"เรื่องของปัญญา"
" .. จากนั้นก็เป็นเรื่องของปัญญา
"ปัญญาไม่ใช่จะเกิดเอาเฉย ๆ ตามธรรมดานิสัยของเรา ๆ ท่าน ๆ
เว้นนิสัยของท่าน ผู้เป็นอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู" คือผู้ที่จะรู้ได้อย่างรวดเร็ว
อันนั้นเราจะเอามาเทียบหรือเอามาเป็นแบบเดียวกันกับเราไม่ได้ ผิดกันอยู่มาก
ส่วนมากที่ท่านพูดถึงว่า
"ปัญญานี้ต้องได้อาศัยการพินิจพิจารณา"
พาเดินพาคิดพาอ่านไตร่ตรองเหตุผลกลไกต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องอรรถเรื่องธรรม
มี "อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภะอสุภัง" เป็นพื้นฐานของการดำเนินทางด้านปัญญา
"ไม่ใช่จิตเป็นสมาธิแล้วจะเป็นปัญญาเอง" พูดเช่นนั้นคือผู้จิตไม่เคยมีสมาธินั่นเอง พูดแบบเดา ๆ
"จะเกิดได้เองเฉพาะท่านผู้ที่เป็นอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู" เป็นสมาธิเป็นปัญญาไปโดยลำดับในขณะนั้น ๆ
จนกระทั่งถึงบรรลุธรรมต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้ามีจำนวนมากมาย
"นี่เป็นได้จริง ปัญญาเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับสมาธิ" คือ สมาธิได้แก่ความสงบไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย
กับเรื่องโลกเรื่องสงสาร มีความสงบเย็นอยู่ภายในจิตของตัวเอง
"แล้วก็ไตร่ตรองตามกระแสธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไป" นั่นละ
เหมือนกับว่า
"ปัญญาก้าวเดินไปตาม เรียกว่าตามเสด็จก้าวไปเรื่อย"
จิตสงบแน่วไปกับสายอรรถสายธรรมคลองอรรถคลองธรรม
ไม่ออกไปทางโลกทางสงสาร มีความสงบตัวละเอียดลอออยู่ในนั้น
"ปัญญาก็ก้าวเดินไปตามที่ท่านแสดง นั่นเป็นปัญญาของท่าน
ผู้ที่มีอุปนิสัยที่จะรู้อย่างรวดเร็ว เช่น อุคฆฏิตัญญูบุคคล วิปจิตัญญูบุคคล" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1022&CatID=3
เรื่องของปัญญา (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"เรื่องของปัญญา"
" .. จากนั้นก็เป็นเรื่องของปัญญา "ปัญญาไม่ใช่จะเกิดเอาเฉย ๆ ตามธรรมดานิสัยของเรา ๆ ท่าน ๆ
เว้นนิสัยของท่าน ผู้เป็นอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู" คือผู้ที่จะรู้ได้อย่างรวดเร็ว
อันนั้นเราจะเอามาเทียบหรือเอามาเป็นแบบเดียวกันกับเราไม่ได้ ผิดกันอยู่มาก
ส่วนมากที่ท่านพูดถึงว่า "ปัญญานี้ต้องได้อาศัยการพินิจพิจารณา"
พาเดินพาคิดพาอ่านไตร่ตรองเหตุผลกลไกต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องอรรถเรื่องธรรม
มี "อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภะอสุภัง" เป็นพื้นฐานของการดำเนินทางด้านปัญญา
"ไม่ใช่จิตเป็นสมาธิแล้วจะเป็นปัญญาเอง" พูดเช่นนั้นคือผู้จิตไม่เคยมีสมาธินั่นเอง พูดแบบเดา ๆ
"จะเกิดได้เองเฉพาะท่านผู้ที่เป็นอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู" เป็นสมาธิเป็นปัญญาไปโดยลำดับในขณะนั้น ๆ
จนกระทั่งถึงบรรลุธรรมต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้ามีจำนวนมากมาย
"นี่เป็นได้จริง ปัญญาเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับสมาธิ" คือ สมาธิได้แก่ความสงบไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย
กับเรื่องโลกเรื่องสงสาร มีความสงบเย็นอยู่ภายในจิตของตัวเอง
"แล้วก็ไตร่ตรองตามกระแสธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไป" นั่นละ
เหมือนกับว่า "ปัญญาก้าวเดินไปตาม เรียกว่าตามเสด็จก้าวไปเรื่อย"
จิตสงบแน่วไปกับสายอรรถสายธรรมคลองอรรถคลองธรรม
ไม่ออกไปทางโลกทางสงสาร มีความสงบตัวละเอียดลอออยู่ในนั้น
"ปัญญาก็ก้าวเดินไปตามที่ท่านแสดง นั่นเป็นปัญญาของท่าน
ผู้ที่มีอุปนิสัยที่จะรู้อย่างรวดเร็ว เช่น อุคฆฏิตัญญูบุคคล วิปจิตัญญูบุคคล" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้