โอ้ย ไส้ติ่งแตก!!

โอ้ย ไส้ติ่งแตก!!
รพ.วิภาราม-ปากเกร็ด (โคตรห่วย)
รพ.พระนั่งเกล้า (พยาบาลบางคน ไร้น้ำใจ)

17 ม.ค. 2562 เวลา 20.30น. ผมมีอาการปวดท้องมากจนแทบเดินไม่ไหว จึงโทรเรียกแฟนให้มารับ กว่าจะถึง รพ. ก็ประมาณ 3 ทุ่ม ผมลงนั่งรถเข็น แล้วเข้าตรวจสอบสิทธิ์ และถูกส่งไปห้องฉุกเฉินทันที
รอไปประมาณ 1 ช.ม. ขณะที่นอนรอหมอ พยาบาลในห้องทุกคนจับกลุ่มคุยกันเล่นโทรศัพท์โวยวายเสียงดังมาก ส่วนผมก็จมอยู่กับความทรมานพร้อมผ้าห่ม 1 ผืนในห้องเย็นๆ ผมเหลือบตามองมือตัวเองที่ซีดเหลืองไม่มีเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว และปวดท้องมากจนไม่มีแรง จึงบอกพยาบาลไปว่า "พอมียาแก้ปวดบ้างไหมครับ" พยาบาลบอกว่า "ได้ครับ รอหมอก่อนนะครับ" แล้วเดินหายไป 20 นาทีแล้วบอกว่าทาง รพ.จะมีค่ายา 1,500 นะครับ และอีก 20 นาทีก็มาฉีดยาให้ อีกสักพักหมอก็เดินมา...
*** (จุดสำคัญ) จนกระทั่งหมอมา หมอเดินมาแล้วกดๆท้องแล้วถามว่าเจ็บไหมๆ ผมอ้วกแตกทันที ไม่ทันได้บอกอะไรหมอก็เดินหนีไปแล้วให้จ่ายเงินกลับบ้าน ไม่บอกอะไร ไม่คุย ไม่วินิจฉัยโรค ฝ่ายการเงินก็ไม่อยู่โต๊ะต้องนั่งรอบนรถเข็นต่ออีกเเกือบชั่วโมง ต้องจมอยู่กับความทรมานต่อไป กว่าจะกลับบ้านได้ก็ตี 1 ล่ะครับ
-----
18 ม.ค. 2562 เวลา 14.00น. ผมมีไข้สูงมาก สูงแบบรู้สึกเลยว่าไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน หนาวจัดมากขนาดห่มผ้า 5 ผืนซ้อนก็ไม่หาย ตัวสั่นเองจนควบคุมไม่อยู่ ร่างกายร้อนระอุจนเหมือนว่ามือเท้าจะแตกให้ได้ จนแม่บอกว่าไม่ไหวแล้วแบบนี้ตายแน่ๆ จึงได้เรียกรถกู้ชีพมารับที่บ้าน แบกขึ้นเปลส่ง รพ.ทันที
15.00น. รพ.ปากเกร็ด 2 เป็นที่แรกที่ผมไป มีหมอและพยาบาลมากดๆท้อง 4-5 คน และบอกว่าเป็นเป็นไส้ติ่ง นอนรอหมอผ่าตัดก่อน
17.00น. หลังรอไป 2 ช.ม. พบาบาลมาว่า หมดเวลาผ่าตัดหมอแล้ว กำลังทำใบส่งตัวไป รพ.พระนั่งเกล้า
18.00น. รถพยาบาลส่งตัวไป รพ.พระนั่งเกล้า และก็ตรวจอาการต่างๆ
23.00น. เริ่มเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดใหญ่ (ไส้ติ่งแตก)
หลังจากผ่าตัดก็ออกมานอนพักที่ห้อง ICU พยาบาลที่รับตัวผมบอกว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมตัวเหลืองซีดมากๆ และตัวลายน่ากลัวมาก ช่วงเวลาที่นอนใน ICU ผมว่ามันต้องมีผีแน่ๆ เพราะรู้สึกโดนดึงเสื้อดึงกางเกงสะกิดบ่อยมากแต่ก็ไม่ได้บอกใคร เพราะพยาบาลอยู่เยอะมันจึงไม่น่ากลัว ผมนอนได้ 2 วันก็ถูกส่งตัวไปที่ห้องรวมผู้ป่วยผ่าตัดชาย
*** (จุดสำคัญ) ในขณะที่ผมถูกส่งตัวลงมาห้องรวม ทีมที่ย้ายผมมาทำน้ำเกลือหกใส่ตัวเสื้อเปียกชุ่มครึ่งตัวฝั่งขวาและนองไปทั้งแผ่นหลัง
21 ม.ค. 2562 ผมรู้สึกมีไข้แล้วตัวก็เปียกชุ่ม จึงขอเสื้อใหม่และยาลดไข้จากพยาบาล ผมรอประมาณ 30 นาที ไม่มีผลตอบรับใดจนต้องขอไปเรื่อยๆอีก 2-3 คน ผมตัวเปียกชุ่มน้ำเกลือไปและมีไข้ไป 3 ช.ม. จนผู้ช่วยพยาบาล(ไม่ใช่พยาบาล ใส่เสื้อสีเหลือง) เดินผ่านมาผมจึงขอยาและเสื้อจากเขา ผลที่ได้คือ รอไม่เกิน 10 นาที ผมได้ทั้งยาและเสื้อ ต้องขอขอบคุณจริงๆ จากบุคลากรคนนี้
22 ม.ค. 2562 (กลางวัน) ผมได้กินข้าวและปวดถ่ายหนักต้องการเข้าห้องน้ำ ผมเรียกพยาบาลให้ช่วยพยุงผมยืนได้เท่านั้นเพื่อที่ผมจะเดินไปเข้าห้องน้ำเอง มีเสียงมาจากพยาบาลว่าลุกเองเลย ไปเองเลยถ้าไปเองไม่ได้ก็ไม่ต้องกินข้าว (ผมลุกไม่ไหวเพราะเวียนหัวเหมือนหน้ามืด ไม่ใช่เพราะเจ็บแผล) และก็เรียกอีกหลายรอบประมาณ 30 นาที และตะโกนว่า “ผมลุกเองไม่ไหว มาช่วยผมหน่อย” ผลตอบรับคือพยาบาลหันมามองแล้วไม่มีผลตอบรับใดๆ ผมทนไม่ไหวจริงๆ จนผมต้องขอคนป่วยฝั่งตรงข้ามเตียงมาช่วยผม เขามาช่วยพยุงผมให้ยืนให้ได้และแกะถุงปัสวะที่ถูกผูกไว้ที่ข้างเตียง ผมเวียนหัวมากผมเดินไปจนถึงห้องน้ำเมื่อผมก้มลงแล้วหน้ามืดไปกับชักโครกทันที พอทำธุระเสร็จก็เดินกลับไปที่เตียง
22 ม.ค. 2562 (กลางคืน) ผมรู้สึกว่ามีไข้ ตัวชุ่มเหงื่อและปวดแผล ผมกดปุ่มเรียกพยาบาลบนหัวเตียงเพื่อขอยาลดไข้ พยาบาลบนโต๊ะนั่งเล่นโทรศัพท์และคุยกัน 2 คน เขาหันมามองและไม่สนใจ ผมกดปุ่มไป 20 นาที พยาบาลก็หันมามองตลอด แต่ก็นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วคุยกันหัวเราะกันสองคนในห้อง เวลาผ่านไปประมาณ 1 ช.ม. พยาบาลเดินมาผมจึงขอยาลดไข้ และพยาบาลพูดว่าไอ้ติ๊งต๊องและก็เดินไป
*** สำหรับพยาบาลที่เอ่ยถึงนี้ เป็นพยาบาลที่มีอายุเยอะแล้วทั้งนั้น

สุดท้ายผมอยากรู้ว่า
ปกติแล้ว “หมอ รพ. วิภารามปากเกร็ด” ทำหน้าที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า ?
ปกติแล้ว “พยาบาล รพ.พระนั่งเกล้า” ทำหน้าที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า ?

ปล.ใครใช้บริการ รพ.วิภาราม-ปากเกร็ด (ถ้าป่วยหนักก็เตรียมโอกาสตายเพิ่มขึ้นอีก 50% ได้เลยนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่