สาวโครงใหญ่ค่อยๆลดน้ำหนักจาก 97 กก. เหลือ 77 กก. ลดน้ำหนักยังไม่เท่าไหร่ แต่ความสวยนี่สิ มาไกลมาก .....

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรก กระทู้เปิดตัว จาก เบียร์คนเดิม เพิ่มเติมคือความสวย

บอกก่อนว่าเราไม่ได้คิดว่าตัวเองสวยขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่เราเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากเด็กขี้เหร่สุดๆ เป็นสาวแซ่บสุดๆ
( ไปเอาความคิดนี้มากจากไหน ถ้าแม่มาอ่าน แม่จะตีแน่ๆ ) เรามาเริ่มดูพัฒนาการของเด็กผู้หญิงคนนี้กันค่ะ

ความขี้เหร่ของเรามันเริ่มมาตั้งแต่เด็กค่ะ เราเป็นสาวผิวสีซึ่งฮิตมากในหมู่ฝรั่งกับหนุ่มตี๋สมัยนี้
แต่ไม่ค่อยน่ารักเลยถ้าผิวสีเมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว สมัยมัธยมเราเรียนโรงเรียนหญิงล้วนค่ะ อยู่ในกลุ่มมีกัน 8 คน
และกลุ่มเราจะมีสายฮอต คือมันจะน่ารักอะไรเบอร์นั้น ขาวๆตัวเล็ก อีกคนก็สวยหวาน
อีกสองสามคนก็อินเทรนด์ ฮาจูกุสไตล์ซะ ส่วนเรา ไทยแท้สิแน่นอน ผิวสี ตัวอ้วน ฟันเยอะ น่ารักไปอีกกกกก รูปปลากรอบมาค่ะ



รูปนี้ถ่ายกับเพื่อน เราหาไฟล์ต้นฉบับไม่เจอ เบลอบ้างอะไรบ้าง แต่อยากให้ดูว่าซอยผมหนักมาก
หนักมากจนเขานึกว่าเป็นทอมกัน จริงๆเปล่า ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันน่ารักดี อินเทรนด์ นึกแล้วขำ ทำ ... ทำไม 555



พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย เราเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ค่ะ บอกก่อนว่าเราเรียนเอกชน ความแซ่บมันก็จะเยอะหน่อย
โอ้โห ... เข้าไปเรียนวันแรก  ได้แต่ตั้งคำถามในใจ นี่เพิ่งจบม.6 มาเหมือนกันใช่ไหม เล่นใหญ่กันมากกกกก
ผมลอน หน้าแน่น สวยกันมาหมดเลย  นี่ตูมาทำอะไรที่นี้  เหงาเลยยยยยยย นี่เป็นรูปสมัยเข้าปีหนึ่ง ถ่ายกับเพื่อนๆมัธยม



จะสังเกตว่าเราเป็นสาวโครงใหญ่ ใหญ่ทั้งตัว ใหญ่เท่ากันหมด 555
ปีหนึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก เราเริ่มรู้จักเครื่องสำอางค์บ้างแล้ว อย่างแป้งพัฟหรืออายไลเนอร์
จะบอกสาวๆไว้ก่อนเลยว่า จะใช้เครื่องสำอางค์อะไรดูให้ดีๆค่ะ ถ้าไม่มั่นใจว่าของแท้อย่าใช้
เราเคยโดนหลอกมาแล้ว ตอนนั้นเครื่องสำอางค์เกาหลีมาแรง เราก็ไปซื้อแป้งเกาหลีมาใช้
ปรากฎว่ามันเป็นของปลอม สิวขึ้นหนักมาก ประกอบกับตอนนั้นเราเป็นเด็กกิจกรรม แล้วอยู่ฝ่ายศิลป์
ทาสี โบกปูน แบกไม้ กินโฟม ดมกาว ... ดมกาวไม่ใช่ 555 มันเลยทำให้หน้าเราพังมาก มาดูกัน



ถ้าตกใจต้องขอโทษด้วย 555 เราอ้วนหนักมากนะคะตอนนั้น คือยิ่งทำกิจกรรม อยู่ดึก ยิ่งกิน ทำไปกินไป
นอนดึก บางทีนอนเช้า มันยิ่งทำให้ผิวแย่ไปอีก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เริ่มจัดฟันได้ปีที่สอง คือฟันเรามันใหญ่
มันเอาเข้ายากอ่ะค่ะ หมอบอกว่าเราต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปีในการจัด เราเริ่มจัดตอนเข้ามหาวิทยาลัย
นั่นเท่ากับว่ากว่าฟันจะเข้าที่ ก็เรียนจบพอดี ยังมีรูปอีกหลายๆมุม ช่วงที่เราอยู่ปีสองปีสามค่ะ



อันนี้ตอนทำงานหลังช็อป ทายากันยุง



และเผื่อใครไม่สังเกต เรากรีดอายไลเนอร์นะยู !!!



นี่ตอนไปทำค่าย พีคมากจริงๆ



ตอนนั้นน้ำหนักพุ่งไปถึงประมาณ 90 กก. เห็นจะได้ค่ะ ซึ่งถามว่าเรากังวลไหม เราว่าลึกๆเรากังวล
แต่ก็ปล่อยผ่าน เพราะเราแฮปปี้ดี ตอนนั้นเรามีความสุขมาก เพราะเราได้เจอเพื่อนแท้ เพื่อนที่ยังคบมาจนถึงทุกวันนี้
เราเป็นสาย Work hard Play Harder ค่ะ ชีวิตจะเป็นแบบ เรียน เข้าช้อป ไปเมาาา ตื่นเช้าไปเรียน แล้วก็วน แต่เราตั้งใจเรียนนะ
เราเป็นเด็กเรียนดีเชื่อเถอะ  เราเลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง ทาแป้งกรีดอายไลเนอร์ นั่นคือแซ่บแล้วสำหรับเรา
ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยๆค่ะ เรื่อยจนมารู้ตัวอีกที  น้ำหนักพุ่งไป 97 - 98 กก. และกลายเป็นแบบนี้



ตอนนั้นไว้ผมยาวมาก ยาวจนเหนื่อย เพราะเราเป็นคนผมหนา เลยต้องทำทรงกุมารทองตลอด



อันนี้เราถ่ายกับน้องรหัส เราตัวใหญ่กว่าน้องอีก ทั้งๆที่น้องเป็นผู้ชายกันหมด

และหลังจากนั้นเราก็อ้วนมาเรื่อยๆค่ะ อ้วนจนเรียนจบ ทีนี้พอเรียนจบก็เริ่มทำงาน เราเริ่มทำงานแบบงงมากค่ะ
ไปทำงานเป็นพนักงานขายเฉยเลย งงมากว่าตัวเองไปทางนั้นได้ยังไง ทั้งๆที่รักนิเทศศาสตร์มาก แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรอหลายอย่างดี
ตอนทำงานที่แรก เราจำเป็นต้องสวยเช้ง เพราะพนักงานขายอะเนาะ หน้าตามันต้องมา เราเลยจัดผมลอนแน่นๆไป แบบนี้



น้ำหนักเท่าเดิมเพิ่มเติมคือรู้มุม ใส่แอพเข้าไป เอ้ออ ... สวยเหมือนกันนะเราอะ 555 ตอนนี้ถอดเหล็กแล้ว
สังเกตว่าหน้าเราเข้าที่ขึ้น การจัดฟันมีผลต่อเรามากๆค่ะ  เราทำงานที่แรกได้แค่ 4 เดือน
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนงานมาทำสายข่าวตามที่เรียนมา เข้าไปทำงานแรกๆก็ยังพกน้ำหนักเท่าเดิมคือ 97 กก. ติดตัวไปด้วย



ขอโทษพี่ๆมา ณ ที่นี้ด้วย เราคนโบว์ขาว ผมยาว ผิวสี ตอนนั้นก็ยังแต่งหน้าแบบครึ่งๆกลางๆ ยังไม่ใช้อายชาโดวส์
แต่เริ่มติดโมเมพาเพลินแล้ว เริ่มศึกษาเครื่องสำอางค์มากขึ้น มากจนรู้แล้วว่านี่คือสิ่งที่เราชอบ เราชอบจนเป็นงานอดิเรก
หลังจากทำงานที่ใหม่ได้ซักพัก ภารกิจชีวิตก็มาค่ะ นั่นคือการไปงานรับปริญญาต่างๆ ซึ่งคนอื่นมันก็ยังสวยน่ารักกัน มีเรานี่แหละ พีคคคค



เราเองเม่เสือสาว เสือตัวใหญ่ตรงนั้นแหละ ซึ่งตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนๆเขาก็มีแฟนมีความรักกันหมดและ
เหลือเรานี่แหละติสท์แตกอยู่คนเดียว ซึ่งเราคิดตลอดว่าใครจะมาชอบเราวะ เราขี้เหร่ขนาดนี้
มาถึงงานรับปริญญาเพื่ออีกคนที่พีคกว่า เพื่อนเราสวยมาก ส่วนเราพังมากกก 555



ทีนี้พอจบงานรับปริญญาของเพื่อนๆ ก็จะถึงงานของเราและ ทีนี้แหละ ใจเต้น เพราะยังอ้วนอยู่เลย ถ่ายรูปออกมากต้องบวมแน่
แต่ก็ไม่คิดจะลดนะคะ ไม่คิดจะไปออกกำลังกาย เราเกลียดการออกกำลังกาย การกินคลีน หรืออะไรที่เขาว่ากันว่ามันจะดีต่อสุขภาพอ่ะค่ะ
นี่เป็นตอนที่เราไปถ่ายรูปนอกรอบแบบดิบๆ เราคิดว่ามันเท่ดี ( อันนี้ถ่ายที่หอศิลป์ ใครชอบแนวนี้แนะนำเลย )



วันซ้อมรับปริญญาเราว่าเราทำผมผิดทรง ทำผมผิดคิดจนตัวตาย ทรงนี้ทำให้เราอ้วนหนักกว่าเดิมไปอีก
( เตือนใจสาวๆว่าถ้าหน้ากลมประมาณเราอย่าทำผมทรงนี้ค่ะ มันลีบไป ควรจะยกสูงให้มีกระบัง เพื่อให้หน้ายาว )



มีรูปนี้พี่พอไปวัดไปวาได้หน่อย ( พี่ช่างภาพเก่งมาก ขอบคุณมา ณ ที่นี้จริงๆค่ะ )



วันรับจริงเราเลยเปลี่ยนทรงผม เพื่อให้ดูหน้ายาวขึ้นเท่าที่จะทำได้ และเราเลือกทรงนี้



เป็นงะ รอดค่ะรอดดดด เรารอดแล้ว แต่ตัวก็ยังใหญ่เท่าเดิม เดี๋ยวเอารูปแบบเต็มตัว และรูปที่ถ่ายกับเพื่อนมุมอื่นๆให้ดูค่ะ
รูปนี้รากฐานมั่นคง รับรองว่าจะเป็นแม่ที่ดี 555



มุมข้างๆกับหนุ่มๆบ้าง ( นั่นเหนียงใช่ไหม ตอบสิหนู ! )





หลังจากรับปริญญาเสร็จ เราเริ่มสังเกตว่าการแต่งหน้าช่วยเราได้มาก ทีนี้เราเลยอยากแต่งหน้าแบบเต็มสตรีมค่ะ
นั่นคือแต่งตาด้วย ไม่ใช่แค่กรีดอายไลเนอร์ เพราะตอนรับปริญญามันแต่งแบบเต็ม แต่งตาจัดเต็ม มันสวย เราเลยเริ่มลองค่ะ
และค้นพบว่าการทาปากแดงมันใช่สำหรับเรา แล้วตอนนั้นปากสีแดงเข้มกำลังมา นี่คือจุดเปลี่ยนจริงๆค่ะ



ทีนี้เราเริ่มจะเบื่อผมยาวค่ะ รู้สึกว่าเหนื่อยกับการไปทำงานแต่ละวัน เพราะผมหนามาก เราเลยคิดว่าจะตัดผมสั้นเลยค่ะ
ทีนี้จะตัดอย่างเดียวก็จะไม่เร้าใจ เพราะเราไว้ผมยาวมาหลายปี เราเลยทำสีด้วยเลย กะเปลี่ยนลุคเต็มที่ อัพรูปลงเฟสต้องมีฮือฮา 555



ตอนที่เราตัดผมสั้น น้ำหนักเราเริ่มลงมาแล้วนะคะ ลงมาที่ 90 กก. เพราะเราทำงานค่อนข้างหนัก เดินเยอะ มันเลยลงมาเองแบบไม่รู้ตัว



และเราทาปากแดงแทบทุกวัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทุกคนเริ่มบอกว่าไปทำอะไรมา สวยขึ้นนะ ซึ่งเราไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งชีวิตเราแค่จัดฟัน
แต่เราดูแลตัวเองมากขึ้นค่ะ เฟ้นหารองพื้นดีๆที่เหมาะกับผิวเรา เพื่อไม่ให้เป็นสิว ดู Youtuber ต่างประเทศที่แต่งหน้ากันเก่งๆ
ดูรีวิวโน่นนี่นั่น จนกลายเป็นการศึกษา มันไม่ใช่แค่แต่งให้สวยแล้วสำหรับเรา เราสนุกกับเมคอัพมากจริงๆ
แต่เราก็ยังกินเหมือนเดิม อ้วนเหมือนเดิมนะคะ ไม่ยอมไปออกกำลังกายเหมือนเดิม ทั้งๆที่คนรอบข้างพูดตลอดว่าถ้าผอมจะสวยกกว่านี้



รูปนี้ตอนไปญี่ปุ่นค่ะ เป็นรูปที่ทุกคนพูดถึง ว่าผอมอีกนิดนะ ผอมอีกกกกก ซึ่งเราปล่อยผ่านอีกเช่นเคยค่ะ เราแฮปปี้ 555

แล้วมันก็มีวันนั้นค่ะ วันที่เราเห็นตัวเองแล้วคิดได้ว่า เออออแก แกอ้วน มันเป็นวันที่เราไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง
แล้วพอออกจอเท่านั้นแหละ โอ้โหอีนางเอ๊ยยยยย ... ลดเถอะลูก



นี่แหละค่ะ ... หลังจากนั้นเราก็ยังอ้วน เราไม่ได้บอกนะว่าคนอ้วนไม่สวย แต่ว่าถ้าเราจะสวยและสุขภาพดีด้วยล่ะค่ะ มันจะไม่ดีกว่าหรอ
หลังจากที่ทุกคนคะยั้นคะยอเราให้ไปออกกำลังกาย แต่เรามันโรคจิตค่ะ ยิ่งสั่งยิ่งไม่ทำ แต่อยู่ดีๆไปอ่านหนังสืออะไรซักอย่าง
มีแรงฮึดอยากออกกำลังกายขึ้นมาดื้อๆ เราเลยตัดสินใจเริ่มที่การว่ายน้ำ เพราะมันเป็นกีฬาขนิดเดียวที่เราเล่นเป็นและทำได้ดี
เลยสมัครฟิตเนสที่มีสระว่ายน้ำ จ่ายเฉพาะส่วนของการว่ายน้ำ เพื่อลองดูว่าเราจะทำได้แค่ไหน
ย้อนกลับไปประมาณ 5 เดือนที่แล้วเราเริ่มว่ายน้ำด้วยน้ำหนัก 87 กก. เมื่อวัดดัชนีมวลกายออกมา
แน่นอนว่าไขมันเยอะ ไขมันช่วงท้องเยอะมากค่ะ แต่มวลกระดูกเราโอเค เยอะกว่าคนปกติด้วยซ้ำ เนื่องจากโครงใหญ่อีกตามเคย

เราจะมีตารางดังนี้ค่ะ เช้าตื่นตีสี่ ทำรายการเช้าจบที่ 9.30 น. ( ข้าวเช้าเรากินระหว่างทำรายการเลย )
หลังจากนั้นเราจะนอนค่ะ เพราะถ้าไม่นอนเราทำงานช่วงบ่ายไม่ไหว ตื่นตอน 10.30 น. ลงไปประชุมรายการเย็นช่วงแรก
เสร็จประมาณ 11.00 เราเดินไปว่ายน้ำค่ะ ถึงสระก็ประมาณ 11.30 น. เปลี่ยนชุดลงสระไม่เกินเที่ยง ว่ายน้ำหนึ่งชั่วโมงค่ะ
สระยาว 25 เมตร เราว่ายกบกับฟรีสไตล์สลับกัน ว่ายวันแรกเชื่อไหมว่าเราเกือบตาย ปวดทุกส่วน ปวดมาก แค่ถูสบู่ยังทรมาน
( ตอนเด็กๆเราเรียนว่ายน้ำค่ะ เลยได้ความสูง 168 ซม. ติดตัวมา เรียนจริงจังจนเกือบเป็นนักกีฬา )
ว่ายเสร็จก็กลับมาทำงานต่อค่ะ ประชุมตอนบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งข้าวเที่ยงเราไม่มีนะคะ อาศัยกินผลไม้ หรือไก่กล่องแทน
เราทำแบบนี้อยู่ประมาณ 2 เดือนค่ะ ผลคือ น้ำหนักลงน้อยเหลือหลาย ลงมาอยู่ที่ 85 กก. ค่ะ แต่ทุกอย่างดูกระชับขึ้นเล็กน้อย



นี่คือน้ำหนัก 85 กก. ค่ะ หลังจากว่ายน้ำช่วงกลางวันแสกอยู่ซักพัก สีผิวเริ่มเข้มขึ้น เข้มจนน่ากลัวค่ะ
แล้วตอนนั้นมีฟิตเนสมาเปิดใหม่ เราเลยคิดว่าเราจะออกกำลังกายวันละสองรอบ เราเป็นคนทำอะไรทำสุดค่ะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่