รถเมล์
ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน (เสนอแบบพาวเวอร์พ้อย 11 นาที)
https://www.youtube.com/watch?v=wQneEiKrkZg&t=78s
ตามวิธีนี้รถเมล์สามารถวิ่งได้ 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
วิ่งเร็วขึ้น 3 เท่า (ทำให้วิ่งเร็วกว่ารถเก๋ง (ในเวลาเร่งด่วน) มากๆ)
วิ่งได้รอบมากขึ้น 3 เท่า (ทำให้เวลาในการรอรถเมล์ที่ป้ายน้อยลง 3 เท่า)
ถ้ามีผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น (มากๆ) จะทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงมากๆเช่นกัน
หมายเหตุ
รถเมล์มีข้อเสียมากมาย และการจะแก้ข้อเสียเหล่านั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ถ้าเปลี่ยนรถเมล์ (แบบปัจจุบัน) ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นรถเมล์ตามวิธีในวีดีโอนี้ ที่วิ่งได้ 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
เชื่อว่าจะทำให้มีคน (ทั้งผู้ที่ใช้รถเก๋ง และ รถไฟฟ้า)
เปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้นมากๆๆ
มีคนบอกว่า ให้แก้ข้อเสียข้ออื่นๆ ของรถเมล์ก่อนสิ
ปัญหาคือ
จะแก้ข้อไหนของรถเมล์ ก่อนดี
แล้วจะเอา แรงเงิน แรงใจ ที่ไหนมาแก้หล่ะ ??
และถ้าแก้แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่งรถเมล์ (แบบปัจจุบัน)
ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน หล่ะ ??
เพราะเดินยังได้ 5 กม. / ชม. แล้ว (ดีกว่าเดินหน่อยเดียว)
แต่วิธีนี้
แก้ที่ความเร็วก่อน
ทำให้รถเมล์วิ่งได้ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ผมว่าน่าจะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากๆๆ
เพราะ รถเก๋งยังวิ่งได้เฉลี่ย เพียง
ประมาณ 15 - 20 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อเสียรถไฟฟ้า
รถไฟฟ้ามีจำนวนเส้นทางน้อย (น้อยกว่ารถเมล์มากๆ)
และ ตั๋วแพงกว่ารถเมล์มากๆ
รถไฟฟ้าจะวิ่งได้ 35 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
แต่รถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาหาที่จอดแล้วจร (ในเวลาเร่งด่วน)
ต้องเดินขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องรอคิว และซื้อตั๋ว
รวมๆแล้วประมาณ 17 นาที (ไปฟรีๆ)
(ดูรายละเอียดเพิ่มด้านล่างนื้)
ดังนั้น 43 นาที รถไฟฟ้าจะวิ่งได้เพียงประมาณ
2 5 ก ม . / 43 นาที / ในเวลาเร่งด่วน
แต่รถเมล์ (ตามวิธีนี้) วิ่งได้ประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อดีรถไฟฟ้าคือ
ปลอดภัยกว่า รถเมล์มากๆ
ส่วนรถเก๋ง
ข้อดี
ความเป็นส่วนตัว เลือกเส้นทางได้ และ เร็วกว่ารถเมล์มากๆ
ข้อเสีย
ความปลอดภัย (พอๆกับรถเมล์มั้ง)
ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าเสื่อมราคา ปล่อยควันพิษมากๆ
ดังนั้น ทั้งรถเก๋ง และ รถไฟฟ้า ต่างก็มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย เช่นเดียวกัน
ส่วนรถเมล์ ถ้าวิ่งได้ 25 กม. / ชม. จะสามารถแลกเปลี่ยน (ข้อดี ข้อเสีย)
กับรถเก๋ง และรถไฟฟ้าได้
และถ้ามีผู้ใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น (มากๆ) ก็จะเกิดแรงเงิน แรงใจ ในการจะแก้ไข
ข้อเสียของรถเมล์ในข้ออื่นๆ ได้ในภายหลัง
ดังนั้น การแก้ข้อเสียของรถเมล์ จึงต้องแก้ที่ความเร็วก่อน
ส่วนข้อเสียอื่นๆ ของรถเมล์ ค่อยแก้ที่หลัง (ก็ได้)
และถ้ามีนักวิชาการ หรือ นัก วิทยาศาสตร์ ที่เก่งๆ หรือ ดัง หรือ ประชาชน
(คนอยากนั่งรถเมล์) หลายคนเห็นด้วย ก็จะช่วยให้วิธีนี้ เกิดขึ้นได้
ดังนั้น
ขอเชิญ ศ. หรือ ดร. หรือ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ คนกวาดถนน ถึงนายก
เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ เรียนมาก หรือ น้อย ก็ได้ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ก็ได้
โปรดช่วยแสดงความเห็น เพื่อมาถกเถียงกัน
ต า ม ห ลั ก เ ห ตุ ผ ล และ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
เรื่องบางเรื่อง (ที่ยากๆ) ไม่สามารถ ใช้เสียงส่วนใหญ่ มาตัดสินถูกผิดได้
เช่น การดูเพชรแท้ เพชรเทียม การดูทองปลอม ทองแท้ และ เรื่อง วิธีแก้รถติดใน วีดีโอ นี้ เป็นต้น
เพราะเรื่องเหล่านี้ จะต้องใช้ผู้มีความรู้ (เชียวชาญมากๆ)
ในเรื่องนั้นๆ มาตัดสินถูกและผิด (ไม่ใช่ใช้เสียงส่วนใหญ่)
ผมจบแค่ ม. 3 (เชื่อว่ารถเมล์เท่านั้น ที่จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ในทันที)
ถึงจะเป็น 1 ใน 100 หรือ 1 ใน ล้าน ถ้าความคิดนั้นมันถูกมันก็ต้องถูก
ถ้านับจาก
ขับรถถึงที่จอดแล้วจร (หาที่จอดในเวลาเร่งด่วน) รวมประมาณ 5 นาที
เดินจากป้ายรถเมล์ ไปขึ้นสถานีรถไฟฟ้า รวมประมาณ 3 นาที
ซื้อตั๋ว ต่อคิว (ในเวลาเร่งด่วน) อีกประมาณ 5 - 10 นาที
ถึงแล้วต้องเดินลงสถานีรถไฟฟ้า เพื่อไปขึ้นรถเมล์ หรือไปขับรถออกอีก
รวมประมาณ 3 นาที
ดังนั้น การขึ้นรถไฟฟ้า จึงต้องเสียเวลา (ไปฟรีๆ อย่างน้อย) ประมาณ 17 นาที (ในเวลาเร่งด่วน)
แต่รถเมล์ ไม่มีขั้นตอนเหล่านี้เลย
รถเมล์ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดานนี้ สามารถวิ่งได้ประมาณ
25 กม. / ชม / ในเวลาเร่งด่วน
เพราะ รถเมล์ (ตามวิธีนี้) วิ่งอยู่ในช่องบัสเลน
และ
รถเมล์ทุกๆคันจะติดไฟแดงเพียง (ประมาณ) 1.30 นาที เท่านั้น
รถเมล์จึงเร็วเท่ารถไฟฟ้า ในระยะ 25 กม. (ใช้เวลา 1 ชม.) แน่นอน
ถ้ายิ่งวิ่งในระยะสั้นๆ (ประมาณ 8 - 15 กม.)
รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถไฟฟ้ามากๆ แน่นอน
รัฐบาล หรือ รัฐบาลใหม่ จะต้องรีบซื้อรถเมล์ใหม่ มาใช้มากๆ
(ถ้าได้ 5000 หรือ 10000 คันได้ยิ่งดีครับ)
เพราะ ยิ่งมีรถเมล์ (ใหม่) เพิ่มมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้สัดส่วนของรถเมล์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน
สามารถใช้ได้ในถนนทุกแบบ เช่น
ในถนนที่ไม่มีสัญญาณไฟ ก็เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไป
ส่วนในถนนที่มีสัญญาณไฟอยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไปเช่นกัน
ติดตั้งแสนง่าย (ตั้งเช้าเย็นเสร็จ) อาจทดลองในถนนใหญ่ๆ หรือในถนนที่มีปัญหาจราจรน้อยๆ
ก่อนก็ได้ ทาสีช่องบัสเลน จบ
ยกเว้นที่ทำไม่ได้
ในถนน 2 เลน (ไป 1 เลน กลับ 1 เลน และ ในสี่แยกแบบติดๆกัน (เช่น 50 ม. เป็นต้น))
หมายเหตุ
มอเตอร์ไซด์ และ แท็กซี่ และ รถอื่นๆ ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเก๋ง ทั้งหมด
รถตู้ และรถสาธารณะอื่นๆ เช่น สองแถวในซอย ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเมล์ ทั้งหมด
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดานนี้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่
คอยเปลี่ยนสัญญาณไฟ (คอยปล่อยรถเมล์ และ รถเก๋ง ในทุกๆแยก ซึ่งมีไม่เท่ากัน)
เช่น
ถ้าแยกไหนรถเก๋งมาก ก็ปล่อยนาน 2 นาทีก็ได้
แยกไหนรถเก๋งน้อย ก็ปล่อย 3 วินาทีก็ได้ หรือถ้าไม่มีเลย ก็ข้ามไป
ส่วนรถเมล์ก็เช่นเดียวกัน
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น จากประมาณ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งประมาณ 30 - 80 % ยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์
(ตามวิธีปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน) ได้ ทำให้ท้ายแถวหดสั้นลง
และจะทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าจำนวนมากเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ตามวิธีนี้
เพราะถูกกว่า และ
ถ้ายิ่งวิ่งในระยะสั้นๆ (ประมาณ 8 - 15 กม.)
รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถไฟฟ้ามากๆ
นักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง
โปรดชี้แนะ สั่งสอน หรือ แลกเปลี่ยนด้วยครับ
รถเมล์วิ่ง 1 ชม. เร็วเท่ากับรถไฟฟ้า 1 ชม.
ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน (เสนอแบบพาวเวอร์พ้อย 11 นาที)
https://www.youtube.com/watch?v=wQneEiKrkZg&t=78s
ตามวิธีนี้รถเมล์สามารถวิ่งได้ 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
วิ่งเร็วขึ้น 3 เท่า (ทำให้วิ่งเร็วกว่ารถเก๋ง (ในเวลาเร่งด่วน) มากๆ)
วิ่งได้รอบมากขึ้น 3 เท่า (ทำให้เวลาในการรอรถเมล์ที่ป้ายน้อยลง 3 เท่า)
ถ้ามีผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น (มากๆ) จะทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงมากๆเช่นกัน
หมายเหตุ
รถเมล์มีข้อเสียมากมาย และการจะแก้ข้อเสียเหล่านั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ถ้าเปลี่ยนรถเมล์ (แบบปัจจุบัน) ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นรถเมล์ตามวิธีในวีดีโอนี้ ที่วิ่งได้ 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
เชื่อว่าจะทำให้มีคน (ทั้งผู้ที่ใช้รถเก๋ง และ รถไฟฟ้า)
เปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้นมากๆๆ
มีคนบอกว่า ให้แก้ข้อเสียข้ออื่นๆ ของรถเมล์ก่อนสิ
ปัญหาคือ
จะแก้ข้อไหนของรถเมล์ ก่อนดี
แล้วจะเอา แรงเงิน แรงใจ ที่ไหนมาแก้หล่ะ ??
และถ้าแก้แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่งรถเมล์ (แบบปัจจุบัน)
ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน หล่ะ ??
เพราะเดินยังได้ 5 กม. / ชม. แล้ว (ดีกว่าเดินหน่อยเดียว)
แต่วิธีนี้ แก้ที่ความเร็วก่อน
ทำให้รถเมล์วิ่งได้ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ผมว่าน่าจะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากๆๆ
เพราะ รถเก๋งยังวิ่งได้เฉลี่ย เพียง
ประมาณ 15 - 20 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อเสียรถไฟฟ้า
รถไฟฟ้ามีจำนวนเส้นทางน้อย (น้อยกว่ารถเมล์มากๆ)
และ ตั๋วแพงกว่ารถเมล์มากๆ
รถไฟฟ้าจะวิ่งได้ 35 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
แต่รถไฟฟ้าจะต้องเสียเวลาหาที่จอดแล้วจร (ในเวลาเร่งด่วน)
ต้องเดินขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องรอคิว และซื้อตั๋ว
รวมๆแล้วประมาณ 17 นาที (ไปฟรีๆ)
(ดูรายละเอียดเพิ่มด้านล่างนื้)
ดังนั้น 43 นาที รถไฟฟ้าจะวิ่งได้เพียงประมาณ
2 5 ก ม . / 43 นาที / ในเวลาเร่งด่วน
แต่รถเมล์ (ตามวิธีนี้) วิ่งได้ประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อดีรถไฟฟ้าคือ
ปลอดภัยกว่า รถเมล์มากๆ
ส่วนรถเก๋ง
ข้อดี
ความเป็นส่วนตัว เลือกเส้นทางได้ และ เร็วกว่ารถเมล์มากๆ
ข้อเสีย
ความปลอดภัย (พอๆกับรถเมล์มั้ง)
ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าเสื่อมราคา ปล่อยควันพิษมากๆ
ดังนั้น ทั้งรถเก๋ง และ รถไฟฟ้า ต่างก็มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย เช่นเดียวกัน
ส่วนรถเมล์ ถ้าวิ่งได้ 25 กม. / ชม. จะสามารถแลกเปลี่ยน (ข้อดี ข้อเสีย)
กับรถเก๋ง และรถไฟฟ้าได้
และถ้ามีผู้ใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น (มากๆ) ก็จะเกิดแรงเงิน แรงใจ ในการจะแก้ไข
ข้อเสียของรถเมล์ในข้ออื่นๆ ได้ในภายหลัง
ดังนั้น การแก้ข้อเสียของรถเมล์ จึงต้องแก้ที่ความเร็วก่อน
ส่วนข้อเสียอื่นๆ ของรถเมล์ ค่อยแก้ที่หลัง (ก็ได้)
และถ้ามีนักวิชาการ หรือ นัก วิทยาศาสตร์ ที่เก่งๆ หรือ ดัง หรือ ประชาชน
(คนอยากนั่งรถเมล์) หลายคนเห็นด้วย ก็จะช่วยให้วิธีนี้ เกิดขึ้นได้
ดังนั้น
ขอเชิญ ศ. หรือ ดร. หรือ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ คนกวาดถนน ถึงนายก
เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ เรียนมาก หรือ น้อย ก็ได้ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ก็ได้
โปรดช่วยแสดงความเห็น เพื่อมาถกเถียงกัน
ต า ม ห ลั ก เ ห ตุ ผ ล และ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
เรื่องบางเรื่อง (ที่ยากๆ) ไม่สามารถ ใช้เสียงส่วนใหญ่ มาตัดสินถูกผิดได้
เช่น การดูเพชรแท้ เพชรเทียม การดูทองปลอม ทองแท้ และ เรื่อง วิธีแก้รถติดใน วีดีโอ นี้ เป็นต้น
เพราะเรื่องเหล่านี้ จะต้องใช้ผู้มีความรู้ (เชียวชาญมากๆ)
ในเรื่องนั้นๆ มาตัดสินถูกและผิด (ไม่ใช่ใช้เสียงส่วนใหญ่)
ผมจบแค่ ม. 3 (เชื่อว่ารถเมล์เท่านั้น ที่จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ในทันที)
ถึงจะเป็น 1 ใน 100 หรือ 1 ใน ล้าน ถ้าความคิดนั้นมันถูกมันก็ต้องถูก
ถ้านับจาก
ขับรถถึงที่จอดแล้วจร (หาที่จอดในเวลาเร่งด่วน) รวมประมาณ 5 นาที
เดินจากป้ายรถเมล์ ไปขึ้นสถานีรถไฟฟ้า รวมประมาณ 3 นาที
ซื้อตั๋ว ต่อคิว (ในเวลาเร่งด่วน) อีกประมาณ 5 - 10 นาที
ถึงแล้วต้องเดินลงสถานีรถไฟฟ้า เพื่อไปขึ้นรถเมล์ หรือไปขับรถออกอีก
รวมประมาณ 3 นาที
ดังนั้น การขึ้นรถไฟฟ้า จึงต้องเสียเวลา (ไปฟรีๆ อย่างน้อย) ประมาณ 17 นาที (ในเวลาเร่งด่วน)
แต่รถเมล์ ไม่มีขั้นตอนเหล่านี้เลย
รถเมล์ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดานนี้ สามารถวิ่งได้ประมาณ
25 กม. / ชม / ในเวลาเร่งด่วน
เพราะ รถเมล์ (ตามวิธีนี้) วิ่งอยู่ในช่องบัสเลน
และ
รถเมล์ทุกๆคันจะติดไฟแดงเพียง (ประมาณ) 1.30 นาที เท่านั้น
รถเมล์จึงเร็วเท่ารถไฟฟ้า ในระยะ 25 กม. (ใช้เวลา 1 ชม.) แน่นอน
ถ้ายิ่งวิ่งในระยะสั้นๆ (ประมาณ 8 - 15 กม.)
รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถไฟฟ้ามากๆ แน่นอน
รัฐบาล หรือ รัฐบาลใหม่ จะต้องรีบซื้อรถเมล์ใหม่ มาใช้มากๆ
(ถ้าได้ 5000 หรือ 10000 คันได้ยิ่งดีครับ)
เพราะ ยิ่งมีรถเมล์ (ใหม่) เพิ่มมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้สัดส่วนของรถเมล์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน
สามารถใช้ได้ในถนนทุกแบบ เช่น
ในถนนที่ไม่มีสัญญาณไฟ ก็เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไป
ส่วนในถนนที่มีสัญญาณไฟอยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไปเช่นกัน
ติดตั้งแสนง่าย (ตั้งเช้าเย็นเสร็จ) อาจทดลองในถนนใหญ่ๆ หรือในถนนที่มีปัญหาจราจรน้อยๆ
ก่อนก็ได้ ทาสีช่องบัสเลน จบ
ยกเว้นที่ทำไม่ได้
ในถนน 2 เลน (ไป 1 เลน กลับ 1 เลน และ ในสี่แยกแบบติดๆกัน (เช่น 50 ม. เป็นต้น))
หมายเหตุ
มอเตอร์ไซด์ และ แท็กซี่ และ รถอื่นๆ ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเก๋ง ทั้งหมด
รถตู้ และรถสาธารณะอื่นๆ เช่น สองแถวในซอย ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเมล์ ทั้งหมด
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดานนี้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่
คอยเปลี่ยนสัญญาณไฟ (คอยปล่อยรถเมล์ และ รถเก๋ง ในทุกๆแยก ซึ่งมีไม่เท่ากัน)
เช่น
ถ้าแยกไหนรถเก๋งมาก ก็ปล่อยนาน 2 นาทีก็ได้
แยกไหนรถเก๋งน้อย ก็ปล่อย 3 วินาทีก็ได้ หรือถ้าไม่มีเลย ก็ข้ามไป
ส่วนรถเมล์ก็เช่นเดียวกัน
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น จากประมาณ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งประมาณ 30 - 80 % ยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์
(ตามวิธีปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน) ได้ ทำให้ท้ายแถวหดสั้นลง
และจะทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าจำนวนมากเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ตามวิธีนี้
เพราะถูกกว่า และ
ถ้ายิ่งวิ่งในระยะสั้นๆ (ประมาณ 8 - 15 กม.)
รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถไฟฟ้ามากๆ
นักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง
โปรดชี้แนะ สั่งสอน หรือ แลกเปลี่ยนด้วยครับ