สวัสดีครับ ผมนายเบิ้ม เป็นสมาชิกใหม่ของพันทิป ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ชื่อเรื่องว่า อนันตรัก ทำไมถึงชื่อว่า อนันตรัก เพราะอนันตรัก หมายถึง รักตลอดไป รักตลอดกาล ทำนองนี้แหล่ะ เรื่องราวก็จะเป็นวัยรุ่น ที่รักกัน
มีตัวละครที่สำคัญ
ชาร์เล็ต (พระเอก)
มลฤดี (นางเอก)
เกรซ
จูเลียร์
ธนา
กรรชัย
มาลี
เด่นดาว
ครูโซเฟีย
เอกภพ
.
.
.
ตอนที่ 1
.....“มลฤดี”หญิงสาววัย 18 ร่างรุ่นบอบบาง สวมเสื้อนักเรียนคอกระเช้าสีขาว แขนเสื้อยาวไปถึงข้อมือรัดกระดุมแทบไม่เห็นเนื้อใน ชายเสื้อรวบลงในกระโปรงสีกรมท่า ขนาดยาวถึงขาอ่อน ข้างล่างใส่ถุงเท้าสีขาวยืดมาถึงเพียงข้อเท้าตามด้วยรองเท้านักเรียนหญิงสีดำ ที่ดูเหมือนจะเก่าแลเห็นได้ว่าใช้งานมาไม่ต่ำกว่าห้าปี บนคอกระเช้าเสื้อสวมใส่เนคไทสีดำ ผมถักเปียเรียบร้อยตามด้วยผูกโบว์ปลายผมทั้งสองข้าง มลฤดี เธอเป็นนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนคอนแวนต์ที่ใดที่หนึ่งนั่นเอง มลฤดีเธอเป็นที่รักของชายหนุ่ม เพราะหน้าตาจะสะสวยแล้ว กิริยายังงามหยดย้อย ไม่เว้นแม้แต่นักศึกษาข้างโรงเรียนที่ติดอยู่ใกล้กัน
....“ธนา” เด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับมลฤดี เรียนช่างยนต์ตามที่พวกนักศึกษาชายเลือกที่จะเรียนกัน เพราะเห็นว่าแมน เท่ห์ และเป็นที่จุดสนใจของบรรดาหญิงที่ไม่ค่อยรักนวลสงวนตัวเท่าไหร่นัก ซึ่งธนาก็คิดเช่นเดียวกัน เช้าวันนี้ ธนารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เล่นกีฬาฟุตบอลที่สนามของโรงเรียนช่างยนต์ โดยสนามของโรงเรียนเขาติดข้างกับที่นั่งพนักของนักศึกษาคอนแวนต์โดยมีฝาผนังกั้นไว้อยู่ ลูกฟุตบอลจากปลายรองเท้าของธนาวิ่งลู่ลอยข้ามฟากฝาผนังกั้นที่นักศึกษาชายในโรงเรียนช่างยนต์ตั้งฉายาให้ว่า “จุดอันตราย” ตกลงมาใส่ศีรษะของนักศึกษาหญิงคอนแวนต์คนใดคนหนึ่งเพราะมีเสียงร้องโอ๊ยเจ็บดังมา
“ซวยแล้ว..ไอ้ธนา” เพื่อนชายคนหนึ่งร้องดังขึ้น ทุกคนทำสีหน้าแหยแกไม่พ้นแม้แต่ธนา
“ซวยจริงๆว่ะ ทำไงดีวะ โดนหัวใครก็ไม่รู้ด้วย??”
“รีบไปเก็บหลักฐานเหอะ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” ธนาวิ่งแจ้นเข้าไปที่หลืบซอกมุมหนึ่งของฝาผนังกั้นที่นักเรียนฝ่ายชายมักเจาะรูเพื่อที่จะได้คุยกับสาวๆในคอนแวนต์ ธนาวิ่งหยุดที่มุมซอกหลืบตรงนั้น ด้อมๆมองๆ เห็นไม่มีใคร เลยวิ่งมาที่จุดลูกบอลตก ปรากฎว่าลูกบอลนั้นหายไปไหนเสียแล้ว
“หายไปไหนวะ??” ธนาใจร้อนมาก เหงื่อแตกไหลพลั่ก ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น พร้อมยื่นลูกฟุตบอลมาให้
“หาตัวการไอนี่อยู่ใช่มั้ย”
ธนาหันไป ใจสั่นๆ กลัวว่าอาจจะเป็นอาจารย์เงาะ ที่ร่ำลือกันว่า เป็นอาจารย์ที่สุดโหด บ้าพลัง และจนทำให้เด็กบางคนถึงกับลาออกเพราะทนความระห่ำของแกไม่ไหว ธนารีบก้มหัวไหว้งุดๆ ไม่ทันได้ตั้งใจมองหน้า แล้วฉวยโอกาสหยิบลูกบอลไปโดยไม่ทันระวัง วิ่งสะดุดล้มก้อนหิน หัวแทบคะมำ
“ตายจริง”
มลฤดี ที่เป็นคนเคยถือลูกบอลนั้นวิ่งเข้ามาดูอาการของธนา
“เจ็บมั้ยคะ...ไหนดูสิ”
ธนาแปลกใจทั้งเสียง ทั้งความนุ่มของมือที่มาสัมผัสหัวเข่าของเขา ธนาเงยหน้ามองขึ้นปรากฎว่าเป็นหญิงสาวที่วัยน่าจะคราวเดียวกับเขา หล่อนมีรูปหน้าช่างน่ารัก ผิวพรรณดี ขาวอมเหลือง ผูกเปียสองข้าง ท่าทางน่าจะเรียบร้อย ธนาตกภวังค์ความงามของมลฤดีไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกขึ้นได้
“พอละ ชั้นต้องรีบไป ขอบใจมากที่ช่วยเก็บลูกบอลให้ชั้น”
ธนายิ้มหวานก่อนจะวิ่งถือลูกบอลออกไปที่รูกำแพง ขนาดใหญ่พอจะให้มนุษย์ผ่านไปได้ มลฤดียังงงวยอยู่
ธนาเดินยิ้มถือลูกบอล คิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำไมเค้าคนนั้นถึงน่ารักเช่นนี้หนอ ชั้นน่าจะคุยกับเขาให้นาน ขอแค่รู้จักชื่อกันก็ดีใจแล้ว หรือไม่บางที อาจจะตีสนิทเป็นเพื่อนเขาเลยก็เป็นได้ เอาล่ะ ครั้งหน้าชั้นจะต้องกล้าให้มากกว่านี้ อย่าเสียเชิงชาย
.....................
“ถ้ามาในแก้วแล้ว ขอให้ไปที่คำว่าใช่ แต่ถ้ายังไม่มะ มะ มา....”
พูดไม่ทันจบ แก้ววิ่งไปยังที่คำว่าใช่อย่างเร็วจี๋ ทำเอาบรรดานักเรียนหญิงคอนแวนต์ต่างตกใจ และลุ้นไปพร้อมกัน
“เธอเป็นเพศหญิง หรือ เพศชาย ถ้าหญิงให้ไปที่ตัว ญ หญิง ถ้าชายให้ไปที่ ช ช้าง”
แก้วเลื่อนวนมาที่ ญ แต่นิ่งสงบมาที่ ช ช้าง
“ผู้ชายหรอ”
เด่นดาว หัวหน้ากลุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อรู้คำตอบจากคำถามแรก
“โรงเรียนเราไม่มีผู้ชาย” มาลีถามสงสัย
“นั่นสิ แต่ชั้นเคยได้ยินว่าที่นี่เคยเป็นสุสานเก่า อาจจะมีดวงวิญญาณเป็นผู้ชายก็ได้นะ”เพื่อนหญิงคนหนึ่งตอบ บรรดาคนที่อยู่ในฝูงล้อมวงนั้นต่างเออออ เพราะเคยได้ยินมาเหมือนกัน
“โรงเรียนแห่งนี้ อดีตเคยเป็นสุสานหรือไม่ ถ้าเป็นขอให้เลื่อนไปที่คำว่าเป็น แต่ถ้าไม่ ขอให้เลื่อนไปที่ไม่”
แก้วเลื่อนมาที่คำว่าไม่
“โถ่เอ้ย นังขวัญตา แกมั่ว” เด่นดาวเอ็ดตะโรเสียงดัง
“ก็ชั้นได้ยินมาแบบนี้จริงๆนิ..แกก้ได้ยินมาเหมือนกันใช่มั้ย ใช่มั้ย แกก็เคยได้ยินมา...”ขวัญตาถามคนนั้นทีคนนี้ที บางคนก็เห็นด้วย บางคนก็ไม่เห็นด้วย
“เอาล่ะๆ เรามาเริ่มต้นคำถามที่สามกันดีกว่า มาลีและเพื่อนๆอยากทราบค่ะ ว่าคุณอายุกี่ปีคะ”
“37”
“ยัยเด่น แกได้ยินเหมือนชั้นมั้ย”
ณ ตอนนี้บรรดาเหล่านักศึกษาผู้หญิงต่างดึงนิ้วออกจากแก้ว แล้วจับกลุ่มก้อนกันอย่างหวาดผวา เหลือเพียงแต่เด่นดาวที่ยังยื่นนิ้วแตะแก้วอยู่ เป็นเพราะว่าเธอมีนิสัยห้าวหาญ เหมือนผู้ชาย ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลยทั้งนั้น
“เห้ย พวกแกจะดึงนิ้วออกไปทำไมกัน ผีถ้วยแก้วเค้าไม่ให้ดึงนิ้วออกก่อนที่ยังไม่จบนะ”
“ก็ฉันได้ยินเสียงนี้ หยุดเล่นเหอะ เด่นดาว ชั้นว่าเราควรพอแค่นี้เหอะ”
“ใช่เราเปิดไฟ เราจะไม่เล่นแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน ...แน่จริง ออกมาสิ ชั้นไม่กลัวหรอกนะ ออกมาเลย ชั้นอยากเห็น ออกมา”
“เด่นดาว!!!! เธอกำลังจะทำอะไร ชั้นไม่อยากเล่นแล้วเข้าใจมั้ย”
บางคนกลัวจนท่องพุทโธ ธัมโม...
“อย่าทำเป็นกลัวหน่อยได้มั้ย รู้ทั้งรู้อยู่ว่าตอนนี้มันยังเช้า ไม่มีทางที่จะมีผีหรอก เชื่อชั้นสิ”
ผ้าม่านที่ปิดทั่วห้อง ถูกรูดเปิดกว้างมีแสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องเรียน บรรดานักเรียนหญิงจำนวนยี่สิบกว่าคนถอนหายใจเพราะมันก็จริงอย่างที่เด่นดาวเอ่ยมา พวกเธอกลัว จนเล่นผีถ้วยแก้วตอนเช้าหรอกเหรอเนี่ย??
“แล้วนั่นเสียงใครล่ะ”มาลี ที่ดูลุคส์อ่อนหวานสุดๆถามขึ้น
“ชั้นเอง”
ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียง ครูเงาะย่างเดินก้าวเข้ามาในห้อง มือข้างหนึ่งถือหนังสือจำนวน3เล่มไว้ที่อก อีกมือหนึ่งถือไม้เรียว ปลายมักเทปสีแดง อนึ่งเหมือนเป็นสัญลักษณ์ตัวตายตัวแทนของครูเงาะไปแล้ว
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน!!”
คำถามแรกของครูเงาะมันช่างดูขนหัวลุกกว่าตอนเล่นผีถ้วยแก้วเสียนี่กระไร
“ชั้นถาม ชั้นต้องการคำตอบ!!!!!!!!”
ครูเงาะตวาดขึ้น เมื่อไม่ได้คำตอบ เห็นเพียงแต่บรรดาลูกศิษย์ก้มหัวงุดงิด
“เอาล่ะ เมื่อไม่มีใครสารภาพ คะแนนจิตพิสัยของพวกเธอก็จะถูกหักไป 5 คะแนน”
“เล่นผีถ้วยแก้วค่ะ”เด่นดาวลุกขึ้นตอบ แต่นั่นมันก็สายไปแล้ว
“ชั้นไม่ต้องการคำตอบ จะมาตอบอะไรตอนนี้ ชั้นให้เวลาเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่มีสิทธิ์ตอบอะไรอีกแล้ว”
เด่นดาวแอบเบ้ปากนึดหน่อยเพราะความรำคาญใจแต่นั่นมันก็ไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของครูเงาะไปได้ เด่นดาวเลยถูกทำโทษ คาบไม้บรรทัดทำตัวเป็นไม้กางเขนอยู่หน้าห้องเรียน สักพักหนึ่ง เด่นดาวแอบเห็นมลฤดี เดินมา เลยได้โอกาสฟ้องครูว่ามลฤดีมาสาย ตอนนั้นมลฤดีเลยเป็นฝ่ายยืนคาบไม้บรรทัดทำท่ากางเขนแทนเด่นดาว เพื่อนในห้องเรียนต่างขบขัน ยกเว้นเพียงแต่มาลี ที่ไม่มีอาการขบขันตามเพื่อนคนอื่น เธอได้เพียงทำสีหน้าสงสารมลฤดีเพื่อนรักของเธอยิ่งนัก
ปล.ติติงกันมาได้ครับ อาจจะเรียบเรียงไม่เก่ง จะพัฒนาต่อไปครับ
สวัสดีครับ ผมนายเบิ้ม วันนี้นายเบิ้มมีเรื่องใหม่มาฝากชื่อเรื่องว่า 'อนันตรัก'
มีตัวละครที่สำคัญ
ชาร์เล็ต (พระเอก)
มลฤดี (นางเอก)
เกรซ
จูเลียร์
ธนา
กรรชัย
มาลี
เด่นดาว
ครูโซเฟีย
เอกภพ
.
.
.
....“ธนา” เด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับมลฤดี เรียนช่างยนต์ตามที่พวกนักศึกษาชายเลือกที่จะเรียนกัน เพราะเห็นว่าแมน เท่ห์ และเป็นที่จุดสนใจของบรรดาหญิงที่ไม่ค่อยรักนวลสงวนตัวเท่าไหร่นัก ซึ่งธนาก็คิดเช่นเดียวกัน เช้าวันนี้ ธนารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เล่นกีฬาฟุตบอลที่สนามของโรงเรียนช่างยนต์ โดยสนามของโรงเรียนเขาติดข้างกับที่นั่งพนักของนักศึกษาคอนแวนต์โดยมีฝาผนังกั้นไว้อยู่ ลูกฟุตบอลจากปลายรองเท้าของธนาวิ่งลู่ลอยข้ามฟากฝาผนังกั้นที่นักศึกษาชายในโรงเรียนช่างยนต์ตั้งฉายาให้ว่า “จุดอันตราย” ตกลงมาใส่ศีรษะของนักศึกษาหญิงคอนแวนต์คนใดคนหนึ่งเพราะมีเสียงร้องโอ๊ยเจ็บดังมา
“ซวยแล้ว..ไอ้ธนา” เพื่อนชายคนหนึ่งร้องดังขึ้น ทุกคนทำสีหน้าแหยแกไม่พ้นแม้แต่ธนา
“ซวยจริงๆว่ะ ทำไงดีวะ โดนหัวใครก็ไม่รู้ด้วย??”
“รีบไปเก็บหลักฐานเหอะ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” ธนาวิ่งแจ้นเข้าไปที่หลืบซอกมุมหนึ่งของฝาผนังกั้นที่นักเรียนฝ่ายชายมักเจาะรูเพื่อที่จะได้คุยกับสาวๆในคอนแวนต์ ธนาวิ่งหยุดที่มุมซอกหลืบตรงนั้น ด้อมๆมองๆ เห็นไม่มีใคร เลยวิ่งมาที่จุดลูกบอลตก ปรากฎว่าลูกบอลนั้นหายไปไหนเสียแล้ว
“หายไปไหนวะ??” ธนาใจร้อนมาก เหงื่อแตกไหลพลั่ก ทันใดนั้นมีเสียงผู้หญิงดังขึ้น พร้อมยื่นลูกฟุตบอลมาให้
“หาตัวการไอนี่อยู่ใช่มั้ย”
ธนาหันไป ใจสั่นๆ กลัวว่าอาจจะเป็นอาจารย์เงาะ ที่ร่ำลือกันว่า เป็นอาจารย์ที่สุดโหด บ้าพลัง และจนทำให้เด็กบางคนถึงกับลาออกเพราะทนความระห่ำของแกไม่ไหว ธนารีบก้มหัวไหว้งุดๆ ไม่ทันได้ตั้งใจมองหน้า แล้วฉวยโอกาสหยิบลูกบอลไปโดยไม่ทันระวัง วิ่งสะดุดล้มก้อนหิน หัวแทบคะมำ
“ตายจริง”
มลฤดี ที่เป็นคนเคยถือลูกบอลนั้นวิ่งเข้ามาดูอาการของธนา
“เจ็บมั้ยคะ...ไหนดูสิ”
ธนาแปลกใจทั้งเสียง ทั้งความนุ่มของมือที่มาสัมผัสหัวเข่าของเขา ธนาเงยหน้ามองขึ้นปรากฎว่าเป็นหญิงสาวที่วัยน่าจะคราวเดียวกับเขา หล่อนมีรูปหน้าช่างน่ารัก ผิวพรรณดี ขาวอมเหลือง ผูกเปียสองข้าง ท่าทางน่าจะเรียบร้อย ธนาตกภวังค์ความงามของมลฤดีไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกขึ้นได้
“พอละ ชั้นต้องรีบไป ขอบใจมากที่ช่วยเก็บลูกบอลให้ชั้น”
ธนายิ้มหวานก่อนจะวิ่งถือลูกบอลออกไปที่รูกำแพง ขนาดใหญ่พอจะให้มนุษย์ผ่านไปได้ มลฤดียังงงวยอยู่
ธนาเดินยิ้มถือลูกบอล คิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำไมเค้าคนนั้นถึงน่ารักเช่นนี้หนอ ชั้นน่าจะคุยกับเขาให้นาน ขอแค่รู้จักชื่อกันก็ดีใจแล้ว หรือไม่บางที อาจจะตีสนิทเป็นเพื่อนเขาเลยก็เป็นได้ เอาล่ะ ครั้งหน้าชั้นจะต้องกล้าให้มากกว่านี้ อย่าเสียเชิงชาย
.....................
“ถ้ามาในแก้วแล้ว ขอให้ไปที่คำว่าใช่ แต่ถ้ายังไม่มะ มะ มา....”
พูดไม่ทันจบ แก้ววิ่งไปยังที่คำว่าใช่อย่างเร็วจี๋ ทำเอาบรรดานักเรียนหญิงคอนแวนต์ต่างตกใจ และลุ้นไปพร้อมกัน
“เธอเป็นเพศหญิง หรือ เพศชาย ถ้าหญิงให้ไปที่ตัว ญ หญิง ถ้าชายให้ไปที่ ช ช้าง”
แก้วเลื่อนวนมาที่ ญ แต่นิ่งสงบมาที่ ช ช้าง
“ผู้ชายหรอ”
เด่นดาว หัวหน้ากลุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อรู้คำตอบจากคำถามแรก
“โรงเรียนเราไม่มีผู้ชาย” มาลีถามสงสัย
“นั่นสิ แต่ชั้นเคยได้ยินว่าที่นี่เคยเป็นสุสานเก่า อาจจะมีดวงวิญญาณเป็นผู้ชายก็ได้นะ”เพื่อนหญิงคนหนึ่งตอบ บรรดาคนที่อยู่ในฝูงล้อมวงนั้นต่างเออออ เพราะเคยได้ยินมาเหมือนกัน
“โรงเรียนแห่งนี้ อดีตเคยเป็นสุสานหรือไม่ ถ้าเป็นขอให้เลื่อนไปที่คำว่าเป็น แต่ถ้าไม่ ขอให้เลื่อนไปที่ไม่”
แก้วเลื่อนมาที่คำว่าไม่
“โถ่เอ้ย นังขวัญตา แกมั่ว” เด่นดาวเอ็ดตะโรเสียงดัง
“ก็ชั้นได้ยินมาแบบนี้จริงๆนิ..แกก้ได้ยินมาเหมือนกันใช่มั้ย ใช่มั้ย แกก็เคยได้ยินมา...”ขวัญตาถามคนนั้นทีคนนี้ที บางคนก็เห็นด้วย บางคนก็ไม่เห็นด้วย
“เอาล่ะๆ เรามาเริ่มต้นคำถามที่สามกันดีกว่า มาลีและเพื่อนๆอยากทราบค่ะ ว่าคุณอายุกี่ปีคะ”
“37”
“ยัยเด่น แกได้ยินเหมือนชั้นมั้ย”
ณ ตอนนี้บรรดาเหล่านักศึกษาผู้หญิงต่างดึงนิ้วออกจากแก้ว แล้วจับกลุ่มก้อนกันอย่างหวาดผวา เหลือเพียงแต่เด่นดาวที่ยังยื่นนิ้วแตะแก้วอยู่ เป็นเพราะว่าเธอมีนิสัยห้าวหาญ เหมือนผู้ชาย ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลยทั้งนั้น
“เห้ย พวกแกจะดึงนิ้วออกไปทำไมกัน ผีถ้วยแก้วเค้าไม่ให้ดึงนิ้วออกก่อนที่ยังไม่จบนะ”
“ก็ฉันได้ยินเสียงนี้ หยุดเล่นเหอะ เด่นดาว ชั้นว่าเราควรพอแค่นี้เหอะ”
“ใช่เราเปิดไฟ เราจะไม่เล่นแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน ...แน่จริง ออกมาสิ ชั้นไม่กลัวหรอกนะ ออกมาเลย ชั้นอยากเห็น ออกมา”
“เด่นดาว!!!! เธอกำลังจะทำอะไร ชั้นไม่อยากเล่นแล้วเข้าใจมั้ย”
บางคนกลัวจนท่องพุทโธ ธัมโม...
“อย่าทำเป็นกลัวหน่อยได้มั้ย รู้ทั้งรู้อยู่ว่าตอนนี้มันยังเช้า ไม่มีทางที่จะมีผีหรอก เชื่อชั้นสิ”
ผ้าม่านที่ปิดทั่วห้อง ถูกรูดเปิดกว้างมีแสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องเรียน บรรดานักเรียนหญิงจำนวนยี่สิบกว่าคนถอนหายใจเพราะมันก็จริงอย่างที่เด่นดาวเอ่ยมา พวกเธอกลัว จนเล่นผีถ้วยแก้วตอนเช้าหรอกเหรอเนี่ย??
“แล้วนั่นเสียงใครล่ะ”มาลี ที่ดูลุคส์อ่อนหวานสุดๆถามขึ้น
“ชั้นเอง”
ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียง ครูเงาะย่างเดินก้าวเข้ามาในห้อง มือข้างหนึ่งถือหนังสือจำนวน3เล่มไว้ที่อก อีกมือหนึ่งถือไม้เรียว ปลายมักเทปสีแดง อนึ่งเหมือนเป็นสัญลักษณ์ตัวตายตัวแทนของครูเงาะไปแล้ว
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน!!”
คำถามแรกของครูเงาะมันช่างดูขนหัวลุกกว่าตอนเล่นผีถ้วยแก้วเสียนี่กระไร
“ชั้นถาม ชั้นต้องการคำตอบ!!!!!!!!”
ครูเงาะตวาดขึ้น เมื่อไม่ได้คำตอบ เห็นเพียงแต่บรรดาลูกศิษย์ก้มหัวงุดงิด
“เอาล่ะ เมื่อไม่มีใครสารภาพ คะแนนจิตพิสัยของพวกเธอก็จะถูกหักไป 5 คะแนน”
“เล่นผีถ้วยแก้วค่ะ”เด่นดาวลุกขึ้นตอบ แต่นั่นมันก็สายไปแล้ว
“ชั้นไม่ต้องการคำตอบ จะมาตอบอะไรตอนนี้ ชั้นให้เวลาเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่มีสิทธิ์ตอบอะไรอีกแล้ว”
เด่นดาวแอบเบ้ปากนึดหน่อยเพราะความรำคาญใจแต่นั่นมันก็ไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของครูเงาะไปได้ เด่นดาวเลยถูกทำโทษ คาบไม้บรรทัดทำตัวเป็นไม้กางเขนอยู่หน้าห้องเรียน สักพักหนึ่ง เด่นดาวแอบเห็นมลฤดี เดินมา เลยได้โอกาสฟ้องครูว่ามลฤดีมาสาย ตอนนั้นมลฤดีเลยเป็นฝ่ายยืนคาบไม้บรรทัดทำท่ากางเขนแทนเด่นดาว เพื่อนในห้องเรียนต่างขบขัน ยกเว้นเพียงแต่มาลี ที่ไม่มีอาการขบขันตามเพื่อนคนอื่น เธอได้เพียงทำสีหน้าสงสารมลฤดีเพื่อนรักของเธอยิ่งนัก
ปล.ติติงกันมาได้ครับ อาจจะเรียบเรียงไม่เก่ง จะพัฒนาต่อไปครับ