จากเด็กผู้ชายอ้วน ๆ คนนึงที่มีความฝันแล้วตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง 140 kg ---> 94 kg


ผมเป็นเด็กผู้ชายอ้วน ๆ คนนึงที่รักการร้องเพลง ติดตามรายการประกวดร้องเพลงต่าง ๆ นานานมากมาย และมีความฝันว่าวันนึงจะได้ไปยืนอยู่บนนั้นแบบคนอื่น ๆ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองรัก ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ก็ได้แต่ฝึกฝนพัฒนาการร้องตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อที่จะทำตามความฝันของตัวเอง เพราะเชื่อเสมอว่านักร้องก็ต้องเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดีที่สุด รูปลักษณ์หน้าตาก็คงไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญอะไรเท่ากับความสามารถ ตลอดเวลาตั้งแต่ ป.6 ก็เก็บประสบการณ์การร้องเพลงมาโดยตลอด มีชนะบ้างแพ้บ้าง สลับกันไป จนวันนึงเมื่อก้าวขึ้นม.1 มันก็ทำให้เราได้ฝึกฝนความสามารถในการร้องเพลงของเรามากขึ้น เริ่มจากการประกวดเล็ก ๆ ภายในโรงเรียนแรก ๆ ก็ตกรอบบ้าง หลัง ๆ เริ่มดีขึ้นชนะบ่อยขึ้น ติด 1 ใน 3 บ่อยขึ้น เก็บประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนวันนึงประมาน ม.4 ม.5 ก็มีรายการ รายการนึงเขาเปิดรับการออดิชั่นแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก แล้วเพื่อนก็มาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนจะสมัครแบบออนไลน์ ส่งคลิปไปสมัครอะไรแบบนี้ ด้วยความที่เราสนใจก็เลยส่งคลิปไปกับเพื่อนด้วย ไม่กี่วันก็มีพี่ทีมงานโทรมาบอกกับเราว่าเราเข้ารอบ ให้ไปออดิชั่นต่อที่กรุงเทพ ด้วยความที่เราเป็นเด็กที่มีความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เราเลยดีใจมาก ๆ มันเหมือนความฝันของเด็กคนนึงมันกำลังจะเป็นจริง จำได้ว่าวันนั้นร้องไห้และดีใจมาก ๆ จนถึงวันที่ต้องไปออดิชั่นที่กรุงเทพ เราก็เตรียมตัวไปอย่างดีที่สุด ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก แต่งตัวไม่เป็น เชย ไม่เคยเข้ากรุงเทพด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวอะไรแบบไหนให้ดูดี เพราะยังไม่รู้จักการดูแลตัวเอง กินเยอะ ตากแดด อ้วนดำ ทุกอย่าง อยากกินอะไรก็กินไม่เคยห่วงสุขภาพ พอไปถึงสถานที่ออดิชั่นเราก็ตื่นเต้นมากทุกคนมีแต่คนดูดี เสียงก็ดี เราก็คิดในใจว่าเรามั่นใจ ยังไงเสียงเราก็ต้องสู้คนอื่นได้ จนได้เข้าห้องออดิชั่น เดินเข้าไปเขามองเราหัวจรดเท้า ดูภาพลักษณ์ของเรา จากนั้นเค้าก็ให้เราร้อง หลังจากร้องเสร็จ เค้าก็ให้เราเต้น เราก็เต้นไป เค้าก็หัวเราะห์เราไป แล้วเค้าก็คอมเม้นว่า เราร้องเพลงเสียงไม่เป็นธรรมชาติประดิษฐ์ เราก็มีความรู้สึกว่าเห้ยนี่เราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ เราเหมือนตัวตลกที่มาเต้นให้เค้าหัวเราะห์แล้วเอาออกรายการหรอ พอออดิชั่นเสร็จเค้าก็คอมเม้นการแต่งตัวของเราว่าเราแต่งตัวได้เชย อะไรประมานนี้ หลังจากวันนั้นมา รอก็นอยด์มาก จากคนที่มั่นใจกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย หลังจากวันที่เทปออกอากาศไปโรงเรียน เพื่อน ๆ ก็เม้าส์กันว่าแบบเราถูกด่าในรายการ แบบเราเฟลมากจริง ๆ จากนั้นก็ไม่กล้าร้องเพลงและไม่กล้าไปประกวดที่ไหนอีกเลย หลังจากที่ชีวิตช่วงนั้นเฟลมาก ๆ เราก็แบบนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่า เป็นเพราะเราอ้วนดำ ดูไม่ดี ภาพลักษณ์แย่ หนักตั้ง 130 - 140 kg อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้ที่ทำให้เราถึงไม่ได้ หลังจากวันนั้นมา มันก็ทำให้เรากล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่จะให้พร้อมในการกลับไปทำตามความฝันเราอีกครั้ง เราออกกำลังกายทุกวัน วิ่ง เต้น ตีแบต ควบคุมอาหาร ต่าง ๆ นานา หันมาดูแลตัวเอง ลดการกินของตัวเองลงตามสูตรทั่วไปที่เราหาได้จากตามเว็บไซน์ ลดน้ำหนักแบบไม่มีความรู้ลดแบบบุคคลธรรมดาทั่ว ๆ ไป กินโยเกิร์ต สลัด ออกกำลังกายอะไรแบบนี้ไป อดทนทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น






ผมตั้งใจลดมาเรื่อย ๆ จนอยู่ประมาณสักปลาย ๆ  ม.4 ช่วงนั้นน้ำหนักอยู่ราว ๆ ประมาณ 130 kg กว่า ๆ มันเหมือนเป็นช่วงที่มีรายการ รายการนึงที่เป็นรายการแสดงความสามารถที่พึ่งมีการประกวดในไทยเป็นปีแรก เป็นรายการที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเหมือนเค้าจะดูที่ความสามารถของเราจริง ๆ มันทำให้เรามีความหวัง และเราจึงตัดสินใจส่งคลิปไปออดิชั่นอีกครั้ง แล้วผลก็ออกมาเราผ่านเข้ารอบ 100 คลิปสุดท้าย แต่ว่าก็พลาดฝันไปเพราะเค้าต้องเลือกตัวแทนที่ดีที่สุดจาก 100 คลิปนี้ไปบางส่วน ด้วยความที่เรามีความหวังและเราคิดว่ารายการนี้แหละแบบเกิดมาเพื่อเรา เราจึงตัดสินใจลองส่งคลิปไปอีกซีซันนึง ครั้งนี้เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เราได้ก้าวไปสู่รอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรานั่นคือรอบ FINAL AUDITION ของรายการนี้ เรามีความหวังว่า เราจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ในวันที่เราต้องไปอัดรายการ เราฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เราพาพ่อกับแม่เราไปเชียร์ และในวันที่เราไปอัดเทปรายการ ตอนที่เราร้องเพลงขึ้นมาท่อนแรก ทุกคนในฮอลล์ส่งเสียงกรี๊ดให้เรา เชียร์เราา เรามีความหวังในใจว่า เราจะต้องทำได้แน่ ๆ แต่ด้วยความที่เรามีประสบการณ์เก่าที่ไม่ดี ที่มันทำให้เราขาดความมั่นใจในตัวเองไป มันเหมือนกลับมาทำร้ายเรา ทำให้เราร้องพลาดบนเวทีและทำได้ไม่เต็มที่ กรรมการชมเราให้กำลังใจเรา แลกรรมการให้โอกาสเราร้องใหม่อีกครั้ง แต่ด้วยความที่เราตื่นเต้น ขาดความมั่นใจเลยทำให้เราต้องพลาดฝันครั้งนั้นไปอย่างน่าเสียดาย แต่กรรมการเค้าได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า เสียงดีมากกกกกก แต่ยังขาดประสบกาณ์บนเวที ขาดความมั่นใจ เหมือนกลัวอะไร เลยทำออกมาได้ไม่เต็มที่ ไม่สุด ๆ เหมือนจะยังไม่พร้อม เสียดายยย ให้มาใหม่ปีหน้า




หลังจากที่เราพลาดฝันในครั้งนั้นมา เราก็บอกตรง ๆ ว่าเราค่อนข้างเสียใจ และสงสารพ่อแม่ที่แบบเค้าต้องคอยเสียเงินให้เรานั่งรถไปทำตามฝันของตัวเองไกล ๆ พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมี แต่เค้าก็แบบสนับสนุนเพราะเป็นความฝันของลูก จากวันนั้นมาก็ไม่ได้ไปประกวดที่ไหนอีก ก็กลับไปเก็บประสบการณ์ของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ แถว ๆ บ้านเรา เวทีเล็กเวทีน้อยไป และก็มีความคิดขึ้นว่าเราจะต้องดูดีแล้วแหละ ถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังสักที แล้วเราจะกลับไปใหม่ด้วยความมั่นใจในภาพลักษณ์ที่พร้อม ที่จะไปสู้กับความฝันของเราให้เป็นจริง


ผมออกกำลังกายทุกวัน ทุกเย็นผมจะไปวิ่ง ไปฟิตเน็ต กลับมาเต้นต่อที่บ้าน T25 บ้าง Arobic ทั่วไปบ้าง ทำทุก ๆ อย่างให้มันเป็นกิจวัตรประจำวันของเรา ควบคุมอาหาร ดูแคลลอรี่ทุกครั้งก่อนจะกินอะไร คำนวนแคลลอรี่ ถามตัวเองว่าวันนี้ตัวเองกินเยอะไปหรือเปล่า? ควรจะลดลงไหม? มั่นชั่งน้ำหนักทุกวันตอนเช้าหลังตื่นนอนเป็นเหมือนการแอคทีฟตัวเอง ก่อนจะกินอะไรจะคิดเสมอว่า เนี๊ยะกินไป แล้วก็ต้องไปออกกำลังกาย ออกกำลังกายแล้วเหนื่อยไหม? เหนื่อยมากกก แต่ก็ยังกลับมากินเยอะก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ไม่ต้องออกกำลังกายและอยู่เฉย ๆ ไม่ดีกว่าหรอ? ไปออกให้เสียเวลาทำไมในเมื่อออกกำลังกายแล้วก็กลับมากินเยอะเหมือนเดิม ผมทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 - 2 ปี ผม น้ำหนักเหลือ 121 kg หลังจบม.6 ถือว่าช้าา เพราะตอนนั้นผมยังแบบไม่มีความรู้หรือจริงจังอะไร แอบกินนู้นนี่นั่นอยู่เรื่อย ๆ





จนวันที่ผมได้ก้าวมาสู่ระดับอุดมศึกษาในเส้นทางวิชาชีพพยาบาล ที่พ่อกับแม่และครอบครัวสนับสนุนให้มาเรียนในด้านนี้ (จริง ๆ ไม่ชอบเลย ทำเพื่อพ่อกับแม่จริง ๆ) แรก ๆ ก็อึดอัดไม่ชอบบ เพราะมันไม่ใช่ทางของเรา ผแต่ว่ามันเหมือนโชคชะตาอะไรบางอย่างการเรียนพยาบาลครั้งนี้มันเหมือนจุดเปลี่ยนของผมจริง ๆ ในรุ่นผมมีนศ.ชาย 8 คนอีก 74 คนที่เหลือเป็นผู้หญิง และมันจะมีการประกวดดาวเดือนของสถานศึกษาของผม แล้วเค้าจำเป็นต้องเลือกผู้ชาย 5 คนจาก 8 คนเพื่อมาประกวดดาวเดือน ผมก็คิดไว้แล้วว่ายังไงผมก็ต้องไม่ถูกเลือกแต่กลับเป็นผมที่ถูกเรียกคนแรก แรก ๆ ก็ขำ นึกในใจ ดาวเดือนนี่มันต้องแบบหล่อดูดีมีความสามารถป่าววะ ซึ่งตรงกันข้ามกับผมหมด แต่ผมก็คิดแค่ว่าเอาวะ ร้องเพลงในสิ่งที่เรารักให้คนอื่นฟังก็ได้ แสดงให้เค้ารู้ว่าเห้ยย เด็กอ้วน ๆ แบบเรามันก็ร้องเพลงได้ มันก็เต้นได้นะ ส่วนเรื่องตำแหน่งไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมัน 55555 เพราะยังไงก็ไม่ได้ ในวันประกวดตอนที่ผมแสดงความสามารถทุก ๆ คนกรี๊ดดดดดดดด มีป้ายไฟ และเป็นกำลังใจให้ผม ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ มันเหมือนเป็นแรงฮึดที่ทำให้ผมอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งมันเหมือนเป็นแรงกำลังใจจากทุกคนที่เค้ามอบให้เรา เค้าให้ความสำคัญกับเด็กอ้วน ๆ คนนึงที่มันรักการร้องเพลง เค้ามองเราด้วยจิตใจความรักและความสามารถของเราจริง ๆ หลังจากการประกวดวันนั้นจบลง ผมตกใจมากถึงมากที่สุดตอนที่เค้าประกาศว่าผมได้รับคะแนนโหวตสูงสุดได้เป็น เดือนคณะ ผมแบบช็อคตกใจเพราะไม่ได้คิดไว้เลยว่าจะเป็นตัวเอง....




หลังจากวันนั้นมาผมก็กลายเป็นนักร้องจำเป็นของสถานศึกษาผมไปเลย ไม่ว่ามีงานอะไร อาจารย์พี่ ๆ ก็จะเชิญไปร้องเพลงทุกงาน มันทำให้เรามีแรงฮึดขึ้น พี่ ๆ ทุกคนเป็นกำลังใจให้เรา อยากให้เราประสบความสำเร็จ สนับสนุนให้เราไปรายการนู้นนี่นั่น เค้าคอยให้กำลังใจเราตลอดจริง ๆ จนเราคิดว่าเราจะทำให้พวกเค้าเหล่านี้ผิดหวังไม่ได้ เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ สักที แล้วกลับไปทำตามฝัน ทำให้พวกเค้าที่คอยให้โอกาสและสนับสนุนเราภูมิใจในตัวเรา จุดเปลี่ยนนี้มันก็เลยทำให้เรากลายเป็นคนรักสุขภาพมากขึ้น ผมหันมาออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างจริงจังแรกๆ ผมออกกำลังกายวันละ 1 ชม. มาเป้น 2 ชม. ควบคุมการกินอาหาร คำนวนแคลลอรี่ ออกกำลังกายโดยการ วิ่ง เต้น ซิทอัพ ฟิตเน็ตทุกวัน เพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูดีให้ได้ ผ่านไปได้ประมาน 1 เทอม จากน้ำหนัก 120 kg ลดเหลือ 115 kg ตลอดระยะเวลา 1 ปีผมตั้งใจมาก ๆ ที่จะลดอย่างจริงจัง จนจบปี 1 ผมน้ำหนักเหลือ 110 kg ผมดีใจมากเหมือนทำได้และประสบความสำเร็จไปอีกก้าวนึง





ช่วงปิดเทอม ผมก็ยังคงออกกำลังกายเป็นกิจวัตรของตัวเองเหมือนเดิมทำทุก ๆ วัน เป็นประจำปิดเทอม 3 เดือนเปิดเทอมมาจากหนัก 110 kg เหลือ 99 kg....







ณ ปัจจุบันผมก็กลับมาฝึกฝนการร้องเพลงของตัวเองมากขึ้น เริ่มฝึกเต้น ฝึก Performance บนเวที ก็เป็นการช่วยออกกำลังกายควบคู่กับการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารเช่นเดิม จนปัจจุบันตอนนี้ น้ำหนักผมเหลือ 94 kg







ผมทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้ หาจุดโฟกัสและแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง อะไรที่เราเคยคิดว่ายากมันจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
ผมก็ยังต้องลดต่อไป ตั้งไว้ว่าอยากน้ำหนักประมาน 75 kg มาสู้ไปด้วยกันนะครับ

ฝากติดตามผลงานการโคฟเวอร์เพลงของผมด้วยนะครับ ^^
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.facebook.com/looktaomusic
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่