“ปวดท้อง” หนึ่งในอาการที่เราส่วนมากล้วนต้องเคยประสบกันมาก่อน ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากมักจะเกิดจากอาการเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร อาการปวดท้องบิดจากภาวะท้องร่วงไปจนถึงอาการปวดท้องประจำเดือน ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างและระดับการปวดที่ไม่เหมือนกัน
ทว่าอาการปวดในบางครั้งหาใช่สิ่งที่เราควรละเลยไม่ เพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจจะมาจาก
อาการปวดท้องไส้ติ่ง ซึ่งหากไม่ทำการรักษาโดยด่วนอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการอักเสบ และเกิดภาวะไส้ติ่งแตกจนทำให้เชื้อโรคและของเสียไหลเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือด เกิดภาวะติดเชื้อที่รุนแรงตามมาได้
สังเกตอาการปวดท้องก่อนเสี่ยงอันตรายจากภาวะไส้ติ่งแตก!
เมื่อปวดท้อง เราควรสังเกตตัวเองให้ดี หากเป็นอาการปวดท้องลักษณะจะชี้ให้เราเห็นว่าอาการปวดจะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กละน้อย จะเริ่มปวดแบบนานๆ ครั้ง ซึ่งเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 5-6 ชั่วโมงต่อครั้ง และปวดบริเวณด้านขวาของช่องท้อง เมื่อใช้มือสัมผัสจะมีอาการเจ็บ แต่บางรายก็จะมีอาการแตกต่างออกไปได้
อาการปวดท้องแบบตรงไปตรงมา
อาการปวดในบางครั้งจะมีการย้ายจุดเริ่มต้นที่บริเวณรอบสะดือ จากนั้นจึงย้ายตำแหน่งไปที่ช่วงท้องด้านขวาล่าง ซึ่งเกิดขึ้นจากเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้อาการปวดเคลื่อนที่ เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น จะเกิดอาการไข้และเบื่ออาหารร่วมด้วย ในรายนี้ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน
อาการปวดท้องแบบไม่ตรงไปตรงมา
สำหรับในกรณีปวดท้องแบบไม่ตรงไปตรงมา พบว่าอาการปวดท้องไส้ติ่ง จะดำเนินไปอย่างช้าๆ เริ่มจากการปวดท้องบริเวณด้านล่างขวา มีอาการท้องเสียร่วมด้วย ความรุนแรงจะค่อยๆ พัฒนามากขึ้นและเข้าไปเชื่อมโยงกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย หรือหากการอักเสบเคลื่อนที่ไปด้านหลังของลำไส้เล็ก อาการจะเป็นแบบปวดเบ่ง และอยากอาเจียนขั้นรุนแรงร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามอาการปวดที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างกันออกไปเฉพาะบุคคล หากพบอาการปวดท้องที่น่าสงสัย ทางที่ดีควรเข้ารับการตรวจจาแพทย์เพื่อความปลอดภัยจะดีกว่าค่ะ
ขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย
หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นมาจากภาวะไส้ติ่งอักเสบ การรักษาจะต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วนเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลาม จะมีการให้สารผ่านทางหลอดเลือดดำ เป็นการช่วยไม่ให้ขาดน้ำในช่วงลงมือผ่าตัด ก่อนผ่าจะต้องทำการงดน้ำงดอาหารในทันที ในปัจจุบันจากเดิมที่มีการให้ยาสลบในการผ่าหรือการให้ยาชาเฉพาะส่วน มาเป็นการผ่าตัดที่ทันสมัยมากขึ้น โดยการเจาะช่องท้องเพียงเล็กน้อย และใช่กล้องพิเศษส่องเข้าไปทำการผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น โดยส่วนมากแล้วจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่นานหลังจากการพักฟื้น
แต่สิ่งที่สำคัญคือในช่วงระยะเวลาของการตรวจเมื่อพบอาการ หากเป็นภาวะปวดแบบไม่ตรงไปตรงมาอาจจะทำให้แพทย์วินิฉัยผิดพลาด เนื่องจากความไม่ชัดเจนของโรคที่เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อตรวจแล้วอาการปวดไม่ดีขึ้น แพทย์ให้เพียงยามารักษาอาการปวดท้องที่บ้าน ก็ควรกลับเข้าไปทำการตรวจใหม่เพื่อหาต้นตอที่แน่ชัด เพื่อป้องกันอันตรายจากการอักเสบที่รุนแรงตามมานั่นเองค่ะ
ขอบคุณที่มา
http://www.healthydeejung.com/
ไส้ติ่งอักเสบ! กับอาการปวดท้องที่ไม่ควรมองข้าม
“ปวดท้อง” หนึ่งในอาการที่เราส่วนมากล้วนต้องเคยประสบกันมาก่อน ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากมักจะเกิดจากอาการเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร อาการปวดท้องบิดจากภาวะท้องร่วงไปจนถึงอาการปวดท้องประจำเดือน ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างและระดับการปวดที่ไม่เหมือนกัน
ทว่าอาการปวดในบางครั้งหาใช่สิ่งที่เราควรละเลยไม่ เพราะความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจจะมาจาก อาการปวดท้องไส้ติ่ง ซึ่งหากไม่ทำการรักษาโดยด่วนอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการอักเสบ และเกิดภาวะไส้ติ่งแตกจนทำให้เชื้อโรคและของเสียไหลเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือด เกิดภาวะติดเชื้อที่รุนแรงตามมาได้
สังเกตอาการปวดท้องก่อนเสี่ยงอันตรายจากภาวะไส้ติ่งแตก!
เมื่อปวดท้อง เราควรสังเกตตัวเองให้ดี หากเป็นอาการปวดท้องลักษณะจะชี้ให้เราเห็นว่าอาการปวดจะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กละน้อย จะเริ่มปวดแบบนานๆ ครั้ง ซึ่งเฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 5-6 ชั่วโมงต่อครั้ง และปวดบริเวณด้านขวาของช่องท้อง เมื่อใช้มือสัมผัสจะมีอาการเจ็บ แต่บางรายก็จะมีอาการแตกต่างออกไปได้
อาการปวดท้องแบบตรงไปตรงมา
อาการปวดในบางครั้งจะมีการย้ายจุดเริ่มต้นที่บริเวณรอบสะดือ จากนั้นจึงย้ายตำแหน่งไปที่ช่วงท้องด้านขวาล่าง ซึ่งเกิดขึ้นจากเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้อาการปวดเคลื่อนที่ เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น จะเกิดอาการไข้และเบื่ออาหารร่วมด้วย ในรายนี้ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน
อาการปวดท้องแบบไม่ตรงไปตรงมา
สำหรับในกรณีปวดท้องแบบไม่ตรงไปตรงมา พบว่าอาการปวดท้องไส้ติ่ง จะดำเนินไปอย่างช้าๆ เริ่มจากการปวดท้องบริเวณด้านล่างขวา มีอาการท้องเสียร่วมด้วย ความรุนแรงจะค่อยๆ พัฒนามากขึ้นและเข้าไปเชื่อมโยงกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย หรือหากการอักเสบเคลื่อนที่ไปด้านหลังของลำไส้เล็ก อาการจะเป็นแบบปวดเบ่ง และอยากอาเจียนขั้นรุนแรงร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามอาการปวดที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างกันออกไปเฉพาะบุคคล หากพบอาการปวดท้องที่น่าสงสัย ทางที่ดีควรเข้ารับการตรวจจาแพทย์เพื่อความปลอดภัยจะดีกว่าค่ะ
ขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย
หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นมาจากภาวะไส้ติ่งอักเสบ การรักษาจะต้องรีบทำการผ่าตัดโดยด่วนเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลาม จะมีการให้สารผ่านทางหลอดเลือดดำ เป็นการช่วยไม่ให้ขาดน้ำในช่วงลงมือผ่าตัด ก่อนผ่าจะต้องทำการงดน้ำงดอาหารในทันที ในปัจจุบันจากเดิมที่มีการให้ยาสลบในการผ่าหรือการให้ยาชาเฉพาะส่วน มาเป็นการผ่าตัดที่ทันสมัยมากขึ้น โดยการเจาะช่องท้องเพียงเล็กน้อย และใช่กล้องพิเศษส่องเข้าไปทำการผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น โดยส่วนมากแล้วจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่นานหลังจากการพักฟื้น
แต่สิ่งที่สำคัญคือในช่วงระยะเวลาของการตรวจเมื่อพบอาการ หากเป็นภาวะปวดแบบไม่ตรงไปตรงมาอาจจะทำให้แพทย์วินิฉัยผิดพลาด เนื่องจากความไม่ชัดเจนของโรคที่เกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อตรวจแล้วอาการปวดไม่ดีขึ้น แพทย์ให้เพียงยามารักษาอาการปวดท้องที่บ้าน ก็ควรกลับเข้าไปทำการตรวจใหม่เพื่อหาต้นตอที่แน่ชัด เพื่อป้องกันอันตรายจากการอักเสบที่รุนแรงตามมานั่นเองค่ะ
ขอบคุณที่มา http://www.healthydeejung.com/