บันทึกมาราธอนแรกของผม Muang Thai Chiang Mai Marathon 2015



" มาราธอน"แรก" มีเพียงครั้งเดียว ไม่เคยมากหรือน้อยไปกว่านั้น และเราได้ใช้มันคุ้มมากๆ แล้ว "


กว่า 600 วันนับตั้งแต่ช่วงเวลาแรกๆ ที่มีเรื่องของการวิ่งมาราธอนเข้ามาในหัว คำว่ามาราธอนที่ไม่ใช่แค่ 10 กม. ไม่ใช่ 21 กม. แต่มันคือ 42.195 กม. ในยุคสมัยที่มีแต่คนชวนกันไปวิ่ง มันไม่ยากที่จะหน้ามืดตามัวไปกับคำยั่วยุลงสมัครวัดใจกับระยะนี้ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม สำหรับเราแล้ว การรอคอยคือส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมกับระยะนี้ คือการเคารพให้เกียรติร่างกายและจิตใจตัวเอง จนกระทั่งถึงจุดที่ทั้งร่างกายและจิตใจเราหมดแล้วซึ่งความสงสัย ... "ไหวมั้ย?" คือคำถามไร้ซึ่งสาระ ...

เราไม่ใช่คนซ้อมแบบเอาเป็นเอาตาย แบบว่าต้องตามตารางเป๊ะๆ เพราะเรายังคงเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานหาเช้ากินค่ำ แค่พอจะมีตารางซ้อมให้พอแกะรูปแบบการซ้อมดูคร่าวๆ ประยุกต์ให้ลงตามเวลาของเราเอง เดือนสุดท้ายที่เข้มข้นกับการทำระยะให้ถึง 32 กม. รวมกับการได้รับคำแนะนำจากพี่หมอ ทำให้เราวิ่งยาวเกินระยะ 30+ ถึง 3 ครั้ง และแถมระยะฮาล์ฟอีกช่วงกลางสัปดาห์สุดท้าย จากนั้นก็ได้เวลาแพ็คกระเป๋า ...

... บินสู่เชียงใหม่ ...



Muang Thai Chiang Mai Marathon 2015 เรามาใน 2 ฐานะคือมาทำงานสนับสนุนนักวิ่ง Pacer นำเวลา และฐานะนักวิ่งระยะมาราธอนหน้าใหม่ แบบว่า noob มากๆ เช้าวันแข่ง ตื่นมาก็ได้รับพลังไข่ต้มแห่งความรักจากตัวน้อยผู้จะลงพิชิตฮาล์ฟแรกในงานเดียวกันนี้ด้วย มากกว่าไข่ต้มและขนมปัง นางคือขุมพลังมหาศาลที่ทำให้เรามุ่งหน้าเข้าหาเส้นชัย (ก็นางบอกมีรางวัลพิเศษที่เส้นชัยนี่นา)

เวลา 4:00 น. สัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นแล้ว เสียงกลองสะบัดชัยเร่งเร้าสูบฉีด หากไร้แผนการ คงห้ามใจไม่ให้เร่งตั้งแต่แรกไม่ได้แน่ๆ แผนสำหรับวันนี้คือ ตาม ตาม และตาม Pacer 5:00 เท่านั้น จบ 5 ชม.สำหรับมาราธอนแรกคงนับว่าไม่เลว ในทีม 5:00 ก็มี Pacer ที่คุ้นหน้ากันอย่างซาวน์และพดคอยคุมจังหวะกันอยู่ ลูกค้า Pacer กลุ่มนี้ค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว เมื่อผ่านมาได้ถึงครึ่งทาง ทุกอย่างยังคงราบเรียบ ผ่านเส้นทางที่ถนนมืดตื๋อ บอกตรงๆ ว่าเกือบหลับ อ่านไม่ผิดครับ เกือบหลับจริงๆ มืดก็มืด ลมก็เย็นสบาย ทุกอย่างมันเรียบง่ายจนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า แกกล้าพอมั้ยที่จะก้าวออกจาก comfort zone กล้าพอมั้ยที่จะไล่ล่าความท้าทายให้ทัน Pacer 4:30 ชม.!?


ภาพสวยๆ บริเวณอุทยานราชพฤกษ์ โดยคุณตู่ เพจ ถ้าผมวิ่งได้ ใครก็วิ่งได้


สิ้นระยะ 21 กม.ซึ่งนับได้เป็นครึ่งทาง ตัดสินใจอำลา Pacer 5:00 ขอบคุณทีมนี้สำหรับการนำเวลาสุดนิ่ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไปจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่างว่าเราซ้อมมาพอหรือไม่ จากเพซ 6:45 ในครึ่งทางแรก ปรับมาเป็น 6:30 และต่ำกว่า 6:00 เมื่อแตะหลักกิโลเมตรที่ 30 ใครๆ มักว่ากันว่า ที่ระยะนี้มักมีปีศาจรออยู่ ปีศาจกิโลเมตรที่ 30 ยินดีนะที่ไม่รู้จัก กม.ที่ 30-35 เหมือนมีป๋าเลียม นีสันในร่าง Zeus มาตะโกนดังๆ ว่า "Release the Kraken!" และนี่คือช่วงเวลาและระยะทางที่ผมมีความสุขสนุกที่สุด วิ่งไปยิ้มไปแบบไร้เหตุผล รู้สึกโชคดีที่ได้รู้จักโลกของการวิ่งและยังคงวิ่งต่อไป ได้ทักและแซงพี่ตูนบอดี้สแลมที่จุดกลับตัววงเวียนพืชสวนโลก(เรียกงี้ละกัน) ด้วยแหละ!!!


Release the Kraken Mode!


เข้าสู่ กม.ที่ 35 เริ่มลดความเร็วลงมาระดับปกติเพราะกล้ามเนื้อขาเริ่มส่งสัญญาณมาแบบเล็กๆ เวลาที่เหลือ ณ ตอนนั้นกับระยะทางอีก 7 กม. คำนวณเข้ากับความเร็วที่ทำได้ตอนนี้ คงไม่เพียงพอที่จะทันกับกลุ่มลูกโป่งแดง Pacer 4:30 ชม.ข้างหน้าแน่ๆ แต่การไม่เป็นตะคริวตลอดระยะมาราธอนก็นับเป็นลาภอันประเสริฐและเราก็ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์มากไปกว่านี้อีกแล้ว เหลือเพียงแค่พาร่างและใจที่มีความสุขล้นเหลือกลับไปที่ประตูท่าแพ ที่ๆ มีเสื้อ Finisher และคนของเรารออยู่ ;)

ณ จุดนี้ ขอบคุณคำแนะนำการฝึกซ้อมจากพี่หมอ, แก็งค์เพื่อนตัวน้อยทั้งการ์ตูน กิ๊บ และหมอเบจที่เป็นธุระไปรับเสื้อให้และพาตัวน้อยไปหาหมอ, พี่ป๊อก พี่นัท พี่ตุ๊ก สำหรับการประสานงานเรื่อง Pacer, Pacer ทั้งเก่าและใหม่ที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม, พี่เบิ้มพี่โน๊ตคู่รักแฟนซีที่ทำเสื้อ Finisher พิเศษให้, และตัวน้อยเจ้าบ้านที่ทำไข่ต้มสุดอร่อยและมองไปทางไหนก็เจอทั้งจุดสตาร์ทและเส้นชัย

ไม่มีเหตุผลที่จะออมกำลังอีกต่อไปเมื่อเส้นชัยอยู่เพียง 200 ม. มีเท่าไรก็ใส่ให้หมด เคยมีคนบอกว่าถ้าอยากรู้ว่าการวิ่งที่มีความสุขควรเป็นแบบไหน ให้ไปดูเด็กๆ วิ่งเล่นไล่จับกัน นั่นคือนาทีที่เราเข้าเส้นชัยแล้วเหมือนได้กลับเป็นเด็กอีกครั้ง และเวลาที่ผมทำได้คือ 4:34 ชม. นั่นไม่เลวเลยสำหรับมาราธอนแรก คิดไม่ผิดที่เลือกเชียงใหม่เป็นงานประเดิมฟูลฯ และหวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมาอีกในทุกๆปีครับ


ภาพโดยพี่ เด็กชายเอ เซมากูเตะ


สุดท้าย การจบมาราธอนแรกเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกของการวิ่งที่กว้างขึ้นมาอีกจากนี้เรามีความมั่นใจที่จะสร้างความท้าทายใหม่ๆ ทั้งสนามใหม่ๆ อยากไปเทรล อยากลองไตรฯ หรือจะอัลตร้าฯ หรือจะกลับไปทำระยะเดิมให้ดีขึ้น อยากได้เวลาฮาล์ฟฯ ต่ำกว่า 2 ชม. เหล่านี้ยังคงเป็นเป็นความสุขที่เราอยู่กับมันได้จริงๆ ถ้าจะมีใครกอบโกยประโยชน์จากการวิ่งได้คุ้มค่ามากที่สุดอีกคนหนึ่ง ผมคงเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ทั้งความภูมิใจ สุขภาพ งาน ประสบการณ์ เพื่อน และความรักที่ดีมากๆ จากการวิ่งครับ ยิ้ม



ซ้อมกับคู่ไหน ก็ไปกับคู่นั้น ... สำหรับสายอุปกรณ์ รออ่านรีวิวรองเท้า ASICS MetaRun ผู้พาผมพิชิตมาราธอนแรก ตามสัญญาได้เลย ที่เว็บบล็อกหลักของผม golfzalez.wordpress.com ครับ ยิ้ม

ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้มีวันดีๆ แบบนี้ครับ #MissionFullMarathonBefore30 ได้สำเร็จภารกิจของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว หัวเราะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่