รถเมล์
ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน
สามารถวิ่งได้เร็วกว่ารถไฟฟ้า (ในระยะสั้นๆ (12 กม.))
จาก 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน เป็น 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
วิ่งเร็วขึ้น 3 เท่า (ทำให้วิ่งเร็วกว่ารถเก๋ง (ในเวลาเร่งด่วน) มากๆ)
วิ่งได้รอบมากขึ้น 3 เท่า (ทำให้เวลาในการรอรถเมล์ที่ป้ายน้อยลง 3 เท่า)
ถ้ามีผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น (มากๆ) จะทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงมากๆเช่นกัน
หมายเหตุ
รถเมล์มีข้อเสียมากมาย และการจะแก้ข้อเสียเหล่านั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ถ้าเปลี่ยนรถเมล์ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน เป็น 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วนได้
เชื่อว่าจะทำให้มีคนเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น ผมเสนอเรื่องนี้ (ปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน)
มีคนบอกว่า
แก้ข้อเสียข้ออื่นๆก่อนสิ
ปัญหาคือ
จะเอาข้อไหนก่อนดี
แล้วจะเอา แรงเงิน แรงใจ ที่ไหนมาแก้หล่ะ ??
เพราะแก้แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่งรถเมล์ที่วิ่งได้ 8
กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน หล่ะ ??
เพราะเดินยังได้ 5 กม. / ชม. แล้ว (ดีกว่าเดินหน่อยเดียว)
แต่ถ้าถามว่า
ถ้ารถเมล์วิ่งได้ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่ง หล่ะ ??
ผมว่าน่าจะมาก เพราะ รถเก๋งวิ่งได้เฉลี่ยประมาณ 15 - 20 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อเสีย
รถไฟฟ้า (ในเวลาเร่งด่วน) มันก็มีเช่นกัน เช่น ต้องหาที่จอดแล้วจร
ต้องเดินขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องรอคิว และซื้อตั๋ว
รวมๆแล้วประมาณ 15 นาที (ไปฟรีๆ)
และในระยะ 12 กม. รถเมล์ (ตามวิธีนี้) ใช้เวลา 30 นาที
แต่รถไฟฟ้าจะวิ่งได้เพียงประมาณ 8.75 กม.
เพราะต้องเสียเวลา 15 นาที (ไปฟรีๆ 15 นาที ดูรายละเอียดเพิ่มด้านล่างนื้)
และ รถไฟฟ้ามีจำนวนเส้นทางน้อย (กว่ารถเมล์มากๆ)
ข้อดีคือ
ปลอดภัยกว่า รถเมล์
ส่วนรถเก๋ง
ข้อดี
ความเป็นส่วนตัว เลือกเส้นทางได้ เร็วกว่ารถเมล์มากๆ
ข้อเสีย
ความปลอดภัย (พอๆกับรถเมล์มั้ง)
ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าเสื่อม ปล่อยควันมากๆ
ดังนั้น ทั้งรถเก๋ง และ รถไฟฟ้า ต่างก็มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย เช่นเดียวกัน
ส่วนรถเมล์ ถ้าวิ่งได้ 25 กม. / ชม. จะสามารถแลกเปลี่ยน (ข้อดี ข้อเสีย) กับรถเก๋งได้
และถ้ามีผู้ใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น (มากๆ) ก็จะเกิดแรงเงิน แรงใจ ในการจะแก้ไข
ข้อเสียของรถเมล์ในข้ออื่นๆ ได้
ดังนั้น การแก้ข้อเสียของรถเมล์ จึงต้องแก้ที่ความเร็วก่อน ส่วนข้อเสียอื่นๆ ค่อยแก้ที่หลัง (ก็ได้)
และถ้ามีนักวิชาการ หรือ นักวิทยาศาสตร์ ที่เก่งๆ หรือ ดัง หรือ ประชาชน (คนอยากนั่งรถเมล์)
หลายคนเห็นด้วย ก็จะช่วยให้วิธีนี้ เกิดขึ้นได้
ดังนั้น
ขอเชิญ ศ. หรือ ดร. หรือ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ คนกวาดถนน ถึงนายก
เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ เรียนมาก หรือ น้อย ก็ได้ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ก็ได้
โปรดช่วยแสดงความเห็น เพื่อมาถกเถียงกัน
ต า ม ห ลั ก เ ห ตุ ผ ล และ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
เรื่องบางเรื่อง (ที่ยากๆ) ไม่สามารถ ใช้เสียงส่วนใหญ่ มาตัดสินถูกผิดได้
เช่น การดูเพชรแท้ เพชรเทียม การดูทองปลอม ทองแท้ และ เรื่อง วิธีแก้รถติดใน วีดีโอ นี้ เป็นต้น
เพราะเรื่องเหล่านี้ จะต้องใช้ผู้มีความรู้ (เชียวชาญมากๆ)
ในเรื่องนั้นๆ มาตัดสินถูกและผิด (ไม่ใช่ใช้เสียงส่วนใหญ่)
ผมจบแค่ ม. 3 (เชื่อว่ารถเมล์เท่านั้น ที่จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ในทันที)
ถึงจะเป็น 1 ใน 100 หรือ 1 ใน ล้าน ถ้าความคิดนั้นมันถูกมันก็ต้องถูก
ถ้านับจาก
ขับรถไปจอด (หาที่จอดในเวลาเร่งด่วน) ที่จอดแล้วจร
หรือ เดินจากป้ายรถเมล์ ไปขึ้นสถานีรถไฟฟ้า รวมประมาณ 5 นาที
ซื้อตั๋ว ต่อคิว (ในเวลาเร่งด่วน) อีกประมาณ 2 - 10 นาที
ถึงแล้วต้องเดินลงสถานีรถไฟฟ้า เพื่อไปขึ้นรถเมล์ หรือไปขับรถออกอีก
รวมประมาณ 5 นาที
ดังนั้น การขึ้นรถไฟฟ้า จึงต้องเสียเวลา (ไปฟรีๆ) ประมาณ 15 นาที (ในเวลาเร่งด่วน)
แต่รถเมล์ ไม่มีขั้นตอนเหล่านี้เลย
รถเมล์ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดานนี้ สามารถวิ่งได้ประมาณ
25 กม. / ชม / ในเวลาเร่งด่วน
เพราะ วิ่งอยู่ในช่องบัสเลน
และ
รถเมล์ทุกๆคันจะติดไฟแดงเพียง (ประมาณ) 1.30 นาที เท่านั้น
รถเมล์จึงเร็วกว่ารถไฟฟ้า (ในระยะสั้น (12 กม.)) แน่นอนครับ
ถ้ารถเมล์วิ่งได้เฉลี่ย 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
30 นาที จะวิ่งได้ 12.5 กม.
15 นาที จะวิ่งได้ 6.25 กม.
ส่วนรถไฟฟ้าวิ่งได้เฉลี่ย 35 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
30 นาที จะวิ่งได้ 17.5 กม.
15 นาที จะวิ่งได้ 8.75 กม.
ดังนั้น
30 นาที รถเมล์จะวิ่งได้ 12.5 กม.
แต่รถไฟฟ้า 15 นาที (+ เวลาฟรีๆ อีก 15 นาที) จะวิ่งได้แค่ 8.75 กม.
เพราะจะต้องหักเวลา จอดรถ เดินขึ้น ลง และ ต่อคิว รถไฟฟ้าอีก 15 นาที
https://www.youtube.com/watch?v=wQneEiKrkZg&t=78s
รัฐบาล หรือ รัฐบาลใหม่ จะต้องรีบซื้อรถเมล์ใหม่ มาใช้มากๆ
(ถ้าได้ 5000 หรือ 10000 คันได้ยิ่งดีครับ)
เพราะ ยิ่งมีรถเมล์มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้
แต่ถ้ายังซื้อใหม่ไม่ได้
ให้ไปเกณฑ์รถบัส หรือรถบรรทุกใหม่ๆ แบบปล่อยฝุ่น pm 2.5 น้อยๆ จาก
หน่วยราชการ หรือ เอกชน เช่า หรือ จ้าง หรือ ซื้อ (ใหม่) มาใช้แทนรถเมล์
หมายเหตุ
รถบรรทุก นำมาดัดแปลงใหัขึ้นลงง่ายๆ (คล้ายน้ำท่วม ปี 53 นำรถทหารมาใช้)
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน
ซึ่งสามารถใช้ได้ในถนนทุกแบบ เช่น
ในถนนที่ไม่มีสัญญาณไฟ ก็เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไป
ส่วนในถนนที่มีสัญญาณไฟอยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไปเช่นกัน
ติดตั้งแสนง่าย (ตั้งเช้าเย็นเสร็จ) อาจทดลองในถนนใหญ่ๆ หรือในถนนที่มีปัญหาจราจรน้อยๆ
ก่อนก็ได้ ทาสีช่องบัสเลน จบ
ยกเว้นที่ทำไม่ได้
ในถนน 2 เลน (ไป 1 เลน กลับ 1 เลน และ ในสี่แยกแบบติดๆกัน (เช่น 50 ม. เป็นต้น))
หมายเหตุ
มอเตอร์ไซด์ และ แท็กซี่ และ รถอื่นๆ ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเก๋ง ทั้งหมด
รถตู้ และรถสาธารณะอื่นๆ เช่น สองแถวในซอย ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเมล์ ทั้งหมด
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดานนี้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่
คอยเปลี่ยนสัญญาณไฟ (คอยปล่อยรถเมล์ และ รถเก๋ง ในทุกๆแยก ซึ่งมีไม่เท่ากัน)
เช่น
ถ้าแยกไหนรถเก๋งมาก ก็ปล่อยนาน 2 นาทีก็ได้
แยกไหนรถเก๋งน้อย ก็ปล่อย 3 วินาทีก็ได้ หรือถ้าไม่มีเลย ก็ข้ามไป
ส่วนรถเมล์ก็เช่นเดียวกัน
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น จากประมาณ 10 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งประมาณ 30 - 80 % ยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์
(ตามวิธีปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน) ได้ ทำให้ท้ายแถวหดสั้นลง
นักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง
โปรดชี้แนะ สั่งสอน หรือ แลกเปลี่ยนด้วยครับ
ติดปีกให้รถเมล์ x 3
ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน
สามารถวิ่งได้เร็วกว่ารถไฟฟ้า (ในระยะสั้นๆ (12 กม.))
จาก 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน เป็น 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
วิ่งเร็วขึ้น 3 เท่า (ทำให้วิ่งเร็วกว่ารถเก๋ง (ในเวลาเร่งด่วน) มากๆ)
วิ่งได้รอบมากขึ้น 3 เท่า (ทำให้เวลาในการรอรถเมล์ที่ป้ายน้อยลง 3 เท่า)
ถ้ามีผู้ใช้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น (มากๆ) จะทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงมากๆเช่นกัน
หมายเหตุ
รถเมล์มีข้อเสียมากมาย และการจะแก้ข้อเสียเหล่านั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ถ้าเปลี่ยนรถเมล์ที่วิ่งได้ 8 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน เป็น 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วนได้
เชื่อว่าจะทำให้มีคนเปลี่ยนมาใช้รถเมล์มากขึ้น ผมเสนอเรื่องนี้ (ปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน)
มีคนบอกว่า แก้ข้อเสียข้ออื่นๆก่อนสิ
ปัญหาคือ
จะเอาข้อไหนก่อนดี
แล้วจะเอา แรงเงิน แรงใจ ที่ไหนมาแก้หล่ะ ??
เพราะแก้แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่งรถเมล์ที่วิ่งได้ 8
กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน หล่ะ ??
เพราะเดินยังได้ 5 กม. / ชม. แล้ว (ดีกว่าเดินหน่อยเดียว)
แต่ถ้าถามว่า
ถ้ารถเมล์วิ่งได้ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน แล้วใคร (ซักกี่คน) จะมานั่ง หล่ะ ??
ผมว่าน่าจะมาก เพราะ รถเก๋งวิ่งได้เฉลี่ยประมาณ 15 - 20 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
ข้อเสีย
รถไฟฟ้า (ในเวลาเร่งด่วน) มันก็มีเช่นกัน เช่น ต้องหาที่จอดแล้วจร
ต้องเดินขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องรอคิว และซื้อตั๋ว
รวมๆแล้วประมาณ 15 นาที (ไปฟรีๆ)
และในระยะ 12 กม. รถเมล์ (ตามวิธีนี้) ใช้เวลา 30 นาที
แต่รถไฟฟ้าจะวิ่งได้เพียงประมาณ 8.75 กม.
เพราะต้องเสียเวลา 15 นาที (ไปฟรีๆ 15 นาที ดูรายละเอียดเพิ่มด้านล่างนื้)
และ รถไฟฟ้ามีจำนวนเส้นทางน้อย (กว่ารถเมล์มากๆ)
ข้อดีคือ
ปลอดภัยกว่า รถเมล์
ส่วนรถเก๋ง
ข้อดี
ความเป็นส่วนตัว เลือกเส้นทางได้ เร็วกว่ารถเมล์มากๆ
ข้อเสีย
ความปลอดภัย (พอๆกับรถเมล์มั้ง)
ค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ค่าเสื่อม ปล่อยควันมากๆ
ดังนั้น ทั้งรถเก๋ง และ รถไฟฟ้า ต่างก็มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย เช่นเดียวกัน
ส่วนรถเมล์ ถ้าวิ่งได้ 25 กม. / ชม. จะสามารถแลกเปลี่ยน (ข้อดี ข้อเสีย) กับรถเก๋งได้
และถ้ามีผู้ใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น (มากๆ) ก็จะเกิดแรงเงิน แรงใจ ในการจะแก้ไข
ข้อเสียของรถเมล์ในข้ออื่นๆ ได้
ดังนั้น การแก้ข้อเสียของรถเมล์ จึงต้องแก้ที่ความเร็วก่อน ส่วนข้อเสียอื่นๆ ค่อยแก้ที่หลัง (ก็ได้)
และถ้ามีนักวิชาการ หรือ นักวิทยาศาสตร์ ที่เก่งๆ หรือ ดัง หรือ ประชาชน (คนอยากนั่งรถเมล์)
หลายคนเห็นด้วย ก็จะช่วยให้วิธีนี้ เกิดขึ้นได้
ดังนั้น
ขอเชิญ ศ. หรือ ดร. หรือ นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ คนกวาดถนน ถึงนายก
เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ เรียนมาก หรือ น้อย ก็ได้ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง ก็ได้
โปรดช่วยแสดงความเห็น เพื่อมาถกเถียงกัน
ต า ม ห ลั ก เ ห ตุ ผ ล และ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
เรื่องบางเรื่อง (ที่ยากๆ) ไม่สามารถ ใช้เสียงส่วนใหญ่ มาตัดสินถูกผิดได้
เช่น การดูเพชรแท้ เพชรเทียม การดูทองปลอม ทองแท้ และ เรื่อง วิธีแก้รถติดใน วีดีโอ นี้ เป็นต้น
เพราะเรื่องเหล่านี้ จะต้องใช้ผู้มีความรู้ (เชียวชาญมากๆ)
ในเรื่องนั้นๆ มาตัดสินถูกและผิด (ไม่ใช่ใช้เสียงส่วนใหญ่)
ผมจบแค่ ม. 3 (เชื่อว่ารถเมล์เท่านั้น ที่จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ในทันที)
ถึงจะเป็น 1 ใน 100 หรือ 1 ใน ล้าน ถ้าความคิดนั้นมันถูกมันก็ต้องถูก
ถ้านับจาก
ขับรถไปจอด (หาที่จอดในเวลาเร่งด่วน) ที่จอดแล้วจร
หรือ เดินจากป้ายรถเมล์ ไปขึ้นสถานีรถไฟฟ้า รวมประมาณ 5 นาที
ซื้อตั๋ว ต่อคิว (ในเวลาเร่งด่วน) อีกประมาณ 2 - 10 นาที
ถึงแล้วต้องเดินลงสถานีรถไฟฟ้า เพื่อไปขึ้นรถเมล์ หรือไปขับรถออกอีก
รวมประมาณ 5 นาที
ดังนั้น การขึ้นรถไฟฟ้า จึงต้องเสียเวลา (ไปฟรีๆ) ประมาณ 15 นาที (ในเวลาเร่งด่วน)
แต่รถเมล์ ไม่มีขั้นตอนเหล่านี้เลย
รถเมล์ที่ปล่อยแบบเรียงหน้ากระดานนี้ สามารถวิ่งได้ประมาณ
25 กม. / ชม / ในเวลาเร่งด่วน
เพราะ วิ่งอยู่ในช่องบัสเลน
และ
รถเมล์ทุกๆคันจะติดไฟแดงเพียง (ประมาณ) 1.30 นาที เท่านั้น
รถเมล์จึงเร็วกว่ารถไฟฟ้า (ในระยะสั้น (12 กม.)) แน่นอนครับ
ถ้ารถเมล์วิ่งได้เฉลี่ย 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
30 นาที จะวิ่งได้ 12.5 กม.
15 นาที จะวิ่งได้ 6.25 กม.
ส่วนรถไฟฟ้าวิ่งได้เฉลี่ย 35 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน
30 นาที จะวิ่งได้ 17.5 กม.
15 นาที จะวิ่งได้ 8.75 กม.
ดังนั้น
30 นาที รถเมล์จะวิ่งได้ 12.5 กม.
แต่รถไฟฟ้า 15 นาที (+ เวลาฟรีๆ อีก 15 นาที) จะวิ่งได้แค่ 8.75 กม.
เพราะจะต้องหักเวลา จอดรถ เดินขึ้น ลง และ ต่อคิว รถไฟฟ้าอีก 15 นาที
https://www.youtube.com/watch?v=wQneEiKrkZg&t=78s
รัฐบาล หรือ รัฐบาลใหม่ จะต้องรีบซื้อรถเมล์ใหม่ มาใช้มากๆ
(ถ้าได้ 5000 หรือ 10000 คันได้ยิ่งดีครับ)
เพราะ ยิ่งมีรถเมล์มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้
แต่ถ้ายังซื้อใหม่ไม่ได้
ให้ไปเกณฑ์รถบัส หรือรถบรรทุกใหม่ๆ แบบปล่อยฝุ่น pm 2.5 น้อยๆ จาก
หน่วยราชการ หรือ เอกชน เช่า หรือ จ้าง หรือ ซื้อ (ใหม่) มาใช้แทนรถเมล์
หมายเหตุ
รถบรรทุก นำมาดัดแปลงใหัขึ้นลงง่ายๆ (คล้ายน้ำท่วม ปี 53 นำรถทหารมาใช้)
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดาน
ซึ่งสามารถใช้ได้ในถนนทุกแบบ เช่น
ในถนนที่ไม่มีสัญญาณไฟ ก็เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไป
ส่วนในถนนที่มีสัญญาณไฟอยู่แล้ว ก็ให้เพิ่มสัญญาณไฟแบบในวีดีโอนี้ลงไปเช่นกัน
ติดตั้งแสนง่าย (ตั้งเช้าเย็นเสร็จ) อาจทดลองในถนนใหญ่ๆ หรือในถนนที่มีปัญหาจราจรน้อยๆ
ก่อนก็ได้ ทาสีช่องบัสเลน จบ
ยกเว้นที่ทำไม่ได้
ในถนน 2 เลน (ไป 1 เลน กลับ 1 เลน และ ในสี่แยกแบบติดๆกัน (เช่น 50 ม. เป็นต้น))
หมายเหตุ
มอเตอร์ไซด์ และ แท็กซี่ และ รถอื่นๆ ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเก๋ง ทั้งหมด
รถตู้ และรถสาธารณะอื่นๆ เช่น สองแถวในซอย ในที่นี่ (ในวีดีโอนี้) จะเรียกสั้นๆ ว่า รถเมล์ ทั้งหมด
วิธีปล่อยรถเมล์แบบเรียงหน้ากระดานนี้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่
คอยเปลี่ยนสัญญาณไฟ (คอยปล่อยรถเมล์ และ รถเก๋ง ในทุกๆแยก ซึ่งมีไม่เท่ากัน)
เช่น
ถ้าแยกไหนรถเก๋งมาก ก็ปล่อยนาน 2 นาทีก็ได้
แยกไหนรถเก๋งน้อย ก็ปล่อย 3 วินาทีก็ได้ หรือถ้าไม่มีเลย ก็ข้ามไป
ส่วนรถเมล์ก็เช่นเดียวกัน
วิธีนี้จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น จากประมาณ 10 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
เป็นประมาณ 25 กม. / ชม. / ในเวลาเร่งด่วน
จะทำให้ผู้ใช้รถเก๋งประมาณ 30 - 80 % ยอมเปลี่ยนมาใช้รถเมล์
(ตามวิธีปล่อยแบบเรียงหน้ากระดาน) ได้ ทำให้ท้ายแถวหดสั้นลง
นักคิด นักเขียน นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ เห็นด้วยหรือเห็นต่าง
โปรดชี้แนะ สั่งสอน หรือ แลกเปลี่ยนด้วยครับ