ผมขอเชิญ ใครก็ได้ ที่เห็นต่างกับวิธีในวีดีโอ และข้อเขียนที่เกี่ยวกับรถเมล์ ใน
"รู้ไว้ใช่ว่า" นี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ศ. ดร. หรือ รัฐ หรือ ใครก็ได้ กี่คนก็ได้ 100 คน หรือ 10000 คนก็ได้ ที่ไหน ก็ได้
ที่พันทิปนี้ก็ได้ มาสู้ (ถกเถียง) กัน
หรือถ้ามี
ทีวี ช่องไหน หรือสถานีวิทยุช่องใด หรือสื่อใดๆ หรือกทม. หรือภาครัฐ ก็ได้ ผมพร้อมสู้ (ถกเถียง) ทุกกรณี ทุกที่ ทุกเวลา
หมายเหตุ เชิญท่าน มาสู้ (ถกเถียง) กัน แบบไม่เน้นเอาแพ้ เอาชนะ ใครแพ้ใครชนะก็ได้ (ใช้ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก)
โดยมีเงื่อนไข (อย่างเดียว) ว่า จะต้องสู้ (ถกเถียง) กันโดย
ใช้หลักวิทยาศาสตร์ ใครสามารถแสดง พิสูจน์ ทดลอง หรือพูดให้เห็นได้ว่า มีเหตุมีผลมากกว่ากัน เป็นฝ่ายชนะ
ไม่ใช่ใช้หลักโต้วาที (ใครปากดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ) อย่างนี้ผมไม่เอาด้วย
ถาม แกเป็นใครมาจากไหน บังอาจ
บางคนเขาสงใส ซึ่งผมเคยบอกมาแล้ว ในกระทู้เก่าๆ ที่ผ่านมา เรื่องรถเมล์ ของ รู้ไว้ใช่ว่า
ตอบ ผมจบ ม. 3 เกรดประมาณ 1.5 นับถือศาสนา วิทยาศาสตร์
รถเมล์ขนคน 70 คนผ่านสี่แยกใช้เวลา 6 วินาที / 1 เลน ใช้รถเมล์ 1 คัน ขนคน 70 คน (6 วินาที ปล่อยรถเมล์ได้ 1 คัน)
รถเก๋งขนคน 70 คนผ่านสี่แยกใช้เวลา 70 วินาที / 1 เลน ใช้รถเก๋ง 35 คัน ขนคน 70 คน (2 วินาที ปล่อยรถเก๋งได้ 1 คัน)
ทำให้รถเมล์ (ตามวิธีใหม่นี้) วิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
หมายเหตุ รถเมล์ในปัจจุบันวิ่งได้ประมาณ 8 - 15 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
การใช้รถเมล์ คือ การขนคนผ่านสี่แยก
การใช้รถเก๋ง คือ การขนรถผ่านสี่แยก สิ้นแปลืองทั้งเวลา (มากกว่า 10 เท่า) และพื้นผิวจราจร (มากกว่า 10 เท่า)
สาเหตุที่ทำให้รถเมล์ในวิธีใหม่นี้วิ่งได้เร็วกว่ารถเมล์ในปัจจุบัน
1. การปล่อยรถเมล์ทั้ง 4 แยก (ทีละ 1 แยกๆละประมาณ 6 วินาที) สลับกับ การปล่อยรถเก๋ง 1 แยก (ประมาณ 1 นาที) ดูในวีดีโอ ทำให้รถเมล์ได้ปล่อยบ่อยกว่ารถเก๋ง 4 เท่า
2. การกำหนดให้รถเมล์มีช่องบัสเลน และ มีสัญญาณไฟสำหรับรถเก๋ง และ สัญญาณไฟสำหรับรถเมล์ และมีช่องสลับปล่อย (ดูในวีดีโอ) ใช้สำหรับแบ่งแยกรถเมล์ และรถเก๋ง จึงทำให้ไม่ต้องวิ่งปะปนกัน
3. การให้มีป้ายรถเมล์ เว้าเข้ามาในฟุตบาท (ดูรายละเอียดใน รัฐอยากแปรรูปยาง ผมอยากแปรรูปรถเก๋งให้เป็นรถเมล์ )
4. ถ้าเป็นถนนที่มีเลนมากๆ อาจให้ช่องบัสเลนมี 2 เลน ก็ได้ เป็นต้น
ถ้ารถเมล์ 7000 คัน วิ่งได้เร็วเพิ่มขึ้นเท่าตัว นั้นหมายความว่า สามารถขนคนผ่านสี่แยกได้มากขึ้น เท่าตัวเช่นกัน และจากที่เคยวิ่ง 1 ชม. / รอบ ก็จะวิ่งได้เพิ่มเป็น ครึ่งชม. / 1 รอบ (ในเวลาเร่งด่วน)
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์เพิ่มขึ้น ท้ายแถวรถติดก็จะหดสั้นลงมากๆ
อ่านหัวข้อเก่าๆ และความคิดเห็น (ถามตอบ) ของรู้ไว้ใช่ว่าในพันทิป เพิ่มเติม
โดยไปที่ กูเกิล / พันทิป / รู้ไว้ไช่ว่า / เลือกเฉพาะ หัวข้อเกี่ยวกับรถเมล์
ถ้าดูรู้ไว้ใช่ว่า ในทวีต ให้คลิกที่ลิงค์ท้ายทวีต ก็จะเข้ามาที่ รู้ไว้ใช่ว่า ในพันทิปได้ทันที จากนั้นให้คลิกคำว่า รู้ไว้ใช่ว่า (บรรทัดสุดท้ายของหน้าพันทิปนั้นๆ) ก็จะเข้ามาที่หน้าของรู้ไว้ใช่ว่า ทั้งหมด แล้วเลือกอ่านในหัวข้อ (ที่ผ่านๆมา) ที่มีคำว่ารถเมล์ในหัวข้อนั้น เช่น
รถไฟฟ้าแก้ปัญหารถติดไม่ได้ ? แต่ทำไมรถเมล์ (ตามวิธีใหม่นี้) ถึงจะแก้ปัญหารถติดได้ ?
รัฐอยากแปรรูยาง ผมอยากแปรรูปรถเก๋ง ให้เป็นรถเมล์?
รถเก๋งติด รถเมล์ไม่ติด รัฐกล้าหรือเปล่า ? (ปรับปรุงแก้ไขวีดีโอใหม่)
บังอาจว่านักการเมืองโง่ คุณเป็นใคร ? รถเมล์วิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม (ในเวลาเร่งด่วน) ฝันไปหรือเปล่า ???
รถเมล์ กับ ปัญหารถติด ถึงจะต้องจูงจมูกรัฐบาลให้เดิน (ถ้ารัฐบาลโง่) ก็จะต้องทำ
รถเมล์ กับ ปัญหารถติด กับ นักการเมืองโง่ กับ เจ้าของกระทู้ก็โง่ !
การจราจร รัฐบาล การเมือง รถโดยสารประจำทาง
ใช้รถเมล์แก้ปัญหาจราจรใน กทม. ได้ทันที
ทำอย่างไงรถเมล์ถึงจะเป็นใหญ่ในถนนได้ ?
หมายเหตุ วีดีโอมีอยู่เรื่องเดียว (วีดีโอ ทุกหัวข้อเหมือนกันหมด) ส่วนข้อความในกระทู้ ส่วนใหญ่ก็จะซ้ำๆกัน เช่นเปลี่ยนที่หัวบ้าง หรือกลางบ้าง หรือ ปลายๆ เรื่องบ้าง เป็นต้น
ถาม เน้นปล่อยรถเมล์มากๆ รถอื่นๆไม่ต้องติดแย่หรือ ?
ตอบ วิธีนี้ เน้นให้รถรถเมล์ต้องวิ่งได้เร็วมากๆ ส่วนรถเก๋ง และแท็กซี่ จะต้องเสียสละกินยาขม (ถ้าไม่รีบ หรือจำเป็นต้องใช้รถเก๋งจริงๆ ก็ใช้รถเก๋งต่อไป) แต่ถ้ารีบให้เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ (นี่คือหัวใจหลัก ห้ามวอกแวก) ถ้าสงสารรถเก๋ง จะแก้ไม่ได้เลย (ถ้าสงสารคนไข้ ไม่กล้าให้กินยาขม แล้วมันจะหายป่วยหรือ)
ทำนองเดียวกับ ถ้าจะสร้างรถไฟฟ้า แต่ไม่กล้าปิดถนนเลย จะสร้างได้หรือไม่ ?
ต้องให้ความสำคัญกับอนาคต มากกว่าปัจจุบัน (ต้องมองไปถึงอนาคต ไม่ใช่มองแต่วันนี้)
จึงขอให้ท่าน
ดร. หรือ ศ. (ทั้งในและต่างประเทศ) หรือ คนเรียนน้อย (อย่างเจ้าของกระทู้ (ม.3)) หรือผู้รู้ หรือ เศรษฐี ยาจก เด็ก หรือคนแก่ ก็ได้ กรุณาช่วยกันชี้แนะ แก้ไข ปรับปรุง และส่งเสริม เพื่อให้วิธีในกระทู้นี้ได้นำไปปฏิบัติได้จริง
ถึงจะต้องจูงจมูกรัฐบาลให้เดิน (ถ้ารัฐบาลโง่) ก็ต้องทำ เพราะประชาชนต้องใหญ่กว่ารัฐบาล
ดร. หรือ ศ. (ในต่างประเทศ) คงอ่านกระทู้นี้ไม่ออก เว้นแต่จะเป็นพวกท่านทูต ภาษาอังกฤษผมได้แค่ ABC เท่านั้น
ใครแปลได้ช่วยที ?
นักการเมือง เป็นผู้ชี้ถูกชี้ผิด จะทำอะไร หรือจะไม่ทำอะไร ดังนั้นนักการเมืองจึง
ต้องอ่านกระทู้และดูคลิปนี้ หลายๆ รอบ (ยิ่งมากรอบยิ่งดี)
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งได้เร็ว กว่ารถเก๋งมากๆ เพื่อทำให้ผู้ใช้รถเก๋งจำนวนมาก จะยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์
(โดยไม่ต้องบังคับ) ทันที หรืออาจจะเรียกว่า
บีบแต่ไม่บังคับ ท้ายแถวของรถติดก็จะหดสั้นลงทันที
ดังนั้น รถเมล์ตามวิธีนี้จะวิ่งได้ประมาณ 20 - 30 กม. / ชม. (ความเร็วเฉลี่ยในเวลาเร่งด่วน) ส่วนรถเก๋งจะวิ่งได้ 12 กม. / ชม. (ความเร็วเฉลี่ยในเวลาเร่งด่วน) รถเมล์วิ่งเร็วขึ้นมากๆ ส่วนรถเก๋ง จะวิ่งได้ช้า (เท่าปัจจุบัน)
สรุป ปัญหารถติดเกิดจาก
1. ผิวจราจรไม่เพียงพอ ถนนในประเทศที่เจริญแล้วจะมีพื้นที่ถนนประมาณ 25% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่กทม. เรามี 9% กว่าๆ ทำให้ผิวจราจรไม่เพียงพอ (ทำให้ท้ายแถวรถติดยาวเหยียด)
2. รถติดที่สี่แยก สี่แยก มีรถมาจากสี่ทิศทาง แต่ปล่อยได้เพียงครั้งละ 1 ทิศทาง จึงทำให้ท้ายแถวรถติดยาวเหยียด
แต่รถเมล์ ใช้ผิวจราจรน้อยกว่ารถเก๋ง 10 กว่าเท่า ขนคนผ่านสี่แยกมากกว่ารถเก๋ง 10 กว่าเท่า (ดังที่กล่าวในวีดีโอ)
GT 200
ใช้หลัก คณิตศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งทุกฝ่าย (ทั้งรถเก๋ง และรถเมล์) น่าจะยอมรับกันได้
ทำนองเดียวกับกรณี GT 200 ที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์ (โดยการพิสูจน์ และทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
แทนการพูดกันไปพูดกันมา (ใช้หลักโต้วาที) ใครปากดีกว่าชนะ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะถ้าฝ่ายรถเก๋งพูดเก่งกว่า ก็จะชนะไป แต่ถ้าใช้หลักคณิตศาสตร์ และหลักวิทยาศาตร์ (โดยการพิสูจน์ และทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
เช่น
นำคน 70 คน (ยืน 35 นั่ง 35 คน) ขึ้นไปบนรถเมล์ จอดรอไฟแดง แล้วปล่อยออก แล้วจับเวลา ว่าใช่เวลา 6 วินาทีจริงหรือไม่ (ลองหลายๆรอบ ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
จากนั้น นำคน 70 คน ขึ้นไปบนรถเก๋ง (2 คน / 1 คัน) จำนวน 35 คัน จอดรอไฟแดง แล้วปล่อยออก (เช่นเดียวกับรถเมล์) แล้วจับเวลา ว่ารถเก๋ง 35 คัน ใช่เวลา 70 วินาทีจริงหรือไม่ (หลายๆรอบ ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
จากนั้นเอาตลับเมตรมาวัดว่า รถเมล์ใช้ผิวจราจร 12 ม. ขนคนได้ 70 คน / 1 เลน จริงหรือไม่ ?
จากนั้นให้นำตลับเมตรมาวัดว่า รถเก๋ง 35 คันนี้ ใช้ผิวจราจร 192 ม. ขนคนได้ 70 คน / 1 เลน จริงหรือไม่ ?
โดยลองแล้วลองอีก จนสิ้นสงใส อย่าพูดอย่าคุยกันให้มากมายนัก ไม่เช่นนั้น คนปากดีกว่า ก็จะชนะไป
จากนั้น ให้นำรถเก๋งออกจากช่องบัสเลนให้หมด แล้วให้รถเมล์มาวิ่ง ในเวลาเร่งด่วน ในช่องบัสเลนนี้ และใช้สัญญาณไฟจราจร แบบในวีดีโอทุกประการ (และให้รับส่งผู้โดยสารตามปรกติ) แล้วจับเวลาดูว่า จะสามารถวิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน (จริงหรือไม่) โดยลองแล้วลองอีกจนสิ้นสงใส
หมายเหตุ รถเมล์ในปัจจุบัน (ในเวลาเร่งด่วน) จะวิ่งได้ประมาณ 8 - 15 กม. / ชม.
จากนั้นให้ลองดูว่า เมื่อรถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ แล้วจะมีคนมาใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น จริงหรือไม่ และเพิ่มเท่าไหร่ ? จด และบันทึก (ลองแล้วลองอีก จนสิ้นสงใส)
แทนการพูดกันไปพูดกันมา (โดยใช้หลักโต้วาที)
ประสิทธิ์ รจิตรังสรรค์ โทร 0906925132
เชิญ ศ. ดร. หรือรัฐหรือนักวิชาการหรือใครก็ได้ ถ้าเห็นว่ารถเมล์แก้ปัญหาจราจรไม่ได้ มาสู้(ถกเถียง)แบบดีเบตหรือปิดห้องก็ได้
หรือถ้ามีทีวี ช่องไหน หรือสถานีวิทยุช่องใด หรือสื่อใดๆ หรือกทม. หรือภาครัฐ ก็ได้ ผมพร้อมสู้ (ถกเถียง) ทุกกรณี ทุกที่ ทุกเวลา
หมายเหตุ เชิญท่าน มาสู้ (ถกเถียง) กัน แบบไม่เน้นเอาแพ้ เอาชนะ ใครแพ้ใครชนะก็ได้ (ใช้ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก)
โดยมีเงื่อนไข (อย่างเดียว) ว่า จะต้องสู้ (ถกเถียง) กันโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ ใครสามารถแสดง พิสูจน์ ทดลอง หรือพูดให้เห็นได้ว่า มีเหตุมีผลมากกว่ากัน เป็นฝ่ายชนะ
ไม่ใช่ใช้หลักโต้วาที (ใครปากดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ) อย่างนี้ผมไม่เอาด้วย
ถาม แกเป็นใครมาจากไหน บังอาจ
บางคนเขาสงใส ซึ่งผมเคยบอกมาแล้ว ในกระทู้เก่าๆ ที่ผ่านมา เรื่องรถเมล์ ของ รู้ไว้ใช่ว่า
ตอบ ผมจบ ม. 3 เกรดประมาณ 1.5 นับถือศาสนา วิทยาศาสตร์
รถเมล์ขนคน 70 คนผ่านสี่แยกใช้เวลา 6 วินาที / 1 เลน ใช้รถเมล์ 1 คัน ขนคน 70 คน (6 วินาที ปล่อยรถเมล์ได้ 1 คัน)
รถเก๋งขนคน 70 คนผ่านสี่แยกใช้เวลา 70 วินาที / 1 เลน ใช้รถเก๋ง 35 คัน ขนคน 70 คน (2 วินาที ปล่อยรถเก๋งได้ 1 คัน)
ทำให้รถเมล์ (ตามวิธีใหม่นี้) วิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
หมายเหตุ รถเมล์ในปัจจุบันวิ่งได้ประมาณ 8 - 15 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
การใช้รถเมล์ คือ การขนคนผ่านสี่แยก
การใช้รถเก๋ง คือ การขนรถผ่านสี่แยก สิ้นแปลืองทั้งเวลา (มากกว่า 10 เท่า) และพื้นผิวจราจร (มากกว่า 10 เท่า)
สาเหตุที่ทำให้รถเมล์ในวิธีใหม่นี้วิ่งได้เร็วกว่ารถเมล์ในปัจจุบัน
1. การปล่อยรถเมล์ทั้ง 4 แยก (ทีละ 1 แยกๆละประมาณ 6 วินาที) สลับกับ การปล่อยรถเก๋ง 1 แยก (ประมาณ 1 นาที) ดูในวีดีโอ ทำให้รถเมล์ได้ปล่อยบ่อยกว่ารถเก๋ง 4 เท่า
2. การกำหนดให้รถเมล์มีช่องบัสเลน และ มีสัญญาณไฟสำหรับรถเก๋ง และ สัญญาณไฟสำหรับรถเมล์ และมีช่องสลับปล่อย (ดูในวีดีโอ) ใช้สำหรับแบ่งแยกรถเมล์ และรถเก๋ง จึงทำให้ไม่ต้องวิ่งปะปนกัน
3. การให้มีป้ายรถเมล์ เว้าเข้ามาในฟุตบาท (ดูรายละเอียดใน รัฐอยากแปรรูปยาง ผมอยากแปรรูปรถเก๋งให้เป็นรถเมล์ )
4. ถ้าเป็นถนนที่มีเลนมากๆ อาจให้ช่องบัสเลนมี 2 เลน ก็ได้ เป็นต้น
ถ้ารถเมล์ 7000 คัน วิ่งได้เร็วเพิ่มขึ้นเท่าตัว นั้นหมายความว่า สามารถขนคนผ่านสี่แยกได้มากขึ้น เท่าตัวเช่นกัน และจากที่เคยวิ่ง 1 ชม. / รอบ ก็จะวิ่งได้เพิ่มเป็น ครึ่งชม. / 1 รอบ (ในเวลาเร่งด่วน)
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์เพิ่มขึ้น ท้ายแถวรถติดก็จะหดสั้นลงมากๆ
อ่านหัวข้อเก่าๆ และความคิดเห็น (ถามตอบ) ของรู้ไว้ใช่ว่าในพันทิป เพิ่มเติม
โดยไปที่ กูเกิล / พันทิป / รู้ไว้ไช่ว่า / เลือกเฉพาะ หัวข้อเกี่ยวกับรถเมล์
ถ้าดูรู้ไว้ใช่ว่า ในทวีต ให้คลิกที่ลิงค์ท้ายทวีต ก็จะเข้ามาที่ รู้ไว้ใช่ว่า ในพันทิปได้ทันที จากนั้นให้คลิกคำว่า รู้ไว้ใช่ว่า (บรรทัดสุดท้ายของหน้าพันทิปนั้นๆ) ก็จะเข้ามาที่หน้าของรู้ไว้ใช่ว่า ทั้งหมด แล้วเลือกอ่านในหัวข้อ (ที่ผ่านๆมา) ที่มีคำว่ารถเมล์ในหัวข้อนั้น เช่น
รถไฟฟ้าแก้ปัญหารถติดไม่ได้ ? แต่ทำไมรถเมล์ (ตามวิธีใหม่นี้) ถึงจะแก้ปัญหารถติดได้ ?
รัฐอยากแปรรูยาง ผมอยากแปรรูปรถเก๋ง ให้เป็นรถเมล์?
รถเก๋งติด รถเมล์ไม่ติด รัฐกล้าหรือเปล่า ? (ปรับปรุงแก้ไขวีดีโอใหม่)
บังอาจว่านักการเมืองโง่ คุณเป็นใคร ? รถเมล์วิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม (ในเวลาเร่งด่วน) ฝันไปหรือเปล่า ???
รถเมล์ กับ ปัญหารถติด ถึงจะต้องจูงจมูกรัฐบาลให้เดิน (ถ้ารัฐบาลโง่) ก็จะต้องทำ
รถเมล์ กับ ปัญหารถติด กับ นักการเมืองโง่ กับ เจ้าของกระทู้ก็โง่ !
การจราจร รัฐบาล การเมือง รถโดยสารประจำทาง
ใช้รถเมล์แก้ปัญหาจราจรใน กทม. ได้ทันที
ทำอย่างไงรถเมล์ถึงจะเป็นใหญ่ในถนนได้ ?
หมายเหตุ วีดีโอมีอยู่เรื่องเดียว (วีดีโอ ทุกหัวข้อเหมือนกันหมด) ส่วนข้อความในกระทู้ ส่วนใหญ่ก็จะซ้ำๆกัน เช่นเปลี่ยนที่หัวบ้าง หรือกลางบ้าง หรือ ปลายๆ เรื่องบ้าง เป็นต้น
ถาม เน้นปล่อยรถเมล์มากๆ รถอื่นๆไม่ต้องติดแย่หรือ ?
ตอบ วิธีนี้ เน้นให้รถรถเมล์ต้องวิ่งได้เร็วมากๆ ส่วนรถเก๋ง และแท็กซี่ จะต้องเสียสละกินยาขม (ถ้าไม่รีบ หรือจำเป็นต้องใช้รถเก๋งจริงๆ ก็ใช้รถเก๋งต่อไป) แต่ถ้ารีบให้เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ (นี่คือหัวใจหลัก ห้ามวอกแวก) ถ้าสงสารรถเก๋ง จะแก้ไม่ได้เลย (ถ้าสงสารคนไข้ ไม่กล้าให้กินยาขม แล้วมันจะหายป่วยหรือ)
ทำนองเดียวกับ ถ้าจะสร้างรถไฟฟ้า แต่ไม่กล้าปิดถนนเลย จะสร้างได้หรือไม่ ? ต้องให้ความสำคัญกับอนาคต มากกว่าปัจจุบัน (ต้องมองไปถึงอนาคต ไม่ใช่มองแต่วันนี้)
จึงขอให้ท่าน ดร. หรือ ศ. (ทั้งในและต่างประเทศ) หรือ คนเรียนน้อย (อย่างเจ้าของกระทู้ (ม.3)) หรือผู้รู้ หรือ เศรษฐี ยาจก เด็ก หรือคนแก่ ก็ได้ กรุณาช่วยกันชี้แนะ แก้ไข ปรับปรุง และส่งเสริม เพื่อให้วิธีในกระทู้นี้ได้นำไปปฏิบัติได้จริง ถึงจะต้องจูงจมูกรัฐบาลให้เดิน (ถ้ารัฐบาลโง่) ก็ต้องทำ เพราะประชาชนต้องใหญ่กว่ารัฐบาล
ดร. หรือ ศ. (ในต่างประเทศ) คงอ่านกระทู้นี้ไม่ออก เว้นแต่จะเป็นพวกท่านทูต ภาษาอังกฤษผมได้แค่ ABC เท่านั้น ใครแปลได้ช่วยที ?
นักการเมือง เป็นผู้ชี้ถูกชี้ผิด จะทำอะไร หรือจะไม่ทำอะไร ดังนั้นนักการเมืองจึงต้องอ่านกระทู้และดูคลิปนี้ หลายๆ รอบ (ยิ่งมากรอบยิ่งดี)
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งได้เร็ว กว่ารถเก๋งมากๆ เพื่อทำให้ผู้ใช้รถเก๋งจำนวนมาก จะยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ (โดยไม่ต้องบังคับ) ทันที หรืออาจจะเรียกว่า บีบแต่ไม่บังคับ ท้ายแถวของรถติดก็จะหดสั้นลงทันที
ดังนั้น รถเมล์ตามวิธีนี้จะวิ่งได้ประมาณ 20 - 30 กม. / ชม. (ความเร็วเฉลี่ยในเวลาเร่งด่วน) ส่วนรถเก๋งจะวิ่งได้ 12 กม. / ชม. (ความเร็วเฉลี่ยในเวลาเร่งด่วน) รถเมล์วิ่งเร็วขึ้นมากๆ ส่วนรถเก๋ง จะวิ่งได้ช้า (เท่าปัจจุบัน)
สรุป ปัญหารถติดเกิดจาก
1. ผิวจราจรไม่เพียงพอ ถนนในประเทศที่เจริญแล้วจะมีพื้นที่ถนนประมาณ 25% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่กทม. เรามี 9% กว่าๆ ทำให้ผิวจราจรไม่เพียงพอ (ทำให้ท้ายแถวรถติดยาวเหยียด)
2. รถติดที่สี่แยก สี่แยก มีรถมาจากสี่ทิศทาง แต่ปล่อยได้เพียงครั้งละ 1 ทิศทาง จึงทำให้ท้ายแถวรถติดยาวเหยียด
แต่รถเมล์ ใช้ผิวจราจรน้อยกว่ารถเก๋ง 10 กว่าเท่า ขนคนผ่านสี่แยกมากกว่ารถเก๋ง 10 กว่าเท่า (ดังที่กล่าวในวีดีโอ)
GT 200
ใช้หลัก คณิตศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งทุกฝ่าย (ทั้งรถเก๋ง และรถเมล์) น่าจะยอมรับกันได้ ทำนองเดียวกับกรณี GT 200 ที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์ (โดยการพิสูจน์ และทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
แทนการพูดกันไปพูดกันมา (ใช้หลักโต้วาที) ใครปากดีกว่าชนะ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะถ้าฝ่ายรถเก๋งพูดเก่งกว่า ก็จะชนะไป แต่ถ้าใช้หลักคณิตศาสตร์ และหลักวิทยาศาตร์ (โดยการพิสูจน์ และทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
เช่น
นำคน 70 คน (ยืน 35 นั่ง 35 คน) ขึ้นไปบนรถเมล์ จอดรอไฟแดง แล้วปล่อยออก แล้วจับเวลา ว่าใช่เวลา 6 วินาทีจริงหรือไม่ (ลองหลายๆรอบ ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
จากนั้น นำคน 70 คน ขึ้นไปบนรถเก๋ง (2 คน / 1 คัน) จำนวน 35 คัน จอดรอไฟแดง แล้วปล่อยออก (เช่นเดียวกับรถเมล์) แล้วจับเวลา ว่ารถเก๋ง 35 คัน ใช่เวลา 70 วินาทีจริงหรือไม่ (หลายๆรอบ ซ้ำแล้วซ้ำอีก) จนสิ้นสงใส
จากนั้นเอาตลับเมตรมาวัดว่า รถเมล์ใช้ผิวจราจร 12 ม. ขนคนได้ 70 คน / 1 เลน จริงหรือไม่ ?
จากนั้นให้นำตลับเมตรมาวัดว่า รถเก๋ง 35 คันนี้ ใช้ผิวจราจร 192 ม. ขนคนได้ 70 คน / 1 เลน จริงหรือไม่ ?
โดยลองแล้วลองอีก จนสิ้นสงใส อย่าพูดอย่าคุยกันให้มากมายนัก ไม่เช่นนั้น คนปากดีกว่า ก็จะชนะไป
จากนั้น ให้นำรถเก๋งออกจากช่องบัสเลนให้หมด แล้วให้รถเมล์มาวิ่ง ในเวลาเร่งด่วน ในช่องบัสเลนนี้ และใช้สัญญาณไฟจราจร แบบในวีดีโอทุกประการ (และให้รับส่งผู้โดยสารตามปรกติ) แล้วจับเวลาดูว่า จะสามารถวิ่งได้ 20 - 30 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน (จริงหรือไม่) โดยลองแล้วลองอีกจนสิ้นสงใส
หมายเหตุ รถเมล์ในปัจจุบัน (ในเวลาเร่งด่วน) จะวิ่งได้ประมาณ 8 - 15 กม. / ชม.
จากนั้นให้ลองดูว่า เมื่อรถเมล์วิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ แล้วจะมีคนมาใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น จริงหรือไม่ และเพิ่มเท่าไหร่ ? จด และบันทึก (ลองแล้วลองอีก จนสิ้นสงใส)
แทนการพูดกันไปพูดกันมา (โดยใช้หลักโต้วาที)
ประสิทธิ์ รจิตรังสรรค์ โทร 0906925132