ห้องหว้ากอช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจร 3
เรื่องอะไรคือปัญหาจราจรที่แท้จริงใน กทม. (ปัญหาหลัก)
ถึงมันจะ 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1000000 แต่ถ้ามันถูก มันก็ต้องถูก
เรื่องบางเรื่องไม่สามารถใช้เสียงส่วนใหญ่มาตัดสินถูกผิดได้
หมายเหตุ
ถ้ายังไม่เคยดูภาค 1 และ 2 ดูย้อนหลังคลิก "รู้ไว้ใช่ว่า" ที่บรรทัดสุดท้ายของกระทูนี้
แล้วเลือกหัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1 และ ภาค2)
ต่อไปนี้เป็นถามตอบ จากกระทู้พันทิปหัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1) เลือกมาบางท่าน
ความเห็นที่ 10
จากบ้านถึงที่ทำงาน
ถ้าผมใช้บริการสาธารณะ จะต้องตื่นตี่สี่ครึ่ง ออกบ้านตีห้าสิบห้า เพื่อไปทำงานให้ทัน
(มอไซค์รับจ้าง+รถเมล์อีก 3 ต่อ) ถ้าเลิกงานแล้วกลับบ้านเลย จะถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่ม
แต่ถ้าผมขับรถไปเอง ตื่นตีห้าสี่สิบห้า ออกบ้านหกโมงครึ่ง (ได้ให้ลูกตื่นมาเห็นหน้า
ก่อนออกจากบ้าน เลิกงานแล้วถึงบ้าน 1 ทุ่ม (ครอบครัวกินข้าวกันพร้อมหน้าสบายๆ)
มีรถส่วนตัวแล้ว ผมมีเวลาอยู่กับลูกเพิ่มขึ้น วันละ 2 ชั่วโมง ทุกวัน
แต่วางแผนไว้ว่า ถ้ารถไฟฟ้าแถวบ้านเสร็จแล้ว จะบิดมอไซค์ไปต่อรถไฟฟ้า ออกจากบ้าน 7 โมง ยังไปทำงานทันสบายๆ
ปล. เสียสละแค่วันสองวันมันไม่เปลี่ยนอะไร แต่ถ้าให้เสียสละเรื่อยไปมากไป
แต่ถ้าบริการสาธารณะครอบคลุม และกำหนดเวลาได้ จะแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องพูดถึงการจูงใจ และการเสียสละ
ตอบ ความเห็น 10
เห็นด้วยกับท่านทุกประการ ที่บอกว่า จะให้ใครมายอมเสียสละมาใช้รถเมล์
เพราะรถเมล์ในปัจจุบันวิ่งช้ากว่ารถเก๋งมาก
แต่ถ้ารถเมล์เปลี่ยนมาใช้วิธีตามวีดีโอนี้ จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น (จาก 8 - 15 กม. / ชม. เป็น 20 - 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน)
ดังนั้น ถ้าท่านเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ตามวิธีนี้ อาจทำให้ท่านใช้เวลาในการเดินทางลดลง (จาก 3 ชม. เหลือประมาณ 1 - 1.5 ชม.)
สรุป
ถ้าท่านไม่รีบก็ใช้รถเก๋งต่อไป แต่ถ้าท่านรีบให้เปลี่ยนมาใช้รถเมล์
ดังนั้น จึงอยากให้ทางห้องหว้ากอช่วย ออกแบบ พิสูจน์ ทดลอง (ตามหลักวิทยาศาสตร์) ว่าที่ผมประมาณนั้นมันถูกหรือผิด ?
ความคิดเห็นที่ 15
ปัญหาที่ยากคือ ทำยังไงให้คนยอมใช้
ขั้นแรก ได้โปรดอย่าไปคิดว่า คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพวกเห็นแก่ตัว (หรือโจรตามที่คุณจขกท.เรียก) ถ้าตั้งธงไว้แบบนั้น จะไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลยครับ รวมถึงการบอกให้เสียสละแบบมักง่ายโดยไม่คิดอะไรมาทดแทน
ปัญหาการใช้รถเมล์ เช่น อยู่ลึกเข้าไปในซอย ต้องมอเตอร์ไซ ปัญหาเรื่องความปลอดภัย, ความสะดวก, สภาพอากาศ, ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง (ต้องต่อรถอื่น หรือเดิน) และ การเดินทางตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ความจำเป็นในด้านการงานหรือครอบครัว และอื่นๆอีก
สิ่งที่ควรทำคือ เพิ่มข้อดีของขนส่งสาธารณะ เช่น สะดวก/ประหยัด/ปลอดภัย
และลดความสะดวกของการมีรถยนต์ส่วนตัว เช่นการบังคับว่าการเป็นเจ้าของรถต้องมีที่จอดประจำ, บังคับใช้กฎจราจรอย่างเคร่งครัด คนขับรถต้องระวังตัวกว่าคนเดินถนน, การออกใบขับขี่ที่ได้ยากแต่คัดกรองได้ดีขึ้น หรืออื่นๆ
ตอบความคิดเห็นที่ 15
การที่ผม เรียก ผู้ใช้รถเก๋งว่า โจรในแง่จราจร (ขออภัยที่ใช้คำไม่เพราะ) นั้น เป็นเพียงการเปรียบเทียบ (ชี้) ว่ารถเก๋ง คือสิ่งที่ต้องกำจัด
ถาม โปรดอย่าคิดว่าผู้ใช้รถเก๋งเห็นแก่ตัว ?
ตอบ ถ้าผมอยู่ กทม. และถ้าผมมีเงิน ผมก็จะใช้รถเก๋งเช่นกันครับ
เพราะรถเมล์วิ่งได้ช้ามากๆ ดังนั้นความผิดอยู่ที่รถเมล์ ไม่ใช่รถเก๋ง
ถาม ทำอย่างไรให้คนยอมใช้รถเมล์ ?
ตอบ ต้องทำให้รถเก๋งวิ่งเร็วกว่ารถเมล์มากๆให้ได้ โดยเปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้
ความเร็วของรถเมล์สำคัญที่สุด แต่ต้องมีความสะดวก ประหยัด ปลอดภัยด้วย
ผู้ใช้รถเก๋ง จะต้องย่อมเสียสละกินยาขม เพราะผู้ใช้รถเก๋งคือ ผู้ก่อปัญหารถติดจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 15-4
ต้องทำส่วนของขนส่งมวลชนให้ทั่วถึงและครอบคลุมจริงๆซะก่อน
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้คนส่วนใหญ่มาใช้
เรื่องของการลดความสะดวกของรถยนต์เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจริงๆค่อยเริ่มดำเนินการ
หลังจากนั้นกรณีที่คนจะใช้รถส่วนตัวจริงๆก็คงเป็น
1. เชิงธุรกิจส่วนตัวที่อาจจะต้องใช้ รถกระบะเพื่อขนของ หรือ อื่นๆ
2. การเดินทางออกต่างจังหวัด
3. คนที่รวยมากๆ
ตอบความคิดเห็นที่ 15-4
การลดความสะดวกของรถเก๋ง (การกินยาขม) จะเกิดทันทีที่ใช้วิธีในวีดีโอนี้ เช่น
การให้ช่องซ้ายสุดของถนนนั้นๆ เป็นช่องบัสเลน
ทำให้ถนนนั้นเหลือเลนน้อยลง 1 เลน
การปล่อยรถเมล์ทั้ง 4 แยก (ทีละ 1 แยกๆละ 6 วินาที) สลับกับ การปล่อยรถเก๋ง 1 แยก (ประมาณ 1 นาที) ดูในวีดีโอ
ทำให้สัดส่วนเวลาปล่อย (ไฟเขียว) ของรถเก๋งลดลง และสัดส่วนเวลาปล่อย (ไฟเขียว) ของรถเมล์เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าท่านจะเป็นนักธุระกิจ หรือเป็นคนรวย
ถ้าท่านไม่รีบ ก็ใช้รถเก๋งต่อไปได้
แต่ถ้าท่านรีบ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ได้ทันที
เพราะรถเมล์สามารถวิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ (ในเวลาเร่งด่วน)
ความเห็นที่ 16
ผมมองว่าปัญหารถติดนี่มันเป็นเพราะวินัยจราจรเกิน 80% ครับ
กลับมาพูดในมุมขนส่งมวลชน
ถ้าจะรณรงค์ให้คนเดินทางด้วยขนส่งมวลชนกันเป็นหลัก ก่อนอื่นต้องทำให้การเดินทางมันสะดวกสบายก่อนซึ่งตรงนี้พวกรถไฟฟ้าจะตอบโจทย์ได้ดี พอรถไฟฟ้าต่างๆสร้างเสร็จ คนใช้รถจำนวนมากน่าจะหันไปใช้บริการรถไฟฟ้าเพราะสะดวกและเร็วกว่าขับรถเองไม่ต้องเซ็งกับรถติดด้วย
พอเป็นเช่นนั้นรถส่วนตัวน้อยลง รถเมล์ก็จะไปได้เร็วขึ้น คนก็จะหันมาใช้รถเมล์เอง
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16
ท่านให้รอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ (อีกหลายปี)
แต่ถ้ารถเมล์ใช้วิธีในวีดีโอ จะวิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ (ทันที) ครับ
ความคิดเห็นที่ 16-2
อย่างที่บอก ปัญหาหลักคือวินัยจราจรซึ่งนั่นแหละจะทำให้วิธีการในคลิปเกิดไม่ได้
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16-2
เห็นด้วยครับ เพราะวินัยจราจรเป็นเรื่องสำคัญมาก
คงเหมือนคน ที่เอาปืนยิงหัว หรือ หัวใจ มันก็ตาย หรือยิงที่ตับ หรือปอด หรือไต ถ้าไม่รักษา
มันก็ตายได้เช่นกัน หรือแค่เอามีดกรีดข้อมือ ไม่รักษามันก็ตาย เช่นกัน
ทำนองเดียวกับ ความสะดวก หรือ ความประหยัด หรือ ความปลอดภัย หรือ วินัยจราจร เป็นต้น
ถ้าสิ่งใดสื่งหนึ่งบกพร่องไปมากๆ ย่อมอาจทำให้เกิดปัญหามากๆ ได้
แต่ตัวผม ต้องการทำเรื่องความเร็วของรถเมล์ เพียงเรื่องเดียว เท่านั้น เพราะผมว่ามัน
บกพร่องมากๆ และผมถนัดเรื่องนี้
ส่วนเรื่องอื่นเขาก็มีคนทำอยู่เป็นปรกติอยู่แล้ว และทำได้ดีพอสมควรทุกเรื่องแล้ว
และควรทำให้ดีมากขึ้นอีก (ยิ่งมากยิ่งดี) ทุกๆเรื่อง
ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ ก็จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถเก๋งมากๆ ทันที
ความเร็วของรถเมล์นี้ จะเป็นขอ้แลกเปลี่ยนกับความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว
ของรถเก๋งได้
สรุป ถ้าท่านไม่รีบท่านก็ใช้รถเก๋งต่อไป แต่ถ้าท่านรีบก็เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ได้
ที่ท่านว่าวินัยจราจร (รถอื่นแอบเข้ามาวิ่งในช่องบัสเลน) จะทำให้วิธีของผมเกิดไม่ได้
เรื่องนี้ผมว่าถ้าใช้กล้องวีดีโอแอบถ่าย ไปแอบติดตามเส้นทางของช่องบัสเลน
แล้วย้ายจุดติดตั้งบ่อยๆ แล้วส่งใบเสร็จ หรือหมายเรียก ผู้ทำผิดไปดำเนินคดี
(เอาแบบหนักๆหน่อย) เช่น ห้ามใช้รถคันนี้ 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ยึดใบขับขี่ เป็นต้น
(โดยต้องแก้กฎหมาย และเพิ่มโทษให้เหมาะสม) เป็นต้น
ความคิดเห็นที่ 16-4
ก็นั่นแหละที่ผมบอก เอาจริงๆถ้าตำรวจดำเนินการอย่างจริงจังเรื่องนี้
ผมมั่นใจว่ารถติดที่เห็นๆกันอยู่น่าจะหายไปได้กว่าครึ่งแล้ว
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16-4
ถาม ถ้าตำรวจดำเนินการอย่างจริงจังรถติดจะหายไปกว่าครึ่ง
ตอบ ผมว่ามันเป็นคำพูดที่พูดกันบ่อยๆ แต่มันไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
เพราะปัญหาจราจรในปัจจุบัน มันเกิดจากคนไทยใช้รถเก๋งมากกว่าเมล์ และรถไฟฟ้า และรถตู้
จึงทำให้เกิดท้ายแถวรถติดยาวเหียดเหมือนในปัจจุบัน (รถเก๋งเปรียบเหมือนเป็นโรคมะเร็ง)
ส่วนเรื่องปัญหาวินัยจราจร ปัจจุบันผมว่าเป็นเหมือน ขี้กลากที่ขึ้นตามร่างกาย
ถ้าเป็นมากๆ อาจเข้าข่ายโรคเรื่อน
ถ้าเป็นน้อยก็อาจเรียกว่า ผด ผื่นคัน
ดังนั้น ขี้กลาก จึงให้ได้แค่คันๆ เว้นแต่มันจะลุกลามกลายเป็นโรคเรื้อน (อาจถึงตาย)
วินัยจราจรที่ทำให้เกิดปัญหาจราจร เช่น
พวกจอมปาด ปาดหน้ากัน ชนกัน หรือต่อยตีกัน ทำให้เกิดรถติด อันนี้ก็นานๆที
จอมล้ำ (เลยเส้นสี่แยกไฟแดง) ทำให้เฉียวขน หรือต่อยตีกัน อันนี้ก็นานๆที
จอมขวาง (สี่แยก) ทำให้แยกอื่นวิ่งผ่านไม่ได้ อันนี้ก็นานๆที
จอมย้อน อันนี้ก็นานที
ทั้งหมดนี้ ผมว่ามันเป็นเพียงพวกก่อให้เกิดปัญหารถติดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ถ้าเกิดวันใด (สมมุติ) ไม่มีเหตุการณ์ ปาด ล้ำ ขวาง ย้อน เลย แม้แต่ครั้ง เดียว
ท่านว่ารถจะหายติดหรือไม่ ?
ท้ายแถวรถติดจะหดสั้นลงหรือไม่ ?
ที่พูดนี้ไม่ได้บอกว่าไม่เกี่ยวเลย แต่ผมว่ามันเกี่ยวน้อยมากๆ
และที่พูดนี้ ไม่ได้บอกว่า งั้นไม่ต้องปราบพวกนี้
เพราะทุกวันนี้ ก็ทำดีอยู่แล้วและขอให้ทำต่อไป แต่ถ้าทำมากขึ้นอีกยิ่งดีใหญ่
ผมว่า ถ้าปราบพวกนี้จนหมด (จริงๆ) ปัญหาจราจรจะน้อยลง เต็มที่ไม่เกิน 5 % (โดยเฉลี่ย)
สรุป ถ้าทำให้รถเมล์เปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ ภายใน 6 เดือน
ดังนั้น ถ้าแก้ไม่ถูกจุด ก็จะทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ (เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน) เช่น
ถ้าไปเข้าใจว่าปัญหาจราจร เกิดจาก วินัยจราจร หรือความสะดวก ความประหยัด
ความปลอดภัย เป็นต้น แล้วไปแก้สิ่งเหล่านี้ (อย่างเอาเป็นเอาตาย) สุดท้ายทำ
อย่างไรก็ไม่ได้ผล เพราะไปเกาไม่ถูกที่คัน
เพราะรถเมล์ก็วิ่งช้าเท่าเดิม (หรืออาจเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อย) จำนวนรถเก๋งก็ยังมากเท่าเดิม
(หรืออาจลดลงเพียงเล็กน้อย)
แต่ถ้าเกาถูกที่คัน โดยทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้นมากๆ ก็จะทำให้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น
และทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงได้ตามต้องการ
ดังนั้น ถ้าต้องการแก้ปัญหา จะต้องรู้ว่าอะไรคือปัญหาหลัก อะไรคือปัญหารอง
ถ้าเห็นปัญหารองเป็นปัญหาหลัก จะทำให้เกาไม่ถูกที่คัน ปัญหาก็จะแก้ไม่ได้
หมายเหตุ
การถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ควรทำเพียงเพื่อให้ฉลาดขึ้นก็พอ (จะได้ไม่เกลียดกัน)
อย่าเอาแพ้เอาชนะกัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช้เหตุผล
แต่จะใช้อารมณ์แทน
เหมือนกินอาหารเพียงให้พออยู่ได้ (อย่าให้อิ่มเกินมันจะอ้วน)
ทั้งหมดนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากท่านผู้ที่ดู รู้ไว้ใช้ว่า (บางท่าน)
ห้องหว้ากอ ภาค 1
เรื่อง ทำไมต้องใช้ห้องหว้ากอพิสูจน์วิธีในวีดีโอ
ห้องหว้ากอ ภาค 2
ทำให้เห็นว่าทำไมช่องบัสเลน ในปัจจุบันจึงมีน้อยลง ?
ทำไม BRT จึงอยู่ไม่ได้ ?
ทำไมวิธีในวีดีโอนี้ จึงดีกว่า BRT ?
ทำไมวิธีในวีดีโอนี้ ดีกว่าช่องบัสเลนในปัจจุบัน ?
ห้องหว้ากอภาค 3
อะไรคือปัญหาจราจรที่แท้จริงใน กทม. (ปัญหาหลัก)
มีทางเดียวที่จะตัดสินได้ คือ การพิสูจน์ ทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ และโดยผู้ชำนาญ เช่น ห้องว่ากอ
หรือนักวิทยาศาสตร์ หรือสื่อ เป็นต้น
ประสิทธิ์ รจิตรังสรรค์ โทร 0906925132
ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ด้วย ภาค 3
เรื่องอะไรคือปัญหาจราจรที่แท้จริงใน กทม. (ปัญหาหลัก)
ถึงมันจะ 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1000000 แต่ถ้ามันถูก มันก็ต้องถูก
เรื่องบางเรื่องไม่สามารถใช้เสียงส่วนใหญ่มาตัดสินถูกผิดได้
หมายเหตุ
ถ้ายังไม่เคยดูภาค 1 และ 2 ดูย้อนหลังคลิก "รู้ไว้ใช่ว่า" ที่บรรทัดสุดท้ายของกระทูนี้
แล้วเลือกหัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1 และ ภาค2)
ต่อไปนี้เป็นถามตอบ จากกระทู้พันทิปหัวข้อ ห้องหว้ากอ ช่วยใช้หลักวิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรโดยใช้รถเมล์ (ภาค 1) เลือกมาบางท่าน
ความเห็นที่ 10
จากบ้านถึงที่ทำงาน
ถ้าผมใช้บริการสาธารณะ จะต้องตื่นตี่สี่ครึ่ง ออกบ้านตีห้าสิบห้า เพื่อไปทำงานให้ทัน
(มอไซค์รับจ้าง+รถเมล์อีก 3 ต่อ) ถ้าเลิกงานแล้วกลับบ้านเลย จะถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่ม
แต่ถ้าผมขับรถไปเอง ตื่นตีห้าสี่สิบห้า ออกบ้านหกโมงครึ่ง (ได้ให้ลูกตื่นมาเห็นหน้า
ก่อนออกจากบ้าน เลิกงานแล้วถึงบ้าน 1 ทุ่ม (ครอบครัวกินข้าวกันพร้อมหน้าสบายๆ)
มีรถส่วนตัวแล้ว ผมมีเวลาอยู่กับลูกเพิ่มขึ้น วันละ 2 ชั่วโมง ทุกวัน
แต่วางแผนไว้ว่า ถ้ารถไฟฟ้าแถวบ้านเสร็จแล้ว จะบิดมอไซค์ไปต่อรถไฟฟ้า ออกจากบ้าน 7 โมง ยังไปทำงานทันสบายๆ
ปล. เสียสละแค่วันสองวันมันไม่เปลี่ยนอะไร แต่ถ้าให้เสียสละเรื่อยไปมากไป
แต่ถ้าบริการสาธารณะครอบคลุม และกำหนดเวลาได้ จะแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องพูดถึงการจูงใจ และการเสียสละ
ตอบ ความเห็น 10
เห็นด้วยกับท่านทุกประการ ที่บอกว่า จะให้ใครมายอมเสียสละมาใช้รถเมล์
เพราะรถเมล์ในปัจจุบันวิ่งช้ากว่ารถเก๋งมาก
แต่ถ้ารถเมล์เปลี่ยนมาใช้วิธีตามวีดีโอนี้ จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้น (จาก 8 - 15 กม. / ชม. เป็น 20 - 25 กม. / ชม. ในเวลาเร่งด่วน)
ดังนั้น ถ้าท่านเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ตามวิธีนี้ อาจทำให้ท่านใช้เวลาในการเดินทางลดลง (จาก 3 ชม. เหลือประมาณ 1 - 1.5 ชม.)
สรุป
ถ้าท่านไม่รีบก็ใช้รถเก๋งต่อไป แต่ถ้าท่านรีบให้เปลี่ยนมาใช้รถเมล์
ดังนั้น จึงอยากให้ทางห้องหว้ากอช่วย ออกแบบ พิสูจน์ ทดลอง (ตามหลักวิทยาศาสตร์) ว่าที่ผมประมาณนั้นมันถูกหรือผิด ?
ความคิดเห็นที่ 15
ปัญหาที่ยากคือ ทำยังไงให้คนยอมใช้
ขั้นแรก ได้โปรดอย่าไปคิดว่า คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพวกเห็นแก่ตัว (หรือโจรตามที่คุณจขกท.เรียก) ถ้าตั้งธงไว้แบบนั้น จะไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลยครับ รวมถึงการบอกให้เสียสละแบบมักง่ายโดยไม่คิดอะไรมาทดแทน
ปัญหาการใช้รถเมล์ เช่น อยู่ลึกเข้าไปในซอย ต้องมอเตอร์ไซ ปัญหาเรื่องความปลอดภัย, ความสะดวก, สภาพอากาศ, ไม่มีทางเลือกในการเดินทาง (ต้องต่อรถอื่น หรือเดิน) และ การเดินทางตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ความจำเป็นในด้านการงานหรือครอบครัว และอื่นๆอีก
สิ่งที่ควรทำคือ เพิ่มข้อดีของขนส่งสาธารณะ เช่น สะดวก/ประหยัด/ปลอดภัย
และลดความสะดวกของการมีรถยนต์ส่วนตัว เช่นการบังคับว่าการเป็นเจ้าของรถต้องมีที่จอดประจำ, บังคับใช้กฎจราจรอย่างเคร่งครัด คนขับรถต้องระวังตัวกว่าคนเดินถนน, การออกใบขับขี่ที่ได้ยากแต่คัดกรองได้ดีขึ้น หรืออื่นๆ
ตอบความคิดเห็นที่ 15
การที่ผม เรียก ผู้ใช้รถเก๋งว่า โจรในแง่จราจร (ขออภัยที่ใช้คำไม่เพราะ) นั้น เป็นเพียงการเปรียบเทียบ (ชี้) ว่ารถเก๋ง คือสิ่งที่ต้องกำจัด
ถาม โปรดอย่าคิดว่าผู้ใช้รถเก๋งเห็นแก่ตัว ?
ตอบ ถ้าผมอยู่ กทม. และถ้าผมมีเงิน ผมก็จะใช้รถเก๋งเช่นกันครับ
เพราะรถเมล์วิ่งได้ช้ามากๆ ดังนั้นความผิดอยู่ที่รถเมล์ ไม่ใช่รถเก๋ง
ถาม ทำอย่างไรให้คนยอมใช้รถเมล์ ?
ตอบ ต้องทำให้รถเก๋งวิ่งเร็วกว่ารถเมล์มากๆให้ได้ โดยเปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้
ความเร็วของรถเมล์สำคัญที่สุด แต่ต้องมีความสะดวก ประหยัด ปลอดภัยด้วย
ผู้ใช้รถเก๋ง จะต้องย่อมเสียสละกินยาขม เพราะผู้ใช้รถเก๋งคือ ผู้ก่อปัญหารถติดจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 15-4
ต้องทำส่วนของขนส่งมวลชนให้ทั่วถึงและครอบคลุมจริงๆซะก่อน
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้คนส่วนใหญ่มาใช้
เรื่องของการลดความสะดวกของรถยนต์เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจริงๆค่อยเริ่มดำเนินการ
หลังจากนั้นกรณีที่คนจะใช้รถส่วนตัวจริงๆก็คงเป็น
1. เชิงธุรกิจส่วนตัวที่อาจจะต้องใช้ รถกระบะเพื่อขนของ หรือ อื่นๆ
2. การเดินทางออกต่างจังหวัด
3. คนที่รวยมากๆ
ตอบความคิดเห็นที่ 15-4
การลดความสะดวกของรถเก๋ง (การกินยาขม) จะเกิดทันทีที่ใช้วิธีในวีดีโอนี้ เช่น
การให้ช่องซ้ายสุดของถนนนั้นๆ เป็นช่องบัสเลน
ทำให้ถนนนั้นเหลือเลนน้อยลง 1 เลน
การปล่อยรถเมล์ทั้ง 4 แยก (ทีละ 1 แยกๆละ 6 วินาที) สลับกับ การปล่อยรถเก๋ง 1 แยก (ประมาณ 1 นาที) ดูในวีดีโอ
ทำให้สัดส่วนเวลาปล่อย (ไฟเขียว) ของรถเก๋งลดลง และสัดส่วนเวลาปล่อย (ไฟเขียว) ของรถเมล์เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าท่านจะเป็นนักธุระกิจ หรือเป็นคนรวย
ถ้าท่านไม่รีบ ก็ใช้รถเก๋งต่อไปได้
แต่ถ้าท่านรีบ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้รถเมล์ได้ทันที
เพราะรถเมล์สามารถวิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ (ในเวลาเร่งด่วน)
ความเห็นที่ 16
ผมมองว่าปัญหารถติดนี่มันเป็นเพราะวินัยจราจรเกิน 80% ครับ
กลับมาพูดในมุมขนส่งมวลชน
ถ้าจะรณรงค์ให้คนเดินทางด้วยขนส่งมวลชนกันเป็นหลัก ก่อนอื่นต้องทำให้การเดินทางมันสะดวกสบายก่อนซึ่งตรงนี้พวกรถไฟฟ้าจะตอบโจทย์ได้ดี พอรถไฟฟ้าต่างๆสร้างเสร็จ คนใช้รถจำนวนมากน่าจะหันไปใช้บริการรถไฟฟ้าเพราะสะดวกและเร็วกว่าขับรถเองไม่ต้องเซ็งกับรถติดด้วย
พอเป็นเช่นนั้นรถส่วนตัวน้อยลง รถเมล์ก็จะไปได้เร็วขึ้น คนก็จะหันมาใช้รถเมล์เอง
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16
ท่านให้รอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ (อีกหลายปี)
แต่ถ้ารถเมล์ใช้วิธีในวีดีโอ จะวิ่งได้เร็วกว่ารถเก๋งมากๆ (ทันที) ครับ
ความคิดเห็นที่ 16-2
อย่างที่บอก ปัญหาหลักคือวินัยจราจรซึ่งนั่นแหละจะทำให้วิธีการในคลิปเกิดไม่ได้
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16-2
เห็นด้วยครับ เพราะวินัยจราจรเป็นเรื่องสำคัญมาก
คงเหมือนคน ที่เอาปืนยิงหัว หรือ หัวใจ มันก็ตาย หรือยิงที่ตับ หรือปอด หรือไต ถ้าไม่รักษา
มันก็ตายได้เช่นกัน หรือแค่เอามีดกรีดข้อมือ ไม่รักษามันก็ตาย เช่นกัน
ทำนองเดียวกับ ความสะดวก หรือ ความประหยัด หรือ ความปลอดภัย หรือ วินัยจราจร เป็นต้น
ถ้าสิ่งใดสื่งหนึ่งบกพร่องไปมากๆ ย่อมอาจทำให้เกิดปัญหามากๆ ได้
แต่ตัวผม ต้องการทำเรื่องความเร็วของรถเมล์ เพียงเรื่องเดียว เท่านั้น เพราะผมว่ามัน
บกพร่องมากๆ และผมถนัดเรื่องนี้
ส่วนเรื่องอื่นเขาก็มีคนทำอยู่เป็นปรกติอยู่แล้ว และทำได้ดีพอสมควรทุกเรื่องแล้ว
และควรทำให้ดีมากขึ้นอีก (ยิ่งมากยิ่งดี) ทุกๆเรื่อง
ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ ก็จะทำให้รถเมล์วิ่งเร็วกว่ารถเก๋งมากๆ ทันที
ความเร็วของรถเมล์นี้ จะเป็นขอ้แลกเปลี่ยนกับความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว
ของรถเก๋งได้
สรุป ถ้าท่านไม่รีบท่านก็ใช้รถเก๋งต่อไป แต่ถ้าท่านรีบก็เปลี่ยนมาใช้รถเมล์ได้
ที่ท่านว่าวินัยจราจร (รถอื่นแอบเข้ามาวิ่งในช่องบัสเลน) จะทำให้วิธีของผมเกิดไม่ได้
เรื่องนี้ผมว่าถ้าใช้กล้องวีดีโอแอบถ่าย ไปแอบติดตามเส้นทางของช่องบัสเลน
แล้วย้ายจุดติดตั้งบ่อยๆ แล้วส่งใบเสร็จ หรือหมายเรียก ผู้ทำผิดไปดำเนินคดี
(เอาแบบหนักๆหน่อย) เช่น ห้ามใช้รถคันนี้ 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ยึดใบขับขี่ เป็นต้น
(โดยต้องแก้กฎหมาย และเพิ่มโทษให้เหมาะสม) เป็นต้น
ความคิดเห็นที่ 16-4
ก็นั่นแหละที่ผมบอก เอาจริงๆถ้าตำรวจดำเนินการอย่างจริงจังเรื่องนี้
ผมมั่นใจว่ารถติดที่เห็นๆกันอยู่น่าจะหายไปได้กว่าครึ่งแล้ว
ตอบ ความคิดเห็นที่ 16-4
ถาม ถ้าตำรวจดำเนินการอย่างจริงจังรถติดจะหายไปกว่าครึ่ง
ตอบ ผมว่ามันเป็นคำพูดที่พูดกันบ่อยๆ แต่มันไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
เพราะปัญหาจราจรในปัจจุบัน มันเกิดจากคนไทยใช้รถเก๋งมากกว่าเมล์ และรถไฟฟ้า และรถตู้
จึงทำให้เกิดท้ายแถวรถติดยาวเหียดเหมือนในปัจจุบัน (รถเก๋งเปรียบเหมือนเป็นโรคมะเร็ง)
ส่วนเรื่องปัญหาวินัยจราจร ปัจจุบันผมว่าเป็นเหมือน ขี้กลากที่ขึ้นตามร่างกาย
ถ้าเป็นมากๆ อาจเข้าข่ายโรคเรื่อน
ถ้าเป็นน้อยก็อาจเรียกว่า ผด ผื่นคัน
ดังนั้น ขี้กลาก จึงให้ได้แค่คันๆ เว้นแต่มันจะลุกลามกลายเป็นโรคเรื้อน (อาจถึงตาย)
วินัยจราจรที่ทำให้เกิดปัญหาจราจร เช่น
พวกจอมปาด ปาดหน้ากัน ชนกัน หรือต่อยตีกัน ทำให้เกิดรถติด อันนี้ก็นานๆที
จอมล้ำ (เลยเส้นสี่แยกไฟแดง) ทำให้เฉียวขน หรือต่อยตีกัน อันนี้ก็นานๆที
จอมขวาง (สี่แยก) ทำให้แยกอื่นวิ่งผ่านไม่ได้ อันนี้ก็นานๆที
จอมย้อน อันนี้ก็นานที
ทั้งหมดนี้ ผมว่ามันเป็นเพียงพวกก่อให้เกิดปัญหารถติดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ถ้าเกิดวันใด (สมมุติ) ไม่มีเหตุการณ์ ปาด ล้ำ ขวาง ย้อน เลย แม้แต่ครั้ง เดียว
ท่านว่ารถจะหายติดหรือไม่ ?
ท้ายแถวรถติดจะหดสั้นลงหรือไม่ ?
ที่พูดนี้ไม่ได้บอกว่าไม่เกี่ยวเลย แต่ผมว่ามันเกี่ยวน้อยมากๆ
และที่พูดนี้ ไม่ได้บอกว่า งั้นไม่ต้องปราบพวกนี้
เพราะทุกวันนี้ ก็ทำดีอยู่แล้วและขอให้ทำต่อไป แต่ถ้าทำมากขึ้นอีกยิ่งดีใหญ่
ผมว่า ถ้าปราบพวกนี้จนหมด (จริงๆ) ปัญหาจราจรจะน้อยลง เต็มที่ไม่เกิน 5 % (โดยเฉลี่ย)
สรุป ถ้าทำให้รถเมล์เปลี่ยนมาใช้วิธีในวีดีโอนี้ จะสามารถแก้ปัญหาจราจรได้ ภายใน 6 เดือน
ดังนั้น ถ้าแก้ไม่ถูกจุด ก็จะทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ (เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน) เช่น
ถ้าไปเข้าใจว่าปัญหาจราจร เกิดจาก วินัยจราจร หรือความสะดวก ความประหยัด
ความปลอดภัย เป็นต้น แล้วไปแก้สิ่งเหล่านี้ (อย่างเอาเป็นเอาตาย) สุดท้ายทำ
อย่างไรก็ไม่ได้ผล เพราะไปเกาไม่ถูกที่คัน
เพราะรถเมล์ก็วิ่งช้าเท่าเดิม (หรืออาจเร็วขึ้นเพียงเล็กน้อย) จำนวนรถเก๋งก็ยังมากเท่าเดิม
(หรืออาจลดลงเพียงเล็กน้อย)
แต่ถ้าเกาถูกที่คัน โดยทำให้รถเมล์วิ่งเร็วขึ้นมากๆ ก็จะทำให้รถเก๋งเปลี่ยนมาใช้รถเมล์เพิ่มมากขึ้น
และทำให้ท้ายแถวรถติดหดสั้นลงได้ตามต้องการ
ดังนั้น ถ้าต้องการแก้ปัญหา จะต้องรู้ว่าอะไรคือปัญหาหลัก อะไรคือปัญหารอง
ถ้าเห็นปัญหารองเป็นปัญหาหลัก จะทำให้เกาไม่ถูกที่คัน ปัญหาก็จะแก้ไม่ได้
หมายเหตุ
การถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ควรทำเพียงเพื่อให้ฉลาดขึ้นก็พอ (จะได้ไม่เกลียดกัน)
อย่าเอาแพ้เอาชนะกัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่ใช้เหตุผล
แต่จะใช้อารมณ์แทน
เหมือนกินอาหารเพียงให้พออยู่ได้ (อย่าให้อิ่มเกินมันจะอ้วน)
ทั้งหมดนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากท่านผู้ที่ดู รู้ไว้ใช้ว่า (บางท่าน)
ห้องหว้ากอ ภาค 1
เรื่อง ทำไมต้องใช้ห้องหว้ากอพิสูจน์วิธีในวีดีโอ
ห้องหว้ากอ ภาค 2
ทำให้เห็นว่าทำไมช่องบัสเลน ในปัจจุบันจึงมีน้อยลง ?
ทำไม BRT จึงอยู่ไม่ได้ ?
ทำไมวิธีในวีดีโอนี้ จึงดีกว่า BRT ?
ทำไมวิธีในวีดีโอนี้ ดีกว่าช่องบัสเลนในปัจจุบัน ?
ห้องหว้ากอภาค 3
อะไรคือปัญหาจราจรที่แท้จริงใน กทม. (ปัญหาหลัก)
มีทางเดียวที่จะตัดสินได้ คือ การพิสูจน์ ทดลอง ซ้ำแล้วซ้ำอีก
โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ และโดยผู้ชำนาญ เช่น ห้องว่ากอ
หรือนักวิทยาศาสตร์ หรือสื่อ เป็นต้น
ประสิทธิ์ รจิตรังสรรค์ โทร 0906925132