หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งแตกกันมาบ้าง จขกท เคยมีรูมเมทที่ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเหมือนกัน แต่ตอนนั้นคิดแค่ว่า "ไส้ติ่งอักเสบหรอ ไกลตัวววววว ไม่เกิดกับชั้นแน่นอนนนนนนนนนนค่าาาา " (ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองก็มีไส้ติ่งนะ)
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ จขกท เขียนอาจจะพิมพ์ไม่รู้เรื่องบ้าง สับสนบ้าง พิมพ์ผิดบ้าง อาจจะยาวไปบ้าง หวังว่ากระทู้นี้มีประโยชน์ เผื่อคนอ่านมีอาการป่วย หรือคนรอบข้างป่วย จะได้ดูแลกันได้ทัน อาจเป็นกรณีศึกษากับคนอื่นๆไม่มากก็น้อยนะคะ (พอๆไม่ใช่คำนำรายงาน) ใครมีข้อเสนอแนะอะไรก็คอมเมนต์ได้นะ
แนะนำตัวก่อนว่าเราเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยนึงในภาคอีสาน อายุ 21 ปี ไปเรียนต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่บ้าน อยากลองอยู่ไกลๆบ้านบ้าง เจอเพื่อนใหม่ๆสังคมใหม่ๆ เป็นไงหล่ะ เกือบไม่รอด :p
เรื่องเกิดปลายๆเดือนตุลาที่ผ่านมา อยู่ๆเราก็ปวดท้องเหมือนอาหารเป็นพิษ เพราะเราไปกินขนมปังทามายองเนสที่ขายตามซุปเปอร์ มีท้องเสีย อ้วก ก็กินยาธาตุน้ำขาวไปก็ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปวดท้องมากจนทนไม่ได้
จนวันรุ่งขึ้นเรามีเรียน ก็ตื่นไปเรียนได้ตามปกติ แต่ก็แน่นท้องอยู่ สุดท้ายเรียนไม่ไหวกลับหอมานอน ตกเย็นมาเราเริ่มเป็นไข้ หนาวสั่น เพื่อนเลยพาไปคลีนิก ได้ยาลดไข้ไป 1 เข็ม ได้ยาลดไข้มากิน วิตามิน ช่วงนั้นเป็นวันหยุดพอดี เพื่อนๆกลับบ้านกันหมด แล้วเราอยู่หอคนเดียว ตอนนั้นรู้สึกไม่โอเค รู้สึกเหนื่อย เลยไปศูนย์แพทย์ในมหาลัย (ขับมอไซไปเองเลยจ้า ถึกกว่านี้ไม่มีอีกละ) พอไปถึงพยาบาลก็ถามว่าเป็นอะไรมา ก็บอกอาการไป เค้าก็จับชีพจรแล้วตกใจ บอกว่า "พี่นับชีพจรน้องไม่ทัน คือเต้นเร็วมาก จับใหม่อีกที " พอหมอตรวจ หมอเลยฉีดยาฆ่าเชื้อไป 1 เข็ม กลับหอมานอนต่อ คือตอนนั้นทั้งท้องเสีย ปวดท้อง เป็นไข้ กินเกลือแร่ แต่ไปไหนไม่ได้แล้ว นอนๆๆอยู่อย่างงั้น ลุกจากเตียงยังจะไม่ไหว (ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่เป็นไรมาก ดูความดื้อของคน ) จนเช้าแม่ line มาถามอาการ เรามัวแต่นอน ไม่ได้เปิดดู แม่เลยโทรมาบอกว่าจะถึงแล้วนะ (คือแม่มาหาเลย)
พอมาถึงแม่เรารีบพาไป รพ เอกชนแห่งหนึ่ง (ไม่บอกชื่อละกันเนอะ เดี๋ยวจะหาว่าโจมตีอีก) ตอนนั้นก็ยังคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ปวดท้องนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยแต่ท้องอืด หมอก็ถามอาการ เจาะเลือดไปตรวจ ให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ (อีกแล้ว)
ผลออกมาคือ โซเดียมต่ำ คือเราก็ไม่ได้เรียนหมอ ไม่ได้มีแฟนเป็นหมอ เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ได้กินยา 1 ขวด เค็มสัสๆๆๆ แล้วแน่นท้อง อ้วกออกหมด สรุปคือกินอะไรก็ไม่ได้ กินข้าวได้ทีละคำ อยู่ รพ 3 คืนได้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อตลอด ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ท้องเริ่มใหญ่ขึ้นๆๆ เหมือนคนท้อง 2-3 เดือน แล้วหมอดันถามอีกว่าท้องรึป่าวว (โอ้ยยยยยหมออออออออ ท้องค่ะ ท้องเสียมาหลายวันแล้ว ) จนแม่เราบอกว่ากลับบ้านเถอะ แบบนี้ไม่ไหว เค้าไม่เอ็กซเรย์ไม่ทำอะไรเลย ดูอาการมา 3 วันละนะ บ้านเราไม่ได้อยู่นู่น ไปไหนมาไหนลำบาก กลับบ้านละกัน
หมอก็ให้กลับได้ แต่กำชับว่า "ต้องไป รพ ทันทีนะครับ ต้องไปเร็วที่สุด ห้ามกลับบ้าน "
บ่ายวันนั้น เราก็เก็บของขับรถกลับโคราชเลย บ้านเราอยู่โคราช เลยรีบไป รพ ใกล้บ้านเป็น รพ ทหาร (ไม่บอกชื่อนะ แต่น่าจะเดาได้ ) ด้วยความที่ตอนนั้นเย็นแล้ว เลยไปหาหมอคลีนิกพิเศษ หมอส่งตัวไปหาหมอศัลแบบเร่งด่วน (บอกว่าอาจได้ผ่าตัด) แต่เช็คประวัติ เช็คอายุ เจ้าหน้าที่บอกว่าเราอายุเกิน 20 เราใช้สิทธิของพ่อไม่ได้แล้ว (พ่อรับราชการ) ต้องจ่ายเองทั้งหมด แม่เราบอกโอเคจ่ายก็จ่าย แต่ตอนนั้น รพ ก็บอกเตียงเต็มบ้าง หมอศัลก็ไม่มา ไป รพ ที่เรามีสิทธิ 30 บาทดีกว่านะคะคุณแม่ เค้าคงประเมินแล้วว่าถ้าจ่ายเองค่าใช้จ่ายคงจะเยอะ (เช็คอาการด้วยยยยนี่มิไหวล้าวววว) สรุปก็ต้องตามนั้น ต้องไป รพ ที่เรามีสิทธิ ขับรถไปอีก แล้วรพ ที่เรามีสิทธิไกลจากบ้านมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว (ที่จริงก็สงสัยนะว่า รพ ที่มีสิทธิ 30 บาทมันต้องดูจากทะเบียนบ้านว่าใกล้ที่ไหน สิทธิน่าจะอยู่แถวๆนั้นมั้ย นี่ไปไกลจัง)
จริงๆอยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ว่าเราควรจะศึกษาให้ดี ควรจะรู้เอาไว้ สิทธิ 30บาท สิทธิข้าราชการ เป็นยังไง พ่อแม่ ลูกเบิกได้ถึงอายุเท่าไหร่ยังไง พอถึงเวลาจำเป็นมันฉุกลหุกมากอ่ะ
ณ โรงพยาบาล ที่3ของวันนั้นค่ะ เป็นรพ ที่อยู่ไกลจากจังหวัด อยู่อีกอำเภอนึงเลย ติดถนนมิตรภาพ ทางไปกรุงเทพฯ (รู้ยังว่า รพ ไหน
)
ท้องเราก็แน่น ท้องใหญ่เหมือนเดิม ไปถึง รพ 2 ทุ่มละ ไปถึงก็เข้าห้องตรวจเลย เร็วดีจัง อิอิ
เปิดประตูห้องตรวจมาปุ๊ป เจอหมอผช น่ารักๆคนนึงนั่งอยู่ สูง ขาว 😊😆
อายุคงจะเป็นพี่เราไม่กี่ปี ขอเรียกพี่หมอละกัน พี่หมอก็ถามอาการบลาๆๆ ดูผลเลือดจาก รพ แรกที่เอามา พี่หมอก็บอก "ผลเลือดแปลกๆนะครับ เดี๋ยวขอตรวจเลือดอีกทีนะ ปวดท้องหรอ ขอดูท้องหน่อยนะ ขึ้นเตียงเลย "
เราก็ขึ้นเตียง
พี่หมอ: (ดึงม่านปิด)
เรา: ???
พี่หมอ: ถอดกางเกงหน่อย
เรา: ห๊ะ!!!!
พี่หมอ: ถอดกางเกงหน่อย ขอดูท้องหน่อยครับ
เรา: (ร้อยวันพันปีไม่เคยต้องมา รพ เลยก็ต้องถอดแหละ TT)
พี่หมอ: (กดท้องๆ ) ขอโทษน้าาา ขอดูท้องหน่อย (กดอีก) ไม่ต้องเขินนนนนน หลับตาไปเลยๆๆ
เรา: (ถ้าหมอเป็น ผญ รึอายุเยอะแล้วหนูคงไม่เขินหรอก ระเบิดตัวเองแปป หมอน่ารักจริงๆอ่ะ /หมอบอกว่าไม่ต้องเขินๆ แต่ไม่สบตาหนูเลยนะ แอบเขินเองรึป่าววว 555555555 อันนี้เราคิดในใจ พอเลิกเพ้อเจ้อ )
แล้วพี่หมอก็ส่งไปเอ็กเรย์ เจาะเลือดไปเพาะเชื้อ
โอ้โหหหห!!!!! เข็มรึไส้ปากกา ให้ตายเถอะ .... เจาะเลยค่า 2เข็ม
แล้วพี่หมอก็มาบอกว่าเดี๋ยวแอดมิทนะครับ "อดทนหน่อยนะ อาจจะได้นอนหลายคืนหน่อยนะ " ตอนนั้นได้แต่พยักหน้า แต่ไม่รู้เลยว่าพี่หมอหมายความว่ายังไง
เรานอนอยู่โรงพยาบาลอีก 4-5 วัน มีหมอหลายคนเข้ามาดู มาตรวจ เค้าบอกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เจาะเลือดเราไปตรวจทุกวัน วัดความดันตลอด
ได้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อทุกวัน เอ็กซเรย์ อัลต้าซาว ก็ยังไม่เจออะไร บอกแค่ว่าในท้องมีแต่ลม ท้องเราเลยใหญ่ จนวันสุดท้ายอดอาหาร เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แล้วผลก็ออกมาว่า เรามีฝีในช่องท้อง ลำไส้อุดตัน ต้องผ่าตัดคืนนี้ ....
ไส้ติ่งแตก !!! ติ่งเล็กๆกับผู้หญิงตัวเล็กๆ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ จขกท เขียนอาจจะพิมพ์ไม่รู้เรื่องบ้าง สับสนบ้าง พิมพ์ผิดบ้าง อาจจะยาวไปบ้าง หวังว่ากระทู้นี้มีประโยชน์ เผื่อคนอ่านมีอาการป่วย หรือคนรอบข้างป่วย จะได้ดูแลกันได้ทัน อาจเป็นกรณีศึกษากับคนอื่นๆไม่มากก็น้อยนะคะ (พอๆไม่ใช่คำนำรายงาน) ใครมีข้อเสนอแนะอะไรก็คอมเมนต์ได้นะ
แนะนำตัวก่อนว่าเราเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยนึงในภาคอีสาน อายุ 21 ปี ไปเรียนต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่บ้าน อยากลองอยู่ไกลๆบ้านบ้าง เจอเพื่อนใหม่ๆสังคมใหม่ๆ เป็นไงหล่ะ เกือบไม่รอด :p
เรื่องเกิดปลายๆเดือนตุลาที่ผ่านมา อยู่ๆเราก็ปวดท้องเหมือนอาหารเป็นพิษ เพราะเราไปกินขนมปังทามายองเนสที่ขายตามซุปเปอร์ มีท้องเสีย อ้วก ก็กินยาธาตุน้ำขาวไปก็ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปวดท้องมากจนทนไม่ได้
จนวันรุ่งขึ้นเรามีเรียน ก็ตื่นไปเรียนได้ตามปกติ แต่ก็แน่นท้องอยู่ สุดท้ายเรียนไม่ไหวกลับหอมานอน ตกเย็นมาเราเริ่มเป็นไข้ หนาวสั่น เพื่อนเลยพาไปคลีนิก ได้ยาลดไข้ไป 1 เข็ม ได้ยาลดไข้มากิน วิตามิน ช่วงนั้นเป็นวันหยุดพอดี เพื่อนๆกลับบ้านกันหมด แล้วเราอยู่หอคนเดียว ตอนนั้นรู้สึกไม่โอเค รู้สึกเหนื่อย เลยไปศูนย์แพทย์ในมหาลัย (ขับมอไซไปเองเลยจ้า ถึกกว่านี้ไม่มีอีกละ) พอไปถึงพยาบาลก็ถามว่าเป็นอะไรมา ก็บอกอาการไป เค้าก็จับชีพจรแล้วตกใจ บอกว่า "พี่นับชีพจรน้องไม่ทัน คือเต้นเร็วมาก จับใหม่อีกที " พอหมอตรวจ หมอเลยฉีดยาฆ่าเชื้อไป 1 เข็ม กลับหอมานอนต่อ คือตอนนั้นทั้งท้องเสีย ปวดท้อง เป็นไข้ กินเกลือแร่ แต่ไปไหนไม่ได้แล้ว นอนๆๆอยู่อย่างงั้น ลุกจากเตียงยังจะไม่ไหว (ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่เป็นไรมาก ดูความดื้อของคน ) จนเช้าแม่ line มาถามอาการ เรามัวแต่นอน ไม่ได้เปิดดู แม่เลยโทรมาบอกว่าจะถึงแล้วนะ (คือแม่มาหาเลย)
พอมาถึงแม่เรารีบพาไป รพ เอกชนแห่งหนึ่ง (ไม่บอกชื่อละกันเนอะ เดี๋ยวจะหาว่าโจมตีอีก) ตอนนั้นก็ยังคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ปวดท้องนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อยแต่ท้องอืด หมอก็ถามอาการ เจาะเลือดไปตรวจ ให้น้ำเกลือ + ยาฆ่าเชื้อ (อีกแล้ว)
ผลออกมาคือ โซเดียมต่ำ คือเราก็ไม่ได้เรียนหมอ ไม่ได้มีแฟนเป็นหมอ เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ได้กินยา 1 ขวด เค็มสัสๆๆๆ แล้วแน่นท้อง อ้วกออกหมด สรุปคือกินอะไรก็ไม่ได้ กินข้าวได้ทีละคำ อยู่ รพ 3 คืนได้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อตลอด ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ท้องเริ่มใหญ่ขึ้นๆๆ เหมือนคนท้อง 2-3 เดือน แล้วหมอดันถามอีกว่าท้องรึป่าวว (โอ้ยยยยยหมออออออออ ท้องค่ะ ท้องเสียมาหลายวันแล้ว ) จนแม่เราบอกว่ากลับบ้านเถอะ แบบนี้ไม่ไหว เค้าไม่เอ็กซเรย์ไม่ทำอะไรเลย ดูอาการมา 3 วันละนะ บ้านเราไม่ได้อยู่นู่น ไปไหนมาไหนลำบาก กลับบ้านละกัน
หมอก็ให้กลับได้ แต่กำชับว่า "ต้องไป รพ ทันทีนะครับ ต้องไปเร็วที่สุด ห้ามกลับบ้าน "
บ่ายวันนั้น เราก็เก็บของขับรถกลับโคราชเลย บ้านเราอยู่โคราช เลยรีบไป รพ ใกล้บ้านเป็น รพ ทหาร (ไม่บอกชื่อนะ แต่น่าจะเดาได้ ) ด้วยความที่ตอนนั้นเย็นแล้ว เลยไปหาหมอคลีนิกพิเศษ หมอส่งตัวไปหาหมอศัลแบบเร่งด่วน (บอกว่าอาจได้ผ่าตัด) แต่เช็คประวัติ เช็คอายุ เจ้าหน้าที่บอกว่าเราอายุเกิน 20 เราใช้สิทธิของพ่อไม่ได้แล้ว (พ่อรับราชการ) ต้องจ่ายเองทั้งหมด แม่เราบอกโอเคจ่ายก็จ่าย แต่ตอนนั้น รพ ก็บอกเตียงเต็มบ้าง หมอศัลก็ไม่มา ไป รพ ที่เรามีสิทธิ 30 บาทดีกว่านะคะคุณแม่ เค้าคงประเมินแล้วว่าถ้าจ่ายเองค่าใช้จ่ายคงจะเยอะ (เช็คอาการด้วยยยยนี่มิไหวล้าวววว) สรุปก็ต้องตามนั้น ต้องไป รพ ที่เรามีสิทธิ ขับรถไปอีก แล้วรพ ที่เรามีสิทธิไกลจากบ้านมากกกกกก ก.ไก่ล้านตัว (ที่จริงก็สงสัยนะว่า รพ ที่มีสิทธิ 30 บาทมันต้องดูจากทะเบียนบ้านว่าใกล้ที่ไหน สิทธิน่าจะอยู่แถวๆนั้นมั้ย นี่ไปไกลจัง)
จริงๆอยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน ว่าเราควรจะศึกษาให้ดี ควรจะรู้เอาไว้ สิทธิ 30บาท สิทธิข้าราชการ เป็นยังไง พ่อแม่ ลูกเบิกได้ถึงอายุเท่าไหร่ยังไง พอถึงเวลาจำเป็นมันฉุกลหุกมากอ่ะ
ณ โรงพยาบาล ที่3ของวันนั้นค่ะ เป็นรพ ที่อยู่ไกลจากจังหวัด อยู่อีกอำเภอนึงเลย ติดถนนมิตรภาพ ทางไปกรุงเทพฯ (รู้ยังว่า รพ ไหน )
ท้องเราก็แน่น ท้องใหญ่เหมือนเดิม ไปถึง รพ 2 ทุ่มละ ไปถึงก็เข้าห้องตรวจเลย เร็วดีจัง อิอิ
เปิดประตูห้องตรวจมาปุ๊ป เจอหมอผช น่ารักๆคนนึงนั่งอยู่ สูง ขาว 😊😆
อายุคงจะเป็นพี่เราไม่กี่ปี ขอเรียกพี่หมอละกัน พี่หมอก็ถามอาการบลาๆๆ ดูผลเลือดจาก รพ แรกที่เอามา พี่หมอก็บอก "ผลเลือดแปลกๆนะครับ เดี๋ยวขอตรวจเลือดอีกทีนะ ปวดท้องหรอ ขอดูท้องหน่อยนะ ขึ้นเตียงเลย "
เราก็ขึ้นเตียง
พี่หมอ: (ดึงม่านปิด)
เรา: ???
พี่หมอ: ถอดกางเกงหน่อย
เรา: ห๊ะ!!!!
พี่หมอ: ถอดกางเกงหน่อย ขอดูท้องหน่อยครับ
เรา: (ร้อยวันพันปีไม่เคยต้องมา รพ เลยก็ต้องถอดแหละ TT)
พี่หมอ: (กดท้องๆ ) ขอโทษน้าาา ขอดูท้องหน่อย (กดอีก) ไม่ต้องเขินนนนนน หลับตาไปเลยๆๆ
เรา: (ถ้าหมอเป็น ผญ รึอายุเยอะแล้วหนูคงไม่เขินหรอก ระเบิดตัวเองแปป หมอน่ารักจริงๆอ่ะ /หมอบอกว่าไม่ต้องเขินๆ แต่ไม่สบตาหนูเลยนะ แอบเขินเองรึป่าววว 555555555 อันนี้เราคิดในใจ พอเลิกเพ้อเจ้อ )
แล้วพี่หมอก็ส่งไปเอ็กเรย์ เจาะเลือดไปเพาะเชื้อ
โอ้โหหหห!!!!! เข็มรึไส้ปากกา ให้ตายเถอะ .... เจาะเลยค่า 2เข็ม
แล้วพี่หมอก็มาบอกว่าเดี๋ยวแอดมิทนะครับ "อดทนหน่อยนะ อาจจะได้นอนหลายคืนหน่อยนะ " ตอนนั้นได้แต่พยักหน้า แต่ไม่รู้เลยว่าพี่หมอหมายความว่ายังไง
เรานอนอยู่โรงพยาบาลอีก 4-5 วัน มีหมอหลายคนเข้ามาดู มาตรวจ เค้าบอกว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เจาะเลือดเราไปตรวจทุกวัน วัดความดันตลอด
ได้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อทุกวัน เอ็กซเรย์ อัลต้าซาว ก็ยังไม่เจออะไร บอกแค่ว่าในท้องมีแต่ลม ท้องเราเลยใหญ่ จนวันสุดท้ายอดอาหาร เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ แล้วผลก็ออกมาว่า เรามีฝีในช่องท้อง ลำไส้อุดตัน ต้องผ่าตัดคืนนี้ ....