แชร์ประสบการณ์ ลูก วัย 10 ปี ผ่าไส้ติ่ง
อาการเริ่มจาก ลูกบ่นปวดท้อง ด้านขาว ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่แม่ เคยผ่าไส้ติ่ง
ลูก : แม่หนูปวดท้อง
แม่ : ปวดตรงไหน
(ลูกเอามือแม่ไปจับตรงที่ปวด)
แม่ : น้องๆๆ น้องปวดตรงนี้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าปวดตรงนี้คืแไส้ติ่งนะลูก น้แงต้องไปหาหมอ
"แต่ด้วยความ ไม่อยากให้ลูกเป็นไส้ติ่ง แม่เลยให้น้อง กินข้าว แล้วนอนดูอาการก่อน โดยไม่ให้กินยาแก้ปวด"
เวลาผ่านไปน้องมีไข้ อาการปวดท้องเป็นๆๆ หายๆๆ แต่ปวดถี่ขึ้น
แม่เลยพาไปหาหมอ เวลาประมาณ 16:00
ณ. รพ.เด็ก
เนื่องจากช่วงนี้ มีโควิด เลยต้องตรวจคัดกรองก่อน
วัดไข้ ปรากฎว่า ไม่มีไข้
พยาบาลสอบถามอาการเบื้องต้น
พยาบาล : น้องเป็นอะไรมาค่ะ
แม่ : น้องปวดท้องด้านขวาค่ะ แม่คิดว่าเป็นไส้ติ่ง
พยาบาล : แม่รู้ได้ไงคะว่าไส้ติ่ง
แม่ : แม่เคยผ่ามาก่อนค่ะ และน้องปวดตำแหน่งเดียวกับที่แม่ผ่า
พยาบาล : ให้น้องเดินให้ดูหน่อยค่ะ
น้องลุกเดินตัวตรง ปกติ
พยาบาล : คงปวดท้องธรรมดาค่ะ ไม่ใช้ไส้ติ่ง เพราะร้องยังเดินตัวตรง ไม่มีอาการปวดตัวงอ แต่เดียว ให้คุณหมอตรวจอีกรอบนะค่ะ
เมื่อไปนั่งรอหน้าห้อง รอตรวจ ใช้เวลาไม่นาน คุณหมอก็เรียก
คุณหมอ : หนูเป็นอะไรมาค่ะ
ลูก : หนูปวดท้องค่ะ ปวดตรงนี้ พร้อมชี้ตำแหน่งให้หมอดู
คุณหมอ : แล้วมีอาการอะไรอีกไหมค่ะ
ลูก : มีไจ้ และก็ถ่ายบ่อยค่ะ แต่หมอค่ะ หนูปวดๆๆหายๆๆ นะค่ะ
คุณหมอ : เดี๋ยวหมอขอตรวจก่อนนะค่ะ ให้น้องนอนบนเตียงเลยค่ะ
ลูก : หมอจะผ่าหนูหรอค่ะ ไม่เอานะค่ะ หนูกลัว
คุณหมอ : หมอไม่ผ่าค่ะ หมอผ่าไม่ได้ หมอขอกดท้องดูเฉยๆๆ
คุณหมอกดท้องไปรอบๆ พร้อมถามว่าเจ็บไหมค่ะ แล้วตรงนี้เจ็บไหม
ลูก : ตอบว่าไม่เจ็บ
แต่พอหมอกดตรงด้านขวา น้องมีอาการสะดุ้งทันที
คุณหมอ มีความมั่นใจ ว่าเป็นไส้ติ่ง แต่อาการปวดน้องยังไม่ชัดเจน คุณหมอขอส่งตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และ x-ray พร้อมส่งต่อให้หมอศัยกรรม ตรวจ และอ่านผล
เมื่อตรวจครบ น้องก็ไปนั่งรออหมอศัยกรรมลงมาตรวจในห้อง ฉุกเฉิน ระหว่างรอ น้องมีอาการปวดทท้อง อยากเข้าห้องน้ำ เมื่อพาไปเข้าน้องเริ่มถ่ายเหลว
เมื่อคุณหมอศัยมา คุณหมอได้สอบถามอาการ เหมือนหมอท่านแรก พร้อมอ่านผล คุณหมอบอกว่าอาการนังไม่ค่อยชัดเจน แต่มีโอการเป็นไส้ติ่งอักเสบสูง
คุณหมอแจ้งหมอรุ่นพี่ และอาจารย์หมอ มาตรวจ อีก 3,4 คน
โดยขั้นตอนตรวจที่มีเพิ่มขึ้นคือ
1. อัลตร้าซาวด์หน้าท้อง ดู บริเวณไส้ติ่ง
2. ใช้นิ้วตรวจผ่านรูทวาน
สรุปผลออกมาเป็นไส้ติ่ง
คุณหมอทำเรื่องแอดมิท เตรียมผ่าตัด
ขั้นตอนแรกในการตรวจ จ่ายเงินเอง เนื่องจาก สิทธิ์ 30 บาทน้องอยู่อีก รพ. หนึ่ง ที่ต้องจ่ายเอง จะมีค่า แพทย์ ตรวจคนแรก ค่าตรวจปัสสาวะ ค่าตรวจเลือด ค่า x-ray (จ่ายเงินก่อนที่จะตรวจค่ะ)
แต่เมื่อหมอสั่งแอทมิท ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เริ่มใช้สิทธิ์ 30 บาท ได้ทันที
เมื่อรู้ว่าต้องผ่าแน่ แม่เลยทำเรื่องนอนห้องพิเศษ ค่าห้อง และค่าอาหารอยู่ที่คืนละ 1,800 บาท ส่วนค่าผ่า ค่ายา ใช้สิทธิ์ 30 บาท ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี รักษาฟรี ไม่ต้องจ่าย 30 บาท
ขั้นตอนต่อมา การเตรียมตัวผ่าตัด
1. ใส่สายยน้ำเกลือ พร้อมให้น้ำเกลือ
2. เช็คค่าน้ำในร่างกาย เนื่องจจากน้องน้ำน้อย หมอเลยสั่งให้น้ำเกลือ ประมาณ 5 ขวด ก่อนผ่า ให้แบบ รวดเร็วม๊าก หมอทำเวลาเพราะกลัวไส้ติ่งแตก
เมื่อน้ำในร่างกายโอเค หมอ ก็พาเข้าห้องผ่าตัด (มีใส่สายปัสสาวะด้วยค่ะ)
พยาบาลจะนำเอกสารมาให้แม่เซ็นยินยิมรับการรักษา
พร้อมถอดเครื่องประดับทั้งหมด สร้อย แหวนน นาฬิกา ต่างหู
คุณหมอแจ้งขั้นตอน ที่จะทำการรักษา
- ให้ลูกดมยาสลบ แล้วหมอจะทำการรักษา
ระยะเวลาการผ่าตัด โดยประมาณ (อันนี้ลืมเวลาค่ะ)
คุณหมอใช้เวลาผ่าไม่นาน รอน้องรู้สึกตัว แล้วเข็นน้องออกจากห้องผ่าตัด ไปห้องพัก
น้องใช้เวลาพักรักษาตัวที่ รพ. ประมาณ 4 วัน
คุณหมอ มาตรวจดูน้องทุกวัน
โดยดูปัสสาวะ ประกอบด้วย
เมื่อถอดสายปัสสาวะออก คุณหมอจะให้น้อยเดิน เพื่อให้ลำไส้ทำงาน
เมื่อน้องตด หรือ เรอ จะให้เริ่มทานอาหารอ่อน
เมื่อน้องถ่ายท้อง น้องก็จะสามารถกลับบ้านได้
ไหมที่คุณหมอใช้ไม่ใช่ไหมละลาย เมื่อกลับไปบ้าน จำเป็นต้องล้างแผลทุกวัน จนถึงวันที่หมอนัดตัดไหม
วันไปตัดไหม เราจ่ายเงินเองนะค่ะ เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาไปเอาใบส่งตัว
แต่ถ้าใครสะดวกไปเอาก็จะไม่ต้องเสียเงินค่ะ
(ในกรณีของเรา ต้องไปเอาใบส่งตัวที่คลีนิค ส่งไป รพ. ที่เรรามีสิทธิ์30 บาท แล้ว รพ.ที่เรามีสิทธิ์ 30 บาท จะทำใบส่งตัวไป รพ. เด็กอีกทีค่ะ เราว่าเสียเวลา และะเสียค่ารถแพงกว่าค่าตัดไหมอีก เลยจ่ายเองค่ะ)
ลูกเป็นไส้ติ่งอักเสบ ผ่าไส้ติ่ง
อาการเริ่มจาก ลูกบ่นปวดท้อง ด้านขาว ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่แม่ เคยผ่าไส้ติ่ง
ลูก : แม่หนูปวดท้อง
แม่ : ปวดตรงไหน
(ลูกเอามือแม่ไปจับตรงที่ปวด)
แม่ : น้องๆๆ น้องปวดตรงนี้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าปวดตรงนี้คืแไส้ติ่งนะลูก น้แงต้องไปหาหมอ
"แต่ด้วยความ ไม่อยากให้ลูกเป็นไส้ติ่ง แม่เลยให้น้อง กินข้าว แล้วนอนดูอาการก่อน โดยไม่ให้กินยาแก้ปวด"
เวลาผ่านไปน้องมีไข้ อาการปวดท้องเป็นๆๆ หายๆๆ แต่ปวดถี่ขึ้น
แม่เลยพาไปหาหมอ เวลาประมาณ 16:00
ณ. รพ.เด็ก
เนื่องจากช่วงนี้ มีโควิด เลยต้องตรวจคัดกรองก่อน
วัดไข้ ปรากฎว่า ไม่มีไข้
พยาบาลสอบถามอาการเบื้องต้น
พยาบาล : น้องเป็นอะไรมาค่ะ
แม่ : น้องปวดท้องด้านขวาค่ะ แม่คิดว่าเป็นไส้ติ่ง
พยาบาล : แม่รู้ได้ไงคะว่าไส้ติ่ง
แม่ : แม่เคยผ่ามาก่อนค่ะ และน้องปวดตำแหน่งเดียวกับที่แม่ผ่า
พยาบาล : ให้น้องเดินให้ดูหน่อยค่ะ
น้องลุกเดินตัวตรง ปกติ
พยาบาล : คงปวดท้องธรรมดาค่ะ ไม่ใช้ไส้ติ่ง เพราะร้องยังเดินตัวตรง ไม่มีอาการปวดตัวงอ แต่เดียว ให้คุณหมอตรวจอีกรอบนะค่ะ
เมื่อไปนั่งรอหน้าห้อง รอตรวจ ใช้เวลาไม่นาน คุณหมอก็เรียก
คุณหมอ : หนูเป็นอะไรมาค่ะ
ลูก : หนูปวดท้องค่ะ ปวดตรงนี้ พร้อมชี้ตำแหน่งให้หมอดู
คุณหมอ : แล้วมีอาการอะไรอีกไหมค่ะ
ลูก : มีไจ้ และก็ถ่ายบ่อยค่ะ แต่หมอค่ะ หนูปวดๆๆหายๆๆ นะค่ะ
คุณหมอ : เดี๋ยวหมอขอตรวจก่อนนะค่ะ ให้น้องนอนบนเตียงเลยค่ะ
ลูก : หมอจะผ่าหนูหรอค่ะ ไม่เอานะค่ะ หนูกลัว
คุณหมอ : หมอไม่ผ่าค่ะ หมอผ่าไม่ได้ หมอขอกดท้องดูเฉยๆๆ
คุณหมอกดท้องไปรอบๆ พร้อมถามว่าเจ็บไหมค่ะ แล้วตรงนี้เจ็บไหม
ลูก : ตอบว่าไม่เจ็บ
แต่พอหมอกดตรงด้านขวา น้องมีอาการสะดุ้งทันที
คุณหมอ มีความมั่นใจ ว่าเป็นไส้ติ่ง แต่อาการปวดน้องยังไม่ชัดเจน คุณหมอขอส่งตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และ x-ray พร้อมส่งต่อให้หมอศัยกรรม ตรวจ และอ่านผล
เมื่อตรวจครบ น้องก็ไปนั่งรออหมอศัยกรรมลงมาตรวจในห้อง ฉุกเฉิน ระหว่างรอ น้องมีอาการปวดทท้อง อยากเข้าห้องน้ำ เมื่อพาไปเข้าน้องเริ่มถ่ายเหลว
เมื่อคุณหมอศัยมา คุณหมอได้สอบถามอาการ เหมือนหมอท่านแรก พร้อมอ่านผล คุณหมอบอกว่าอาการนังไม่ค่อยชัดเจน แต่มีโอการเป็นไส้ติ่งอักเสบสูง
คุณหมอแจ้งหมอรุ่นพี่ และอาจารย์หมอ มาตรวจ อีก 3,4 คน
โดยขั้นตอนตรวจที่มีเพิ่มขึ้นคือ
1. อัลตร้าซาวด์หน้าท้อง ดู บริเวณไส้ติ่ง
2. ใช้นิ้วตรวจผ่านรูทวาน
สรุปผลออกมาเป็นไส้ติ่ง
คุณหมอทำเรื่องแอดมิท เตรียมผ่าตัด
ขั้นตอนแรกในการตรวจ จ่ายเงินเอง เนื่องจาก สิทธิ์ 30 บาทน้องอยู่อีก รพ. หนึ่ง ที่ต้องจ่ายเอง จะมีค่า แพทย์ ตรวจคนแรก ค่าตรวจปัสสาวะ ค่าตรวจเลือด ค่า x-ray (จ่ายเงินก่อนที่จะตรวจค่ะ)
แต่เมื่อหมอสั่งแอทมิท ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน เริ่มใช้สิทธิ์ 30 บาท ได้ทันที
เมื่อรู้ว่าต้องผ่าแน่ แม่เลยทำเรื่องนอนห้องพิเศษ ค่าห้อง และค่าอาหารอยู่ที่คืนละ 1,800 บาท ส่วนค่าผ่า ค่ายา ใช้สิทธิ์ 30 บาท ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี รักษาฟรี ไม่ต้องจ่าย 30 บาท
ขั้นตอนต่อมา การเตรียมตัวผ่าตัด
1. ใส่สายยน้ำเกลือ พร้อมให้น้ำเกลือ
2. เช็คค่าน้ำในร่างกาย เนื่องจจากน้องน้ำน้อย หมอเลยสั่งให้น้ำเกลือ ประมาณ 5 ขวด ก่อนผ่า ให้แบบ รวดเร็วม๊าก หมอทำเวลาเพราะกลัวไส้ติ่งแตก
เมื่อน้ำในร่างกายโอเค หมอ ก็พาเข้าห้องผ่าตัด (มีใส่สายปัสสาวะด้วยค่ะ)
พยาบาลจะนำเอกสารมาให้แม่เซ็นยินยิมรับการรักษา
พร้อมถอดเครื่องประดับทั้งหมด สร้อย แหวนน นาฬิกา ต่างหู
คุณหมอแจ้งขั้นตอน ที่จะทำการรักษา
- ให้ลูกดมยาสลบ แล้วหมอจะทำการรักษา
ระยะเวลาการผ่าตัด โดยประมาณ (อันนี้ลืมเวลาค่ะ)
คุณหมอใช้เวลาผ่าไม่นาน รอน้องรู้สึกตัว แล้วเข็นน้องออกจากห้องผ่าตัด ไปห้องพัก
น้องใช้เวลาพักรักษาตัวที่ รพ. ประมาณ 4 วัน
คุณหมอ มาตรวจดูน้องทุกวัน
โดยดูปัสสาวะ ประกอบด้วย
เมื่อถอดสายปัสสาวะออก คุณหมอจะให้น้อยเดิน เพื่อให้ลำไส้ทำงาน
เมื่อน้องตด หรือ เรอ จะให้เริ่มทานอาหารอ่อน
เมื่อน้องถ่ายท้อง น้องก็จะสามารถกลับบ้านได้
ไหมที่คุณหมอใช้ไม่ใช่ไหมละลาย เมื่อกลับไปบ้าน จำเป็นต้องล้างแผลทุกวัน จนถึงวันที่หมอนัดตัดไหม
วันไปตัดไหม เราจ่ายเงินเองนะค่ะ เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาไปเอาใบส่งตัว
แต่ถ้าใครสะดวกไปเอาก็จะไม่ต้องเสียเงินค่ะ
(ในกรณีของเรา ต้องไปเอาใบส่งตัวที่คลีนิค ส่งไป รพ. ที่เรรามีสิทธิ์30 บาท แล้ว รพ.ที่เรามีสิทธิ์ 30 บาท จะทำใบส่งตัวไป รพ. เด็กอีกทีค่ะ เราว่าเสียเวลา และะเสียค่ารถแพงกว่าค่าตัดไหมอีก เลยจ่ายเองค่ะ)