสื้อถูกเข็มหมุดจนไม่มีทางดิ้นรนหลุดรอด
ปีศาจขาววีนิลี่หลังจากใช้ฝีมืออันร้ายกาจออกไปก็พยักหน้ามองดูผลงานของตัวเองอย่างพึงพอใจ หัวเราะเบาๆ ปัดแขนเสื้อไปมาแล้วบอกอย่างยิ้มแย้มเป็นครั้งแรกว่า
“ทีนี้คงพูดจาง่ายขึ้นแล้วสินะ ”
ใบหน้าขาวซีดและนัยน์ตาสีขาวจัดจ้าในขอบตาสีดำความจริงดูน่ากลัวแต่พอปรากฏรอยยิ้มก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรแล้ว ไนท์ทดลองขยับแขนขาดู แต่จนใจว่าบริเวณข้อมือข้อเท้าซ้ายขวาชายโครง ไหล่ถูก วัตถุโปร่งใสปักตรึงไว้แน่น ประกอบกับอาการบาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้รู้ว่าไม่มีทางดิ้นรนออกมาได้ จึงได้แต่ถอนใจไม่พูดว่าอะไร รับชะตากรรมแต่โดยดี
“นี่คือวิชาฝังกระสวยของข้า เจ้าก็คงรู้ วางใจได้จุดโดนกระสวยแก้วปักไม่ใช่จุดอันตรายไม่ใช่จุดตายไม่ตรงกับเส้นเลือดใหญ่ และกระสวยพวกนั้นอาบยาห้ามเลือดและมียารักษาไว้แล้ว อยู่เฉยๆสักพักจะดีกว่า”
ถูกปักตรึงอยู่กับผนังแบบหมดสภาพ แต่ปีศาจหนุ่มกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดทรมานจากการบาดเจ็บเริ่มลดลงทีละน้อย วิชาทางการแพทย์ของปีศาจผู้ลึกลับช่างพิสดารดีเหลือเกิน แทนที่จะช่วยรักษาวิธีธรรมดากลับใช้การปักหมุดตอกตรึงสุดพิสดาร
พอเห็นอีกฝ่ายไม่โต้ตอบปีศาจขาวก็พยักหน้าอีกครั้งก่อนยกมือกอดอกพูดต่อไปอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ
“เจ้าปักอยู่บนนั้นไปก่อน เที่ยงนี้ข้ามีนัดกับสาวน้อยตกสวรรค์เราจะกินอาหารเที่ยงด้วยกัน ทางที่ดีเจ้าควรหาโอกาสไปด้วย ไม่อย่างนั้นข้าอาจจับเพื่อนของเจ้ากินทั้งเป็น ท่าทางน่าอร่อย ได้ยินมาว่าเนื้อของพวกเบื้องบนกินแล้วรักษาสุขภาพบำรุงกำลังวังชา หรือไม่อีกทางเจ้าก็เดินทางไปตามลำพัง ไม่ต้องมีใครเกะกะมือเท้า เลือกเอาที่สบายใจก็แล้วกัน”
ว่าพลางยกมือขึ้นเสยผมสีขาวยาวสยายแล้วหันหลังก้าวเดินออกไปด้วยท่าทางสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยผีเสื้อตัวโตถูกปักหมุดตรึงไว้กับผนังถ้ำอย่างน่าสงสารและน่าเวทนาตามลำพัง
สติของนักรบหน้ากากไร้อารมณ์พลันหรี่ลงเป็นไฟสิ้นเชื้อและดับวูบลงในสภาพถูกตรึงกับผนัง
เฟรี่อาบน้ำเรียบร้อยพร้อมด้วยอาการสดชื่น สวมเสื้อผ้าสีขาวชุดใหม่ซึ่งถูกจัดหามาให้โดยคนรับใช้ จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มสำรวจห้องนอนอย่างสนใจ ห้องนี้มีลักษณะเป็นห้องกว้างพื้นผนังเพดานเป็นหินอ่อนทั้งหมด แม้แต่เตียงก็ทำมาจากหินอ่อนแต่ปูด้วยฟูกหนานุ่มเชิญชวนนอนเป็นอย่างมาก เห็นแล้วต่อให้หูตากระจ่างสดใสยังแทบต้องกระโจนลงมานอนให้เต็มตาสักตื่น
ถ้าจะมีสิ่งที่ไม่ใช่หินอ่อนอยู่บ้างก็คงเป็นพวกประตูและหน้าต่าง ทำมาจากไม้ขัดเงาสีดำ ลองเปิดหน้าต่างออกดูก็พบว่าห้องนี้อยู่สูงจากพื้นพอสมควร คงประมาณชั้นสี่ของตึกธรรมดาและอยู่ด้านข้างของอาคารมองลงไปเห็นสวนไม้สวยงาม ไกลออกไปจนรางเลือนสุดขอบฟ้าเป็นแนวเขาซึ่งปีศาจซ่อนหน้าคนนั้นบอกว่าจะต้องข้ามเขาลูกนั้นไปจึงจะหาทางออกจากขอบอเวจีนี้ไปได้ นึกแล้วก็เหนื่อยกายใจ สมัยอยู่เบื้องบนไม่ต้องลำบากมากมาย เพียงยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก็เรียกหาให้ใครต่อใครมารับมาส่ง
ท้องฟ้าด้านนอกไม่มีดวงอาทิตย์ปรากฏให้เห็น แล้วจะรู้จะดูเวลาอย่างไรกันว่าเป็นเช้าสายบ่ายเย็นแต่พอสังเกตสักพักก็เริ่มเดาอะไรได้บ้าง บริเวณกลุ่มเมฆบนฟากฟ้าปกคลุมบางแห่งมีแสงสว่างมากกว่าบริเวณอื่นๆ มีทางเป็นไปได้ว่าบางทีดวงอาทิตย์คงซ่อนอยู่หลังกลุ่มเมฆตำแหน่งนั้น ไกลออกไปมองเห็นคล้ายกลุ่มควันลอยกรุ่นซึ่งอาจเป็นแหล่งชุมชนอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา
หญิงสาวยืนมองลงมาจากหน้าต่างครู่หนึ่งแล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ หันไปค้นในกระเป๋าเสื้อผ้าชุดเดิม หยิบกล่องแก้วเจียรนัยเล็กๆแบนๆขนาดเล็กครึ่งฝ่ามือขึ้นมากดปุ่มไปมาครู่หนึ่งแล้วยกขึ้นแนบหู
ไม่มีสัญญาณอะไรกลับมาเลยแม้แต่เล็กน้อย มีแต่ความเงียบจนน่าใจหาย บางทีอาจเป็นเพราะว่าดินแดนอเวจีแห่งนี้ไม่มีสัญญาณของระบบการสื่อสารจากเบื้องบน หรือไม่ก็คลื่นความถี่ของพวกเบื้องบนและเบื้องล่างไม่มีทางปรับเข้าหากันได้ ความจริงระหว่างเดินทางมีหลายครั้งแล้วในการพยายามสื่อสารออกสู่โลกภายนอก แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลยสักครั้ง
หญิงสาวหน้าเจื่อนไปถนัดตาเมื่อไม่สามารถติดต่อหาคนรักได้ ป่านนี้คงวุ่นวายร้อนใจจนแทบไม่ต้องทำอะไร คงส่งหน่วยติดตามออกค้นหาอย่างลำบากในอวกาศและมิติอันกว้างใหญ่ไพศาล
และจะต้องไม่มีทางหลบลี้หนีหน้าหายไปเหมือนใครบางคน
ทดลองเดินไปมาสักครู่พบว่าอาการระบมบริเวณฝ่าเท้าหายเกือบหายเป็นปกติอันเป็นผลจากยาทรงประสิทธิภาพในการรักษา แบบนี้พรุ่งนี้ก็วิ่งเล่นได้สบายไม่ต้องกังวล พอสบายใจขึ้นมาบ้าง ประกอบกับไม่มีอะไรจะทำเลยล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม จนได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ แต่ไม่หรอก..ยังไม่เปิด เพราะจะต้องพิจารณาให้แน่แก่ใจว่าเป็นคนไว้วางใจได้ แต่ใครล่ะจะไว้วางใจได้ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย และถ้ามีใครคิดร้ายจริง ก็คงทำสิ่งเลวร้ายไปตั้งแต่มาถึงตึกนี้แล้ว ไม่ปล่อยให้มาอาบน้ำสบายใจอยู่ได้อย่างแน่นอน แต่เผื่อว่าจะเป็นการปล่อยให้ตายใจล่ะ..ของแบบนี้ไม่ประมาทเป็นการดีที่สุด
ยิ่งคิดยิ่งเรื่องมาก... สุดท้ายตัดใจไม่ต้องคิดอะไรมากมาย อะไรจะเกิดคงห้ามไม่ได้หญิงสาวสั่นศีรษะแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
สาวใช้คนใหม่หน้าตาสวยน่ารักอีกคนซึ่งไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยยืนอยู่อย่างสำรวมท่าทางเกรงอกเกรงใจและบอกอย่างนอบน้อม แต่ท่าทางมีอะไรบางอย่างพิเศษมากไปกว่าสาวรับใช้สองคนแรก ทว่ายังมองไม่ออกว่าคืออะไร
“ได้เวลาเที่ยง อาหารพร้อมแล้วค่ะ”
“เวลาเที่ยง..” เฟรี่ทวนคำแล้วมองหน้าสาวรับใช้ก่อนเลียบๆเคียงๆถามว่า
“ดูเวลาจากไหนถึงรู้ว่าเวลาเที่ยง”
“ไม่ยากนี่คะ” สาวรับใช้นางนั้นบอกพลางยกข้อมือให้ดู
“ก็ดูเครื่องบอกเวลาสิคะ พวกเรามีใช้กับแทบทุกคน”
“เครื่องบอกเวลา”
“ค่ะ..พวกมนุษย์เรียกว่านาฬิกา”
“นรก....มีนาฬิกาใช้”
หญิงสาวอุทานด้วยความแปลกใจ ว่านี่มันนรกขุมไหนกัน ไม่ได้ตรงกับสภาพนรกตามที่เคยเล่าเรียนมาเลย
...................