ยาวหน่อยนะครับ แต่อยากให้คนที่คิดจะซื้อรถหรือกำลังจะซื้อรถได้อ่านกันครับ
เรื่องคือผมได้จองรถตั้งแต่ปีที่แล้วช่วงปลายเดือนเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยวางเงินจองไป 5 พัน ในวันที่ทำสัญญาจองรถ ซึ่งทางเซลล์ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่ทำการจองบอกว่าจะได้รถก่อนสิ้นปีแน่นอน หรือชัดๆก็คือกลางเดือนธันวาคม 2558 แต่ไม่มีสีที่ทางผมต้องการ(สีดำ,สีเทาดำ) ทางผมจึงยอมเปลี่ยนเป็น สีเงิน เพื่อให้ได้รับรถในเดือนธันวาคม 2558
ระหว่างนั้นทางผมจึงไปจัดการเรื่องสินเชื่อ ซึ่งอนุมัติผ่านช่วงต้นเดือนธันวาคม ปรากฎเซลล์ติดต่อมาบอกว่า
"รถไม่มี ถ้าจะเอาต้องรอเดือนกุมภาพันธ์..."
ตอนนั้นก็อารมณ์เสียในระดับนึงที่ว่าตอนก่อนจองรับปากซะดิบดีอยู่ๆก็มาเลื่อนกันเหมือนจะเท แต่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ฯก็ออกมารับหน้าขอโทษและจะคงราคาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง (หลายคนคงทราบว่าปี 2559 จะมีการปรับภาษีฯรถยนต์ขึ้นนะครับ)
จนมาถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ตอนนี้หายเงียบครับ ไม่มีการติดต่อใดๆเลย ทางผมต้องเป็นฝ่ายติดต่อง้องอนเองตลอด และเซลล์ที่ดูแลก็หายหัวไม่เคยติดต่อมาก่อนแถมยังตัดสายและปิดมือถือหนีผมอีก ตอนนั้นก็ตกใจว่านี่คือสิ่งที่เซลล์ทำกับลูกค้าเหรอ? หรือเราไม่เหมาะสมเป็นลูกค้าของเขา หรือจะเป็นเซลล์ปลอมแล้วเราโดนโกงรึเปล่า จึงได้ส่งเรื่องไปที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ใหญ่ก็มีคนติดต่อกลับมาพร้อมให้เบอร์ผอ.ฝ่ายขาย ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่จองรถมา (ให้เบอร์มาบอกให้ไปโทรคุยเอาเอง) ก็โทรไปคุยเรื่องวันส่งมอบรถข้างต้นปรากฎว่า ผอ.ฝ่ายขาย แจ้งมาว่า
"ราคารถเท่านั้นที่คงเดิม ส่วนลดและอุปกรณ์อื่นๆจะราคาสูงขึ้นไม่ใช่ราคาตามที่ลงไว้ในใบจองตามเพราะจะเปลี่ยนแปลงตามแคมเปญการขายของปี 2559 แล้วรถจะได้อย่างเร็วก็คือ เดือนเมษายน 2559!!!"
ปี๊ดมากครับ เลยถามกลับไปว่า "นี่คือสิ่งที่คุณทำกับลูกค้าเหรอ? คุณกลับคำพูดหน้าตาเฉยเลยนะ?" ซึ่งคำตอบสะเทือนใจมากครับ เพราะเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่แคร์โลกสั้นๆว่า "ใช่ค่ะ"
เลยเลิกคุยแล้วติดต่อไปลูกค้าสัมพันธ์ศูนย์ใหญ่ เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วเขาก็บอกมาว่าจะติดต่อไปคุยกับศูนย์ตัวแทนจำหน่ายให้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนศูนย์ให้ได้เนื่องจากสัญญาการจองเป็นของศูนย์นั้นๆเปลี่ยนไม่ได้
เวลาก็ล่วงเลยมาถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายก็โทรมาถามและชี้แจงประเด็นดังนี้
- ผมต้องการเปลี่ยนเซลล์มั้ย? ซึ่งแน่นอนผมไม่อยากเจอเซลล์คนเดิมอีก และผมสะดวกไปศูนย์อื่นแทนได้ด้วยสัญญาการจองเดิม
- ศูนย์ฯยอมรับว่าสัญญาการจองที่ระบุเวลาส่งมอบรถแล้วไม่สามารถส่งมอบรถให้ได้ เป็นความผิดของเซลล์จริง ที่แจ้งไปโดยไม่ตรวจสอบให้ดี
- ราคารถคงเดิมแน่นอน ที่เพิ่มเติมคือต้องเปลี่ยนแคมเปญการขาย ส่วนลดไม่ได้เท่าเดิม ราคาเพิ่มขึ้น แต่อาจมีของแถมที่ไม่ได้จำเป็นเพิ่มมา
- ถ้าจะเอารถ ต้องรอไปถึงเดือนเมษายน 2559 (จะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ด้วย) แล้วต้องเปลี่ยนแคมเปญการซื้อเป็นตัวใหม่ที่ต้องจ่ายเพิ่มหลายหมื่น ซึ่งทางผมไม่ชอบใจมาก ว่าทำไมต้องเปลี่ยนในเมื่อผมจองรถด้วยแคมเปญที่ผมจะซื้อแล้วไม่งั้นผมจะรีบซื้อเมื่อปี 2558 ไปทำไม
- และลูกค้าสัมพันธ์ยังแจ้งว่า ถ้าอยากได้รถเร็วก็ต้องรับเงื่อนไขแคมเปญใหม่ เพราะตนจะได้นำเรื่องไปจองให้ ซึ่งผมก็สงสัยว่าทำไมผมต้องรับเงื่อนไขนี้ของเดิมไม่ได้จองรถไว้ให้เหรอ?
ทางผมจึงได้ชี้แจงตอบโต้ไปว่า ในเมื่อปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นจากความผิดของทางศูนย์ฯ ซึ่งทางลูกค้าสัมพันธ์ยอมรับว่าจริง! แต่ทำไมความรับผิดชอบถึงตกอยู่กับผมฝ่ายเดียว และที่ผมติดใจที่สุด คือ ทำไมถึงต้องเปลี่ยนแคมเปญ?? เหมือนว่า "ใบสัญญาการจองรถยนต์" เป็นแค่การทำสัญญาลมปากที่ไม่ได้เป็นการทำสัญญาเชิงลายลักษณ์อักษรหรือเปล่า? ที่ทางศูนย์ฯพร้อมจะฉีกทิ้ง คืนเงินจองแล้วจบๆไป ทางผมจึงได้ยื่นข้อเสนอที่ทางผมยินดียอมรับได้อย่างที่สุดแล้ว ไปว่า
1. ขอทุกอย่างคงเดิม แต่ผมยอมรอรถถึงเมษายน 2559 ก็ได้ (ทางศูนย์ฯ ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ โดยชี้แจงว่ายังไงก็ต้องเปลี่ยนแคมเปญฯ)
2. ผมจะขอชดเชยค่าเสียโอกาส เวลา และมูลค่าภาษีที่เพิ่มเติมของรถ แล้วไปซื้อรถกับศูนย์อื่นที่มีความจริงใจกับลูกค้าแทน (แน่นอนทางศูนย์ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้)
เมื่อประเด็นไม่จบ ทางลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ฯจึงเสนอว่า จากแคมเปญใหม่ที่ทางผมต้องจ่ายเพิ่มหลายหมื่น ขอไปปรึกษากับทีมที่ศูนย์ก่อนว่าจะมีของแถมหรืออุปกรณ์อะไรที่เพิ่มให้ได้และทำให้ผมพึ่งพอใจ โดยขอเวลา 2-3 วัน แล้วจะติดต่อกลับมา ซึ่งก็หายไปอีกตามเดิม จนเมื่อเช้าวันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ลูกค้าสัมพันธ์คนดีคนเดิมติดต่อมาแจ้งว่า "หลังจากที่ตรวจสอบกับโรงงานและดีลเลอร์อย่างรอบคอบแล้ว รถยนต์จะส่งมอบได้อย่างเร็วที่สุดคือ ปลายเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมค่ะ" คือ.... เลื่อนไปอี๊กกกกกกกกก รอไปรวมครึ่งปีเลย แถมกลับมาตอบคนละเรื่องกับที่พูดด้วย ก็เลยแบบตอบกลับไปแค่ว่ารับทราบข้อมูลเฉยๆ...
อย่างแรกที่ผมสงสัยมากเลยคือ ทำไมศูนย์ไม่สามารถส่งมอบรถตามแคมเปญเดิมได้? จอง 58' ได้รถ 59' ต้องเปลี่ยนแคมเปญปรับราคา อันนี้สงสัยจริงๆถามศูนย์ไปมันก็ไม่ตอบ เพราะผมก็ไม่ได้ชำนาญเรื่องรถหรือการซื้อรถมาก มันเป็นหลักกฎหมายอะไรรึเปล่าครับ??
เลยอยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆว่า ผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ? ตอนนี้รถจะได้หรือไม่ผมไม่แคร์แล้ว? แต่ถ้าไม่ได้ ผมอยากได้เงินจองคืน แล้วผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันจบไปเงียบๆ ปล่อยให้แบรนด์ใหญ่ๆรังแกผู้บริโภคต่อไปครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดท วันที่ 1 มีนาคม 2559 (บทสรุป)
หลังจากที่ได้ส่งเรื่องตรงไปยังผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสท่านหนึ่งของแบรนด์แม่ เมื่อประมาณวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ท่านก็ได้รับเรื่องและประสานงานต่อให้แม้ไม่ใช่สายงานที่ดูแลโดยตรง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มีความสามารถและจริงใจมาช่วยจัดการปัญหาทุกอย่าง
หลังจากนั้นก็มีการติดต่อคู่ขนานกันจากทางศูนย์คู่กรณี กับศูนย์ใหญ่(คอยโทรเชกว่าศูนย์คู่กรณีชี้แจง/ดำเนินการตามที่แจ้งมาจริงรึเปล่า) พร้อมทั้งขอรายชื่อพนักงานฝ่ายขายคู่กรณี โดยผมได้ตัดสินใจขอถอนสัญญาจอง ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น
1. ไม่อยากให้เรื่องยิดเยื้อ เพราะก็ไม่อยากได้รถยี่ห้อนี้แล้ว และกำลังมองหารถยี่ห้ออื่นแทน
2. สคบ. แนะนำว่าพวกเคสแบบนี้ ต่อให้ฟ้องชนะก็มักจบสองแบบคือ 1) ได้รถเร็วขึ้น กับ 2) ได้เงินจองคืนพร้อมดอกเบี้ย ไม่ได้พวกค่าชดเชยหรือค่าเสียโอกาส เวลาใดๆ
3. เห็นว่าทางผู้บริหารแสดงความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง (จริงๆแค่รับเรื่องและตอบกลับมาก็ดีใจมากแล้ว)
โดยวันนี้ 1 มีนาคม 2559 ตัวแทนระดับผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าสองคน จากศูนย์คู่กรณีได้เข้ามาที่บ้าน เพื่อชี้แจงและยอมรับผิด พร้อมขออภัยในความผิดที่ตนไม่ได้กระทำ อันเป็นความผิดนานับประการที่เกิดจากผู้จัดการทีมฝ่ายขายและพนักงานขายทีมหนึ่ง(ต้นเหตุ) โดยปัจจุบันทั้งสองคนดังกล่าวได้ลาออกจากศูนย์ฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Fin
ทำไงดีครับ?? จองรถไม่ได้รถแถมจะต้องจ่ายเพิ่มอีก
เรื่องคือผมได้จองรถตั้งแต่ปีที่แล้วช่วงปลายเดือนเดือนพฤศจิกายน 2558 โดยวางเงินจองไป 5 พัน ในวันที่ทำสัญญาจองรถ ซึ่งทางเซลล์ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่ทำการจองบอกว่าจะได้รถก่อนสิ้นปีแน่นอน หรือชัดๆก็คือกลางเดือนธันวาคม 2558 แต่ไม่มีสีที่ทางผมต้องการ(สีดำ,สีเทาดำ) ทางผมจึงยอมเปลี่ยนเป็น สีเงิน เพื่อให้ได้รับรถในเดือนธันวาคม 2558
ระหว่างนั้นทางผมจึงไปจัดการเรื่องสินเชื่อ ซึ่งอนุมัติผ่านช่วงต้นเดือนธันวาคม ปรากฎเซลล์ติดต่อมาบอกว่า
"รถไม่มี ถ้าจะเอาต้องรอเดือนกุมภาพันธ์..."
ตอนนั้นก็อารมณ์เสียในระดับนึงที่ว่าตอนก่อนจองรับปากซะดิบดีอยู่ๆก็มาเลื่อนกันเหมือนจะเท แต่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ฯก็ออกมารับหน้าขอโทษและจะคงราคาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง (หลายคนคงทราบว่าปี 2559 จะมีการปรับภาษีฯรถยนต์ขึ้นนะครับ)
จนมาถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ตอนนี้หายเงียบครับ ไม่มีการติดต่อใดๆเลย ทางผมต้องเป็นฝ่ายติดต่อง้องอนเองตลอด และเซลล์ที่ดูแลก็หายหัวไม่เคยติดต่อมาก่อนแถมยังตัดสายและปิดมือถือหนีผมอีก ตอนนั้นก็ตกใจว่านี่คือสิ่งที่เซลล์ทำกับลูกค้าเหรอ? หรือเราไม่เหมาะสมเป็นลูกค้าของเขา หรือจะเป็นเซลล์ปลอมแล้วเราโดนโกงรึเปล่า จึงได้ส่งเรื่องไปที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ใหญ่ก็มีคนติดต่อกลับมาพร้อมให้เบอร์ผอ.ฝ่ายขาย ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายที่จองรถมา (ให้เบอร์มาบอกให้ไปโทรคุยเอาเอง) ก็โทรไปคุยเรื่องวันส่งมอบรถข้างต้นปรากฎว่า ผอ.ฝ่ายขาย แจ้งมาว่า
"ราคารถเท่านั้นที่คงเดิม ส่วนลดและอุปกรณ์อื่นๆจะราคาสูงขึ้นไม่ใช่ราคาตามที่ลงไว้ในใบจองตามเพราะจะเปลี่ยนแปลงตามแคมเปญการขายของปี 2559 แล้วรถจะได้อย่างเร็วก็คือ เดือนเมษายน 2559!!!"
ปี๊ดมากครับ เลยถามกลับไปว่า "นี่คือสิ่งที่คุณทำกับลูกค้าเหรอ? คุณกลับคำพูดหน้าตาเฉยเลยนะ?" ซึ่งคำตอบสะเทือนใจมากครับ เพราะเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่แคร์โลกสั้นๆว่า "ใช่ค่ะ"
เลยเลิกคุยแล้วติดต่อไปลูกค้าสัมพันธ์ศูนย์ใหญ่ เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วเขาก็บอกมาว่าจะติดต่อไปคุยกับศูนย์ตัวแทนจำหน่ายให้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนศูนย์ให้ได้เนื่องจากสัญญาการจองเป็นของศูนย์นั้นๆเปลี่ยนไม่ได้
เวลาก็ล่วงเลยมาถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ตัวแทนจำหน่ายก็โทรมาถามและชี้แจงประเด็นดังนี้
- ผมต้องการเปลี่ยนเซลล์มั้ย? ซึ่งแน่นอนผมไม่อยากเจอเซลล์คนเดิมอีก และผมสะดวกไปศูนย์อื่นแทนได้ด้วยสัญญาการจองเดิม
- ศูนย์ฯยอมรับว่าสัญญาการจองที่ระบุเวลาส่งมอบรถแล้วไม่สามารถส่งมอบรถให้ได้ เป็นความผิดของเซลล์จริง ที่แจ้งไปโดยไม่ตรวจสอบให้ดี
- ราคารถคงเดิมแน่นอน ที่เพิ่มเติมคือต้องเปลี่ยนแคมเปญการขาย ส่วนลดไม่ได้เท่าเดิม ราคาเพิ่มขึ้น แต่อาจมีของแถมที่ไม่ได้จำเป็นเพิ่มมา
- ถ้าจะเอารถ ต้องรอไปถึงเดือนเมษายน 2559 (จะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ด้วย) แล้วต้องเปลี่ยนแคมเปญการซื้อเป็นตัวใหม่ที่ต้องจ่ายเพิ่มหลายหมื่น ซึ่งทางผมไม่ชอบใจมาก ว่าทำไมต้องเปลี่ยนในเมื่อผมจองรถด้วยแคมเปญที่ผมจะซื้อแล้วไม่งั้นผมจะรีบซื้อเมื่อปี 2558 ไปทำไม
- และลูกค้าสัมพันธ์ยังแจ้งว่า ถ้าอยากได้รถเร็วก็ต้องรับเงื่อนไขแคมเปญใหม่ เพราะตนจะได้นำเรื่องไปจองให้ ซึ่งผมก็สงสัยว่าทำไมผมต้องรับเงื่อนไขนี้ของเดิมไม่ได้จองรถไว้ให้เหรอ?
ทางผมจึงได้ชี้แจงตอบโต้ไปว่า ในเมื่อปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นจากความผิดของทางศูนย์ฯ ซึ่งทางลูกค้าสัมพันธ์ยอมรับว่าจริง! แต่ทำไมความรับผิดชอบถึงตกอยู่กับผมฝ่ายเดียว และที่ผมติดใจที่สุด คือ ทำไมถึงต้องเปลี่ยนแคมเปญ?? เหมือนว่า "ใบสัญญาการจองรถยนต์" เป็นแค่การทำสัญญาลมปากที่ไม่ได้เป็นการทำสัญญาเชิงลายลักษณ์อักษรหรือเปล่า? ที่ทางศูนย์ฯพร้อมจะฉีกทิ้ง คืนเงินจองแล้วจบๆไป ทางผมจึงได้ยื่นข้อเสนอที่ทางผมยินดียอมรับได้อย่างที่สุดแล้ว ไปว่า
1. ขอทุกอย่างคงเดิม แต่ผมยอมรอรถถึงเมษายน 2559 ก็ได้ (ทางศูนย์ฯ ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ โดยชี้แจงว่ายังไงก็ต้องเปลี่ยนแคมเปญฯ)
2. ผมจะขอชดเชยค่าเสียโอกาส เวลา และมูลค่าภาษีที่เพิ่มเติมของรถ แล้วไปซื้อรถกับศูนย์อื่นที่มีความจริงใจกับลูกค้าแทน (แน่นอนทางศูนย์ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้)
เมื่อประเด็นไม่จบ ทางลูกค้าสัมพันธ์ของศูนย์ฯจึงเสนอว่า จากแคมเปญใหม่ที่ทางผมต้องจ่ายเพิ่มหลายหมื่น ขอไปปรึกษากับทีมที่ศูนย์ก่อนว่าจะมีของแถมหรืออุปกรณ์อะไรที่เพิ่มให้ได้และทำให้ผมพึ่งพอใจ โดยขอเวลา 2-3 วัน แล้วจะติดต่อกลับมา ซึ่งก็หายไปอีกตามเดิม จนเมื่อเช้าวันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ลูกค้าสัมพันธ์คนดีคนเดิมติดต่อมาแจ้งว่า "หลังจากที่ตรวจสอบกับโรงงานและดีลเลอร์อย่างรอบคอบแล้ว รถยนต์จะส่งมอบได้อย่างเร็วที่สุดคือ ปลายเดือนเมษายนหรือต้นเดือนพฤษภาคมค่ะ" คือ.... เลื่อนไปอี๊กกกกกกกกก รอไปรวมครึ่งปีเลย แถมกลับมาตอบคนละเรื่องกับที่พูดด้วย ก็เลยแบบตอบกลับไปแค่ว่ารับทราบข้อมูลเฉยๆ...
อย่างแรกที่ผมสงสัยมากเลยคือ ทำไมศูนย์ไม่สามารถส่งมอบรถตามแคมเปญเดิมได้? จอง 58' ได้รถ 59' ต้องเปลี่ยนแคมเปญปรับราคา อันนี้สงสัยจริงๆถามศูนย์ไปมันก็ไม่ตอบ เพราะผมก็ไม่ได้ชำนาญเรื่องรถหรือการซื้อรถมาก มันเป็นหลักกฎหมายอะไรรึเปล่าครับ??
เลยอยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆว่า ผมควรทำยังไงต่อไปดีครับ? ตอนนี้รถจะได้หรือไม่ผมไม่แคร์แล้ว? แต่ถ้าไม่ได้ ผมอยากได้เงินจองคืน แล้วผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันจบไปเงียบๆ ปล่อยให้แบรนด์ใหญ่ๆรังแกผู้บริโภคต่อไปครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดท วันที่ 1 มีนาคม 2559 (บทสรุป)
หลังจากที่ได้ส่งเรื่องตรงไปยังผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสท่านหนึ่งของแบรนด์แม่ เมื่อประมาณวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ท่านก็ได้รับเรื่องและประสานงานต่อให้แม้ไม่ใช่สายงานที่ดูแลโดยตรง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มีความสามารถและจริงใจมาช่วยจัดการปัญหาทุกอย่าง
หลังจากนั้นก็มีการติดต่อคู่ขนานกันจากทางศูนย์คู่กรณี กับศูนย์ใหญ่(คอยโทรเชกว่าศูนย์คู่กรณีชี้แจง/ดำเนินการตามที่แจ้งมาจริงรึเปล่า) พร้อมทั้งขอรายชื่อพนักงานฝ่ายขายคู่กรณี โดยผมได้ตัดสินใจขอถอนสัญญาจอง ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น
1. ไม่อยากให้เรื่องยิดเยื้อ เพราะก็ไม่อยากได้รถยี่ห้อนี้แล้ว และกำลังมองหารถยี่ห้ออื่นแทน
2. สคบ. แนะนำว่าพวกเคสแบบนี้ ต่อให้ฟ้องชนะก็มักจบสองแบบคือ 1) ได้รถเร็วขึ้น กับ 2) ได้เงินจองคืนพร้อมดอกเบี้ย ไม่ได้พวกค่าชดเชยหรือค่าเสียโอกาส เวลาใดๆ
3. เห็นว่าทางผู้บริหารแสดงความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง (จริงๆแค่รับเรื่องและตอบกลับมาก็ดีใจมากแล้ว)
โดยวันนี้ 1 มีนาคม 2559 ตัวแทนระดับผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าสองคน จากศูนย์คู่กรณีได้เข้ามาที่บ้าน เพื่อชี้แจงและยอมรับผิด พร้อมขออภัยในความผิดที่ตนไม่ได้กระทำ อันเป็นความผิดนานับประการที่เกิดจากผู้จัดการทีมฝ่ายขายและพนักงานขายทีมหนึ่ง(ต้นเหตุ) โดยปัจจุบันทั้งสองคนดังกล่าวได้ลาออกจากศูนย์ฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Fin