บทความนี้จะเล่าย้อนไปตอนที่ค่าเงินบาทไทยถูกโจมตีว่าวิธีการเป็นอย่างไร และอะไรที่ทำให้เราถูกโจมตี อาจจะประเด็นเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนิดหน่อย และเหมาะกับคนที่ต้องการศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อปกป้องอนาคตของเราในอนาคต เพราะต้องบอกว่าฝ่ายการเมืองมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้
ก่อนอื่นผมต้องขอเล่าย้อนไปถึงนโยบายการเงินของเรา โดยเราใช้นโยบายการเงินเป็นของตัวเองและคงอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัว เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของเราและไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีได้ เหมือนกับที่จีนใช้อยู่ตอนนี้
กลไกการเงินระหว่างประเทศถูกดูแลโดยกระทรวงการคลังที่ออกนโยบายและธนาคารกลางคือแบงค์ชาติที่กำหนดนโยบายทางการเงิน เช่นดูแลอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เช่นลดดอกเบี้ยลงเมื่อเศรษฐกิจเริ่มตกต่ำเพื่อกระตุ้นให้มีการปล่อยกู้ เมื่อมีการปล่อยกู้ก็จะมีการซื้อ การจ้างงานตามมาหรือขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจโตเร็วเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟองสบู่ รวมทั้งดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนเกินไป เพราะถ้าแข็งเกินไปก็จะส่งออกสินค้าได้ลำบากเนื่องจากมีราคาแพงหรือถ้าอ่อนเกินไปก็จะนำเข้าเครื่องจักรในราคาที่แพงเช่นกัน โดยในตอนนั้นเราใช้นโยบายการค้าแบบเปิด โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัวกับต่างประเทศ เมื่อธนาคารต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะทำการซื้อพันธบัตรคืนจากธนาคารพานิชย์ ก็จะทำให้ระบบมีสภาพคล่องขึ้น ดอกเบี้ยต่ำลง ธุรกิจก็จะมากูเงินเพื่อนำไปลงทุนแล้วทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และมีการนำเข้าเทคโนโยยีและวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจ ก็จะทำให้เกิดการขาดดุลการค้า เงินทุนต่างประเทศก็จะไหลออกเพราะผลตอบแทนจากดอกเบี้ยลดลง ต่างชาติถอนเงินคืนทำให้เราขาดดุลเงินเคลื่อนย้ายทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงไปมาก แบงค์ชาติก็ต้องนำเงินทุนสำรองต่างประเทศมาซื้อเงินออกจากระบบเพื่อทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น หลังจากนั้นก็ขายพันธบัตรเพื่อทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็นแบบนี้สลับไปเพื่อรักษาค่าเงินให้สมดุล
ในตอนนั้นเรามีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งคือการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน มันทำหน้าที่เหมือนฝายชะลอน้ำที่คอยชะลอการไหลออกของเงินทุนไม่ให้ไหลออกมากเกินไปหรือเร็วเกินไป ทำให้เราปรับตัวเข้าสู่สมดุลได้ทุกครั้ง ตั้งแต่ก่อนปี 40 เราดำเนินนโยบายการเงินการคลังด้วยตัวเอง และใช้การแลกเปลี่ยนแบบคงที่ เพื่อที่เราจะได้กำหนดนโยบายการเงินได้เหมาะสมกับเศรษฐกิจบ้านเรา เพราะถ้าเราไปอิงกับต่างประเทศก็อาจดำเนินนโยบายที่ไม่เหมาะสมเช่น อเมริกาต้องการกระตุ้นแต่บ้านเราเศรษฐกิจใกล้จะเกิดฟองสบู่อยู่แล้วหรืออเมริกาต้องการชะลอเศรษฐกิจแต่บ้านเราเศรษฐกิจแย่ก็จะแย่เข้าไปใหญ่ ดังนั้นประเทศใหญ่ๆอย่างอเมริกา ญี่ปุ้นหรือยุโรปจะมีนโยบายเป็นของตัวเองเพื่อดูแลให้เหมาะสม การส่งออกของบ้านส่งออกไปเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก จนรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุญหะวัณ ประเทศไทยเริ่มมีสัดส่วนการค้าขายกับต่างประเทศสูงขึ้นมาก จนทำให้ตัวเลข GDP สูงขึ้นมากเหมือนกับเวียดนามในตอนนี้ที่โต 7% เศรษฐกิจโตแบบนี้อีกหลายปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่โตมากก็จะมีการกูเงินจากภายนอกประเทศที่มีดอกเบี้ยถูกกว่ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่างๆ ธนาคารปล่อยเงินกู้เนื่องจากสินทรัพย์มีราคาสูงขึ้นๆ ตอนนี้เราก็เริ่มเห็นฟองสบู่แล้ว แต่ตอนนั้นแบงค์ชาติยังปล่อยให้เป็นไปเพราะคิดว่ายังเอาอยู่ โดยมีกฎการควบคุมเงินคอยช่วยไม่ให้การเก็งกำไรทำให้เกิดความเสียหายได้มากพอ จนเมื่อถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมลตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยแรกปี 2537 ยกเลิกกฎหมายควบคุมธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ (capital control ) เปิดเสรีทางการเงิน BIBFsให้ทุนต่างชาติไหลเข้าออกได้โดยเสรี ซึ่งคิดว่าจะทำให้เกิดการไหลเข้ามาของเงินต่างชาติได้อีกมากมายแล้วจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตสูงขึ้นไปอีก ทั้งที่จริงก่อนหน้านี้ก็เป็นฟองสบู่อยู่แล้ว ดังนั้นเราสรุปได้ว่าวกฤติเกิดจากนายชวน หลีกภัย นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์และผู้ว่าการแบงค์ชาติที่ปล่อยให้การเมืองเข้ามาครอบงำฝ่ายการเงินจนนำไปสู่วิกฤติ
นายจอร์จ โซรอสรู้ว่าการใช้เงินทุนสำรองของไทยไม่แข็งแรงพอที่จะรักษาค่าเงินไว้ได้ จึงได้เริ่มทะยอยเก็บสกุลเงินบาทไทยแล้วนำไปซื้อสัญญาซื้อขายเงินกอลล่าล่วงหน้าในอีก 6 เดือนโดยสัญญาระบุว่า 25 บาทไทยจะสามารซื้อได้ 1 ดอลล่า และมีการไปกูเงินในตลาดต่างประเทศเพื่อมาทำสัญญาล่วงหน้าเพิ่ม เพราะการต้องต่อสู้กับแบงชาติต้องใช้เงินที่มหาศาล ไม่งั้นแบงค์ชาติอาจสู้หมดตัวเพื่อรักษาค่าเงินไว้ได้ โดยได้รวบรวมเงินได้กว่า 1 แสนล้านดอลล่าในขณะที่แบงชาติมีเงินสำรอง 46000 ล้านดอลล่า โดยแบงชาติได้ทำการใช้เงินสำรองเพื่อรักษาค่าเงินเอาไว้ โดยหวังว่าจะต่อสู้ได้นานพออที่ดอกเบี้ยจากเงินกู้จะทำให้โซรอสแพ้ไปเอง แต่ผลก็อย่างที่เรารู้ธนาคารแห่งประเทศไทยยอมแพ้แล้วประกาศลอยตัวเงินบาทจาก 25 บาทไปเป็น 50 บาทต่อดอลล่า ตอนนี้คนที่ชอบเล่น forex คงรู้ว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นในสัญญาล่วงหน้าทำให้โซรอสได้กำไรไปมหาศาล ส่วนประเทศไทยก็ถูก IMF เข้ามารัดเข้มขัด โดยอเมริกาได้กำไรจากดอกเบี้ยมหาศาลที่เราจ่ายไป มีคนโดดตึกตายรายวันเพราะนโยบายจากรัฐบาลชุดหนึ่งได้สร้างความ
ให้บ้านเมืองเรามากมายเหลือเกิน การถล่มค่าเงินกระจายไปทั่วเอเชีย โชคดีที่มาเลเซียมีรัฐบาลที่ดีที่เข้าใจการเงินโดยยังมีกฎหมายควบคุมเงินทุนคอยช่วยไว้ ถึงแม้จะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศแย่แต่ก็ไม่ถึงกับต้องโดน IMF เข้ามายึดเหมือนประเทศไทย
ตอนนี้สิ่งที่ผมมองเห็นคือจีนเติบโตมาอย่างต่อเนื่องหลายปีเหมือนประเทศไทยในอดีตและเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อส่งเสริมเงินสกุลหยวน ทำให้ในอนาคตเงินหยวนจะเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องเจอกับพวกเก็งกำไรและแบคอย่างอเมริกาที่คอยหนุนหลังกองทุนพวกนี้ แต่อย่างที่เรารู้เงินสำรองของจีนมีมากที่สุดในโลกและมีอเมริกาเป็นลูกหนี้ เรากำลังมองเห็นลูกหนี้ปลดหนี้เจ้าหนี้แบบไม่ต้องใช้เงินคืน
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบถ้าชอบบทความนี้ ขอให้ช่วยกดไลค์ กดแชร์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนได้มีผลงานต่อไป
ติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน
การโจมตีค่าเงินของ Josh Soros ที่จีนต้องระแวง
ก่อนอื่นผมต้องขอเล่าย้อนไปถึงนโยบายการเงินของเรา โดยเราใช้นโยบายการเงินเป็นของตัวเองและคงอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัว เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของเราและไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีได้ เหมือนกับที่จีนใช้อยู่ตอนนี้
กลไกการเงินระหว่างประเทศถูกดูแลโดยกระทรวงการคลังที่ออกนโยบายและธนาคารกลางคือแบงค์ชาติที่กำหนดนโยบายทางการเงิน เช่นดูแลอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เช่นลดดอกเบี้ยลงเมื่อเศรษฐกิจเริ่มตกต่ำเพื่อกระตุ้นให้มีการปล่อยกู้ เมื่อมีการปล่อยกู้ก็จะมีการซื้อ การจ้างงานตามมาหรือขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจโตเร็วเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟองสบู่ รวมทั้งดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนเกินไป เพราะถ้าแข็งเกินไปก็จะส่งออกสินค้าได้ลำบากเนื่องจากมีราคาแพงหรือถ้าอ่อนเกินไปก็จะนำเข้าเครื่องจักรในราคาที่แพงเช่นกัน โดยในตอนนั้นเราใช้นโยบายการค้าแบบเปิด โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัวกับต่างประเทศ เมื่อธนาคารต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะทำการซื้อพันธบัตรคืนจากธนาคารพานิชย์ ก็จะทำให้ระบบมีสภาพคล่องขึ้น ดอกเบี้ยต่ำลง ธุรกิจก็จะมากูเงินเพื่อนำไปลงทุนแล้วทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และมีการนำเข้าเทคโนโยยีและวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำมาดำเนินธุรกิจ ก็จะทำให้เกิดการขาดดุลการค้า เงินทุนต่างประเทศก็จะไหลออกเพราะผลตอบแทนจากดอกเบี้ยลดลง ต่างชาติถอนเงินคืนทำให้เราขาดดุลเงินเคลื่อนย้ายทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงไปมาก แบงค์ชาติก็ต้องนำเงินทุนสำรองต่างประเทศมาซื้อเงินออกจากระบบเพื่อทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น หลังจากนั้นก็ขายพันธบัตรเพื่อทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็นแบบนี้สลับไปเพื่อรักษาค่าเงินให้สมดุล
ในตอนนั้นเรามีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งคือการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน มันทำหน้าที่เหมือนฝายชะลอน้ำที่คอยชะลอการไหลออกของเงินทุนไม่ให้ไหลออกมากเกินไปหรือเร็วเกินไป ทำให้เราปรับตัวเข้าสู่สมดุลได้ทุกครั้ง ตั้งแต่ก่อนปี 40 เราดำเนินนโยบายการเงินการคลังด้วยตัวเอง และใช้การแลกเปลี่ยนแบบคงที่ เพื่อที่เราจะได้กำหนดนโยบายการเงินได้เหมาะสมกับเศรษฐกิจบ้านเรา เพราะถ้าเราไปอิงกับต่างประเทศก็อาจดำเนินนโยบายที่ไม่เหมาะสมเช่น อเมริกาต้องการกระตุ้นแต่บ้านเราเศรษฐกิจใกล้จะเกิดฟองสบู่อยู่แล้วหรืออเมริกาต้องการชะลอเศรษฐกิจแต่บ้านเราเศรษฐกิจแย่ก็จะแย่เข้าไปใหญ่ ดังนั้นประเทศใหญ่ๆอย่างอเมริกา ญี่ปุ้นหรือยุโรปจะมีนโยบายเป็นของตัวเองเพื่อดูแลให้เหมาะสม การส่งออกของบ้านส่งออกไปเพียงเล็กน้อยในช่วงแรก จนรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุญหะวัณ ประเทศไทยเริ่มมีสัดส่วนการค้าขายกับต่างประเทศสูงขึ้นมาก จนทำให้ตัวเลข GDP สูงขึ้นมากเหมือนกับเวียดนามในตอนนี้ที่โต 7% เศรษฐกิจโตแบบนี้อีกหลายปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่โตมากก็จะมีการกูเงินจากภายนอกประเทศที่มีดอกเบี้ยถูกกว่ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่างๆ ธนาคารปล่อยเงินกู้เนื่องจากสินทรัพย์มีราคาสูงขึ้นๆ ตอนนี้เราก็เริ่มเห็นฟองสบู่แล้ว แต่ตอนนั้นแบงค์ชาติยังปล่อยให้เป็นไปเพราะคิดว่ายังเอาอยู่ โดยมีกฎการควบคุมเงินคอยช่วยไม่ให้การเก็งกำไรทำให้เกิดความเสียหายได้มากพอ จนเมื่อถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมลตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยแรกปี 2537 ยกเลิกกฎหมายควบคุมธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ (capital control ) เปิดเสรีทางการเงิน BIBFsให้ทุนต่างชาติไหลเข้าออกได้โดยเสรี ซึ่งคิดว่าจะทำให้เกิดการไหลเข้ามาของเงินต่างชาติได้อีกมากมายแล้วจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตสูงขึ้นไปอีก ทั้งที่จริงก่อนหน้านี้ก็เป็นฟองสบู่อยู่แล้ว ดังนั้นเราสรุปได้ว่าวกฤติเกิดจากนายชวน หลีกภัย นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์และผู้ว่าการแบงค์ชาติที่ปล่อยให้การเมืองเข้ามาครอบงำฝ่ายการเงินจนนำไปสู่วิกฤติ
นายจอร์จ โซรอสรู้ว่าการใช้เงินทุนสำรองของไทยไม่แข็งแรงพอที่จะรักษาค่าเงินไว้ได้ จึงได้เริ่มทะยอยเก็บสกุลเงินบาทไทยแล้วนำไปซื้อสัญญาซื้อขายเงินกอลล่าล่วงหน้าในอีก 6 เดือนโดยสัญญาระบุว่า 25 บาทไทยจะสามารซื้อได้ 1 ดอลล่า และมีการไปกูเงินในตลาดต่างประเทศเพื่อมาทำสัญญาล่วงหน้าเพิ่ม เพราะการต้องต่อสู้กับแบงชาติต้องใช้เงินที่มหาศาล ไม่งั้นแบงค์ชาติอาจสู้หมดตัวเพื่อรักษาค่าเงินไว้ได้ โดยได้รวบรวมเงินได้กว่า 1 แสนล้านดอลล่าในขณะที่แบงชาติมีเงินสำรอง 46000 ล้านดอลล่า โดยแบงชาติได้ทำการใช้เงินสำรองเพื่อรักษาค่าเงินเอาไว้ โดยหวังว่าจะต่อสู้ได้นานพออที่ดอกเบี้ยจากเงินกู้จะทำให้โซรอสแพ้ไปเอง แต่ผลก็อย่างที่เรารู้ธนาคารแห่งประเทศไทยยอมแพ้แล้วประกาศลอยตัวเงินบาทจาก 25 บาทไปเป็น 50 บาทต่อดอลล่า ตอนนี้คนที่ชอบเล่น forex คงรู้ว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นในสัญญาล่วงหน้าทำให้โซรอสได้กำไรไปมหาศาล ส่วนประเทศไทยก็ถูก IMF เข้ามารัดเข้มขัด โดยอเมริกาได้กำไรจากดอกเบี้ยมหาศาลที่เราจ่ายไป มีคนโดดตึกตายรายวันเพราะนโยบายจากรัฐบาลชุดหนึ่งได้สร้างความให้บ้านเมืองเรามากมายเหลือเกิน การถล่มค่าเงินกระจายไปทั่วเอเชีย โชคดีที่มาเลเซียมีรัฐบาลที่ดีที่เข้าใจการเงินโดยยังมีกฎหมายควบคุมเงินทุนคอยช่วยไว้ ถึงแม้จะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศแย่แต่ก็ไม่ถึงกับต้องโดน IMF เข้ามายึดเหมือนประเทศไทย
ตอนนี้สิ่งที่ผมมองเห็นคือจีนเติบโตมาอย่างต่อเนื่องหลายปีเหมือนประเทศไทยในอดีตและเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อส่งเสริมเงินสกุลหยวน ทำให้ในอนาคตเงินหยวนจะเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องเจอกับพวกเก็งกำไรและแบคอย่างอเมริกาที่คอยหนุนหลังกองทุนพวกนี้ แต่อย่างที่เรารู้เงินสำรองของจีนมีมากที่สุดในโลกและมีอเมริกาเป็นลูกหนี้ เรากำลังมองเห็นลูกหนี้ปลดหนี้เจ้าหนี้แบบไม่ต้องใช้เงินคืน
ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบถ้าชอบบทความนี้ ขอให้ช่วยกดไลค์ กดแชร์เพจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนได้มีผลงานต่อไป
ติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน