สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาว Pantip นี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่จะแต่งลงพันทิป อยากจะลองซาวเสียงว่าพล็อตเรื่องจะถูกใจคนในเวปนี้กันบ้างมั้ยน้อ...
เรื่องของเรื่องคือ ผู้เขียนเขียนนิยายไว้หลายเรื่องหลายพล็อต แต่ไม่จบสักเรื่อง เพราะชอบพากษ์/แต่งในใจ พอจบในใจตัวเองก็ขี้เกียจเขียนพอดี แหะๆ
การเขียนลงเวปดีอย่างคือถ้ามีคนคอเดียวกัน...อยากอ่าน เราก็จะบังคับตัวเองให้เขียนจนจบ ^^
มาค่ะมา...อ่านกันหน่อย ติชมกันเต็มที่นะคะ จะได้ปรับปรุงตัวเองให้เขียนได้สนุกยิ่งขึ้น
ตอนที่ # 1
“ภู เดี๋ยวเค้าจะมีบวงสรวงที่บริษัทอาทิตย์หน้านะ แล้วก็อาจจะมีไปไหว้เจ้าที่บ้านที่ใช้ถ่ายทำด้วย” ชายหนุ่มเงยหน้ามองดูผู้พูด แวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าอ่านบทละครในมือต่อ
“ที่ถ่ายทำเหรอ? ทุกทีไม่เห็นต้องมีนี่ครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ
พี่แอนนา ผู้จัดการส่วนตัวของเขาหันมาทันที ราวกับรอให้เขาถามอยู่แล้ว
“ใช่ม้า...พี่ก็ว่าแปลก แต่เห็นเค้าเม้าท์กันว่า ที่นี่ผีดุ เลยต้องมีประมาณว่า ไหว้เจ้าที่ด้วย”
“แล้วทำไมพี่เก้าไม่เอาบ้านหลังอื่นที่เคยใช้ประจำล่ะครับ” ชายหนุ่มวางสคริปท์เล่มหนาลงบนโต๊ะ พี่เก้าคือผู้กำกับละครเรื่องนี้
“ก็คุณเก้าว่า บ้านหลังนี้...คือใช่เลย พอเห็นปุ๊บ เก้าเค้าสามารถจินตนาการได้เลย ว่าฉากไหน จะถ่ายตรงไหน แต่ว่านะ ได้ยินว่าเจ้าของบ้านเล่นตัวมากกว่าจะตกลงกันได้ เนี่ย พอทำสัญญาเช่าไปแล้ว แกถึงมาได้ยินเรื่องนี้ทีหลัง แล้วพี่ได้ยินมาอีกว่า...เจ้าของบ้านเป็นคนแปล๊กแปลก--”
ยังไม่ทันที่แอนนาจะพูดต่อ ภูไทรีบตัดบทโดยการลุกขึ้นยืน “พี่แอน เขียนรายละเอียดไว้ในกระดานตารางงานผมนะ”
แอนนาค้อนขวับที่เขากล้าตัดบทหล่อน แต่ด้วยความสนิทและคุ้นเคย หล่อนรู้นิสัยชายหนุ่มดีว่าเขาไม่ชอบฟังเรื่องราวประเภท 'เขาเล่าว่า'
“เรียบร้อยแล้วย่ะ อ้อ... ใช่ ภูน่าจะรู้จักเซฟตารางงานไว้ในมือถือนะ ไปไหนมาไหนก็เปิดดูได้” แอนนาพูดอย่างระอานิดๆ เธอปากเปียกปากแฉะกับเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ดูเจ้าตัวไม่ได้สนใจฟังด้วยซ้ำ เขาก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ไปถึงประตูห้องนอน ทิ้งประโยคเดิมๆให้เธอโมโหซะงั้น
“ถ้าพี่ขี้เกียจดูแลผมแล้ว ก็บอกละกัน...ผมขอตัวไปงีบเอาแรงก่อน เจอกันอาทิตย์หน้าครับ” เขาหันมายิ้มนิดๆและขยิบตาให้
“โอ๊ะๆ...หาไปเถอะพ่อคุณ นิสัยอย่างเธอคิดว่าใครจะทนได้ ถ้าไม่ใช่ชั้น” แอนนาตะโกนตามหลังอย่างเหลืออด “ชั้นกลัวมากเลย คำขู่เนี่ย...เชอะ” ผ่อนลมหายใจระบายความฉุนนิดๆ แต่สุดท้ายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เธอดูแลภูไทมาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการ นอกจากรั้งตำแหน่ง ผจก.ส่วนตัวที่ดูแลทุกอย่างทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ภูไทยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเพราะแม่ของแอนนาเป็นพี่สาวแม่ของภูไท ภูไทค่อนข้างเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูง ซึ่งแตกต่างจากดารานักแสดงส่วนใหญ่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขารับงาน เขาก็จะมีความเป็นมืออาชีพสูงมากเช่นกัน อีกทั้งใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา รูปร่างทะมัดทะแมงราวกับนักกีฬา พร้อมความสูงมากกว่า 180 ซม. เขาจึงมีความสมบูรณ์แบบ แบบที่ผู้กำกับต้องการตัวมากทีเดียว ภูไทไม่ช่างยิ้ม แต่ยิ้มทีโลกรอบข้างดูสว่างไสว
แอนนาแปะรายละเอียดที่เขียนใส่กระดาษโพสอิทไว้บนกระดานตารางงานขนาดใหญ่มากที่ติดบนฝาผนัง ตารางงานมีลักษณะเหมือนปฏิทิน แปะรายละเอียดงานให้ตรงกับวัน ภูไทมักรับงานล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือน หากดูที่ปฏิทินจะเห็นว่า ตารางงานค่อนข้างบางตา ต่างกับดาราคนอื่นๆที่มีชื่อเสียงในระดับเดียวกัน แอนนาเก็บข้าวของในห้องนั่งเล่นให้เข้าที่เข้าทาง เธอมองไปรอบๆอย่างพอใจ
-เอาล่ะ...จากนี้ไปอีก 4-5 วันก็เป็นวันพักผ่อนของเราเหมือนกัน โอลัลล้า....-
สักพักใหญ่หลังแอนนากลับไปแล้ว ภูไทออกมาจากห้องนอน พร้อมกระเป๋าเป้ใบย่อม เขามองตารางทำงาน เขามีเวลาเกือบสัปดาห์สำหรับชีวิตส่วนตัวก่อนที่ขะเข้าสู่วงจรความวุ่นวายไปอีกเกือบ 6 เดือนข้างหน้า
ชายหนุ่มขับรถออกจากคอนโด เขาเหลือบตาดูนักข่าว 4-5 คนที่นั่งคุยกันอยู่หน้าประตูทางเข้าล็อบบี้ รถเก๋งสภาพกลางเก่ากลางใหม่สีเทาของเขาไม่เป็นที่เตะตาของนักข่าว รถสำหรับออกงานของเขาจะเป็นรถสปอร์ตสีดำคันหรู ตามที่แอนนาให้นิยามว่าสมเนื้อสมเนื้อกับตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์ ชายหนุ่มใช้มันนับครั้งได้ เขากดเบอร์ด่วนถึงแอนนา
“ผมจะกลับมาอีกที อาทิตย์หน้านะครับ” อีกฝั่งย้ำนักย้ำหนาเรื่องคิวเปิดกล้อง
“อืม ผมไม่ลืมหรอก...กลับมาทันน่ะพี่”
ภูไทขับรถมาจอดในบ้านชั้นเดียวขนาดย่อมชานเมืองกรุงเทพฯ เนื้อที่บริเวณบ้านกว้างขวาง รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ นี่เป็นบ้านที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ชีวิตในอีกแบบที่อยากเป็น ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านซึ่งมีชั้นเดียวแต่เล่นระดับ แบ่งเป็นห้องโถงตรงกลาง มีครัวขนาดเล็ก มี 1 ห้องน้ำและ 2 ห้องนอน ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของเขา ส่วนอีกห้องดัดแปลงเป็นห้องทำงานที่เขารัก เขาฉวยเอาเป้ซึ่งเตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับการเดินทาง พร้อมอุปกรณ์ทำงาน ชายหนุ่มมีรถอเมริกันคันใหญ่ซึ่งเขาใช้สำหรับเดินทาง เป็นทั้งที่กิน ที่นอนและที่ทำงาน เสียงผิวปากเป็นเพลงดังออกมา หากแอนนามาได้ยิน อาจถึงกับอุทานคุณพระช่วยเลยทีเดียว
...ภูไทมีโลกส่วนตัวของเขาที่น้อยคนจะรู้และเข้าถึง
หญิงสาวยืนตรงกลางห้องโถงบ้าน มองไปรอบๆอย่างอาลัยอาวรณ์
-อีก 6 เดือนข้างหน้า เราถึงจะได้เจอกัน หวังว่าพ่อแม่และกล้าคงเข้าใจแก้วนะคะ-
ข้าวของในบ้านและกล่องใบใหญ่วางระเกะระกะ แก้วขวัญถอนหายใจหนัก เธอต้องเก็บของให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันพรุ่งนี้ เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเปิด ตามด้วยเสียงรองเท้าบู้ทกระทบพื้นเป็นจังหวะ
“แก้ว ใกล้เสร็จยางงง...โอว มาย..ก้อด”
อาริตา หรือ แอม เพื่อนสนิทสุดๆของแก้วแสร้งยกสองมือขึ้นมาแนบข้างแก้มห่อปากอุทานเมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพในบ้าน
“จะเสร็จทันพรุ่งนี้เหรอเนี่ย” น้ำเสียงชักกังวล
“ต้องเสร็จทันสิ ชั้นจะเก็บทั้งคืนทั้งวันเลย” แก้พูดไป เก็บของไปพลาง “นี่เหลือแค่ห้องรับแขก ห้องนอน กับห้องครัวแค่นั้น”
“นั่นก็เกือบทุกห้องแล้วนะ” แอมกลอกตาไปมา ทำหน้าตาตลก “มาคืนนี้ชั้นช่วย แต่เที่ยงคืนขอนอนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปช่วยที่กองตั้งแต่ตีห้า”
แอม เป็นผู้ช่วยผู้กำกับกองถ่ายละครค่ายหนึ่ง และแอมนี่เองเป็นคนแนะนำบ้านของแก้วให้เก้า
“ขอบใจมากเพื่อน ว่าแต่แกกินข้าวมายัง เดี๋ยวทำไรให้กินมั้ย”
“รอแกถามอยู่เลย ชั้นอยากกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ มีของในตู้เย็นป่ะล่ะ” แอมตาเป็นประกาย เพราะรู้ว่าฝีมือทำอาหารเพื่อนล้ำเลิศเพียงใด
แก้วเตรียมและทำอาหารอย่างคล่องแคล่วในห้องครัวที่กว้างขวาง แอมมองไปรอบๆห้องครัวอย่างชื่นชม
“เห็นครัวทีไรคิดถึงแม่เนอะ ฝีมือทำอาหารแม่อ่ะ สุดยอด โชคดีจริงที่แกได้พรสวรรค์นี้มา และโชคดีที่ชั้นเป็นเพื่อนแก”
แก้วไม่พูดอะไรเพียงหันมาฝืนยิ้มกับเพื่อน รอยยิ้มดูเศร้าเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงครอบครัวเธอจะรู้สึกปวดร้าวเสมอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยห้ามแอมพูดถึงพวกเขา เพราะมีเพียงแอมเท่านั้นที่รู้เรื่องราวของพวกเขาดีที่สุด
“อ่ะ เสร็จแล้ว” แก้ววางจานสีขาวใบใหญ่ ใส่ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กลิ่นหอมน่ากินลงบนโต๊ะ
“อ้าว แล้วแกไม่กินเหรอ” แอมถามพลางลงมือกินอย่างไม่รอช้า “แกอ่ะ รู้จักกินกะนอนบ้างนะ ผอมเป็นขี้ก้างแถมขอบตาดำยังกะแพนด้า”
แก้วหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเพื่อน “ดูไม่มีอะไรดีเลยนะนั่น”
“ว่าแต่แก้ว แกโอเคแน่นะ ช่วงถ่ายทำน่าจะมีคนหลายสิบ ไม่สิ อาจถึงร้อยเลยแหล่ะ ที่จะเข้าๆออกๆที่นี่”
แก้วก้มมองมือตัวเอง ถอนหายใจหนัก “ชั้นต้องไหวน่ะ ตอนนี้นี่เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาบ้านไว้ให้ได้ ไม่แน่นะแก ชั้นอาจหายจากโรคบ้าๆนี่ด้วยก็ได้”
“ใช่ๆแก วิกฤตอาจเป็นโอกาสเนอะ... แต่ยังไงไม่ไหวก็บอกนะ รับรองชั้นจะไม่ให้ใครมากวนแกเด็ดขาดเลย”
แก้วขวัญในวัย 27ปี เป็นสาวร่างบอบบาง ผิวขาวซีด กับส่วนสูงประมาณ 165 ซม ผมหยักศกธรรมชาติมักถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง เธอไม่ใช่คนสวยแต่ก็ยังจัดอยู่ในประเภทน่ามอง เพียงแต่ความน่ามองนั้นไม่เด่นชัด ขอบตาคล้ำ แก้วมองไปรอบๆห้องครัวอย่างอาลัยอาวรณ์ เพื่อรักษาบ้านหลังนี้ไว้ เธอจำใจต้องจากมันไปชั่วคราว
แอนนาพยายามติดต่อภูไท แต่มือถือเขาไม่เปิด
“โอย ตายๆ ทำไมติดต่อไม่ได้เลย” เธอเดินเป็นหนูติดจั่นเลยทีเดียว “คุณดูสิ พรุ่งนี้วันบวงสรวงแท้ๆ แต่ภูยังไม่กลับมาเลย นี่มันก็ 5 วันแล้ว แถมพรุ่งนี้เปลี่ยนไปเป็นที่บริษัทเลย ส่งเมสเสจไปไม่รู้ได้อ่านหรือยัง”
ภาสกรละสายตาจากหนังสือพิมพ์ มองภรรยาแล้วก็ส่ายหน้า ภาพนี้สำหรับเขามันเป็นความเคยชินไปแล้ว
“คุณทำยังกะเป็นครั้งแรก นายภูเค้าก็ไม่เคยเสียงานนี่ ผมเห็นเค้าก็มาทันทุกที”
“มันก็ใช่” เธอรับเสียงอ่อย “แต่ชั้นก็ประสาทเสียทุกครั้งเลย”
หญิงสาวกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างขัดใจ “ภูรับงานจำกัดมาก โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่ทำ ชั้นไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าเก็บตัวขนาดนี้ ทำไมยังอยากเป็นดาราอยู่ได้”
ภาสกรหัวเราะ “ก็ตามที่ภูบอกไง เงินดี ทำงานไม่กี่เดือนอยู่ได้เป็นปี”
“ไม่จริงหรอกค่ะภาส สำหรับภู แอนรู้เลยว่าเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดูตอนนี้สิ ภูรู้ที่ไหนตัวเองมีเงินเท่าไหร่ ค่าตัวก็ปล่อยแอนจัดการ” แอนนากัดนิ้วอย่างครุ่นคิด “อยากรู้จริงๆว่าเวลาหายตัวไปแบบนี้ไปทำอะไร ขนาดแอนเป็นพี่ ภูยังไม่เคยบอกแอนเลย”
“นั่นสินะ ผมเห็นกลับมาทีไร ยังกับคนป่า” ภาสกรหัวเราะเมื่อนึกถึงลูกพี่ลูกน้องของภรรยา มีครั้งหนึ่ง ภูไทหายไปเป็นเดือน อยู่ๆโผล่พรวดมางานวันเกิดลูกชายเขา สภาพนี่...หนวดเครารกครึ้ม ใส่แว่นตาดำกับหมวก เห็นตอนแรกนึกว่าโจรป่าบุกบ้าน
“แต่ก็ไม่เห็นใช้เงินอะไรนี่คะ ไม่เคยเห็นกดหรือเบิกเงินไปใช้เลย อุ๊ย...” แอนนารีบเอามือปิดปาก พอรู้ตัวว่าเผลอพูดมากไป
“นี่คุณแอบเช็คเลยเหรอ”
“แหม ก็นะ แอนอยากรู้ว่าน้องไปทำอะไรบ้าง แล้วอีกอย่างกลัวภูไปโดนใครหลอก ยิ่งไม่เคยเห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”
“อ้าว แล้วผู้หญิงที่แสดงละครด้วยกันบ่อยๆไม่ใช่แฟนเหรอ ผมเห็นข่าวออกจะสนิทกัน”
“อุ๊ย นั่นมันข่าวสร้างกระแสหรอกค่ะ” แอนนามองสามีแบบขำๆ “คุณมีเมียกะน้องเมียอยู่ในวงการบันเทิง กลับไม่รู้อะไรเลย ผู้หญิงคิดอะไรกับภูรึเปล่า แอนไม่รู้ แต่ภูอ่ะไม่แน่ๆ” เธอยิ้มชอบใจ
“ดูคุณชอบใจนะ ถึงจะเป็นน้อง ผมชักหึงแล้วนะเนี่ย” ภาสกรแสร้งทำหน้าขึงขัง แอนนาหัวเราะคิกคัก
“แหม คุณก็...ไม่รู้สิคะ มันเหมือนอารมณ์แอนไม่อยากให้โชกุนมีแฟนนั่นแหล่ะ”
โชกุนคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็ขำออกมาพร้อมกัน
“สงสัยแอนต้องไปแปะโน้ตไว้ที่บ้านภู เผื่อไม่ได้อ่านเมสเสจจริงๆ”
“แล้วทำไมเค้าเปลี่ยนใจไม่ไปสถานที่ถ่ายทำแล้วล่ะ เห็นคุณเองตื่นเต้นจะตายเรื่องบ้านผีสิงอยากไปดูไม่ใช่เหรอ”
“อืม เห็นเด็กเค้าคุยกันว่า บ้านยังไม่เรียบร้อยค่ะ เจ้าของบ้านขอเวลาเพิ่มอีกวัน แล้วกองขออีก 3-4 วันเพื่อเตรียมสถานที่”
“เฮ้ย แอม ตกลงคุณแก้ว เค้าโอเคที่จะให้เราเข้าไปวันนี้แน่นะ”
เก้าผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ถามย้ำกับแอมเพื่อความมั่นใจ แอมกำลังจัดข้าวของช่วยทีมงานสำหรับการบวงสรวงละครในอีก 2-3 ชม.ข้างหน้า
“อ่อ ค่ะพี่ ขอเป็นบ่ายแก่ๆนะ แก้วน่าจะย้ายของออกเสร็จแล้ว ยังไงแอมจะโทรไปถามมันก่อน”
“ว่าแต่ เพื่อนแอมนี่ก็แปลกนะ เค้าให้แกติดต่อให้ทุกเรื่องเลยเหรอ แม้แต่ทำสัญญาเช่านี่นะ ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอเจ้าของบ้านที่จะให้เช่าสถานที่เลย”
เก้าไปดูบ้านตามคำแนะนำของแอม แล้วก็ชอบมาก บ้านหลังนี้เกือบจะมีครบทุกอย่างตามความต้องการ ค่าเช่าสถานที่ก็ไม่ได้สูงมาก น้อยกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้แถมฉากก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะบรรยากาศและเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ เข้ากับแนวของละครเรื่องนี้อยู่แล้ว
“เอ่อ พอดีแก้วมันไม่ค่อยชินกับการเจอคนเยอะๆ หรือ คนแปลกหน้าอ่ะค่ะ มันเป็นศิลปินอ่ะพี่ ส่วนใหญ่ทำงานกลางคืน แล้วนอนตอนกลางวัน” แอมอึกอักเล็กน้อย เธอไม่อยากจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเพื่อนมากมาย ไม่อยากให้ใครเห็นแก้วเป็นคนประหลาดไปมากกว่านี้
“ว่าแต่ ขอบคุณนะพี่ ที่ยังยอมยกเว้นที่ตรงหลังบ้านให้”
นิยาย...ยังไร้ชื่อเรื่อง (แนว Feel good ค่ะ)
เรื่องของเรื่องคือ ผู้เขียนเขียนนิยายไว้หลายเรื่องหลายพล็อต แต่ไม่จบสักเรื่อง เพราะชอบพากษ์/แต่งในใจ พอจบในใจตัวเองก็ขี้เกียจเขียนพอดี แหะๆ
การเขียนลงเวปดีอย่างคือถ้ามีคนคอเดียวกัน...อยากอ่าน เราก็จะบังคับตัวเองให้เขียนจนจบ ^^
มาค่ะมา...อ่านกันหน่อย ติชมกันเต็มที่นะคะ จะได้ปรับปรุงตัวเองให้เขียนได้สนุกยิ่งขึ้น
ตอนที่ # 1
“ภู เดี๋ยวเค้าจะมีบวงสรวงที่บริษัทอาทิตย์หน้านะ แล้วก็อาจจะมีไปไหว้เจ้าที่บ้านที่ใช้ถ่ายทำด้วย” ชายหนุ่มเงยหน้ามองดูผู้พูด แวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าอ่านบทละครในมือต่อ
“ที่ถ่ายทำเหรอ? ทุกทีไม่เห็นต้องมีนี่ครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ
พี่แอนนา ผู้จัดการส่วนตัวของเขาหันมาทันที ราวกับรอให้เขาถามอยู่แล้ว
“ใช่ม้า...พี่ก็ว่าแปลก แต่เห็นเค้าเม้าท์กันว่า ที่นี่ผีดุ เลยต้องมีประมาณว่า ไหว้เจ้าที่ด้วย”
“แล้วทำไมพี่เก้าไม่เอาบ้านหลังอื่นที่เคยใช้ประจำล่ะครับ” ชายหนุ่มวางสคริปท์เล่มหนาลงบนโต๊ะ พี่เก้าคือผู้กำกับละครเรื่องนี้
“ก็คุณเก้าว่า บ้านหลังนี้...คือใช่เลย พอเห็นปุ๊บ เก้าเค้าสามารถจินตนาการได้เลย ว่าฉากไหน จะถ่ายตรงไหน แต่ว่านะ ได้ยินว่าเจ้าของบ้านเล่นตัวมากกว่าจะตกลงกันได้ เนี่ย พอทำสัญญาเช่าไปแล้ว แกถึงมาได้ยินเรื่องนี้ทีหลัง แล้วพี่ได้ยินมาอีกว่า...เจ้าของบ้านเป็นคนแปล๊กแปลก--”
ยังไม่ทันที่แอนนาจะพูดต่อ ภูไทรีบตัดบทโดยการลุกขึ้นยืน “พี่แอน เขียนรายละเอียดไว้ในกระดานตารางงานผมนะ”
แอนนาค้อนขวับที่เขากล้าตัดบทหล่อน แต่ด้วยความสนิทและคุ้นเคย หล่อนรู้นิสัยชายหนุ่มดีว่าเขาไม่ชอบฟังเรื่องราวประเภท 'เขาเล่าว่า'
“เรียบร้อยแล้วย่ะ อ้อ... ใช่ ภูน่าจะรู้จักเซฟตารางงานไว้ในมือถือนะ ไปไหนมาไหนก็เปิดดูได้” แอนนาพูดอย่างระอานิดๆ เธอปากเปียกปากแฉะกับเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ดูเจ้าตัวไม่ได้สนใจฟังด้วยซ้ำ เขาก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ไปถึงประตูห้องนอน ทิ้งประโยคเดิมๆให้เธอโมโหซะงั้น
“ถ้าพี่ขี้เกียจดูแลผมแล้ว ก็บอกละกัน...ผมขอตัวไปงีบเอาแรงก่อน เจอกันอาทิตย์หน้าครับ” เขาหันมายิ้มนิดๆและขยิบตาให้
“โอ๊ะๆ...หาไปเถอะพ่อคุณ นิสัยอย่างเธอคิดว่าใครจะทนได้ ถ้าไม่ใช่ชั้น” แอนนาตะโกนตามหลังอย่างเหลืออด “ชั้นกลัวมากเลย คำขู่เนี่ย...เชอะ” ผ่อนลมหายใจระบายความฉุนนิดๆ แต่สุดท้ายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เธอดูแลภูไทมาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการ นอกจากรั้งตำแหน่ง ผจก.ส่วนตัวที่ดูแลทุกอย่างทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ภูไทยังมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเพราะแม่ของแอนนาเป็นพี่สาวแม่ของภูไท ภูไทค่อนข้างเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูง ซึ่งแตกต่างจากดารานักแสดงส่วนใหญ่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขารับงาน เขาก็จะมีความเป็นมืออาชีพสูงมากเช่นกัน อีกทั้งใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา รูปร่างทะมัดทะแมงราวกับนักกีฬา พร้อมความสูงมากกว่า 180 ซม. เขาจึงมีความสมบูรณ์แบบ แบบที่ผู้กำกับต้องการตัวมากทีเดียว ภูไทไม่ช่างยิ้ม แต่ยิ้มทีโลกรอบข้างดูสว่างไสว
แอนนาแปะรายละเอียดที่เขียนใส่กระดาษโพสอิทไว้บนกระดานตารางงานขนาดใหญ่มากที่ติดบนฝาผนัง ตารางงานมีลักษณะเหมือนปฏิทิน แปะรายละเอียดงานให้ตรงกับวัน ภูไทมักรับงานล่วงหน้าไม่เกิน 2 เดือน หากดูที่ปฏิทินจะเห็นว่า ตารางงานค่อนข้างบางตา ต่างกับดาราคนอื่นๆที่มีชื่อเสียงในระดับเดียวกัน แอนนาเก็บข้าวของในห้องนั่งเล่นให้เข้าที่เข้าทาง เธอมองไปรอบๆอย่างพอใจ
-เอาล่ะ...จากนี้ไปอีก 4-5 วันก็เป็นวันพักผ่อนของเราเหมือนกัน โอลัลล้า....-
สักพักใหญ่หลังแอนนากลับไปแล้ว ภูไทออกมาจากห้องนอน พร้อมกระเป๋าเป้ใบย่อม เขามองตารางทำงาน เขามีเวลาเกือบสัปดาห์สำหรับชีวิตส่วนตัวก่อนที่ขะเข้าสู่วงจรความวุ่นวายไปอีกเกือบ 6 เดือนข้างหน้า
ชายหนุ่มขับรถออกจากคอนโด เขาเหลือบตาดูนักข่าว 4-5 คนที่นั่งคุยกันอยู่หน้าประตูทางเข้าล็อบบี้ รถเก๋งสภาพกลางเก่ากลางใหม่สีเทาของเขาไม่เป็นที่เตะตาของนักข่าว รถสำหรับออกงานของเขาจะเป็นรถสปอร์ตสีดำคันหรู ตามที่แอนนาให้นิยามว่าสมเนื้อสมเนื้อกับตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์ ชายหนุ่มใช้มันนับครั้งได้ เขากดเบอร์ด่วนถึงแอนนา
“ผมจะกลับมาอีกที อาทิตย์หน้านะครับ” อีกฝั่งย้ำนักย้ำหนาเรื่องคิวเปิดกล้อง
“อืม ผมไม่ลืมหรอก...กลับมาทันน่ะพี่”
ภูไทขับรถมาจอดในบ้านชั้นเดียวขนาดย่อมชานเมืองกรุงเทพฯ เนื้อที่บริเวณบ้านกว้างขวาง รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ นี่เป็นบ้านที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ชีวิตในอีกแบบที่อยากเป็น ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านซึ่งมีชั้นเดียวแต่เล่นระดับ แบ่งเป็นห้องโถงตรงกลาง มีครัวขนาดเล็ก มี 1 ห้องน้ำและ 2 ห้องนอน ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของเขา ส่วนอีกห้องดัดแปลงเป็นห้องทำงานที่เขารัก เขาฉวยเอาเป้ซึ่งเตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับการเดินทาง พร้อมอุปกรณ์ทำงาน ชายหนุ่มมีรถอเมริกันคันใหญ่ซึ่งเขาใช้สำหรับเดินทาง เป็นทั้งที่กิน ที่นอนและที่ทำงาน เสียงผิวปากเป็นเพลงดังออกมา หากแอนนามาได้ยิน อาจถึงกับอุทานคุณพระช่วยเลยทีเดียว
...ภูไทมีโลกส่วนตัวของเขาที่น้อยคนจะรู้และเข้าถึง
หญิงสาวยืนตรงกลางห้องโถงบ้าน มองไปรอบๆอย่างอาลัยอาวรณ์
-อีก 6 เดือนข้างหน้า เราถึงจะได้เจอกัน หวังว่าพ่อแม่และกล้าคงเข้าใจแก้วนะคะ-
ข้าวของในบ้านและกล่องใบใหญ่วางระเกะระกะ แก้วขวัญถอนหายใจหนัก เธอต้องเก็บของให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันพรุ่งนี้ เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเปิด ตามด้วยเสียงรองเท้าบู้ทกระทบพื้นเป็นจังหวะ
“แก้ว ใกล้เสร็จยางงง...โอว มาย..ก้อด”
อาริตา หรือ แอม เพื่อนสนิทสุดๆของแก้วแสร้งยกสองมือขึ้นมาแนบข้างแก้มห่อปากอุทานเมื่อเดินเข้ามาเห็นสภาพในบ้าน
“จะเสร็จทันพรุ่งนี้เหรอเนี่ย” น้ำเสียงชักกังวล
“ต้องเสร็จทันสิ ชั้นจะเก็บทั้งคืนทั้งวันเลย” แก้พูดไป เก็บของไปพลาง “นี่เหลือแค่ห้องรับแขก ห้องนอน กับห้องครัวแค่นั้น”
“นั่นก็เกือบทุกห้องแล้วนะ” แอมกลอกตาไปมา ทำหน้าตาตลก “มาคืนนี้ชั้นช่วย แต่เที่ยงคืนขอนอนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปช่วยที่กองตั้งแต่ตีห้า”
แอม เป็นผู้ช่วยผู้กำกับกองถ่ายละครค่ายหนึ่ง และแอมนี่เองเป็นคนแนะนำบ้านของแก้วให้เก้า
“ขอบใจมากเพื่อน ว่าแต่แกกินข้าวมายัง เดี๋ยวทำไรให้กินมั้ย”
“รอแกถามอยู่เลย ชั้นอยากกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ มีของในตู้เย็นป่ะล่ะ” แอมตาเป็นประกาย เพราะรู้ว่าฝีมือทำอาหารเพื่อนล้ำเลิศเพียงใด
แก้วเตรียมและทำอาหารอย่างคล่องแคล่วในห้องครัวที่กว้างขวาง แอมมองไปรอบๆห้องครัวอย่างชื่นชม
“เห็นครัวทีไรคิดถึงแม่เนอะ ฝีมือทำอาหารแม่อ่ะ สุดยอด โชคดีจริงที่แกได้พรสวรรค์นี้มา และโชคดีที่ชั้นเป็นเพื่อนแก”
แก้วไม่พูดอะไรเพียงหันมาฝืนยิ้มกับเพื่อน รอยยิ้มดูเศร้าเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงครอบครัวเธอจะรู้สึกปวดร้าวเสมอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยห้ามแอมพูดถึงพวกเขา เพราะมีเพียงแอมเท่านั้นที่รู้เรื่องราวของพวกเขาดีที่สุด
“อ่ะ เสร็จแล้ว” แก้ววางจานสีขาวใบใหญ่ ใส่ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กลิ่นหอมน่ากินลงบนโต๊ะ
“อ้าว แล้วแกไม่กินเหรอ” แอมถามพลางลงมือกินอย่างไม่รอช้า “แกอ่ะ รู้จักกินกะนอนบ้างนะ ผอมเป็นขี้ก้างแถมขอบตาดำยังกะแพนด้า”
แก้วหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเพื่อน “ดูไม่มีอะไรดีเลยนะนั่น”
“ว่าแต่แก้ว แกโอเคแน่นะ ช่วงถ่ายทำน่าจะมีคนหลายสิบ ไม่สิ อาจถึงร้อยเลยแหล่ะ ที่จะเข้าๆออกๆที่นี่”
แก้วก้มมองมือตัวเอง ถอนหายใจหนัก “ชั้นต้องไหวน่ะ ตอนนี้นี่เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาบ้านไว้ให้ได้ ไม่แน่นะแก ชั้นอาจหายจากโรคบ้าๆนี่ด้วยก็ได้”
“ใช่ๆแก วิกฤตอาจเป็นโอกาสเนอะ... แต่ยังไงไม่ไหวก็บอกนะ รับรองชั้นจะไม่ให้ใครมากวนแกเด็ดขาดเลย”
แก้วขวัญในวัย 27ปี เป็นสาวร่างบอบบาง ผิวขาวซีด กับส่วนสูงประมาณ 165 ซม ผมหยักศกธรรมชาติมักถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง เธอไม่ใช่คนสวยแต่ก็ยังจัดอยู่ในประเภทน่ามอง เพียงแต่ความน่ามองนั้นไม่เด่นชัด ขอบตาคล้ำ แก้วมองไปรอบๆห้องครัวอย่างอาลัยอาวรณ์ เพื่อรักษาบ้านหลังนี้ไว้ เธอจำใจต้องจากมันไปชั่วคราว
แอนนาพยายามติดต่อภูไท แต่มือถือเขาไม่เปิด
“โอย ตายๆ ทำไมติดต่อไม่ได้เลย” เธอเดินเป็นหนูติดจั่นเลยทีเดียว “คุณดูสิ พรุ่งนี้วันบวงสรวงแท้ๆ แต่ภูยังไม่กลับมาเลย นี่มันก็ 5 วันแล้ว แถมพรุ่งนี้เปลี่ยนไปเป็นที่บริษัทเลย ส่งเมสเสจไปไม่รู้ได้อ่านหรือยัง”
ภาสกรละสายตาจากหนังสือพิมพ์ มองภรรยาแล้วก็ส่ายหน้า ภาพนี้สำหรับเขามันเป็นความเคยชินไปแล้ว
“คุณทำยังกะเป็นครั้งแรก นายภูเค้าก็ไม่เคยเสียงานนี่ ผมเห็นเค้าก็มาทันทุกที”
“มันก็ใช่” เธอรับเสียงอ่อย “แต่ชั้นก็ประสาทเสียทุกครั้งเลย”
หญิงสาวกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างขัดใจ “ภูรับงานจำกัดมาก โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่ทำ ชั้นไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าเก็บตัวขนาดนี้ ทำไมยังอยากเป็นดาราอยู่ได้”
ภาสกรหัวเราะ “ก็ตามที่ภูบอกไง เงินดี ทำงานไม่กี่เดือนอยู่ได้เป็นปี”
“ไม่จริงหรอกค่ะภาส สำหรับภู แอนรู้เลยว่าเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ดูตอนนี้สิ ภูรู้ที่ไหนตัวเองมีเงินเท่าไหร่ ค่าตัวก็ปล่อยแอนจัดการ” แอนนากัดนิ้วอย่างครุ่นคิด “อยากรู้จริงๆว่าเวลาหายตัวไปแบบนี้ไปทำอะไร ขนาดแอนเป็นพี่ ภูยังไม่เคยบอกแอนเลย”
“นั่นสินะ ผมเห็นกลับมาทีไร ยังกับคนป่า” ภาสกรหัวเราะเมื่อนึกถึงลูกพี่ลูกน้องของภรรยา มีครั้งหนึ่ง ภูไทหายไปเป็นเดือน อยู่ๆโผล่พรวดมางานวันเกิดลูกชายเขา สภาพนี่...หนวดเครารกครึ้ม ใส่แว่นตาดำกับหมวก เห็นตอนแรกนึกว่าโจรป่าบุกบ้าน
“แต่ก็ไม่เห็นใช้เงินอะไรนี่คะ ไม่เคยเห็นกดหรือเบิกเงินไปใช้เลย อุ๊ย...” แอนนารีบเอามือปิดปาก พอรู้ตัวว่าเผลอพูดมากไป
“นี่คุณแอบเช็คเลยเหรอ”
“แหม ก็นะ แอนอยากรู้ว่าน้องไปทำอะไรบ้าง แล้วอีกอย่างกลัวภูไปโดนใครหลอก ยิ่งไม่เคยเห็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”
“อ้าว แล้วผู้หญิงที่แสดงละครด้วยกันบ่อยๆไม่ใช่แฟนเหรอ ผมเห็นข่าวออกจะสนิทกัน”
“อุ๊ย นั่นมันข่าวสร้างกระแสหรอกค่ะ” แอนนามองสามีแบบขำๆ “คุณมีเมียกะน้องเมียอยู่ในวงการบันเทิง กลับไม่รู้อะไรเลย ผู้หญิงคิดอะไรกับภูรึเปล่า แอนไม่รู้ แต่ภูอ่ะไม่แน่ๆ” เธอยิ้มชอบใจ
“ดูคุณชอบใจนะ ถึงจะเป็นน้อง ผมชักหึงแล้วนะเนี่ย” ภาสกรแสร้งทำหน้าขึงขัง แอนนาหัวเราะคิกคัก
“แหม คุณก็...ไม่รู้สิคะ มันเหมือนอารมณ์แอนไม่อยากให้โชกุนมีแฟนนั่นแหล่ะ”
โชกุนคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็ขำออกมาพร้อมกัน
“สงสัยแอนต้องไปแปะโน้ตไว้ที่บ้านภู เผื่อไม่ได้อ่านเมสเสจจริงๆ”
“แล้วทำไมเค้าเปลี่ยนใจไม่ไปสถานที่ถ่ายทำแล้วล่ะ เห็นคุณเองตื่นเต้นจะตายเรื่องบ้านผีสิงอยากไปดูไม่ใช่เหรอ”
“อืม เห็นเด็กเค้าคุยกันว่า บ้านยังไม่เรียบร้อยค่ะ เจ้าของบ้านขอเวลาเพิ่มอีกวัน แล้วกองขออีก 3-4 วันเพื่อเตรียมสถานที่”
“เฮ้ย แอม ตกลงคุณแก้ว เค้าโอเคที่จะให้เราเข้าไปวันนี้แน่นะ”
เก้าผู้กำกับหนุ่มไฟแรง ถามย้ำกับแอมเพื่อความมั่นใจ แอมกำลังจัดข้าวของช่วยทีมงานสำหรับการบวงสรวงละครในอีก 2-3 ชม.ข้างหน้า
“อ่อ ค่ะพี่ ขอเป็นบ่ายแก่ๆนะ แก้วน่าจะย้ายของออกเสร็จแล้ว ยังไงแอมจะโทรไปถามมันก่อน”
“ว่าแต่ เพื่อนแอมนี่ก็แปลกนะ เค้าให้แกติดต่อให้ทุกเรื่องเลยเหรอ แม้แต่ทำสัญญาเช่านี่นะ ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอเจ้าของบ้านที่จะให้เช่าสถานที่เลย”
เก้าไปดูบ้านตามคำแนะนำของแอม แล้วก็ชอบมาก บ้านหลังนี้เกือบจะมีครบทุกอย่างตามความต้องการ ค่าเช่าสถานที่ก็ไม่ได้สูงมาก น้อยกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้แถมฉากก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะบรรยากาศและเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ เข้ากับแนวของละครเรื่องนี้อยู่แล้ว
“เอ่อ พอดีแก้วมันไม่ค่อยชินกับการเจอคนเยอะๆ หรือ คนแปลกหน้าอ่ะค่ะ มันเป็นศิลปินอ่ะพี่ ส่วนใหญ่ทำงานกลางคืน แล้วนอนตอนกลางวัน” แอมอึกอักเล็กน้อย เธอไม่อยากจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเพื่อนมากมาย ไม่อยากให้ใครเห็นแก้วเป็นคนประหลาดไปมากกว่านี้
“ว่าแต่ ขอบคุณนะพี่ ที่ยังยอมยกเว้นที่ตรงหลังบ้านให้”